|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สตรอเบอรี่-ลิลลี่-ทิวลิป ปลูกได้ ที่บ้านไร่ อุทัยธานี
ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง
อุทัยธานี เป็นจังหวัดในภาคกลาง ที่ไม่ค่อยได้ไปทำข่าวสักเท่าไหร่ เรียกว่าเป็นทางผ่านเสียมากกว่า แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีโอกาสได้ไปยังอำเภอบ้านไร่ โดยมี คุณสุรชัย ศรีพลอย ผอ.ททท. อุทัยธานี เป็นคนอำนวยความสะดวกพาไปแหล่งท่องเที่ยวและจุดเด่นๆ ของเมืองนี้ ซึ่งในช่วงหน้าหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป ทางจังหวัดอุทัยธานีภูมิใจนำเสนอโครงการไม้เมืองหนาว ที่ศูนย์พัฒนาสังคมที่ 73 บ้านอีมาดอีทราย ตำบลแก่นมะกรูด อันเป็นเนินเขาและภูเขาน้อยใหญ่เรียงรายกันอยู่ โดยแปลงทดลองปลูกไม้เมืองหนาวนั้น มีทั้งดอกทิวลิป ดอกลิลลี่ กะหล่ำปลี และสตรอเบอรี่ ฯลฯ ปีนี้ปลูกเป็นปีที่ 4 แล้ว
ช่วงที่ผ่านมามี นักท่องเที่ยวแวะเวียนไปชมโครงการไม้เมืองหนาวและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกจำนวน มาก โดยเฉพาะในวันหยุดเทศกาลและวันเสาร์-อาทิตย์ และหลายคนต่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี จะสามารถปลูกไม้เมืองหนาวได้เช่นเดียวกับบนดอยในภาคเหนือ อย่างที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย
โชคดีวันที่ไปแม้จะเป็นวันหยุด สุดสัปดาห์ แต่ คุณวิโรจน์ เหล่าเกษตรวิทย์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรประจำตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ ผู้รับผิดชอบโครงการไม้เมืองหนาว ยังอยู่ในแปลงทดลอง เลยได้สนทนาเกี่ยวกับโครงการนี้อย่างละเอียด
คุณวิโรจน์ บอกว่า จุดที่ปลูกแปลงทดลองไม้เมืองหนาว อยู่สูงจากน้ำระดับทะเล 700 เมตร ส่วนยอดเขาสูงที่เห็นอยู่ไกลๆ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร เรียกว่า เขาพะอุย อากาศจะเย็นมาก ในอนาคตคิดว่าจะนำสตรอเบอรี่ไปขยายพันธุ์เพาะกล้าบนยอดเขาที่ว่า เพราะการปลูกกล้าต้นสตรอเบอรี่ต้องอยู่บนยอดเขาสูงประมาณ 1,000 กว่าเมตรขึ้นไป ทุกวันนี้ใช้วิธีสั่งซื้อต้นกล้าจากอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งระยะทางขนส่งไกลและต้องระมัดระวังมาก
หลายคน อาจสงสัยว่า อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ทำไม สามารถปลูกไม้เมืองหนาวได้ ประเด็นนี้คุณวิโรจน์แจกแจงว่า สาเหตุที่อำเภอบ้านไร่ในพื้นที่บ้านอีมาดอีทราย ตำบลแก่นมะกรูด ปลูกไม้เมืองหนาวได้ เพราะสภาพอากาศให้ คืออุณหภูมิช่วงกลางวันกับกลางคืนไม่แตกต่างกันมาก โดยตอนกลางวันช่วงฤดูหนาวแตกต่างกันไม่ถึง 10 องศาเซลเซียส กลางวันอุณหภูมิอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส กลางคืนประมาณ 15-18 องศาเซลเซียส เหมาะกับการปลูกพืชผักเมืองหนาว
ครั้งแรกนั้นคุณวิโรจน์และทีมงานไม่ ได้ปลูกดอกไม้เมืองหนาวและสตรอเบอรี่ แต่เริ่มจากผักเมืองหนาวก่อน อาทิ กะหล่ำปลี บร็อกโคลี่ ฟักทองญี่ปุ่น โดยของบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ มาดำเนินการ พร้อมกับรวมกลุ่มชาวบ้าน ประมาณ 15 คน นำพืชผักที่ว่ามาทดลองปลูก ตอนหลังนำสตรอเบอรี่จากสะเมิงมาปลูก ประมาณ 10 ต้น ปรากฏว่าได้ผลดี ต่อมาก็ส่งเสริมปลูกเพิ่มอีกประมาณ 2,000 ต้น ล่าสุด ปี 2553 ก็ได้งบประมาณมาปลูกอีก ประมาณ 15,000 ต้น
ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่คุณวิโรจน์ต้องการส่งเสริมให้ชาวบ้านในพื้นที่นี้ปลูกไม้ เมืองหนาว เพราะอยากให้ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงเลิกทำไร่ข้าวโพด เลื่อนลอย อันเป็นการทำลายป่าและแหล่งต้นน้ำลำธารที่จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และเขื่อนศรีนครินทร์ ทั้งยังเกิดปัญหาสารเคมีตกค้างในแหล่งน้ำอีกด้วย
"พวก ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง เด็กอายุประมาณ 14-15 ปี จะแต่งงานแล้ว เมื่อแต่งงานต้องแยกที่ทำกิน เขาก็จะบุกป่าเข้าไปเรื่อยๆ เรื่องสารเคมีก็มีปัญหาเข้ามามาก ในช่วงฤดูฝนถ้าน้ำไหลบ่าเข้ามา ต้นข้าวโพดจะหักล้มเสียหาย ต้องใช้งบประมาณราชการเข้ามาช่วยเหลือปีละหลายล้านบาท อย่างปีนี้ใช้เกือบ 2 ล้านบาท แต่ถ้าเขาปลูกผักจะใช้พื้นที่น้อย เช่น ปลูกสตรอเบอรี่ ปลูกผักหรือไม้ผล หรือยางพารา ก็ใช้พื้นที่น้อยเช่นกัน แต่มีรายได้เพิ่มมากขึ้น เช่น กะหล่ำปลี หรือสตรอเบอรี่ ไร่หนึ่งถ้าจะเปรียบเทียบกับทำข้าวโพดก็ประมาณ 40-50 ไร่ แต่ในจำนวน 1 ไร่ ทำสตรอเบอรี่จะมีรายได้ถึง 400,000 บาท ทำไร่ข้าวโพดต้องใช้ 40-50 ไร่ จึงจะมีรายได้ 400,000-500,000 บาท ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการทำลายป่าแล้ว ยังสามารถแก้ปัญหาการชะล้างพังทลายของหน้าดินได้อีกด้วย" คุณวิโรจน์ บอก
ด้วย รายได้ที่มากถึงหลักแสนในการใช้เวลาปลูกไม่กี่เดือน ทำให้ชาวบ้านโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งคุณวิโรจน์เคยพาไปศึกษาดูงานการปลูกไม้เมืองหนาวที่ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ ต่างตอบรับและให้ความสนใจปลูกกันมาก ประกอบกับระยะหลังทางจังหวัดเห็นความสำคัญ ให้งบประมาณมาเพิ่มขึ้นอีกหลายล้านบาท ทำให้โครงการปลูกไม้เมืองหนาวของที่นี่มีแนวโน้มสดใสและถือเป็นสิ่งเชิดหน้า ชูตาของเมือง
"การปลูกสตรอเบอรี่ ชาวบ้านสนใจเยอะครับ แต่ยังขาดงบประมาณเข้าไปส่งเสริม เพราะต้นพันธุ์ที่ซื้อจากอำเภอสะเมิงแม้จะไม่แพง แต่การขนส่งเข้ามาถึงที่นี่ลำบากมาก ต้นพันธุ์ ต้นละ 2.50 บาท แต่ต้องเสียค่าขนส่งที่ต้องไปนำมาจากยอดดอยบนสะเมิงที่ยอดเขาสูงระดับ 1,300 เมตร ดังนั้น ผมอยากได้ลาหรือม้าแล้วขนขึ้นไปบนยอดดอยแล้วเราไปเพาะพันธุ์ข้างบนนั้นเอง จะทำให้ต้นทุนต่ำลง" คุณวิโรจน์ เล่า
วันที่ไปแปลงทดลอง ในเนื้อที่ 1 ไร่ นั้น มีลูกสตรอเบอรี่ออกไม่มากนัก เพราะเพิ่งเก็บชุดแรกไป เลยได้ชิมไม่กี่ลูก แต่บอกได้ว่ารสชาติไม่แตกต่างจากสตรอเบอรี่ที่จังหวัดเชียงใหม่หรือเชียงราย เลย ซึ่งคุณวิโรจน์เองก็ย้ำว่า คุณภาพสตรอเบอรี่ที่นี่ไม่แพ้ที่ไหน ซ้ำยังมีจุดเด่นอีกต่างหาก
"ถ้าเปรียบเทียบสตรอเบอรี่ที่นี่กับของ เชียงใหม่ คุณภาพไม่แตกต่างกัน มั่นใจได้ว่าของเราในแปลงทดลองกับที่ชาวบ้านปลูกควบคุมโดยใช้จุลินทรีย์ ไม่มีสารเคมีแน่นอน ถ้าเทียบกับเชียงใหม่แล้วเชียงใหม่น่ากลัวกว่า ปีที่แล้วมีปัญหาเรื่องของโรคมาก แต่ของเราใช้จุลินทรีย์เข้ามาควบคุม ปัญหาจะน้อย แต่ถ้าใช้สารเคมีมันจะดื้อยา" คุณวิโรจน์ บอก
นอกจากคุณภาพและรสชาติจะไม่แตกต่างจากสเตรอเบอรี่ภาคเหนือแล้ว ผลผลิตต่อไร่และราคาขายก็อยู่ในระดับเดียวกัน
"ที่ นี่ถ้าเปรียบเทียบต่อไร่แล้ว ผลผลิตจะอยู่ที่ ประมาณ 1-1.2 ตัน ขายได้กิโลละ 200 บาท ฤดูการปลูกเริ่มตั้งแต่กันยายน พอถึงพฤศจิกายนแสงจะสั้น จะเข้าหน้าหนาวก็จะออกดอก จะติดลูกชุดแรก ประมาณ 15 พฤศจิกายน จะเก็บได้ไปจนถึงเดือนเมษายน ช่วงวันสั้นยังอยู่ ปลายมีนาคมพอเข้าช่วงวันแสงยาว สตรอเบอรี่จะไม่ออกดอกแล้ว แต่ต้นยังคงอยู่ได้ตลอด ขนาดลูกชุดแรกๆ จะเล็กหน่อย รุ่นหลังๆ อยู่ที่ 25-30 ลูก ต่อกิโลกรัม ถ้าเทียบกับทางเชียงใหม่ก็ลูกใหญ่ไม่แพ้กัน แต่ทางเชียงใหม่จะปลูกได้ไร่ละ 1.5 ตัน รายได้ 300,000-400,000 บาท ต่อไร่ ส่วนของเราได้ไร่ละ 200,000 บาท" คุณวิโรจน์ ยืนยัน
ถามว่า ช่วงไหนของการปลูกที่ต้องระมัดระวังหรือดูแลเป็นพิเศษ
คุณ วิโรจน์ ตอบว่า "ช่วงที่ขนส่งจากสะเมิงมาบนดอยที่นี่เป็นระยะทางไกลมาก ต้นมันช้ำ ช่วงแรกต้องดูแลอย่างดี มาถึงต้องรีบปลูกให้เสร็จ โดยจะปรับปรุงดินไว้รอ ใช้พวกแกลบ วัสดุปรับปรุงดิน ปุ๋ยคอก โดโลไมท์ คลุกเคล้าดินให้เข้ากันแล้วก็รีบปลูกให้เสร็จภายใน 3 วัน หลังจากนำสตรอเบอรี่มาจากเชียงใหม่
ส่วนการดูแลรักษาก็ไม่มีอะไรมาก เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเพลี้ย เรื่องโรค เรื่องแมลง เรื่องโรคอย่างที่ปลูกมาประมาณ 2 เดือน ก็ฉีดสารเคมีกำจัดเชื้อราไป 2 ครั้ง ฉีดที่ใบ เพราะฝนตกหนัก หน้าฝนจะมีปัญหาหน่อย ก็ใช้สารเคมีบ้าง แต่จริงๆ แล้ว ถ้าไม่มีฝนตกหนัก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีเลย อย่างปีที่แล้วแทบจะไม่ใช้สารเคมีเลย จะมีช่วงทำให้ลูกมีความหวานก็ใช้ปุ๋ยเร่งความหวานหน่อย แต่เมื่อทำออกมาแล้วหวานจัด กินแล้วเลี่ยนคนไม่ชอบ ขณะที่ถ้าปล่อยไปตามธรรมชาติอยู่กับดินรสชาติจะดีกว่า แล้วมีกลิ่นหอมไม่แพ้ทางอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งที่อ่างขางเนื้อสตรอเบอรี่ยังเละ ส่วนที่นี่เนื้อไม่เละเพราะคุมน้ำอยู่ คือช่วงออกผลผลิตช่วงลูกใกล้สุก จะหยุดให้น้ำเลย จะทำให้เนื้อแข็ง แล้วก็รสชาติดี"
อย่างที่บอก วันที่ไปอันเป็นช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น สตรอเบอรี่ส่วนใหญ่เพิ่งออกลูกยังเล็กและเป็นสีเขียว แต่ถ้าไปตอนช่วงกลางเดือนธันวาคมลูกจะสุกแดงเต็มที่ ซึ่งนับตั้งแต่ปลูกสตรอเบอรี่มา คุณวิโรจน์ บอกว่า มีออเดอร์ตลอด ประมาณว่าออกไม่ทันขายเลยทีเดียว และตอนนี้มีชาวกะเหรี่ยงปลูกสตรอเบอรี่ 5 ราย แต่ละรายปลูกในเนื้อที่ 1 งาน อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 จะมีการส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกสตรอเบอรี่อีก 20 ราย นอกจากนี้ ยังมีปลูกต้นอะโวกาโดอีกด้วย โดยในปีนี้ต้นหนึ่งขายได้ต้นละ 3,000 กว่าบาท ถ้าใครมี 2 ต้น ก็ถือว่ามีรายได้พอประมาณ
การที่พื้นที่ในตำบล แก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ ปลูกไม้เมืองหนาว โดยเฉพาะสตรอเบอรี่ได้นั้น ทำเอาพ่อค้าแม่ขายชอบอกชอบใจกันใหญ่ และอยากให้ทางเกษตรส่งเสริมเต็มที่ เพราะพ่อค้าสามารถจะรับซื้อได้ทั้งหมด แม้จะปลูก 100-1,000 ไร่ ก็ตาม เพราะสะดวกต่อการขนส่งไปกรุงเทพฯ ที่จะใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงครึ่ง ผลผลิตก็จะไม่ช้ำ อย่างไม้ดอกลิลลี่ ถ้าใช้เวลาขนส่ง 2 ชั่วโมงกว่าๆ ถือว่ายังสดอยู่
ในวันที่ไปนั้นทางเจ้าหน้าที่แจงว่า ดอกลิลลี่โรยไปบ้าง เพราะปลูกและออกดอกมาสักพักแล้ว แต่ก็มีบางส่วนดอกยังบานสะพรั่งให้ได้ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก ซึ่งทางคุณวิโรจน์บอกว่า เช็คดูแล้วคุณภาพไม่แพ้ทางเชียงราย ทั้งในเรื่องความหนาของดอก ความใหญ่ของดอก ลักษณะก้าน และลักษณะต้น เพราะภูมิอากาศเหมาะสม
ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรอำเภอบ้านไร่ กับสำนักงานเกษตรจังหวัดอุทัยธานี และทางจังหวัด ยังมีโครงการส่งเสริมชาวบ้านปลูกชา กาแฟ และไม้ผลเมืองหนาว ไม่ว่าจะเป็นสาลี่ อะโวกาโด บ๊วย และมะคาเดเมียนัท เพราะพื้นที่นี้ทดลองแล้วสามารถปลูกได้ อย่างสาลี่ก็ออกดอก มะคาเดเมียนัทก็มีลูก ผลไม้อีกชนิดที่อยู่ในช่วงทดลองปลูกอยู่คือ ต้นพลับ และในปีหน้าจะมีการอบรม ผู้สนใจปลูกไม้เมืองหนาวหมู่บ้านละ 10 คน โดยที่นี่มี 4 หมู่ ที่ล้วนเป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง อยู่ในตำบลแก่นมะกรูด
สำหรับ การปลูกไม้ดอกเมืองหนาวอย่างลิลลี่ และทิวลิปนั้น คุณวิโรจน์ ระบุว่า เป็นการปลูกเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชื่นชมเสียมากกว่า ที่ผ่านมาไม่ได้มุ่งหวังการขายแต่อย่างใด เป็นการเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้ เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกในปี 2554 โดยคนรุ่นหนุ่มสาวสนใจดอกลิลลี่มาก นับเป็นครั้งแรกของจังหวัดอุทัยธานีที่นำไม้เมืองหนาวชนิดนี้มาปลูก
คุณ วิโรจน์ บอกอีกว่า นักท่องเที่ยวที่มาส่วนใหญ่จะถามว่า นำสายพันธุ์ดอกลิลลี่มาจากไหน ใช้อะไรปลูก ปลูกใช้ระยะเวลากี่วัน ปลูกแล้วดอกจะบานอยู่กี่วัน อย่างพวกดอกมีกลิ่นหอมจะปลูกยากไหม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะอธิบายไปว่า ใช้เวลาปลูกแค่ 40 วัน ถึงจะออกดอก
สนใจ อยากจะไปเที่ยวชมความงามของดอกทิวลิป และลิลลี่ หรืออยากจะชิมสตรอเบอรี่ปลอดสารของตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี โทร.ไปสอบถาม คุณวิโรจน์ ได้ ที่ (083) 036-0943, (085) 731-765 หรือที่สำนักงานเกษตรอำเภอบ้านไร่ โทร. (056) 539-117
Create Date : 29 มกราคม 2554 |
| |
|
Last Update : 29 มกราคม 2554 8:41:42 น. |
| |
Counter : 3482 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ทานตะวัน น้ำมันคุณภาพสูง ไม่น้อยกว่าน้ำมันมะกอก เกษตรกรปลูก 75,000 ไร่ ญี่ปุ่นรับซื้อไม่อั้น
ทานตะวัน มีปลูกกันมากที่ลพบุรีและสระบุรี โดยทั่วไปเกษตรกรจะปลูกหลังจากเก็บเกี่ยวพืชหลักไปแล้ว เช่น ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เก็บเกี่ยวเดือนกันยายน จากนั้นจึงปลูกทานตะวัน เป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถึงแม้กำไรสุทธิต่อไร่ไม่สูงนัก แต่เกษตรกรก็มีความพึงพอใจ
ผู้ที่ริเริ่มงานทานตะวันเป็นครั้ง แรกคือ คุณสุพจน์ แสงประทุม ปัจจุบันคือผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จังหวัดราชบุรี
?ผมเริ่มตั้งแต่ ปี 2527 ทานตะวันเข้ามาในโครงการลดพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง ราคามันสำปะหลังตกต่ำ ผมรับผิดชอบตัวนี้อยู่ เริ่มปลูกกันที่อำเภอพัฒนานิคม ปีแรก 250 ไร่ เอกชนที่เข้าร่วมคือ บริษัท แปซิฟิคฯ ทานตะวันมาบูมจริงๆ ปี 2553-2536? คุณสุพจน์ กล่าว
ถึงแม้จะย้ายไปหลายที่หลายแห่ง แต่ในโอกาสที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับทานตะวัน คุณสุพจน์เสียสละเวลา เดินทางจากราชบุรี มาเข้าร่วมงานที่จังหวัดลพบุรี เมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้หลายๆ ฝ่ายได้เห็นตัวตนคนที่เริ่มงานทานตะวันอย่างแท้จริง
งาน ปลูกทานตะวันมีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ปี 2527 พื้นที่ปลูกบางปีอาจจะมากถึง 300,000 ไร่ แต่บางปีอาจจะลดลง คนทั่วไปรู้จักทานตะวันเพราะมีการท่องเที่ยว ดูดอกสวยๆ แต่บางคนอาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่า เขานำทานตะวันไปทำอะไร
มีการนำน้ำมันทานตะวันไปเป็นส่วนประกอบของอาหาร
ที่ ผ่านมา พื้นที่การปลูกทานตะวัน 200,000-300,000 ไร่ ปลูกทานตะวันสายพันธุ์ทั่วไป แต่เมื่อ 2-3 ปีมานี้ มีการปลูกทานตะวันสายพันธุ์ที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง
กรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง มีผลดีต่อร่างกาย
ทานตะวันโดยทั่วไป มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว 20-30 เปอร์เซ็นต์
ส่วน ทานตะวันพันธุ์พิเศษ มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว 70-80 เปอร์เซ็นต์ ที่ผ่านมา เกษตรกรผู้ปลูกพันธุ์พิเศษ ขายได้ราคาดีกว่าพันธุ์ทั่วไป กิโลกรัมละ 2 บาท
กรดไขมันไม่อิ่มตัว มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร
หากร่างกายคนเรา ได้รับกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง จำนวนมากๆ โอกาสที่จะมีคอเลสเตอรอลหรือเส้นเลือดตีบตันมีน้อย
พื้นที่ปลูกทั่วไปกว่า 200,000 ไร่
แต่ปลูกพันธุ์น้ำมันคุณภาพสูง 75,000 ไร่
เมื่อ เร็วๆ นี้ มี ?พิธีลงนามบันทึกข้อตกลง โครงการส่งเสริมการปลูกทานตะวันครบวงจร ปี 2553/2554? ที่ห้องเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ โรงแรมลพบุรีอินน์ รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
คุณปรีชา พวงน้อย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาลพบุรี กล่าวว่า ผู้เข้าร่วมพิธีลงนาม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.จังหวัดลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์, ผู้บริหาร สกต., ผู้แทน บริษัท ไทยธุรกิจเกษตร จำกัด, บริษัท แปซิฟิค เมล็ดพันธุ์ จำกัด, บริษัท อีโตชูแมนเนจเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด และ บริษัท ทรัพย์พูนผลอุตสาหกรรมไซโล จำกัด
คุณพาโชค พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิค เมล็ดพันธุ์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันทานตะวันเพื่อบริโภค ประมาณ 100,000 ตัน ต่อปี เพื่อนำเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรม และการบริโภค ทาง บริษัท แปซิฟิคฯ จึงได้ร่วมมือกับภาครัฐดำเนินการส่งเสริมการปลูกทานตะวันในเมืองไทยอย่างต่อ เนื่อง ตั้งแต่ ปี 2528 จนปัจจุบันมีพื้นที่ปลูก 300,000-400,000 ไร่ ต่อปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการใช้ในประเทศ
?การปลูกทานตะวันในปัจจุบัน เกษตรกรนิยมปลูกเป็นพืชรุ่นที่ 2 ในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ เป็นพืชทางเลือกและเสริมรายได้ เหมาะแก่การปลูกเป็นพืชรุ่นที่ 2 เนื่องจากทานตะวันเป็นพืชทนแล้ง และวิธีการดูแลรักษาที่ง่ายกว่าพืชรุ่นที่ 2 อื่นๆ นอกจากนี้ น้ำมันทานตะวันก็เป็นน้ำมันพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ในขณะเดียวกันบริษัทก็ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้ได้น้ำมันที่มีคุณภาพสูง กว่าสายพันธุ์ทั่วๆ ไป หรือที่เรียกว่า...ไฮ โอลีอิค แอซิด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ? คุณพาโชค กล่าว
คุณพาโชค กล่าวว่า เนื่องจากญี่ปุ่นต้องการน้ำมันคุณภาพสูงจำนวนมาก ทาง บริษัท แปซิฟิคฯ จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท อีโตซูฯ ในการส่งเสริมการปลูกทานตะวันน้ำมันที่มีคุณภาพสูงในเมืองไทย โดยร่วมเสนอโครงการแก่ ธ.ก.ส. และ สกต. ในการดำเนินการส่งเสริมปลูกทานตะวันครบวงจร ปี 2553/2554 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างหลักประกันทางการตลาด และเสริมสร้างรายได้แก่เกษตรกร มีพื้นที่เป้าหมาย 75,000 ไร่ ใน 4 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ ซึ่งทาง บริษัท แปซิฟิคฯ เป็นผู้จัดการหาเมล็ดพันธุ์ ที่ให้น้ำมันคุณภาพสูง 2 สายพันธุ์ คือ โอลิซัน 2 และโอลิซัน 3 ส่วนบริษัท อีโตซูฯ เป็นผู้ประกันราคารับซื้อขั้นต่ำ และให้ราคาส่วนเพิ่ม เมื่อตรวจสอบคุณภาพได้ตามมาตรฐาน ซึ่งทางบริษัท อีโตซูฯ ได้จัดตัวแทนรับซื้อเพื่อสะดวกแก่การขนส่ง ที่ บริษัท ทรัพย์พูนผลอุตสาหกรรมไซโล จำกัด อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
คุณ พาโชค กล่าวว่า ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 2,000 ราย ผู้ร่วมดำเนินการมี 6 ฝ่าย ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. บริษัท อีโตซูฯ บริษัท แปซิฟิคฯ บริษัท ทรัพย์พูนผลฯ และ บริษัท ไทยธุรกิจเกษตร จำกัด
คุณชัยวัฒน์ ปกป้อง รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการ สาขา 5 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวในฐานะประธานในพิธีเปิดงานว่า โครงการปลูกทานตะวันแบบครบวงจร ปี 2553/2554 เป็นโครงการที่น่าสนใจมาก เพราะมีหลักประกันทางการตลาดที่แน่นอน โดยมีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เกษตรกรสามารถคาดการณ์รายได้ค่อนข้างชัดเจนภายใต้ข้อตกลงและเงื่อนไขร่วมกัน ส่วนเรื่องที่ต้องการฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และพี่น้องเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการนี้ให้ความสำคัญเป็นประการต้นๆ คือ เนื่องจากเป็นโครงการนำร่อง ดำเนินการมาเป็นปีที่ 3 ซึ่งในการดำเนินการใน 2 ปีที่ผ่านมา ประสบผลสำเร็จอย่างดี ดังนั้น ควรช่วยกันควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานข้อตกลงของโครงการ ซึ่งจะเป็นผลงานและสามารถขยายโครงการในปีต่อๆ ไปอย่างมั่นคง
น้ำมันคุณภาพดี
ไม่น้อยไปกว่าน้ำมันมะกอก
คุณ ชัยยุทธ รื่นจิตต์ ผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จังหวัดลพบุรี กล่าวว่า การดูแลเกษตรกรที่ปลูก จะแบ่งเป็นกลุ่ม โดยให้เกษตรกรที่มีความรู้ความสามารถ 1 คน ดูแลลูกกลุ่ม 20 คน พร้อมทั้งมีคู่มือให้ว่าปลูกเมื่อไหร่ ดูแล และเก็บผลผลิตอย่างไร ผู้ที่ปลูกทานตะวันที่ให้น้ำมันคุณภาพสูง จะขายได้ราคาดีกว่าพันธุ์ทั่วไป ซึ่งปีที่แล้ว มีผลทำให้ราคาซื้อขาย เมล็ดทานตะวันทั่วไปสูงขึ้น
?ฤดู ผลิตใหม่นี้ คาดว่าราคาผลผลิตจะดี เพราะประเทศอื่นมีความเสียหายทางด้านการเกษตรจำนวนมาก อยากให้บอกข่าว เราทำกันมาปีที่ 3 แล้ว ทำอย่างไร จะทำผลผลิตให้มั่นคง เมื่อทำได้โพรดักส์ต่างๆ จะตามมา? คุณชัยยุทธ กล่าว
คุณชัยวัฒน์ ปกป้อง รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการ สาขา 5 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวว่า การดูแลเกษตรกร หากดูแลเป็นตัวบุคคลดูแลยาก ต้องดูแลผ่านกลุ่ม ให้ผู้นำกลุ่มช่วยเผยแพร่ความรู้ เกษตรกรบางคนเก่งเรื่องปุ๋ย ก็แนะนำกัน ทางญี่ปุ่นบอกว่า ซื้อผลผลิตได้จำนวนมาก การจำหน่ายผลผลิตหากจำหน่ายราคาแพงเกินไป เขานำไปทำกำไรไม่ได้ อาจจะไปซื้อจากประเทศอื่น อย่างอาร์เจนตินา
คุณพาโชค พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิค เมล็ดพันธุ์ จำกัด กล่าวว่า เกษตรกรที่อยู่นอกเหนือโครงการ 75,000 ไร่ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นสมาชิก ธ.ก.ส. ก็ได้ หรือไม่เป็นสมาชิกก็ได้ ผู้ที่เป็นสมาชิกก็มีการดูแล ส่วนผู้ที่ไม่เป็นสมาชิก ทางบริษัทให้คำแนะนำอยู่แล้ว อีกอย่างเกษตรกรที่ปลูกทานตะวัน อยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัด เป็นรายเก่า ที่ได้รับข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นจะคุ้นเคย ทางบริษัทได้พยายามถ่ายทอดแนวคิด การเพิ่มผลผลิต พยายามให้ปลูกก่อนหมดฝน อย่างไรก็ตาม หากทานตะวันต้นสูงขนาดเข่า หากหมดฝนสามารถให้ผลผลิตได้
คุณ พาโชค กล่าวอีกว่า น้ำมันคุณภาพดีที่ได้จากทานตะวันพันธุ์พิเศษ คุณภาพไม่ด้อยไปกว่าน้ำมันที่ได้จากมะกอกหรือโอลีฟ ดังนั้น เป็นโอกาสของผู้ที่สนใจทำธุรกิจด้านนี้ เพราะต้นทุนการผลิตน้ำมันคุณภาพจากทานตะวันพันธุ์พิเศษ ต่ำกว่าการผลิตจากมะกอก ดังนั้น สามารถทำกำไรได้มากกว่า
ผลผลิตทานตะวัน จากพื้นที่การปลูก 75,000 ไร่ ญี่ปุ่นรับซื้อไปแปรรูปทั้งหมด
เนื่อง จากการปลูกทานตะวันมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล กระจายอยู่ใน 4 จังหวัด ส่วนใหญ่ปลูกพันธุ์ทั่วไป ดังนั้น การซื้อขายพันธุ์พิเศษ อย่างโอลิซัน 2 และโอลิซัน 3 จึงต้องมีการตรวจสอบ เพื่อป้องกันการปลอมปน ซึ่งการตรวจสอบทำได้ภายในไม่กี่นาที
เหตุที่ต้องมีการตรวจสอบ ก็ดังที่ได้บอกไปแล้วว่า พันธุ์พิเศษ ขายได้ราคาสูงกว่าพันธุ์ทั่วไป กิโลกรัมละ 2 บาท
อย่าง ไรก็ตาม ถ้ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมั่นคง หากพื้นที่ปลูกในไทยทั้งประเทศ ปลูกพันธุ์พิเศษทั้งหมด ญี่ปุ่นสามารถรับซื้อได้ แต่ไม่ใช่ระยะเวลาอันใกล้นี้
ผู้สนใจงาน ปลูกทานตะวัน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท แปซิฟิค เมล็ดพันธุ์ จำกัด เลขที่ 1 หมู่ที่ 13 ถนนพหลโยธิน ตำบลพระพุทธบาท อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี 18120 โทร. (036) 266-316-9, (036) 267-877-8 หรือ //www.pacthai.co.th
คำแนะนำการปลูก
ฤดูการปลูก เดือนสิงหาคม-ตุลาคม
อัตราการใช้เมล็ดพันธุ์ จำนวนเมล็ดพันธุ์ที่แนะนำให้ใช้ 1.0-1.5 กิโลกรัม/ไร่
การเตรียมดิน ไถดะด้วยผาล 3 ตากดินไว้ประมาณ 7 วัน แล้วไถแปรด้วยผาล 7
วิธีการปลูก หยอดหลุมละ 1-2 เมล็ด ถอนแยกให้เหลือ 1 ต้น
ระยะปลูก ระหว่างต้น 35-45 เซนติเมตร ระหว่างแถว 75 เซนติเมตร
การเพิ่มผลผลิต เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้น แนะนำให้ใส่ปุ๋ยทางใบ 2-3 ครั้ง ก่อนออกดอก เมื่อทานตะวันอายุประมาณ 40-45 วัน
การให้น้ำ ควรให้น้ำเมื่อต้นทานตะวันแสดงอาการเหี่ยว โดยเฉพาะในระยะทานตะวันกำลังแตกตาดอก และดอกบาน จะทำให้ได้ผลผลิตสูง
การเก็บเกี่ยว เมื่อจานดอกมีสีน้ำตาลเข้ม หรือเมื่ออายุ 100-110 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศขณะเก็บเกี่ยว
โครงการส่งเสริมการปลูกทานตะวันครบวงจร ปี 2553-2554
ดำเนินโครงการโดย
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์
- สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์
- บริษัท อีโตชูแมนเนจเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด
- บริษัท แปซิฟิค เมล็ดพันธุ์ จำกัด
- เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. และ สกต.ในจังหวัดลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์
วัตถุประสงค์ ส่งเสริมการผลิตเมล็ดทานตะวันที่ให้น้ำมันคุณภาพสูงโดยเฉพาะและสกัดน้ำมันเพื่อการส่งออกไปยังต่างประเทศ
พื้นที่เป้าหมาย จำนวน 100,000 ไร่ ในเขตจังหวัดลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์
เมล็ดพันธุ์ในโครงการ ใช้เฉพาะเมล็ดพันธุ์แปซิฟิค โอลิซัน 2 และ โอลิซัน 3 เท่านั้น
ช่วงเวลาการปลูก เดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2553
เงื่อนไขการซื้อ
1. ให้ราคาเพิ่มอีก 2 บาท/กิโลกรัม จากราคาท้องตลาด ณ วันรับซื้อเมื่อตรวจสอบทานตะวันแล้วว่า ไม่มีพันธุ์อื่นปะปน
2. เกษตรกรผู้ที่นำเมล็ดทานตะวันส่งไซโลด้วยตนเอง รับค่าขนส่งเพิ่ม กิโลกรัมละ 0.50 บาท
3. ราคาหน้าไซโลจะเปลี่ยนแปลงตามราคาท้องตลาด โดยอ้างอิงราคาจากบริษัทน้ำมันพืช
4. การรับซื้อผลผลิตจะยึดตามมาตรฐานการรับซื้อเมล็ดทานตะวันของอุตสาหกรรมน้ำมันพืช
5. มีนักวิชาการร่วมติดตามและให้ความรู้แก่เกษตรกรในพื้นที่ทำโครงการ
6. ราคาการรับซื้อทานตะวันขั้นต่ำ 12.50 บาท/กิโลกรัม (ราคาประกันรวมราคาเพิ่มเติมและค่าขนส่ง)
7. ทางโครงการสงวนสิทธิที่จะไม่รับซื้อเมล็ดทานตะวันที่มีสายพันธุ์อื่นๆ ปลอมปน
Create Date : 14 ตุลาคม 2553 |
| |
|
Last Update : 14 ตุลาคม 2553 0:12:15 น. |
| |
Counter : 3052 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
hoon_vi |
|
|
|
|