แหล่งรวบรววมวิธีเล่นหุ้น
 
 

ได้เวลาของ ‘บาร์บิคิว’






“หนาว” แล้วครับ !! ช่วงนี้อาหารปิ้งย่างควันกรุ่น ๆ ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ดังนั้น วันนี้ผมก็เลยจะใช้พื้นที่ตรงนี้ชวนคุณ ๆ ทั้งหลายที่กำลังมองหาเส้นทางสู้ชีวิต ลองมาสู้กันด้วยอาหารปิ้งย่างอย่าง “บาร์บิคิว” ซึ่งจะใช้เนื้อสัตว์ประเภทไหนทำก็ได้ อาจจะ เนื้อ-หมู-ไก่ หรือใช้ซีฟู้ดพวก กุ้ง-หอย-ปลาหมึก และนอกจากใช้เนื้อสัตว์ต่าง ๆ เป็นชิ้น ๆ เสียบไม้แล้ว จะทำเป็น บาร์บิคิวซี่โครง เป็นแผงใหญ่ ๆ ก็ยังได้...


ทั้งนี้ “หัวใจสำคัญของบาร์บิคิวอยู่ที่การหมัก การย่าง และซอสบาร์บิคิว” และองค์ประกอบมาตรฐานที่ขาดไม่ได้ก็คือ หอมหัวใหญ่, พริกหวานสีเขียว, มะเขือเทศ, สับปะรด หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ

“การหมักบาร์บิคิว” ตามสูตรเด็ดที่ผมมีอยู่เครื่องหมักประกอบด้วย เกลือ, พริกไทย และอโรมาต หรือผงปรุงรสฝรั่ง (ซื้อได้ตามซูเปอร์ มาร์เกตใหญ่ ๆ) ซึ่งถ้าต้องการหมักเนื้อสัตว์ 1 กก. จะใช้เครื่องหมักอย่างละประมาณ 1 ช้อนชา และใช้น้ำมันพืชประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ กับน้ำสับปะรดราว 1 ช้อนโต๊ะ

กรรมวิธีการหมัก แบบมาตรฐานก็ให้หั่นเนื้อเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาด 1X1 นิ้ว ผสมเครื่องหมักลงคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 1 คืนในตู้เย็นที่มีความเย็น 0 องศาเซลเซียส หรือแช่ในช่องใต้ช่องแช่แข็ง รุ่งขึ้นจึงนำออกมาเสียบไม้ โดยการเสียบก็อาจจะเริ่มจากเสียบมะเขือเทศรองชั้นล่าง ตามด้วยเนื้อสัตว์ สลับด้วยหอมหัวใหญ่ พริกหวาน โดยแต่ละไม้มีเนื้อสัก 3-4 ชิ้นกำลังเหมาะ และสุดท้ายก็เสียบด้วยสับปะรดไว้บนสุด

“การย่างบาร์บิคิว” อย่าให้สุกมากเกินไปเพราะจะแข็ง ให้ใช้ไฟแรงปานกลาง และใช้เตาถ่านย่างจะมีกลิ่นหอมดึงดูดลูกค้าได้ดี และมีเทคนิคคือเมื่อด้านแรกสุกประมาณ 20% แล้วให้กลับด้านตรงข้าม แล้วต่อด้วยการพลิกย่างอีก 2 ด้านที่เหลือ พอสุกประมาณ 70% ก็ใช้แปรงขนอ่อนจุ่มซอสบาร์บิคิวทาบาง ๆ ให้ทั่ว

ทาซอสไปพลิกย่างไปจนกว่าจะสุกเสมอกันดีทุกด้าน

สำหรับ “การทำซอสบาร์บิคิว” จะต้องข้นด้วยผัก ซึ่งตามสูตรที่ผมมีนั้นผักที่ใช้ก็ได้แก่ หอมใหญ่, มะเขือเทศ, แตงกวาดอง, สับปะรด อย่างละ 100 กรัม ใช้ซอสมะเขือเทศอย่างข้นนิดหน่อย น้ำตาลทราย 200 กรัม, เกลือ 50 กรัม, ซอสเปรี้ยว (จิ๊กโฉ่) 750 ซีซี รวมถึงต้องใช้เครื่องเทศคือ ใบกระวาน 3 ใบ, โรสแมรี่ 1 ช้อนโต๊ะ, ปาปริก้า 1 ช้อนโต๊ะ, ใบไทม์ 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันพืช 500 ซีซี, ซอสพริก 300 ซีซี, น้ำเปล่า 500 ซีซี

กรรมวิธีการทำซอส นำเครื่องเทศทั้งหมดใส่หม้อ แบ่งน้ำมันพืชออกมาใส่ลงไป 100 ซีซี ผัดด้วยไฟอ่อนถึงปานกลาง พอส่งกลิ่นหอมก็ใส่หอมใหญ่ลงผัดจนนุ่มมีกลิ่นหอม ใส่ผักที่เหลือลงผัด พอมะเขือเทศเริ่มนุ่มใส่ซอสมะเขือเทศชนิดข้นลงผัดให้ซอสสุก ใช้เวลาราว 2 นาที ปรุงด้วยน้ำตาลทราย, เกลือ, อโรมาต ผัดให้เข้ากัน แล้วเติมซอสเปรี้ยว พอเดือดก็ใส่น้ำเปล่า ซอสพริก แล้วเคี่ยวประมาณ 1 ชั่วโมงจึงใส่น้ำมันที่เหลือลงเคี่ยวผสมสักครู่ให้ขึ้นเงา จากนั้นยกลงจากเตาพักไว้ให้พออุ่น นำลงปั่นในเครื่องปั่นอีกครั้ง ก็เสร็จขั้นตอนพร้อมใช้งาน


สูตร “บาร์บิคิว” ข้างต้นนี้ผมได้มาจาก “ฮอร์สบาร์น-บ้านม้า” ปลายซอยรามอินทรา 40 (นวลจันทร์) โทร. 0-2944-6577-8, 08-1613-1717 ซึ่งที่นี่เป็นทั้ง “สเต๊กเฮาส์” ขายอาหารรสชาติดี และ “ศูนย์ฝึกอบรมการทำอาหารฝรั่ง” เพื่อการเปิดร้านขายจริง ที่ไม่แพงทั้งราคาอาหาร และค่าอบรม

ฤดูหนาวมาเยือนไทยอีกครั้ง ก็ได้เวลาเด่นของอาหารปิ้งย่างอีกครา ซึ่งก็รวมถึง “บาร์บิคิว” ด้วยครับ !!.

‘ไกรเลิศ พึ่งบุญ ณ อยุธยา’




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 18:52:44 น.   
Counter : 1056 Pageviews.  


เครื่องทำขนมทองหยอดและฝอยทอง ประหยัดเวลากว่าเดิมถึง 6 เท่า


ใหม่แกะกล่องทางนี้จ้า...สำหรับนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์จากฝีมือนักศึกษา สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์สุพรรณบุรี นั่นคือ “เครื่องทำขนมทองหยอดและฝอยทอง” สำหรับการผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์ขนมไทย ๆ ร่วมสมัยกับทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยผ่อนแรงลดขั้นตอนการผลิต และลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการขนมหวานรายย่อยในครั้งนี้ นายอาทิตย์ พันธุ์สิงห์ นายประภาส บุญเสมอกุล และ นายชูชีพ สุดใจ 3 หนุ่มว่าที่บัณฑิตใหม่เล่าให้เราฟัง

“จริง ๆ แล้ว สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ถือ เป็นการพัฒนาต่อยอด จากเครื่องทำขนมทองหยอดเดิม เพราะว่าหลังจากที่ได้รับความนิยมจากประชา ชนที่สนใจติดต่อสั่งซื้อเข้ามาที่มหา วิทยาลัยฯ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานจึงต้องการพัฒนาเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ประกอบกับได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลสัมภาษณ์ผู้ประกอบอาชีพ ทำขนมบางราย พบว่าขนมทองหยอดและฝอย ทองนั้นมีกระบวนการทำที่คล้ายคลึงกัน ถ้าสามารถประดิษฐ์เครื่องทำขนมทั้ง 2 ชนิดนี้รวมกันได้ จะช่วยอำนวยความสะดวกและลดเวลาการ ทำงานได้อีกมาก นั่นคือโจทย์ ที่ต้องปรับใช้ให้เป็นรูปธรรมและเป็นที่มาของเครื่องหยอด ๆ ทอด ๆ ครับ

สำหรับชิ้นส่วนต่าง ๆ เราได้ออกแบบเครื่องให้มีลักษณะเป็นโต๊ะสเตนเลสที่ติดตั้งเตาแก๊ส 2 หัว โดยวางตำแหน่งให้เครื่องทำขนมทองหยอดอยู่ขวามือและเครื่องทำขนมฝอยทองอยู่ซ้ายมือ พร้อมกับออกแบบให้แขนกลที่ใช้ทำขนมทองหยอด เป็นถังสเตนเลสรูปทรงกระบอก สำหรับใส่แป้งขนาดความจุประมาณ 1,000 ซีซี เจาะรู 4 รู ภายในมีการติดตั้งมอเตอร์ขนาดเล็ก เพื่อใช้หมุนใบตัดและใบพัดภายในกรวยให้เกลี่ยแป้งขนมหยอดลงกระทะอย่างสม่ำเสมอ ส่วนแขนกลที่ใช้ทำขนมฝอยทองจะเป็นถังสเตนเลสรูปทรงกระบอกปลายกรวยแหลมสำหรับใส่แป้งขนาดความจุประมาณ 1,000 ซีซี เจาะรูเล็ก ๆ เพื่อใช้หมุนชุดหัวโรยฝอย ทองตามเข็มนาฬิกาให้แป้งขนมหยดเป็นเส้น ๆ และมีก๊อกเปิด-ปิดถัง ที่สำคัญเครื่องนี้สามารถเสียบปลั๊กการทำงานได้จากไฟฟ้าตามบ้านนอกจากนี้ตัวถังที่ใช้ใส่ส่วนผสมยังสามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่ายไม่ยุ่งยาก และทำงานได้พร้อม ๆ กันได้ นั่นคือ จุดเด่นของเครื่องนี้ครับ”

นอกจากนี้เรายังมีเสียงการันตีถึงประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องทำขนมทองหยอดและฝอยทองชิ้นนี้คือ คุณกฤตกมล น้อยมณี ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่นำเครื่องไปใช้งานจริงในการประกอบอาชีพ ณ ตลาดสีคิ้ว จ.นครราชสีมา

“พี่ทำขนมมานานกว่า 20 ปี ทุกวันนี้ที่ร้านจึงมีขนมหวานขายมากกว่า 50 ชนิด ซึ่งปัญหาที่พบบ่อย ๆ คือ การสิ้นเปลืองเวลากับการทำขนมโดยเฉพาะอย่างยิ่งทองหยอดและฝอยทอง ที่ต้องอาศัยความชำนาญในการปาดหยอดให้ลูกสวยงาม หรือแกว่งกรวยฝอยทองให้แป้งหยดเป็นเส้นสม่ำเสมอ เมื่อได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตเครื่องทำขนมของมหาวิทยาลัยจากสื่อต่าง ๆ จึงเกิดความสนใจและติดต่อมาที่นี่ ส่วนในเรื่องคุณภาพของเครื่องบอกได้เลยว่าเยี่ยมมาก เพราะว่าช่วยย่นระยะเวลาการทำขนมทองหยอดจากเดิม 3 ชั่วโมง เหลือเพียง 30 นาที ต่อจำนวนขนม 300 ลูก และเร็วกว่าเดิมถึง 6 เท่า เพียงแค่กดสวิตช์ทุกอย่างก็จะทำงานได้อย่างอัตโนมัติ เครื่องนี้ จึงสามารถช่วยผ่อนแรงประหยัดเวลา ซึ่งต้องขอขอบคุณมหาวิทยาลัยและคณาจารย์ ที่ส่งเสริมการเรียนการสอน ในลักษณะเน้นการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ ที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนค่ะ”

แหม...เป็นอย่างไรกันบ้าง กับฝีมือการสร้างสรรค์ของนักศึกษารุ่นใหม่ ที่นำองค์ความรู้ทางด้านวิชาการ มาประยุกต์คิดค้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ค้าขนมหวานได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ซึ่งผู้สนใจต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องทำขนมทองหยอดและ ฝอยทอง สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์สุพรรณบุรี เลขหมายโทรศัพท์ 0-3554-4301-3 ต่อ 123 ในวันและเวลาราชการ...




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2550 7:37:36 น.   
Counter : 4155 Pageviews.  


อาหารญี่ปุ่นแบบง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน





เรื่อง : วลัญช์ สุภากร ภาพ : เจษฎา จันทรรักษ์

อาหารญี่ปุ่นมีทั้ง 'รูปลักษณ์' และ 'การปรุง' ที่มีรูปแบบเฉพาะตัว เช่น มีการม้วนข้าว มีการใช้แผ่นสาหร่ายเข้ามาประกอบ มีซอสปรุงรสเฉพาะสูตร หลายคนอาจคิดว่าทำยาก แต่จริงๆ แล้วก็มีอาหารญี่ปุ่นบางรายการที่พวกเราก็สามารถทำรับประทานกันเองได้ที่บ้าน แอทเทสฉบับนี้นำเคล็ดลับมาฝากจากชั้นเรียนทำอาหารญี่ปุ่นอย่างง่ายๆ ที่ ทรูวิชั่นส์ คลับ (true visions club) จัดให้กับสมาชิกของทรู โดยเชิญ อรุณ ท้าวกลาง หัวหน้าเชฟและผู้ช่วยเชฟอีกสองคนจากร้านอาหารญี่ปุ่น ซากุระ (Sakura) ซึ่งมีสาขาหลายแห่งตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ (เชฟอรุณประจำอยู่ที่สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว) มาสอนการทำอาหารญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดท่ามกลางหัวข้อสนทนาออกรสเรื่องคอนเสิร์ตทรูเอเอฟ ประเด็นเหตุใด 'น้องแจ๊ค' ต้องเก็บกระเป๋าออกจากบ้านเอเอฟ ทำให้รู้ว่าแฟนคลับน้องแจ๊คมีอยู่ทุกกลุ่มจริงๆ

กลับมาที่รายการอาหารญี่ปุ่นแบบง่ายๆ สามารถทำเองได้ที่บ้าน ซึ่งเชฟอรุณเลือกมาสอนกันครั้งนี้มีด้วยกัน 4 เมนู แต่ละเมนูทำง่าย ไม่ยุ่งยาก รสชาติดีแบบที่มีจำหน่ายในร้านซากุระ เหมาะสำหรับทำรับประทานกันในครอบครัวแบบสนุกๆ ก็ได้ หรือสุดสัปดาห์ไหนที่คุณลูกอยากรับประทานอาหารญี่ปุ่น คุณแม่ก็สามารถเข้าครัวแสดงฝีมือให้คุณลูกทึ่งได้สบายๆ เช่น ฟูโตะ มากิ หรือแม้แต่ของหวาน ไอศกรีมทอด ที่คิดว่าจะทำยาก แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด บางเมนูยังเหมาะสำหรับงานปาร์ตี้อีกด้วย เช่น แคลิฟอร์เนีย เตมากิ ที่มีลักษณะทรงกรวย ม้วนไปรับประทานกันไป ง่ายและสนุกอีกด้วยที่ได้แสดงฝีมือเอง หรือใส่ส่วนผสมมากน้อยได้ตามความชอบส่วนตัว รวมทั้งเมนูพิเศษที่เชฟอรุณดัดแปลงให้คนชอบรับประทานอาหารอีสานโดยเฉพาะ ลาบปลาโอ พร้อมเคล็ดลับต่างๆ มากมายเกี่ยวกับการทำอาหารญี่ปุ่นที่บ้าน เช่น การวาง-การเลือกโนริหรือแผ่นสาหร่าย การใช้มีดหั่นข้าวห่อสาหร่าย

ฟูโตะ มากิ (Futo Maki) หรือ ข้าวห่อสาหร่ายไส้รวม

# ส่วนประกอบ: ข้าวซูชิ 200 กรัม ปูอัด 1 แท่ง ไข่ม้วน 30 กรัม ตะก้วง(ไช้เท้าดองญี่ปุ่น) 10 กรัม แตงกวาญี่ปุ่น 10 กรัม คัมเปียว(ฟักญี่ปุ่นต้มหวาน) 10 กรัม กวางตุ้ง 20 กรัม ปลาป่นโอโบโร่ 5 กรัม โนริ 1 แผ่น วาซาบิ 10 กรัม ขิงดอง 10 กรัม เสื่อชิสึ

# วิธีทำ: ปูเสื่อชิสึ (เสื่อสำหรับทำข้าวห่อสาหร่าย) วางโนริ(แผ่นสาหร่าย) ลงบนเสื่อชิสึ โดยวางด้านหยาบของแผ่นสาหร่ายลงบนเสื่อ จากนั้นนำข้าวซูชิที่เตรียมไว้มาเกลี่ยให้ทั่วแผ่นสาหร่าย เกลี่ยให้เสมอกัน และให้เหลือที่ว่างจากขอบแผ่นสาหร่ายด้านบนประมาณ 2 นิ้ว

จากนั้นนำผงปลาป่นโอโบโร่โรยเป็นเส้นตรงยาวๆ บนข้าว วางปูอัดตามแนวยาวของเส้นปลาป่นโอโบโร่ ตามด้วยแตงกวาญี่ปุ่น ตะก้วง คำเปียว กวางตุ้ง ไข่ม้วน วางทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ม้วนเสื่อให้แน่นพอประมาณและสวยงาม คลี่แผ่นเสื่อออก แล้วใช้มีดตัดม้วนของข้าวห่อสาหร่ายให้เป็นชิ้นพอคำ เรียงใส่จานให้สวยงาม เสิร์ฟพร้อมขิงดองและวาซาบิ

# เคล็ดลับจากเชฟอรุณ:

- การม้วนเสื่อว่าสามารถสร้างสรรค์ให้เป็นรูปทรงต่างๆ ได้ เช่น ทรงสี่เหลี่ยม ทรงหยดน้ำ(วงรี)โดยกดขอบเสื่อทั้งสองด้านเข้าให้กันให้เกิดความโค้งอีกด้าน

- การตัดข้าวห่อสาหร่ายให้เป็นคำ หั่นตรงกลางก่อนจะทำให้กะขนาดของการตัดชิ้นต่อๆ ไปให้มีขนาดใกล้เคียงกันได้ง่ายขึ้น

- วิธีตัดข้าวห่อสาหร่ายให้ง่ายและสะดวก จังหวะแรกให้ดันมีดไปข้างหน้าก่อน จากนั้นก็ตัดให้ขาดด้วยการดึงมีดถอยหลัง

- จุ่มปลายมีดลงในน้ำสะอาดก่อนหั่นจะทำให้ใบมีดไม่ติดไส้ของข้าวห่อ

- เช็ดมีดด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำพอหมาดๆ เพื่อไม่ให้ข้าวติดที่ใบมีด ถ้าข้าวติดที่ใบมีดมากเกินไป มีดจะดึงแผ่นสาหร่ายให้แตกได้ วิธีเช็ดมีดกับผ้าชุบน้ำให้หันสันมีดเข้าหามือเวลาเช็ดเพื่อความปลอดภัย

- เครื่องปรุงญี่ปุ่นต่างๆ สามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่จำหน่ายสินค้าเฉพาะเหล่านี้ เช่น ตะก้วง กวางตุ้ง คัมเปียว โอโบโร่ แม้แต่ไข่ม้วนก็มีจำหน่าย

- ส่วนข้าวซูชิก็มีวิธีทำได้เองโดยไม่ยากจนเกินไป เริ่มจากแช่ข้าวสารญี่ปุ่นทิ้งไว้ 15-30 นาที แล้วนำมาล้างน้ำ 3 น้ำ หุงข้าวด้วยสัดส่วนข้าว 1 ถ้วยต่อน้ำหนึ่งถ้วยครึ่ง พอข้าวระอุได้ 5-10 นาทีก็เปิดฝาหม้อหุงข้าวแล้วใช้ตะเกียบคนข้าวให้ทั่ว จับตะเกียบให้มีความห่างพอประมาณ การคนข้าวด้วยตะเกียบจะทำให้เม็ดข้าวฟูสวย แล้วปิดฝาหม้อหุงข้าวไว้เหมือนเดิมรออีก 5 นาที จากนั้นนำน้ำซูชิผสมเข้ากับข้าวที่หุง โดยใช้พายไม้คนให้ทั่ว ถ้านำมาผสมกันในอ่างไม้จะช่วยให้ข้าวดูดน้ำซูชิได้ดีขึ้น ทิ้งไว้ให้อุ่นๆ หรืออังพัดลมให้ข้าวคลายความร้อนก่อนจะทำข้าวห่อสาหร่ายได้ง่ายขึ้น

- เมนูข้าวห่อสาหร่ายไส้รวมสูตรนี้สวยงามด้วยสีแดงอมชมพูของปลาป่นโอโบโร่ สีเขียวของผักต่างๆ สีเหลืองของไข่ม้วน และรสชาติกลมกล่อมเปรี้ยวอมหวานของผักดองญี่ปุ่นและไข่ม้วน

แคลิฟอร์เนีย เตมากิ (Californai Temaki) หรือ ข้าวห่อสาหร่ายแบบกรวย (1ชิ้น) (ซับเฮด)

# ส่วนประกอบ: ข้าวซูชิ 25 กรัม ปูอัดไทย ครึ่งแท่ง ไข่ม้วน 10 กรัม หน่อไม้ฝรั่ง 3 กรัม ผักกาดหอม 5 กรัม โนริ ครึ่งแผ่น กุ้งซูชิ 1 ตัว ไข่กุ้ง 5 กรัม มายองเนส 5 กรัม ขิงดอง 5 กรัม วาซาบิ 5 กรัม

# วิธีทำ: วางโนริในฝ่ามือซ้าย ตักข้าวซูชินิดหน่อยเกลี่ยบางๆ บนแผ่นสาหร่ายครึ่งบน ทามายองเนสบนข้าวซูชิ นำผักกาดหอมขนาดที่กำหนดคลี่ออกให้เป็นแผ่นวางลงบนข้าวซูชิที่ทามายองเนสแล้ว จากนั้นวางปูอัด ไข่ม้วน กุ้งซูชิ หน่อไม้ฝรั่ง (ทั้งหมดหั่นในลักษณะแท่ง ความยาวเท่าปูอัดครึ่งแท่ง) แล้วม้วนโนริให้เป็นทรงกรวย โรยไข่กุ้งด้านบนของกรวย เสิร์ฟพร้อมขิงดอง วาซาบิ

# เคล็ดลับจากเชฟอรุณ:

- แผ่นโนริเมื่อตัดครึ่งจะมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางโนริในฝ่ามือซ้าย ให้มุมฉากด้านหนึ่งของแผ่นโนริชี้ขึ้นระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ และพลิกด้านหยาบของโนริให้อยู่ด้านบน วางปูอัด-ไข่ม้วน-หน่อไม้ฝรั่ง-กุ้งให้ปลายด้านหนึ่งชี้ขึ้นหามุมฉากของแผ่นโนริที่อยู่ระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ม้วนโนริด้วยมือขวา โดยมือซ้ายช่วยประคอง ม้วนให้เป็นทรงกรวยปลายปิด เวลากัดรับประทานถ้ากลัวส่วนผสมจะเล็ดลอดออกจากปลายกรวย ให้พับปลายกรวยขึ้นเล็กน้อย

- เมนูนี้ควรรับประทานทันทีหลังทำเสร็จสดใหม่ เนื่องจากถ้าทิ้งไว้นาน แผ่นสาหร่ายจะเหนียว ไม่กรอบอร่อยอย่างที่ควร จึงเหมาะสำหรับงานปาร์ตี้แบบทำไปกินไปคุยไป เพิ่มกิจกรรมสนุกๆ ให้กับงานปาร์ตี้

- สามารถปรับเปลี่ยนส่วนประกอบของข้าวห่อสาหร่ายแบบกรวยได้ตามความชอบ เช่น เปลี่ยนปูอัดเป็นผลไม้ (แอปเปิล แก้วมังกร แคนตาลูป) หรือจะใช้ปลาดิบแทนก็ได้

- สาหร่ายแผ่นมีหลายยี่ห้อและหลายคุณภาพ ขึ้นอยู่กับชนิดของสาหร่ายที่นำมาทำ ถ้าใช้สาหร่ายคุณภาพไม่ดี สีของแผ่นสาหร่ายก็จะเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น แผ่นสาหร่ายเกรดเอต้องมีสีเขียวเข้มและกรอบพอประมาณ ขณะที่สาหร่ายแผ่นที่มีสีเขียวเข้มจนออกสีดำมากหรือออกสีม่วง มักเป็นสาหร่ายอีกเกรด

ลาบปลาโอ

# ส่วนประกอบ: ปลาโอ 90 กรัม ผักชี 50 กรัม ผักชีฝรั่ง 50 กรัม สะระแหน่ 50 กรัม ต้นหอม 50 กรัม พริกป่น น้ำปลา ข้าวคั่ว มะนาว กะหล่ำปลีฝอย ผักกาดหอม

# วิธีทำ: นำปลาโอสดมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ไม่ต้องละเอียดมากเพราะจะทำให้เนื้อปลาเสียรสชาติ และอย่าหั่นชิ้นใหญ่จนเกินไป เพื่อให้เข้ากับเครื่องปรุงลาบได้ดีขึ้น เคล็ดลับคือให้ลากมีดหั่นเนื้อปลาจากข้างหน้ามาข้างหลัง เนื้อปลาจะไม่เละและไม่ยุ่ย จากนั้นนำมาใส่ในภาชนะเตรียมคลุกเครื่องปรุงลาบ เริ่มด้วยข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลา น้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากันด้วยตะเกียบที่จับแบบให้มีระยะห่างเพื่อไม่ให้เนื้อปลาเละขณะคลุก ชิมรสตามชอบ แล้วใส่ใบสะระแหน่ ต้นหอมซอย ผักชีฝรั่ง เสิร์ฟพร้อมการตกแต่งด้วยกะหล่ำปลีฝอยและผักกาดหอม รสชาติของลาบจะปรุงให้จัดจ้านอย่างไรก็ได้ตามใจผู้ชิม แต่ถ้าให้ดี ไม่ควรปรุงรสจัดจนทำให้กลบความอร่อยของรสชาติเนื้อปลาโอสดจนหมดสิ้น

ไอศกรีมทอดเทมปุระ

# ส่วนประกอบ: ไอศกรีม(รสชาติที่ชอบ) 80 กรัม แป้งเทมปุระ 5 กรัม ปังโกะ 20 กรัม ไข่ไก่ 1 ฟอง วิปปิ้งครีม 30 กรัม เชอร์รีเชื่อม 1 ลูก น้ำมันพืช

# วิธีทำ: เมนูนี้ถ้าสวมใส่ถุงมือพลาสติกสำหรับทำอาหารจะสะดวกสบายขึ้น ก่อนอื่นตั้งกระทะใส่น้ำมัน ขณะรอน้ำมันให้ร้อนจัดก็ตักไอศกรีมขึ้นเป็นก้อนกลมๆ นำมาคลุกเคล้ากับปังโกะ(เกล็ดขนมปังกรอบ) พยายามปั้นหรือประคับประคองให้เป็นก้อนกลมๆ ให้ได้ขนาดที่สวยงามหรือพอเหมาะไม่ใหญ่จนเกินไป จากนั้นนำลงไปคลุกกับไข่ไก่ที่ตอกใส่ชามแล้วตีพอให้ไข่ขาวและไข่แดงเข้ากันรอไว้แล้ว จากนั้นนำลงคลุกกับแป้งเทมปุระ ขั้นตอนข้างต้นที่กล่าวมานี้ไม่ควรทำอย่างชักช้า มิเช่นนั้นไอศกรีมจะละลาย

เสร็จแล้วนำก้อนไอศกรีมดังกล่าวลงทอดในกระทะที่มีน้ำมันร้อนจัด รอให้แป้งที่หุ้มไอศกรีมเป็นสีเหลืองทองสวย(หรือไม่ควรทอดเกิน 3 นาที) ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมันหรือกลิ้งบนกระดาษซับน้ำมัน จากนั้นจัดใส่ถ้วย แต่งด้วยวิปปิ้งครีม เชอร์รีเชื่อม อาจตกแต่งเพิ่มด้วยซอสสตรอว์เบอร์รี หรือซอสช็อคโกแลต พร้อมเสิร์ฟให้รับประทาน...ง่ายจัง จะสะดวกยิ่งขึ้นถ้าแม่บ้านมีหม้อทอดพร้อมตะแกรง

ไอศกรีมทอดไม่ยากอย่างที่คิด




 

Create Date : 27 กันยายน 2550   
Last Update : 27 กันยายน 2550 8:20:42 น.   
Counter : 976 Pageviews.  


ผลิตภัณฑ์จากแอลกอฮอล์ ผลงานค้นคว้าวิจัยตามแนวพระราชดำริ


สืบเนื่องจากพระราชกระแสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จพระราชดำเนินตรวจเยี่ยมโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เมื่อปี พ.ศ. 2528 ทรงให้ทำการศึกษาต้นทุนการผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อย เนื่องจาก ทรงเล็งเห็นว่าในอนาคตอาจเกิดเหตุการณ์น้ำมันขาดแคลน หรือผลผลิตอ้อย ราคาตกต่ำ การนำอ้อยมาแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนจึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาได้





งานค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับแอลกอฮอล์จึงได้เริ่มดำเนินการขึ้น ภายในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็นเงินทุนในการเริ่มดำเนินงาน

จากงานวิจัยเกี่ยวกับการผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อย เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน สามารถพัฒนาขยายผลการศึกษาทดลองจนก่อให้เกิดเป็นการศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ที่มีความหลากหลาย เป็นโรงงานตัวอย่างให้ผู้ที่สนใจสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากมาย

ผลิตภัณฑ์แรก ได้แก่ แอลกอ ฮอล์แข็ง สำหรับอุ่นอาหาร ซึ่งเริ่มทดลองผลิตในปี พ.ศ. 2531 โดยเป็นโครงการศึกษาทดลองร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์บริการ ซึ่งในสมัยนั้นการใช้แอลกอฮอล์แข็งในการอุ่นอาหาร ยังไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทย แต่ ในปัจจุบันถือว่ามีความสะดวก และปลอดภัยในการใช้งาน

ในขั้นตอนการผลิตจะมีการเติมกรดสเตียริก และโซดาไฟหรือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ลงในแอลกอฮอล์ กวนผสมจนละลายเข้ากันได้ดี จากนั้นเทลงพิมพ์ แล้วปล่อยให้แข็งตัว

ในปี พ.ศ. 2538 มีการปรับปรุงขยายโรงงาน มีการทดลองผลิต เจลล้างมือโดยไม่ต้องล้างน้ำ และ น้ำหอม ทั้งนี้โครงการฯ ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานแรก ๆ ที่เริ่มศึกษาเกี่ยวกับการผลิต เจลล้างมือโดยไม่ต้องล้างน้ำ ในประเทศไทย โดยในกระบวนการผลิตมีการเติมสารสกัดจากเห็ดหลินจือ ซึ่งเป็นผลิต ภัณฑ์ภายในโครงการฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ สำหรับ น้ำหอม มีการทดลองผลิตทั้งหมด 7 กลิ่น ซึ่งมีคุณสมบัติในการให้กลิ่นหอมที่ติดทนนาน

ต่อมามีการทดลองผลิต สเปรย์ฉีดเท้า โลชั่นกันยุง และ น้ำมันนวด ซึ่งเป็นอีกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และมีการเติมสารสกัดจากพืชสมุนไพรชนิดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน สำหรับ สเปรย์ฉีดเท้า จะมี การเติมสารสกัดจากพลู เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยับยั้งแบคทีเรียและ จุลินทรีย์ต่าง ๆ และเติมสารสกัดจากมะนาว ให้กลิ่นหอมสดชื่นใน โลชั่นกันยุง จะเติมสารสกัดจากพืชสมุนไพร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และในน้ำมันนวด จะเติมสารสกัดจาก ไพล เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ และเติมน้ำมันมะกรูดให้กลิ่นหอมสดชื่น

นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์แล้ว งานทดลองผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิง โครงการฯ ยังมีการศึกษา ทดลอง ผลิตผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายในกระบวนการผลิต ได้แก่ เจลล้างหน้า ที่ผสมสารสกัดจากเห็ดหลินจือ และแตงกวา และ ผลิตภัณฑ์ล้างผักและผลไม้

จากพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับคณาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ในวโรกาสที่เสด็จฯ ไปพระราชทานปริญญาในปีพ.ศ. 2539 เกี่ยวกับประโยชน์ของมะกอกโอลีฟ (Olea europaea L.) ซึ่งนอกจากจะสามารถนำมาประกอบอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงแล้ว น้ำมันมะกอกโอลีฟ ยังเป็นส่วนผสมสำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ เช่น สบู่ โลชั่น และน้ำมันนวด หน่วยงานราชการหลายหน่วยงานจึงได้เริ่มดำเนินการสนองพระราชกระแส ศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกมะกอกโอลีฟในประเทศไทย

โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ศึกษาและดำเนินการทดลองปลูกมะกอกโอลีฟ ในพื้นที่แปลงทดลองต่าง ๆ ในประเทศไทย และต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2543 งานทดลองผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิง โครงการฯ มีการพัฒนางานวิจัยโดยนำใบของมะกอก โอลีฟมาสกัด และนำสารสกัดมาเป็น ส่วนผสมในกระบวนการผลิต สบู่ใส และ โลชั่นบำรุงผิว

จากแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการศึกษาการผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อย เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน สามารถขยายผลการศึกษาทดลองจนก่อให้เกิดการค้นคว้าวิจัยการผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับแอลกอฮอล์มากมาย ซึ่งมีความหมายไม่เพียงเพิ่มคุณค่าให้ผลผลิตทางการเกษตร หากแต่ยังเป็นแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร โดยเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำอีกทางหนึ่ง.

พัฒนาแอลกอฮอล์สู่ผลิตภัณฑ์

คุณสมบัติโดดเด่นของแอลกอฮอล์ที่นอกจากการนำมาฆ่า เชื้อโรค อีกส่วนหนึ่งยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพต่าง ๆ ได้ อย่างเช่น สบู่ใส แอลกอฮอล์จะเป็นตัวทำละลายอย่างหนึ่งที่ทำให้สบู่ใสขึ้น…

แอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมักกากน้ำตาลตามแนวพระราชดำริในโครงการนี้ก่อให้เกิดประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะเป็นการนำวัตถุดิบที่มีอยู่ในประเทศมาใช้อย่างคุ้มค่า เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตผลทางการเกษตร และยังสามารถพัฒนาโดยนำแอลกอฮอล์มาใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งไม่เพียงสบู่ใส แอลกอฮอล์ที่กลั่นได้ยังสามารถนำมาผลิตแอลกอฮอล์แข็งอุ่นอาหาร โลชั่น เจลล้างมือ เป็นต้น ขณะเดียวกันในกระบวนการผลิตยังสามารถนำพืชสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์มาเป็นส่วนผสมร่วมได้อีกด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง…ส่วนหนึ่งจากคำบอกเล่าของนักวิชาการร่วมในการ ค้นคว้าวิจัยผลิตภัณฑ์สบู่ใสของงานทดลองผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงโครงการฯ.

ทีมวาไรตี้






 

Create Date : 16 กันยายน 2550   
Last Update : 16 กันยายน 2550 11:32:05 น.   
Counter : 3003 Pageviews.  


ซาลาเปาทอด’ ไอเดียลาว-ทำเงินในไทย


ขาย “ซาลาเปา” เป็นอีกอาชีพที่มีคนทำกันมาก ซึ่งกับ “ช่องทางทำกิน” ที่ทางทีมงานจะนำเสนอในวันนี้ก็เป็นอาชีพขายซาลาเปา แต่มิใช่ซาลาเปาธรรมดา เป็น “ซาลาเปาทอด” และก็มิใช่ซาลาเปาทอดแบบเดิม ๆ ที่เป็นแป้งเหนียว ๆ แข็ง ๆ มีไส้หวาน ๆ อยู่ข้างใน แต่เป็นซาลาเปาแป้งขาว ๆ เอามาทอดกันร้อน ๆ

สำรวย เทพศิริวัฒน์ หรือ อ้อย ยึดอาชีพขาย “ซาลาเปาทอด” ควบคู่กับอาหารอย่างอื่น เช่น ทอดมันปลากรายสูตรปักษ์ใต้ ทางเจ้าตัวเล่าว่า ทำอาชีพค้าขายมานานหลายสิบปีแล้ว เริ่มจากหมูทอด ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะที่คิดขึ้นมาเอง จะกรอบนอกนุ่มใน อร่อยกำลังดี ต่อจากนั้นก็ทำทอดมันปลากรายสูตรปักษ์ใต้ขายด้วย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีมาก เพราะเครื่องแกงที่ใส่ผสมกับเนื้อปลาจะเป็นเครื่องแกงปักษ์ใต้

“พอดีไปเที่ยวที่ประเทศลาวกับครอบครัว ไปเห็นเขาทอดขนมบางอย่างขายกัน มีคนต่อคิวซื้อกันเยอะ ก็สงสัย ถามว่าขายอะไร พ่อค้าลาวบอกว่าเป็นซาลาเปาทอด เราก็คุยโน่นถามนี่ ถามถึงสูตรซาลาเปาทอด เขาก็บอกนะ กลับมาถึงกรุงเทพฯ ก็มาลองทำดู โดยสูตรของลาวที่ชิมดูแล้วคิดว่าคงไม่ถูกปากคนไทยแน่ จึงปรับปรุงให้ถูกปากของคนไทยจนได้สูตรที่ลงตัว ทั้งตัวแป้งและไส้ จากนั้นก็ทำขาย แรก ๆ หลายคนสงสัยว่าคืออะไร พอซื้อไปทานก็บอกว่าอร่อย ก็มาเป็นลูกค้าประจำ” คุณอ้อยเล่าถึงที่มาของการขายซาลาเปาทอดแบบนี้

สำหรับวัสดุอุปกรณ์ในการทำขาย ก็มีพวก... เตาแก๊ส, ลังถึงขนาดกลาง, ตาชั่งเล็ก, ถ้วยตวง, ที่ตัดแป้ง, ผ้าขาวบาง, ที่ร่อนแป้ง, เครื่องตีแป้ง, เครื่องปั่น, ตะกร้าโปร่ง, กะละมังพลาสติก, ถาดอะลูมิเนียม, หม้อ, กระทะ, ตะหลิว ฯลฯ และเครื่องใช้เครื่องมือเบ็ดเตล็ดอย่างอื่นที่สามารถหยิบฉวยได้จากในครัว

ส่วนผสม-วัตถุดิบในการทำซาลาเปาทอด ก็มี... แป้งสาลีตราบัวแดง, น้ำอุ่น, หัวเชื้อ, น้ำมันพืช, ไข่ไก่, น้ำตาลทราย, ยีสต์แห้ง, เกลือ, เนยขาว, กระดาษลอกลายสีขาว (ตัดเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด 1 1/2 X 1 1/2)

ขั้นตอนการทำ “ซาลาเปาทอด” เริ่มจากเตรียมแป้ง 1 กก. แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 700 กรัม ร่อนให้ละเอียด แป้งส่วนที่สอง 300 กรัมผสมกับผงฟู 2 ช้อนชา ร่อนให้ละเอียด แล้วคลุมด้วยผ้าขาวพักไว้สักครู่

นำแป้งส่วนแรกผสมกับยีสต์ 2 ช้อนชา, น้ำสะอาด 1 1/2 ถ้วยตวง ตีด้วยเครื่องตีแป้ง ใช้ความเร็วปานกลางตีประมาณ 15 นาที สังเกตดูว่าแป้งผสมเข้ากับน้ำและยีสต์ดีแล้ว ก็เป็นอันใช้ได้ เสร็จแล้วนำไปใส่ภาชนะคลุมด้วยผ้าขาวบาง ตั้งพักไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิห้องพอดี ๆ ไม่ร้อน-ไม่เย็นเกินไป

ขั้นต่อไปเอาแป้งส่วนแรกมาผสมกับส่วนที่สอง ใส่ไข่ขาว 1 ฟอง น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ ลงไปด้วย ทำการตีประมาณ 30 นาที จับแป้งดูว่าเหนียวพอดีแล้วก็นำไปแช่ในตู้เย็นนานประมาณ 3 ชั่วโมง

จากนั้นก็นำแป้งออกมาวางลงในถาดอะลูมิเนียมที่ทาด้วยเนยขาว นวดแป้งด้วยมือให้แป้งเนียนขึ้น ใช้ที่ตัดแป้งตัดออกทีละแถว แล้วตัดอีกครั้งเป็นชิ้น ๆ ตามความต้องการ (วิธีการตัดเหมือนกับการตัดแป้งปาท่องโก๋) ใช้มือคลึงแป้งบนถาด น้ำหนักมือต้องไม่หนักและเบาเกินไป มิฉะนั้นแป้งจะออกมารูปทรงไม่สวยงาม

ต่อไปการทำไส้ซาลาเปา “ไส้หมูสับ” ส่วนผสมก็ประกอบด้วย... หมูสับ 1 กก. มันแกวหั่นฝอย 700 กรัม, กระเทียมบด 100 กรัม การทำก็นำส่วนผสมลงผัดในกระทะ ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย 7 ช้อนโต๊ะ, ซีอิ๊วขาว 10 ช้อนโต๊ะ, ผงปรุงรสรสหมูนิดหน่อย, พริกไทยป่น ผัดส่วนผสมทั้งหมดให้แห้ง แล้วนำขึ้นตั้งพักไว้สักครู่

“ไส้ครีม” ส่วนผสมก็ได้แก่... น้ำตาลทราย 250 กรัม, มาการีน 200 กรัม, แป้งสาลี ร่อนสองครั้ง 75 กรัม, นมผง 500 กรัม, นมสด 50 กรัม, แป้งคัส ตาร์ด 500 กรัม, ไข่ไก่ 4 ฟอง, กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา โดยนำส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน แล้วใส่หม้อตุ๋น กวนจนกระทั่งส่วนผสมเหนียวปั้นได้ ยกขึ้นทิ้งไว้ให้เย็น

ลำดับต่อไปเป็นขั้นตอนการปั้นซาลาเปา นำแป้งที่แบ่งไว้เป็นก้อน ๆ มาแผ่ออกเป็นแผ่นกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว หรือขนาดอื่นตามชอบ ตักไส้ตามที่ต้องการที่เตรียมไว้ใส่ลงตรงกลางแผ่นแป้ง แล้วค่อย ๆ ห่อแป้งเข้ามารวมกันให้มิดไส้ คลึงให้เป็นลูกกลม ๆ วางลงบนกระดาษขาวที่เตรียมไว้ ตั้งพักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อให้แป้งขึ้นตัว จากนั้นจึงนำไปใส่ลังถึงนึ่งประมาณ 15 นาที ก็เป็นอันเสร็จไปส่วนหนึ่ง

การออกจำหน่าย แบบทอดไปขายไป ให้เตรียมซาลาเปาใส่กล่องพลาสติก เวลาทอดให้ใส่น้ำมันพืชเยอะ ๆ ลงในกระทะ ใช้ไฟแรงปานกลาง ทอดครั้งละ 10 ลูก ใช้ตะแกรงกระชอนคอยคนอยู่ตลอด พอซาลาเปามีสีเหลืองกรอบก็ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน ก็เป็นอันเรียบร้อย พร้อมที่จะจำหน่ายให้ลูกค้าได้

สำหรับสูตรที่ว่ามานี้ คุณอ้อยบอกว่าสามารถทำซาลาเปาทอดได้ประมาณ 200-210 ลูก ราคาขายก็ลูกละ 5 บาทเท่านั้น โดยจะมีต้นทุนอยู่ที่ลูกละประมาณไม่เกิน 70%

ใครสนใจ “ซาลาเปาทอด” สูตรนี้ สูตรที่นำซาลาเปาขาว ๆ ไส้หมู-ไส้ครีมมาลงกระทะทอดเป็น “ช่องทางทำกิน” ที่น่าสนใจ อยากเห็นหน้าตา อยากลองชิมรสชาติ วันอังคารจะขายอยู่ที่ตลาดนัดสหกรณ์การเกษตร, วันพุธ ขายที่กรมแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข, วันพฤหัสฯ ขายที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก และวันศุกร์ ขายที่กรมประมง หรือต้องการนำไปออกร้านในเทศกาลต่าง ๆ ก็ติดต่อคุณอ้อยได้ที่ โทร. 08-6994-9100.




 

Create Date : 16 กันยายน 2550   
Last Update : 16 กันยายน 2550 11:29:05 น.   
Counter : 2868 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  

hoon_vi
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




เป็นนักลงทุนมือใหม่ กำลังหาวิธีการเหมาะสำหรับตัวเอง ชอบการถ่ายรูป ท่องเที่ยว เขียนบทความ
[Add hoon_vi's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com