แหล่งรวบรววมวิธีเล่นหุ้น
 
 

อาหารติดดาว



เอื้อพันธุ์ aupan_s@yahoo.com

ลองสำรวจตู้เย็นที่บ้านดูว่า อาหารที่อยู่คู่ครัว หรือนอนเล่นเป็นประจำในตู้เย็น มีอะไรบ้าง...

ของติดตู้เย็นมักเป็นของสด อยู่ว่างๆ ลองเปิดดูว่ามีผักผลไม้สด อยู่กี่อย่าง ตู้กับข้าวมีข้าวสาร อาหารแห้ง อยู่กี่อย่าง ให้สำรวจตรวจสอบเผื่อเจอ "อาหารติดดาว" จะได้ฉวยมาทำกับข้าวบ่อยๆ

อาหารติดดาวหรือ Superstar food ไม่เกี่ยวกับเชฟมิชลินหรือเชฟติดดาว อาหารมีดาวประดับก็หมายถึงซูเปอร์ฟู้ด ควรหามากินเป็นประจำ นักโภชนาการมักจัดอันดับอาหารติดดาวหรือซูเปอร์ฟู้ดเสมอ และแน่นอนว่า มักเป็นผักและผลไม้สด

แต่เราไม่มีโอกาสกินของสดทุกวันใช่มั้ย ของแห้งบางอย่าง หรืออาหารที่เก็บได้นานในตู้เย็นก็เป็นอาหารติดดาวได้ ฝรั่งจัดเอาไว้ 10 อันดับ พร้อมวิธีกิน อาหารติดดาว ให้อร่อยและสามารถกินได้บ่อยๆ

ครัวฝรั่งไม่เหมือนครัวไทย เรามีเครื่องเทศสมุนไพรไม่เหมือนกัน แต่ที่เหมือนกันคือ คำแนะนำของนักโภชนาการและนักบำบัดอาหาร ที่บอกให้กินผักผลไม้เยอะๆ กินได้เท่าไหร่เท่ากัน ผู้ศึกษาเรื่องคุณค่าของสารอาหาร เรียนมาจากตำราเดียวกันที่ว่า อาหารสดคืออาหารที่ดีที่สุด ควรลดละอาหารปรุงแต่งที่ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ลดไขมัน ลดน้ำตาล เพราะคนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคร้ายเหมือนกัน อันได้แก่ มะเร็ง หัวใจ เบาหวาน ความอ้วน ความดัน ฯลฯ

อาหารติดดาว 10 ชนิด พร้อมการกินอย่างอร่อยแบบไม่ซ้ำ เริ่มที่

1. ทับทิม อัญมณีกินได้ชนิดนี้มีแหล่งกำเนิดจากตะวันออกกลาง และตอนนี้สถาบันความงามหลายแห่ง นำผลและเม็ดทับทิมสกัดเอาไปทำครีมทาหน้า เชื่อว่ามีสารแอนตี้-ออกซิแดนท์สูง บ้างก็ทำน้ำทับทิมบรรจุขวด ตอนนี้ทับทิมนำเข้าราคาถูกลง อาจเป็นว่าถึงฤดูกาล ทับทิมลูกใหญ่น้ำเยอะ ทับทิมจากสเปนนี่กินอร่อยมาก กินได้ทั้งเม็ด ทับทิมเป็นตำรับความงามของสาวยุคอียิปต์โบราณเหมือนกัน

น้ำทับทิมมีโปตัสเซียมสูงและแร่ธาตุอีกหลายชนิด มีงานวิจัยล่าสุดบอกว่า น้ำทับทิม 8 ออนซ์ ประมาณ 1 แก้วเต็มมีสารอาหารมากกว่าเนื้อทับทิมทั้งลูก และมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าไวน์แดงกับชาเขียว 2-3 เท่า สารที่ว่าคือโพลีฟีนอลกับฟลาโวนอยด์ที่เชื่อว่าช่วยลดการเติบโตของเซลล์เนื้อร้าย เป็นสารต้านมะเร็งและเชื้อโรคอื่นๆ มีไฟโตเอสโตรเจนช่วยลดปัญหาอาการไม่สบายตัวของหญิงวัยหมดประจำเดือน ยังมีผลช่วยให้กระดูกแข็งแรง ลดความดันโลหิต

ในรายงานระบุว่า ผลไม้ที่มีเมล็ดสีเข้มๆ อย่างทับทิม และเบอร์รีมีแอนตี้-ออกซิแดนท์สูง ผลไม้อย่างบลูเบอร์รีก็มีแร่ธาตุสารอาหารคล้ายกัน และช่วยบำรุงสมอง วิธีกิน : อย่างง่ายที่สุดคือกินสด หรือน้ำทับทิมคั้นสด น้ำทับทิมผสมในวอดก้าเป็นค็อกเทลก็ดี แต่อย่าเผลอดื่มจนลืมขับรถกลับบ้าน... แกะทับทิมทีละเม็ดๆ ลงชามสลัดก็จะได้เคี้ยวรสหวานซ่อนเปรี้ยวกรุบกรอบของทับทิม หรือทำน้ำทับทิมเข้มข้น หรือเอาไปปั่นน้ำผสมเนื้อเป็นไอศกรีมวอร์เบต์หรือราดในโยเกิร์ตก็ได้

2. ถั่วดำ ถั่วทุกชนิดมีประโยชน์ต่อหัวใจ ในอาหารไทยมักเห็นถั่วดำในขนม ในญี่ปุ่นก็นิยมกินถั่วดำ นอกจากถั่วแดงที่เห็นในอาหารทุกชนิดแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังชอบอาหารที่มีสีดำอย่างถั่วดำเหมือนกัน ถั่วดำมีสารโฟเลตสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ไฟเบอร์ก็มาก ช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน มีโปรตีนกับธาตุเหล็กสูง ข้อสำคัญมีราคาถูก และอร่อย

ที่จริงแล้วถั่วทุกชนิดดีต่อสุขภาพ มนุษย์มีความเชื่อว่ากินถั่วแล้วดีต่อไต โดยเฉพาะถั่วเปลือกสีเข้ม ก็ถั่วมีรูปร่างเหมือนไตนั่นเอง วิธีกิน : ต้มเป็นซุปหรือต้มนานกับสตูว์เนื้ออย่างที่ชอบ แต่ใช้เวลาในการปรุงนานหน่อย ต้องแช่ถั่วในน้ำและต้มนาน บางคนใช้ถั่วกระป๋องก็พอได้ แต่ไม่ควรกินบ่อย และควรเทน้ำเกลือออกเพื่อลดความเค็ม บางคนผสมถั่วดำที่สุกแล้วบดกับมันบด เป็นเครื่องจิ้มเก๋ๆ เพื่อสุขภาพได้อีกทางหนึ่ง หรือทำถั่วบดข้นๆ เติมเกลือ พริกไทย โรยพริกไทยหรือปาปริก้าก็เข้าท่า หรือทำเป็นแยมถั่วเนื้อเข้มข้นทาขนมปังก็ได้

3. มันเทศ งานศึกษารุ่นใหม่ของฝรั่งบอกว่า มันเทศ (ไม่ใช่มันฝรั่ง) จัดอยู่ในอาหารจำพวกมีเปลือกส้ม คือสีส้มๆ แดงๆ ที่มีสารแคโรทีนอยด์สูง เมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ให้ประโยชน์หลายสถาน ช่วยรักษาสายตาและต้านเชื้อร้ายได้หลายชนิด

อาหารที่มีผิวหรือเปลือกสีส้ม นอกจากมันเทศแล้วก็มีแครอท ฟักแฟงแตงกวาน้ำเต้า ที่มีเปลือกสีเหลืองๆ ส้มๆ และฟักทอง อาหารผิวสีส้มมีไฟเบอร์สูง วิตามินเอ ซี และโปตัสเซียม กระทรวงเกษตรของอเมริกาแนะนำให้กินทุกสัปดาห์ แต่ความจริงแล้วกินได้บ่อยๆ ถ้ากลัวตัวเหลืองก็หยุดกินชั่วคราว

วิธีกิน : มันเทศทอดแทนมันฝรั่งอร่อยดี ให้รสหวาน เนื้อนุ่ม กินอร่อย หรือทำมันบดซึ่งปกติเป็นอาหารที่ชาวตะวันตกใช้มันฝรั่งอยู่แล้ว ลองเปลี่ยนเป็นมันเทศจะให้รสชาติแตกต่าง มันเทศบดเป็นอาหารของเด็กก็ได้ บดให้เนียนใส่เนยนิดหน่อย หรืออาจจะกินเป็นของหวานก็โรยน้ำเชื่อมไซรัปหรือน้ำผึ้ง ฟักทองกระป๋องเอาไปต้มซุปหรือทำสตูว์ก็ได้ เช่นเดียวกับมันเทศ น่าจะลองเอาไปต้มทำสตูว์ น่าจะอร่อยกว่ามันฝรั่ง อยู่บ้านเรามันเทศไทยถูกกว่ามันฝรั่ง น่าจะเป็นทางเลือกใหม่ทดแทนมันฝรั่ง แต่เห็นมันเทศญี่ปุ่นหัวใหญ่ เปลือกสีแดงเข้ม น่ากิ๊น...น่ากิน คงอร่อยไม่แพ้มันเทศไทย เอาไปปิ้งเฉยๆ ก็อร่อยแล้ว

ฉบับหน้าโปรดติดตาม "อาหารติดดาว" อีก 7 อันดับ...@




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 19:29:50 น.   
Counter : 762 Pageviews.  


เต้าหู้นึ่งลำไย

มิสพี



เต้าหู้ เป็นอาหารดีมีประโยชน์และมีราคาถูกอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อเทียบราคากับประโยชน์ที่ได้รับ

ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าทางโภชนาการที่ให้โปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์บางชนิดถึง 2 เท่าในปริมาณที่เท่ากัน รวมไปถึงการให้ผลในการลดไขมัน ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท ที่เกี่ยวกับความทรงจำ รวมทั้งฮอร์โมนจากพืชที่เรียกว่า ไฟโตเอสโทรเจน ที่มีการวิจัยพบว่ามีผลในการป้องกันมะเร็งและมีผลดีต่อผู้หญิงวัยทอง คือช่วยชะลอภาวะหมดประจำเดือน และลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม

ผู้หญิงวัยสี่สิบขึ้นไปจึงควรบริโภคเต้าหู้เป็นอาหารอย่างเป็นประจำ ที่สำคัญ ต้องขยันหาเมนูเต้าหู้อร่อยๆ ไว้ด้วย เพื่อที่จะได้เพลิดเพลินเจริญกับอาหาร และเต้าหู้นึ่งลำไย ก็เป็นอีกหนึ่งในเมนูชวนรับประทาน แนะนำโดยโรงเรียนการอาหารนานาชาติสวนดุสิต

ส่วนผสม เต้าหู้อ่อนคินุ 4 ก้อน

ขิงอ่อนซอยฝอย 30 กรัม

ลำไยอบแห้งสีทอง 50 กรัม

น้ำ 2 ถ้วยตวง

น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

เห็ดหอมแห้งแช่น้ำซอยบางๆ 20 กรัม

แครอท กดเป็นช่อดอกไม้ลวกสุก 30 กรัม

ถั่วลันเตาแช่แข็ง 20 กรัม

ซอสเห็ดหอม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

ซีอิ๊วขาว 1 1/2 ช้อนชา

พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา

น้ำมันงา 1 ช้อนชา

พริกชี้ฟ้าแดงซอยฝอยเล็กน้อย สำหรับแต่งหน้า

วิธีทำ - ต้มน้ำลำไยจนกระทั่งลำไยนุ่มดี กรองแยกน้ำกับเนื้อพักไว้

- นึ่งเต้าหู้โดยรองขิงซอยไว้ใต้เต้าหู้ ประมาณ 5 นาที

- ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชให้ร้อน ใส่เห็ดหอมผัดลงไปตามด้วยเครื่องปรุงและน้ำลำไย รอจนน้ำเดือด

- ละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำลงไป คนจนข้นได้ที่แล้วใส่เนื้อลำไย แครอท และถั่วลันเตา พอผัดสุกตักขึ้นพักไว้

- นำเต้าหู้ที่นึ่งแล้วจัดใส่จาน ราดด้วยซอสลำไย โรยหน้าด้วยขิงซอยและพริกชี้ฟ้าแดงซอย

สูตรจากโรงเรียนการอาหารนานาชาติสวนดุสิต




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 19:28:39 น.   
Counter : 718 Pageviews.  


อาหารติดดาว (2)



เอื้อพันธุ์ aupan_s@yahoo.com

ความเดิมในตอนที่แล้ว...

อาหารติดดาว 10 ชนิด ที่ควรมีไว้ติดตู้เย็น หิวเมื่อไหร่สั่งได้ พร้อมแนะวิธีรับประทานอย่างง่ายๆ และอร่อย ติดดาวให้แล้ว 3 อย่างได้แก่ 1. ทับทิม 2. ถั่วดำ 3. มันเทศ

4. ผักปวยเล้ง (Spinach) ฝรั่งอ่านว่า "สปินิช" คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นผักโขม ความจริงคนละสายพันธุ์แต่มีใบสีเขียวเข้มอุดมวิตามินแร่ธาตุคล้ายๆ กัน ผักโขมหรือ Amaranth ในบ้านเราซึ่งมีตั้งแต่พันธุ์พื้นบ้าน ผักโขมจีน ผักโขมเมืองใบเล็กๆ เวลากินลวกทั้งใบและรากจิ้มน้ำพริกอร่อยมาก แต่ปวยเล้งเป็นผักที่นิยมทำอาหารแบบตะวันตก ผักปวยเล้งต้นใหญ่ๆ เอามาต้มน้ำแกงแบบจีนก็อร่อย ถ้ากินแบบฝรั่งมีผักโขมอบชีสซึ่งน่าจะเรียกว่า ปวยเล้งอบชีสเสียมากกว่า แต่เอาเถอะ..คิดว่ากินผักใบเขียวมีประโยชน์หลายสถาน ปวยเล้งมีใบสีเขียวจัด มีธาตุเหล็กสูง มีสารพฤกษเคมีที่เรียกว่า ลูทีน (Lutein) บำรุงสายตา มีวิตามินเอ ซี และเค ปวยเล้งกินสดได้แต่ไม่นิยม มักนำมาลวกหรือผัดเนย อบชีส ทำน้ำแกง ผัดน้ำมันหอย

ที่จริง ผักใบเขียวอื่นๆ ล้วนอุดมด้วยกรดโฟเลท สารแอนตี้-ออกซิแดนท์เช่น แคโรทีนอยด์ โพลีฟีนอล ไม่กินปวยเล้งก็ทดแทนได้ด้วยบร็อกโคลี ผักตระกูลกะหล่ำ คะน้า มีลูทีนและโฟเลทสูง ป้องกันมะเร็งบางชนิด มีงานวิจัยว่าคนที่กินผักใบเขียวมากๆ ลดอัตราเสี่ยงของโรคความจำเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น

กินผักใบเขียวไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ว่าจะเป็นปวยเล้ง ผักโขม บร็อกโคลี หรือคะน้า ที่จริงมันไม่มีรสขมเลย ผักสดมีรสหวานกรอบ สดชื่น ทดแทนปวยเล้งผักใบเขียวในแซนด์วิชหรือแฮมเบอร์เกอร์ที่มักจะสอดไส้ผักกาดแก้ว หรือในชามสลัด เมื่อจะกินซุปใสหรือซุปข้นแบบจีนหรือฝรั่งก็หั่นผักใบเขียวที่ลวกแล้วลงในซุป ผักใบเขียวที่มีก้านแข็งยาวเมื่อแช่เย็นจะหวานกรอบ ทำดิปหรือน้ำจิ้มอร่อยๆ แช่ในตู้เย็น เป็นทางเลือกอาหารว่างแนวใหม่

5. แซลมอนสด ที่จริงในสูตรอาหารติดดาวแนะนำให้กิน แซลมอนป่า แต่อยู่เมืองไทยจะไปหาแซลมอนป่าที่กระโดดข้ามน้ำไปวางไข่แล้วถูกหมีกริซซี่จับกินได้ที่ไหน แซลมอนนำเข้าก็อร่อยสำหรับคนเมืองร้อนแล้ว และเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกาแนะนำให้กินแซลมอนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะกรดไขมันที่ว่านี้สามารถป้องกันผิวหนังอักเสบและยับยั้งเซลล์มะเร็งบางชนิด แซลมอนยังเป็นแหล่งของโปรตีนและเซเลเนียม แร่ธาตุสำคัญที่เสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นแซลมอนป่าหรือมาจากธรรมชาติ แซลมอนเลี้ยงในฟาร์ม ล้วนอุดมคุณค่า แต่ถ้าเลือกได้แซลมอนจากธรรมชาติมีแนวโน้มปลอดสารพิษ สารปรอท และสารแปลกปลอมจากอาหารสัตว์มากกว่า

วิธีรับประทานแซลมอนมีหลากหลาย นอกจากหม่ำสดๆ หรือกินกับข้าวปั้น ใส่แซลมอนในชามพาสต้า หรือไข่คนแบบฝรั่งก็ได้ ใช้แซลมอนแทนปลาทูน่าสำหรับแซนด์วิชและสลัด หรือสอดไส้ในแผ่นแป้งตอร์ติย่า ราดด้วยซัลซ่า ตามด้วยมะม่วงสุกหั่นบางกับผักชี ถ้าไม่มีแซลมอน ปลาน้ำลึกชนิดอื่นที่พอจะทดแทนกันได้มีอาทิ ปลาค็อดดำอลาสก้า ปลาซาร์ดีน แมคเคอเรล แฮร์ริ่ง และถั่วเหลือง ที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 โปรตีนและเซเลเนียม เลือกกินจากเต้าหู้ได้ทันที

6. วอลนัท ได้เข้ารอบเพราะเป็นพืชชนิดเดียวที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 มากกว่าถั่วชนิดอื่น ยังมีโปรตีน ไฟเบอร์ วิตามินอี กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ช่วยลดอัตราเสี่ยงของโรคหัวใจ ลดคอเลสเตอรอลในผู้เป็นเบาหวานประเภทสอง มีงานวิจัยพบว่ามีกรดเอลลาจิก (Ellagic acid) ที่พบในสตรอว์เบอร์รี ลูกเบอร์รี และทับทิม มีผลช่วยในการยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งและเนื้องอก

ที่จริงถั่วทุกชนิดมีโปรตีนและกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ถ้าไม่มีวอลนัทจะเลือกถั่วพิสตาชิโอ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดฟักทอง กินได้ให้คุณค่าใกล้เคียงกัน แต่อย่าลืมว่า ถั่ว 1 ออนซ์ ให้พลังงาน 160 - 200 กิโลแคลอรี

วิธีกินถั่วเปลือกแข็งให้อร่อยคือ โรยถั่วสัก 1 กำมือในชามสลัด กินเป็นอาหารว่างกับชีสตามด้วยแอปเปิลหรือลูกแพร์สดจะเข้ากันมาก เนยถั่วที่ทำจากอัลมอนด์และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็เป็นแยมทาขนมปังรสชาติดี หรือใช้เป็นเครื่องจิ้มผลไม้และผักสด หรือทำเป็นถั่วบดชุบไก่ทอดแทนแป้งขนมปังก็ดูสร้างสรรค์ไปอีกแบบ

7. อโวคาโด น้ำมันจากอโวคาโดให้แร่ธาตุวิตามินคล้ายถั่วเปลือกแข็ง และยังมีไฟเบอร์ กรดโฟเลท แมกนีเซียม วิตามินอี และสารลูทีนมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น แล้วเมื่อกินร่วมกับมะเขือเทศอย่างกัวคาโมเล่ อาหารเม็กซิกันที่มีมะเขือเทศผสมอยู่ด้วย จะช่วยผสานกันทำงาน ดูดซึมสารอาหารและย่อยสลายไขมันได้ดี ถ้าชาวเมดิเตอร์เรเนียนมีน้ำมันมะกอกเป็นซูเปอร์ฟู้ด คนในทวีปอเมริกาก็มีอโวคาโดนี่แหละที่เป็นน้ำมันคุณภาพ

วิธีกินให้อร่อย ได้แก่ บดอโวคาโดสุกผสมใบสะระแหน่ กระเทียมสับ บีบมะนาวลงนิดหน่อยเป็นเครื่องจิ้มหรือซอสเข้มข้นสำหรับปลา หรือใช้แทนมายองเนสในแซนด์วิชหรือแฮมเบอร์เกอร์ ทำกัวคาโมเล่เป็นดิปแสนอร่อย จิ้มด้วยยอดผักสดหั่นเป็นแท่ง ตั้งแต่แครอท บร็อกโคลี พริกหวาน ข้าวโพดอ่อน อย่างง่ายที่สุดคือผ่าครึ่ง พรมน้ำมันมะกอกนิดหน่อย โรยเกลือ พริกไทย ตักกินได้เลย ง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วยกิน

8. มะเขือเทศ ผลไม้ที่กลายเป็นผักหน้าตาสวยชนิดนี้ให้คุณค่าเพียบ มีวิตามินซี เบต้าแคโรทีนและมีสารไลโคปีนมากที่สุด สารชนิดนี้คือสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดอัตราเสี่ยงของโรคมะเร็งตับอ่อนและต่อมลูกหมาก และตอนนี้มีงานวิจัยใหม่ๆ พบว่า ไลโคปีนช่วยป้องกันโรคหัวใจได้อีกด้วย อีกอย่างคือสารไลโคปีนไม่สูญสลายง่าย ทำให้สุกโดยไม่สูญเสียคุณค่าสารอาหารและดูดซึมไปใช้อย่างรวดเร็ว แต่วิตามินซีอาจหายไปเมื่อทำให้สุก เพราะฉะนั้นควรกินทั้งสุกและสด และควรดูที่ฉลากของซอสมะเขือเทศว่าทำจากมะเขือเทศออร์แกนิคได้จะยิ่งดี มะเขือเทศยิ่งแดงแสดงถึงปริมาณสารไลโคปีนที่มีมากขึ้น

อยากกินอาหารที่มีสารไลโคปีนนอกเหนือจากมะเขือเทศ ได้แก่ เกรพฟรุต แตงโม วิธีกินก็ง่ายนิดเดียว กินเป็นอาหารว่างจิ้มพริกกับเกลือก็ได้ ทำซัลซ่าใส่น้ำมันมะกอก ทำสลัดมะเขือเทศกับอโวคาโดเติมหอมใหญ่ใส่ใบโหระพาสด โรยหน้าพาสต้าหรือขนมปังบาแก็ต ทำข้าวผัด ส้มตำ ยำไทยรสจัดทุกชนิด และไม่ลืมใส่มะเขือเทศเข้มข้นในพาสต้าซอสและสตู

ยังมีต่อฉบับหน้า...@




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 19:27:44 น.   
Counter : 727 Pageviews.  


สูตร “เครื่องดื่มค็อกเทล” มาอีกแล้ว

สูตร “เครื่องดื่มค็อกเทล” มาอีกแล้ว วันนี้เป็นของโรงแรมแกรนด์ ไชน่า ปริ๊นเซส สี่แยกราชวงศ์-เยาวราช สูตรแรก “BONSAI” ส่วนผสมก็มี... เหล้ารัม 1 ออนซ์, เกรนาดีน 1/2 ออนซ์, ออเรนซ์ คูราโช 1/2 ออนซ์, มาราชิโน่ 1/2 ออนซ์, น้ำสับปะรด 3 ออนซ์, น้ำมะนาว 1 ออนซ์, ไซรัป 1/2 ออนซ์ วิธีทำ... นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในเชคเกอร์ที่มีก้อนน้ำแข็งเตรียมไว้ เขย่าให้เข้ากัน รินใส่ถ้วยเซรามิกเก๋ ๆ ตกแต่งขอบถ้วยให้สวยงาม อีกสูตร “WHO’S THAT GIRL” ส่วนผสมก็มี... เหล้าโกลด์ รัม 1 ออนซ์, ครีมเดเม้นท์กรีน 1/2 ออนซ์, น้ำมะนาว 1 ออนซ์, น้ำเชื่อม 1 ออนซ์, โซดา 2 ออนซ์ วิธีทำ... นำส่วนผสมเทลงในเชคเกอร์ที่มีก้อนน้ำแข็ง เขย่าให้เข้ากัน รินใส่แก้วทิวลิป รินโซดาด้านบนให้เกิดพรายฟอง แต่งขอบแก้วให้สวยงาม เป็นอันเสร็จ




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 19:14:25 น.   
Counter : 1198 Pageviews.  


สูตร “เยื่อไผ่ยัดไส้น้ำแดงเจ”

ช่วงเทศกาลกินเจนี้ ภัตตาคารจีนฮ่องเต้ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ ส่งสูตร “เยื่อไผ่ยัดไส้น้ำแดงเจ” มาเผยแพร่ ส่วนผสม ประกอบด้วย... เยื่อไผ่ 2 ขีด, เห็ดหอมแห้ง 2 1/2 ขีด, หน่อไม้ฝรั่ง 3 ขีด, บรอกโคลี 3 ขีด, สาหร่ายเส้นผม 1 กรัม เครื่องปรุง ก็มี... ซีอิ๊วขาว-ซีอิ๊วดำอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาล-เกลืออย่างละ 1/2 ช้อนชา, น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันพืช 1 กรัม, พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา, แป้งมัน 1 ขีด, น้ำซุปผัก 1 ถ้วย

วิธีทำ เริ่มจาก...หั่นบรอกโคลีขนาดพอคำ ลวกน้ำเดือดพอสุก ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำผักต่าง ๆ มาเคี่ยวต่อจนเปื่อย กรองเอาแต่น้ำ สำหรับใช้เป็นน้ำซุป, นำเยื่อไผ่ เห็ดหอมแห้ง สาหร่ายเส้นผม ลงแช่น้ำทิ้งไว้ให้นุ่ม หั่นเยื่อไผ่และหน่อไม้ฝรั่งเป็นท่อนยาว 2 นิ้ว เห็ดหอมหั่นตามยาวขนาดเท่า ๆ กัน, นำเห็ดหอม หน่อไม้ฝรั่ง สาหร่ายเส้นผม ที่เตรียมไว้ ยัดไส้เยื่อไผ่ จัดเรียงในจานสลับกับบรอกโคลีที่ลวกสุกแล้ว ให้สวยงาม จากนั้นนำไปนึ่งต่ออีก 5 นาที, ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพืช ตามด้วยซุปผัก ปรุงรสชาติด้วยเครื่องปรุง แป้งมันละลายน้ำพอเหนียวข้น เพิ่มความหอมด้วยน้ำมันงา ตักราดบนจานเยื่อไผ่ยัดไส้ที่นึ่งแล้ว พร้อมเสิร์ฟ




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550   
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 19:07:32 น.   
Counter : 856 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  

hoon_vi
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




เป็นนักลงทุนมือใหม่ กำลังหาวิธีการเหมาะสำหรับตัวเอง ชอบการถ่ายรูป ท่องเที่ยว เขียนบทความ
[Add hoon_vi's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com