~@~NAI NOTE: TACIT TO EXPLICIT~@~

+-ไม่อยากให้งานรับน้องหายไปจากมหาวิทยาลัย-+

สองอาทิตย์ที่ผ่านมาอ่านข่าวเกี่ยวกับการรับน้องก็รู้สึกเศร้าใจจังเลย(- -') เพราะเขาให้ยกเลิกกิจกรรมรับน้องให้หมดในปีนี้ของทุกมหาวิทยาลัย ทำให้ผมรู้สึกสงสารและเลียดายไปกับน้องๆที่เรียนในมหาวิทยาลัยปีนี้มากๆ และตัวผมก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีกในปีต่อๆไป


แต่ตัวผมเองก็ต้องยอมรับความจริงกันว่า บางกิจกรรมของบางมหาวิทยาลัยนั้นมันก็ดูไม่ได้จริงๆ ผมไม่รู้ว่ารุ่นพี่พวกนั้นใช่อะไรคิดกิจกรรมหรือท่าเต้นพวกนั้นขึ้นมา(ไม่รู้จบมาแล้วจะคิดอะไรที่มันสร้างสรรเป็นหรือไม่) แต่จะโทษรุ่นพี่อย่างเดียวก็ไม่ถูก ถ้าเป็นตัวผมเองก็ต้องโทษพวกอาจารย์ด้วยที่ไม่ยอมดูแลกิจกรรมรับน้องนี้ เพราผมว่าอาจารย์ก็ควรเข้ามาดูแลกิจกรรมรับน้องต่างๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นท่าเต้น การว้าก การกลั่นแกล้งน้องต่างๆ(มีทำไมนี่)


ตัวผมเองนั้นตอนเป็นรุ่นพี่ที่ต้องคิดกิจกรรมรับน้อง พวกผมก็ต้องมีทั้งรุ่นพี่ทั้งอาจารย์มาตรวจงานกันอีกทีหนึ่งว่ากิจกรรมแบบนี้ผ่านหรือไม่ผ่าน มีจุดประสงค์ มีเป้าหมายชัดเจน ว่าถ้าทำกิจกรรมนี้แล้วต้องได้อะไรกลับมา สามารถวัดผลได้ยัง พอกิจกรรมจบก็ต้องมีการประเมินผลอีกว่างานที่เราทำกันนั้นมันสำเร็จหรือเปล่า มีจุดดีจุดด้อยตรงไหนบ้าง ทำเป็นรายงานสรุปไว้เลย เพื่อรุ่นน้องที่ต้องคิดกิจกรรมในปีต่อๆไปไว้ใช้พัฒนากิจกรรมรับน้องต่อๆไป


ดังนั้นกิจกรรมรับน้องของผมมันไม่ได้จักเพื่อน้องปีหนึ่งชั้นปีเดียว แต่มันยังหมายถึงกิจกรรมสำหรับพวกรุ่นพี่ๆด้วย เพราะการจะจัดกิจกรรมรับน้องขึ้นมานั้น มันสามารถสอนเราให้ทำงานเป็น สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ สามารถฝึกคิดวางแผนและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้


ที่ผ่านมาผมอ่านจากหน้าข่าว เขาก็มีถามรุ่นพี่ที่จักกิจกรรมต่างๆว่าทำไมถึงต้องทำกิจกรรมรับน้องอย่างนี้ พวกเขาบางคนตอบว่าเพราะมันเป็นประเพณี (- -')ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นคำตอบที่ไม่เอาไหนเลย เพราะคนที่คิดประเพณีก็ต้องมีเหตุผลของเขา ไอ้คนที่เอาแต่ทำตามโดยไม่ได้รู้หรือไม่ได้คิดนี่แหละจะทำให้ประเพณีที่ดีงามมันหายไปหมด(ตอนนี้ก็ทำให้กิจกรรมในปีนี้หายไปแล้ว)



เขียนมากก็บ่นมาก รู้สึกไม่ค่อยดีกับเรื่องนี้ จากข่าวสารต่างๆที่ได้ยินได้ฟังได้ดูมา ก็ขอเป็นกำลังใจให้คณะที่มีงานรับน้องที่ดีงามให้สู้ต่อไป ปีหน้าน้องๆเราจะได้รับสิ่งดีดี จากกิจกรรมรับน้องดีดีที่พวกคุณรุ่นพี่ดีดีเป็นคนคิดกันขึ้นมา




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2548   
Last Update : 21 มกราคม 2549 12:25:40 น.   
Counter : 724 Pageviews.  

+--ประสบการณ์ที่ได้ในกิจกรรมในคณะ--+

ช่วงนี้ผมระลึกถึงแต่อดีตไม่รู้เป็นอะไร แต่เอาเถอะอยากเขียนอะไรก็เขียนไปล่ะกัน

ในขณะที่ผมยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้นผมได้มีโอกาสได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆที่ทางขณะหรือทางรุ่นพี่ได้จัดไว้ให้ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วก็เป็นคนที่ชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้วและคิดว่าถ้าเราเข้าไปทำก็จะทำให้รู้จักเพื่อนมากยิ่งขึ้นด้วย โดยงานแรกถ้าผมจำไม่ผิด จะเป็นงานลอยกระทง ซึ่งพวกผม(ปีหนึ่งขณะนั้น) ต้องเป็นคนคิดและทำกระทงของคณะขึ้นมา แต่ไม่ใช่แค่ว่าทำกระทงอย่างเดียวมันคิดงาน ทั้งงานเลยว่าจะให้มีอะไรบ้าง พวกพี่ๆเขาก็บอกให้ทำตั้งแต่ ออกแบบ แบ่งฝ่าย แบ่งหน้าที่ เขียน Script งาน คำนวณงบ การแบ่งคน รวมไปถึงการใช้แรงงานต่างๆ เช่น เลื่อยไม้ ตอกตะปู บัดกรี และอื่นๆอีกมากมาย ส่วนตัวผมเองนั้นพี่ๆเขามีชื่อฝ่ายให้ว่า"ส่วนกลาง"


"ส่วนกลาง" คืออะไรทำหน้าที่อะไรบ้าง ผมก็จะบอกคร่าวๆว่า เป็นคนดูภาพรวมของงานทั้งหมด เขียนscript ของงาน แบ่งหน้าที่ให้ฝ่ายอื่นๆ เช่น ฝ่ายStand ฝ่ายว้ากเกอร์ ฝ่ายกิจกรรม ฯลฯ ดูและเงิน ประสานงาน ฝ่ายต่างๆเข้าด้วยกันและถ้างานไหนที่ไม่มี คนรับผิดชอบ ก็รับไปหาคนรับผิดชอบมาทำ อะไรประมาณนี้ ซึ่งถือว่าเป็นงานที่อยู่เบื้องหลังของงานรับน้องต่างๆ


สิ่งที่ผมได้รับจากการทำส่วนกลางนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการ manage ซะส่วนมาก เพราะต้องดูแลจัดการสิ่งต่างๆให้อยู่ในจุดประสงค์ ที่เราตั้งกันเอาไว้ และก็ต้องดูแลคนด้วยเพราะเราจะดดนกดดันจากรุ่นพี่พอสมควรในการทำงานต่างๆ บางทีทำงานไม่เข้าตารุ่นพี่หรือทำงานแล้วมีจุดรั่วเยอะก็จะโดนรุ่นพี่เข้ามาพูดคุยด้วย ซึ่งการทำกิจกรรมส่วนนี้มีส่วนช่วยให้ผมได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมายที่สามารถนำมาใช้ในการทำงานได้ ซึ่งก็ขอขอบคุณรุ่นพี่และอาจารย์ทั้งหลายที่คอยสอนเรื่องที่อยู่นอกห้องเรียนให้กับผมด้วยนะครับ


(ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณมากครับ)




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2548   
Last Update : 21 มกราคม 2549 12:27:32 น.   
Counter : 435 Pageviews.  

วันแรกกับความประทับใจในรั้วมหาวิทยาลัย

วันนี้ผมคิดว่าคงเป็นวันเปิดเทอมใหม่ของมหาวิทยาลัย ก็เลยทำให้ผมนึกถึงตอนที่ยังเพิ่งเป็นน้องใหม่แล้วก็ได้ไปเรียนเป็นวันแรก ซึ่งรุ่นพี่ที่คณะนั้นได้สร้างความประทับใจให้กับผม จนผมยังจำเรื่องนี้ได้อย่างดี(เพิ่งจบมาได้ไม่กี่ปีเอง เริ่มระลึกถึงความหลังซะแล้ว)


เรื่องของผมก็มีอยู่ว่า บ้านผมนั้นอยู่ค่อนข้างไกลกับมหาวิทยาลัย ซึ่งวันเปิดเทอมนั้นผมไปถึงก็เจ็ดโมงครึ่งแล้ว(ซึ่งถือว่าค่อนข้างสายเพราะมีเรียนแปดโมงบวกกับยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย) เมื่อผมเดินถึงที่ลานเกียร์(เป็นลานที่คนในคณะจะมีโต๊ะให้นั่งเป็นกรุ๊ปๆ) ผมก็ได้ค่อยๆเดินเข้าไปโดยที่ยังไม่ค่อยรู้จักใครเลยแต่แล้ว....ก็ได้มีรุ่นพี่คนนึง(ปี3ขณะนั้น)ซึ่งเป็นพี่ที่ชมรมเขานั่งอยู่ที่โต๊ะๆนึง เหมือนกับว่านั่งดักน้องๆอยู่ก็ได้ ตะโกนแหวกเสียงผู้คนมากมายในวันนั้นเข้ามากระทบหูผมว่า

"เอ้ย โน้ตๆ(จำไม่ได้ว่ามีไอ้รึเปล่า) เพิ่งมาถึงเหรอ กินข้าวรึยัง"

ผมก็ตอบไปว่า "ครับเพิ่งมาถึงครับ ยังไม่ได้กินครับพี่"


เท่านั้นแหละ พี่คนนั้นเขาก็ลากผมไปที่โต๊ะของชมรมแล้วก็ไปบอกพี่ปีสี่ว่า

"พี่ๆน้องเขายังไม่ได้กินข้าว เอาตังมาไปให้น้องกินข้าวหน่อยซิ"

แล้วพี่เขาก็ยื่นเงินมาให้ 20 บาท(กินได้เหลือเฟือในคณะ) ผมคิดในใจ โอว์ งง อารายกันนี่ ม่ายน่าเชื่อ ได้กินข้าวฟรีตอนเช้าด้วย แต่ผมก็รับเงินนั้นมาแต่โดยดีแล้วก็ไปกินข้าวอย่างอิ่มอร่อย(^ ^)


เพื่อนๆอ่านแล้วอาจจะถามว่าแล้วมันประทับใจตรงไหน ตรงที่ได้กินข้าวฟรีเหรอ ผมก็จะตอบว่า ช่าย เอ้ย! ม่ายช่ายครับ ตรงที่ผมประทับใจนั้นคือคุณต้องคิดถึงว่าตอนเดินเข้าไปนั้นผมแทบจะยังไม่รู้จักใครเลยนอกจากคนที่อยู่ในชมรมกีฬาเพราะว่าเขามีเรียกกันมาซ้อมกีฬากันตั้งแต่ปิดเทอม แล้วตอนที่พี่เขาทักเขาคุยด้วยนั้นทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเขาคุยกับเราถามว่ากินข้าวรึยังนั้น น้ำเสียงเขาคือถามด้วยความเป็นห่วงจริงๆ(แต่ไม่รู้ว่าเขาห่วงจริงรึเปล่า)เหมือนกับว่าเราเป็นน้องของเขาจริงๆ(แบบรู้สึกได้ง่ะ) มันเป็นความประทับใจในวันแรกที่ผมไม่สามารถลืมได้เลยถึงมันอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆสำหรับพี่คนนั้นหรือใครอีกหลายๆคนก็ตามมันก็ยังอยู่ในใจผมตลอดรวมถึงพี่คนนั้นด้วยนะครับ



จบ




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2548   
Last Update : 21 มกราคม 2549 12:28:11 น.   
Counter : 1254 Pageviews.  

ครอบครัวน้องฮ่องเต้ได้เข้าเฝ้าฯ ดูแล้วน้ำตาจะไหล(^^)

วันนี้ได้อยู่บ้านนั่งดูรายการคุยคุ้ยข่าว แล้วก็ได้ดูภาพที่ครอบครัวของน้องฮ่องเต้ได้เข้าเฝ้าฯสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อย่างใกล้ชิด โดยทางรายการได้เอาภาพวีดีโอมาเปิดให้ชมกัน

เมื่อผมได้นั่งดูแล้วมีอาการน้ำตาซึมด้วยความปลื้มปิติ แบบว่าดีใจ ประทับใจ ฯลฯ (บรรยายไม่ถูก) ไปกับครอบครัว "เจริญศิลป์" ทำไมผมต้องน้ำตาซึมด้วยก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่ได้ผมที่เกิดอาการน้ำตาซึมคนเดียว ยังมีอีกหลายคนที่เกิดอาการเดียวกัน โดยสามารถดูได้จาก SMS ที่ส่งเข้ามาทางรายการ

ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่จะสุขใจเท่ากับเกิดมาเป็นคนไทยแล้วมีพ่อแม่ของแผ่นดินที่ดีเท่านี้อีกแล้ว

อยากเห็นประเทศไทยมีแต่สันติสุขสำหรับทุกคนที่อยู่ด้วยกันในผืนแผ่นดินนี้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ข่าวจากผู้จัดการ




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2548   
Last Update : 21 มกราคม 2549 12:28:48 น.   
Counter : 614 Pageviews.  

อาการเสียใจกับการยอมรับความจริง!!!

ทำไมคนเราจึงต้องเคยรู้สึกเสียใจ??
ไม่ว่าเนื่องจากสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
?
?
?
คำถามนี้เคยเกิดขึ้นในหัวของผม เนื่องจากผมเป็นเด็กไม่ค่อยมีอะไรจะทำ เลยชอบมีคำถามให้กับตัวเองอยู่เรื่อย แต่ถามว่ารู้คำตอบไหม ผมสามารถตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า "ไม่รู้ I don't know" แต่การตั้งคำถามมันทำให้ผมได้คิด และได้รู้จักฟังคนอื่นๆเขาบ้าง
แล้วอยู่มาวันนึง....
ผมก็บังเอิญได้ยินข้อความมาจากใคร ที่ไหน ก็ไม่รู้ แต่ผมยังจำได้จนทุกวันนี้ว่า
"คนเรานะ สาเหตุที่มันเสียใจ ส่วนใหญ่น่ะ คือ
อย่างที่หนึ่งไม่ได้เป็นหรือเจอในสิ่งที่ตัวเองหวังเอาไว้ พอผิดหวัง ก็จะเสียใจ
ส่วนอีกอันนึงก็คือ ยอมรับความเป็นจริงไม่ได้หรือพูดอีกอย่างนึงก็คือ ยอมรับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็ทำให้พวกนี้มีความทุกข์เหมือนกัน"

พอผมได้ยิน ผมก็จำข้อความนี้ได้โดยยังไม่ได้นึกคิดถึงอะไรพวกนี้มากนัก จนได้มีประสบการณ์อารมณ์เสียใจเข้ากับตัวเองเลยเริ่มนึกว่าคนเรา เพื่อนๆเรา พี่น้องเราเสียใจเพราะอะไรบ้าง
  • อกหัก แฟนทิ้ง เนื่องจากเขาหรือเธอเปลี่ยนไป ก็เสียใจ
  • คนที่เรารักกได้จากเราไปสู่สุขคติเราก็เสียใจ
  • เอนไม่ติดก็เสียใจ เพราะหวังว่าจะติด
และอื่นๆอีกมากมายหลากหลาย

แล้วเมื่อไรล่ะทีความเสียใจจะเริ่มหายไป???
นั้น...เอาอีกแล้ว ดันทะลึ่งตั้งคำถามอีกแล้ว
ผมก็ดันนึกเอาเองว่า มันจะหายไปเมื่อเรา "ยอมรับความจริงนั้นแหละ" เพราะเมื่อเรายอมรับความจริงเราก็จะสามารถมองอะไรๆได้กว้างขึ้น
  • ยอมรับได้ว่า เขาหรือเธอคนนนั้นไม่ได้รักเราแล้ว
  • ยอมรับได้ว่าไม่มีใครที่อยู่กับเราไปได้ตลอดหรอก
  • ยอมรับได้ว่าที่เราทำไม่ได้เพราะเรามีความสามารถเท่านี้แต่เราก็ได้พยายามที่สุดแล้ว

และเมื่อผมคิดได้อย่างนี้ผมก็มีความสุขขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว
(^^)




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2548   
Last Update : 21 มกราคม 2549 12:29:54 น.   
Counter : 889 Pageviews.  

1  2  

BedRoom
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add BedRoom's blog to your web]