All Blog
|
อลาสก้า ในมุมมองของฉัน มีเส้นทางไป Alaska โดยจะไปอยู่ 3 เมืองหลักๆ คือ Juneau ซึ่งเป็นเมืองหลวง เมือง Skagway และ เมือง Ketchikan จากที่เคยคิดและรู้เกี่ยวกับอลาสก้า มันค่อนข้างสวนทาง อลาสก้าเป็นอะไรที่ออกแนวเมืองบ้านนอก อันนี้ไม่ใช่การดูถูก แต่เป็นสิ่งที่เราคิดเอง เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆ ที่เราเคยผ่านมาบ้างจากการได้มาทำงานบนเรือ ตัวเมืองของอลาสก้าไม่มีอะไรน่าตื่นตา ตื่นใจ บ้านเมืองเล็กๆออกแนวน่ารัก เน้นความเป็นธรรมชาติ งานศิลปะ งานฝีมือมีให้เห็นทั่วไปหมด ร้านขายของที่ระลึกเพียบ ผู้คนก็น้อยและเงียบเหงามากๆ นี่ถ้าไม่มีเรือมาลง ไม่มีนักท่องเที่ยวมาก็คงออกแนวๆเมืองร้างได้ ถ้าจะเที่ยวอลาสก้า ิ ก็ต้องออกไปกับทัวร์ ไปดูธรรมชาติ มีทั้งทัวร์เฮลิคอปเตอรพา์ไปดูภูเขาน้ำแข็ง ที่จับตัวกันเป็นก้อน มีสีสัน และความอัศจรรย์แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นทั่วไป ทัวร์เรือดูปลาวาฬอันนี้ก็ฮอตฮิตกันมาก บ้างก็ไปทัวร์นั่งรถลากกับหมา มีทั้งลากบนน้ำแข็ง และลากบนพื้นดินธรรมดา การไปเที่ยวอลาสก้าไปได้เฉพาะหน้าร้อน ช่วงเดือนพ.ค ถึงเดือนก.ย หน้าหนาวเรือคงไปลำบาก และผู้คนส่วนใหญ่ที่ทำงานในอลาสก้า ก็จะพากันหนีหนาวไปอยู่ที่อื่น รำ่ลือกันว่า หน้าหนาวหนาวจับใจ ตัวเราเองไม่เคยได้มีโอกาสออกไปไหนไกลๆ แค่เดินออกไปในเมืองได้ก็ถือว่าหรูแล้ว เพราะตารางงานมันไม่เอื้ออำนวยแม่บ้านอย่างเราเอาเสียเลย ได้นั่งกระเช้าขึ้นไปสัมผัสหิมะของอลาสก้าก็ถือว่าได้มาถึงแล้ว ได้มาเหยียบอลาสก้าแล้ว หายสงสัยแล้ว สำหรับแขกที่มาเที่ยวอลาสก้าต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง เพราะการเดินทางที่ใช้เวลานาน และต้องเสียเงินค่าทัวร์อีก ถ้าเที่ยวแต่ในเมืองมันไม่มีอะไรจริงๆนอกจากซื้อของที่ระลึก จะเที่ยวอลาสก้าต้องมาดูธรรมชาติ ภูเขาน้ำแข็ง สัตว์ป่า ปลาต่างๆ และต้องมาลองกินอาหารขึ้นชื่อ คือ ปูอลาสก้าด้วย สำหรับคนทำงานแบบเราเขาให้ทำงานไม่ให้เที่ยว มองดูธรรมชาติอยู่ไกลๆแต่ก็ถือว่าคุ้มแล้วในเมื่อเดินทางฟรี ชีวิตการมาทำงานบนเรือลำนี้จึงเป็นประสบการณ์หนึ่งที่น่าบันทึกเอาไว้ เพราะคงไม่มีโอกาสกลับมาที่นี่อีก หรือคงอีกนาน |
ใสที่สุด
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?] แต่ตัดสินใจเชื่อพระเจ้า ตอนอายุ 17 ปี ผ่านมาหลายฤดูกาล หลายปี อยากขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับ ทุกเหตุการณ์ในชีวิต ทั้งสุข ทุกข์ บนเส้นทางสายนี้ที่ตัดสินใจเลือกแล้ว Thailand, Bangkok Sweden, Stockholm |
คุณพระคุ้มครองทุกๆแห่งที่ไปถึงนะ