สวัสดีครับ ขณะนี้คุณได้หลวมตัวเข้ามาในบล๊อคของผมเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ผมมีนิยายสองเรื่องนะครับ รับชมได้ตามสบายครับ

sillfai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sillfai's blog to your web]
Links
 

 
หัวใจ บนปลายดาบ บทที่ 1

บทที่ 1

ในตอนนั้นนางไม่ได้ใช้ชื่อนี้ ชื่อนางคืออะไร มันไม่มีค่าพอให้จดจำอีกแล้ว
ฟีลเลียจำวันนั้นได้ดี วันนั้นเป็นวันที่แดดออกสว่างไสวไม่มีแม้ก้อนเมฆสักก้อน อากาศดีที่สุดเท่าที่จะนึกได้ นางกำลังนั่งอยู่ที่ตั่งหน้าบ้าน ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังถนน เมื่อเห็น รถม้าประจำทางจอดนางก็ชูคอชะเง้อ ด้วยหวังว่าคนที่ลงมาจะเป็นคนที่เฝ้าคอย นางรอ ดีใจ ผิดหวัง หวัง แล้วก็เฝ้ารอ ชูคอ ดีใจ สลับอยู่อย่างนี้ไปเรื่อย จนคนพ่อค้าขายขนมที่อยู่ตรงกันข้ามถนน
อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“ เด็กเอ๋ย ชะเง้อคอยผู้ใดรึ คอยืดยืดคอยาวจนจะหลุดแล้วนั่น “

“ข้ารอคอยท่านพ่อเจ้าค่ะ วันนี้ท่านว่าจักกลับมา “ ฟิเลียตอบกลับด้วยความเต็มใจ เมื่อวานนางได้รับจดหมายจากม้าเร็วส่งข่าวมาบอกว่าบิดาจักกลับมาวันพรุ่งหรือก็คือวันนี้

นางดีใจนัก บิดานางเป็นแม่ทัพใหญ่ จึงไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ทุกเวลาที่อยู่กับบิดาจึงมีค่าเสมอ และที่ฟิลเลียชอบที่สุดคือทุกคราเมื่อบิดากลับมาจะต้องมีของชาวตะวันตกมาอวดเสมอๆ ฟิลเลียชอบชาวตะวันตกนัก หัวหูดูแปลกตาไม่เหมือนชาวเรา ผมเผ้าก็สีแปลกไม่เหมือนนางที่สีดำดุจรัตติกาล นางเคยนึกว่าชาวตะวันตกกินทองเข้าไปรึอย่างไร สีผมจึงเป็นเช่นนั้น ยิ่งไปกว่าของที่นำมาก็น่าตื่นใจนัก หนก่อนชาวตะวันตกมาเยี่ยมเยียนบิดาและนำของหลายสิ่งมาขาย ฟิลเลียถูกใจลูกแก้วที่มีปราสาทหลังน้อย ภายในนั้นมีน้ำและกระดาษ เมื่อพลิกลูกแก้ว กระดาษจะตกลงมาคล้ายหิมะ ในบรรดาของที่น่าตื่นตานางถูกใจสิ่งนี้เป็นที่สุด นางไม่เคยรบเร้าสิ่งใดเลย แต่เพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่นางจ้องมองอย่างไม่รู้เบื่อ ท้ายสุดบิดาสังเกตเห็นจึงซื้อให้ แล้วบอกว่าเมื่ออยากได้ก็จงรักษาไว้ให้ดี

เมื่อนึกถึงตอนนั้น ก็ยกลูกแก้วลูกนั้นขึ้นมาดู ตั้งแต่ได้มามันไม่เคยห่างตัวนางเลย สงสัยนักว่าเจ้าปราสาทหลังน้อยนั่น เข้าไปอยู่ในลูกแล้วได้อย่างไร ยิ่งไปกว่าหิมะเข้าไปอยู่ในนั้นได้อย่างไร นางค้นหนังสือทุกเล่มที่นางรู้จัก พยามคิดแทบตายว่าทำได้อย่างไร แต่ก็ยังไม่พบคำตอบ

อันที่จริงหากถามชาวตะวันตกก็คงจะรู้ แต่นางไม่ยอมถามเพราะสิ่งใดได้มาด้วยมือสิ่งนั้นย่อมมีค่าเสมอ และของสิ่งนี้ก็มีค่าสำหรับนางมากมายนัก ฟิลเลียยกลูกแก้วขึ้นมาพิจราณาอีกครั้ง เผื่อจะนึกออก แต่แล้วเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นข้างกาย

“เด็กน้อย แม่ทัพเบรุสอยู่รึไม่ “ นางหันไปตามเสียงก็พบกับชายชราผู้หนึ่งพร้อมด้วยชายรูปร่างสูงใหญ่ด้านหลัง ดวงตาของชายที่อยู่ด้านหลังน่ากลัวนัก ฟิลเลียเขยิบถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

ดูหเหมือนชายชราจะสังเกตเห็น จึงกล่าวกับคนที่อยู่ด้านหลังว่า
“ถอยไป วาเรียส เจ้าทำให้เด็กน้อยผู้นี้กลัวเสียแล้ว “

ชายผู้นั้นก้มหัวลงก่อนกล่าว “ขอรับองค์จักร......” ชายชราตำหนิด้วยสายตา ฟิเลียมองออกยามเมื่อบิดาตำหนิเธอจะใช้สายตาเช่นนี้เสมอ

ดูเหมือนชายรุปร่างสูงใหญ่จะเข้าใจเช่นเดียวกันจึงกล่าวแก้
“ขออภัยขอรับ....นายท่าน”

ฟิลเลียลุกขึ้นยืนก่อนจะถอนสายบัว
“ท่านมีธุระอันใดหรือไม่เจ้าคะ ให้ผู้น้อยสั่งความกับบ่าวในจวนแทนท่านเถิดเจ้าค่ะ“

ชายชรามองเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่พึงใจ
“เจ้าฉลาดเด็กน้อย หากเติบใหญ่จงมาหาข้า หากข้ายังอยู่ ข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง”

ฟิลเลียได้แต่มองด้วยความสงสัย แต่ไม่ทันจะตอบโต้ว่าอะไร พ่อค้าขายขนมฝั่งตรงข้าม ก็ตะโกนให้นางได้ยิน

“เด็กน้อย ท่านแม่ทัพมาแล้วนั่น “ บิดานางมาแล้ว แต่คนผู้นี้คงเป็นคนใหญ่โต นางไม่อาจเสียมารยาทได้ จึงได้แต่ยิ้มอย่างดีใจ ดูเหมือนชายชราจะรู้จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไปเถิด เด็กน้อย ข้ารอได้ “

นางถอนสายบัวอีกครั้ง ก่อนจะหันไปด้านหลังก็พบกับ.... ชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดเกราะเต็มยศเคราขึ้นดกกว่าแต่ก่อน ดวงตาสีสนิมเหล็กกำลังเล็กหยีเพราะความที่ยิ้มกว้าง บิดาของนางนั่นเอง แม้จะรู้ว่าไม่ควร แต่นางก็วิ่งเข้าไปกอดให้สมใจ นี่บิดาของนางเชียวนะ ใครจะว่าอย่างไรนางได้หาใส่ใจไม่

บิดานางหัวเราะลั่น ก่อนจะกล่าว

“ระวังเถิด แม่หญิงตัวน้อย หากแม่นมเจ้ามาเห็น คงได้บ่นหูชา ”

นางยิ้มแก้มแทบปริก่อนจะกล่าวพร้อมกันกับบิดา
“แม่หญิงไม่ควรวิ่งนะเจ้าคะ ไม่เป็นกุลสตรีเลย “

บิดาและนางหัวเราะขึ้นพร้อมกัน นางกอดบิดาแรงๆอีกทีก่อนจะกล่าว
“ท่านพ่อ มีคนผู้หนึ่งถามหาท่าน”

บิดานางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
“ ผู้ใดหรือแม่หญิงตัวน้อย “
ฟิลเลียผินหน้าไปทางชายชราผู้นั้น
ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ทันทีที่เห็นใบหน้าชัดๆ รอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าบิดาของนาง และร่างสูงก็ทำท่าจะคุกเข่าลง แต่ทว่าชายชรา กลับส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ย
“วันนี้ข้าไม่ใช่ เข้าใจรึไม่ท่านแม่ทัพเบรุส “

บิดานางค้อมหัวลงก่อนจะกล่าว
“เช่นนี้แล้ว วันนี้ท่านเป็นผู้ใด นายท่าน“

ชายชราส่งยิ้มไปให้
“เรียกข้าแม็กซิมัส “


บิดาของนางค้อมหัวลง รับคำก่อนจะเอ่ย
“ตรงคงไม่เหมาะ เชิญนายท่าน แม็กซิมัสเข้าไปในจวนเถิด “

นับจากวันนั้น ฟิลเลียก็เห็นบิดายิ้มน้อยลงหัวเราะน้อยลง และดูคิดมากว่าแต่ก่อน แม้นต่อหน้านางบิดาจะทำเหมือนไม่มีสิ่งผิดแปลก แต่ทว่าถึงอย่างไรเมื่อยามไม่ได้อยู่กับนาง บิดาเคร่งขรึมลงเสมอนางไม่อยากให้บิดาเป็นเช่นนี้ แต่อย่างไรฟิลเลียก็เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเท่านั้น หาได้มีกำลังไม่ พี่ชายทั้ง 2 ก็เป็นไปด้วยเช่นกันเมื่อนางเอ่ยรวบรวมความกล้าเอ่ยปากถาม ก็ได้รับคำตอบกลับมาเป็นรอยยิ้ม บางคราก็ลูบหัว ทุกครั้งนางจะชอบให้พี่ชายลูบหัว แต่ทำไมหนนี้ถึงได้สัมผัสแต่ความเศร้าหมอง

จนวันหนึ่ง ทั่วทั้งประเทศก็ได้รับข่าวร้ายองค์จักรพรรดิสิ้นแล้ว

……….

ไม่นานหลังจากนั้นก็มีคนมาที่บ้านนาง ฟิลเลียไม่เคยเห็นบิดาเกรี้ยวกราดขนาดนั้นมาก่อน บิดาใจดีเสมอ แม้ยามโกรธสีหน้าบิดาก็ไม่เคยดุร้าย แต่อารมณ์รุนแรงที่เห็นทำให้เธอตัวสั่นเธอได้ยินบิดากล่าวว่า
 “ความภักดีของข้า ไม่อาจซื้อด้วยเงิน “

ฟิลเลียไม่อาจเข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่ง
ทหารมากมายก็มาที่บ้านของเธอแล้วจับทุกคนที่เห็น ทำลายทุกสิ่งที่เจอ หากผู้ใดขัดขืนเลือดจักนองพื้น ฟิลเลียได้แต่ร่ำไห้ เมื่อสิ่งที่สวยงามที่สุดในชีวิตถูกทำลาย เธอถูกใครสักคนพาหนีใครคนนั้นบอกว่าบอกว่าเธอคือความหวัง จะมีความหวังในสิ่งใดกันเล่า ยามเมื่อสุญเสียถึงเพียงนี้จักมีสิ่งใดกันเธอไม่เข้าใจ แต่ทว่าลึกๆแล้วยามเมื่อเได้ยินฟิลเลียก็ยังเชื่อว่าความหวังยังมีอยู่

จนกระทั่ง ยามเมื่อเธอถูกพาผ่านกำแพงเมืองศรีษะของบิดาและพี่ชายทั้งสองที่อยู่บนกำแพง ทำให้ฟิลเลียรู้ว่า ความหวังได้หมดสิ้นแล้วจากนั้นอีกหลายปี เธอถูกพาไปยังที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เปลี่ยนชื่อนับครั้งไม่ถ้วนไม่มีที่ใดเลยที่เธอเคยอยู่เกินข้ามวัน ไม่ทันได้จดจำ ไม่ทันได้ผูกพัน จนกระทั่งเธอมาอยู่ณ สุดเขตแดน ที่นี่คนที่พาเธอหนี กล่าวว่าที่นี่อยู่ในเขตอิทธิพลของบิดาเธอ เธอจะปลอดภัยหลายปีต่อมาทำให้นางรู้ว่า เกิดสิ่งใดขึ้น

องค์จักรพรรดิถูกลอบสังหาร หาได้สิ้นเพราะป่วยตามคำที่รัฐกล่าวอ้างผู้ที่กุมอำนาจต้องการควบคุมองค์รัชทายาท ผู้กุมอำนาจนั้นจึงชักชวนให้บิดาเธอเข้าร่วมมีผู้เล่าความว่า เพราะบิดาเธอรวบรวมกำลังคนหมายคุ้มครององค์รัชทายาทแต่แผนแตกเสียก่อน จึงทำให้บิดาของเธอพลาดท่า

บิดาของนางตาย เพราะถือความภักดีเป็นที่ตั้งเห็นแก่ประเทศชาติเป็นสำคัญ ไม่ยอมลงให้ความชั่วช้า คนผู้นั้นกล่าว

เมื่อนึกถึงตรงนี้ฟิลเลียแค่นยิ้ม

ความภักดี คือสิ่งใด ยุติธรรมคุณธรรมคือสิ่งใด โลกนี้ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เข้มแข็งรอดอ่อนแอตาย บิดาเธออ่อนแอจึงได้ตาย ฟิลเลียไม่เชื่อในความภักดีไม่เชื่อถือในคุณธรรม ความยุติธรรมที่ไร้กำลังมันก็แค่ลมปาก

ฟิเลียวันนี้อายุได้ 16ปีแล้ว ผมยาวเหยียดตรงถึงกลางหลัง ใบหน้ารุปไข่ดวงตาสีน้ำตาลดุจดังบิดา มีใครบางคนกล่าวว่าเธองามนัก แต่เธอเกลียดคำๆนี้ ความงามหาได้ช่วยอะไรไม่

ฟิลเลียชังคำว่าภักดีนัก
เพราะคำๆนี้ ทำให้บิดาเธอตายเกลียดคำว่าประทเศชาติ เพราะคำๆนี้ทำให้บิดาเธออ่อนแอ และเหนือสิ่งอื่นใด เธอเกลียดมัน มันชื่อเร็ก ผมยาวสีทองใบหน้าหวานอย่างผู้หญิง หากมันเป็นหญิงจริงก็คงเรียกได้ว่ามันงามกว่าเธอก็เป็นได้ รุปร่างก็อรชรอ้อนแอ้น เธอชังนักเป็นผู้ชายฉไนจึงไร้ซึ่งกำลัง ดูท่าแม้จะคอนดาบก็คงไม่ไหวและดวงตาสีเทาพายุที่ชวนโมโหทุกครั้งที่มองดวงตาคู่นั้นไม่เคยแสดงความหวั่นเกรงใดๆ เหนืออื่นใดมันเป็นเชื้อพระวงค์ที่พ่ายแพ้ในการชิงอำนาจ เพราะพวกมันนี่ล่ะที่ทำให้ฟิเลียต้องพรัดพรากจากสิ่งที่ดีที่สุด




Create Date : 28 เมษายน 2557
Last Update : 28 เมษายน 2557 21:46:20 น. 0 comments
Counter : 481 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.