วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือ วัดระฆัง, วัดหลวง พ่อโต ตั้งอยู่เลขที่ 250 แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรมหาวิหาร อยู่ในเขตการปกครองคณะสงฆ์มหานิกายภาค
วัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ (หรือบางหว้าใหญ่) ในสมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้า ตากสินมหาราชทรงสร้างพระราชวังใกล้วัดบางว้าใหญ่ โปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นพระอารามหลวงและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช
ในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอด ฟ้าจุฬาโลกมหาราช วัดบางว้าใหญ่อยู่ในพระอุปถัมภ์ของเจ้านายวังหลัง คือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี (สา) พระเชษฐภคินีของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและเป็นพระชนนี ของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ทรงมีตำหนักที่ประทับอยู่ติดกับวัด ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดร่วมกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และได้ขุดพบระฆังลูกหนึ่ง ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงสร้างระฆังชดเชยให้วัดบางว้าใหญ่ 5 ลูก จากนั้นได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดระฆังโฆสิตาราม นอกจากเป็นเพราะขุดพบระฆังที่วัดนี้และเพื่อฟื้นฟูแบบแผนครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่มีวัดชื่อวัดระฆังเช่นกัน
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ วัดระฆังโฆสิตาราม เป็น วัดราชคัณฑิยาราม (คัณฑิ แปลว่าระฆัง) แต่ไม่มีคนนิยมเรียกชื่อนี้ ยังคงเรียกว่าวัดระฆังต่อมา
เดี๋ยวนี้ไปวัดที่ไหนอิชั้นเป็นต้องสอดส่องทุกตั้งแต่อุโบสถยันบานประตูเลยค่ะ อย่างทวารบาลที่บานประตูที่วัดนี้จะออกแบบไทยๆนะคะ
ภายในวัดค่ะ
มีตู้หยอดให้อาหารปลาด้วย (แต่อิชั้นว่านกมันเยอะกว่าเห็นๆเลยนะ แย่งปลากินด้วย)
เข้ามาภายในพระวิหารสมเด็จค่ะ
ภายในประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี หรือหลวงปู่โต) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัด เสนีวงศ์ หรือหลวงปู่ทัด) และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร หรือหลวงปู่เจริญ) อดีตพระนักปฎิบัติผู้เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด
เราสามารถเข้าไปกราบไหว้และปิดทององค์พระได้ค่ะ
เข้ามาเยี่ยมชมในพระอุโบสถต่อค่ะ น่าเสียดายที่ขณะนี้เค้ากำลังปรับปรุงภายนอก ทำให้เราไม่สามารถถ่ายภาพความงามภายนอกได้เลย ต้องเข้ามาข้างในอย่างเดียวเมื่อเข้ามาเราจะพบกับพระประธานยิ้มรับฟ้าค่ะ
พระประธานยิ้มรับฟ้า เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ ๔ ศอกเศษ เบื้องพระพักตร์มีรูปพระสาวก ๓ องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาท พระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก
คนเยอะหน่อยนะคะ ถ่ายได้ไกลมากกก
สาเหตุที่พระประธานแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นพระประธานยิ้มรับฟ้า เนื่องจากมีพระพักตร์ที่ยิ้มแย้มมีเมตตาอยู่เสมอ
โดยผู้ที่ประทานพระนามนี้คือ พระบาทมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อท่านได้เสด็จพระราชดำเนินมาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม เมื่อเสด็จมาถึงได้มีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าใกล้ชิดว่า
"...ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตูโบสถ์ พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที"
เนื่องจากอิชั้นถ่ายรูปได้อ่อนด้อยมาก จึงขอนำรูปพระประธานยิ้มรับฟ้าที่ชัดๆจากในเน็ตให้เพื่อนๆดูนะคะ ว่าพระพักตร์ท่านยิ้มแย้มประทับใจล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ยังไง
มาดูที่ภาพจิตกรรมภายในพระอุโบสถค่ะ เป็นทศชาติชาดกภาพพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฎิหาริย์ก่อนเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีความวิจิตรงดงามมาก
น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายรูปมาได้หมด เพราะคนเยอะมากค่ะ
บานหน้าต่างเป็นรูประฆังตามชื่อวัดเลย
พระปรางค์ที่นี่มีสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์ยุคต้น ยึดถือเป็นแบบฉบับของพระปรางค์ที่สร้างในยุคต่อมา
มาทำบุญแล้วก็มาสั่นระฆังให้ดังถึงสวรรค์กันเลยค่ะ
ด้านข้างวัดมีตำหนักสมเด็จพระเจ้าตากสินด้วยค่ะ
สามารถขึ้นมากราบไหว้ที่ชั้น 2 ได้
เสร็จจากการท่องวัดระฆังแล้ว เราสามารถเดินเลาะซอยเล็กๆไปตลาดวังหลังได้นะคะ
มีทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้ามากมาย ให้เลือกสรร ใครมาวัดระฆังแล้วอย่าลืมมาช๊อปที่นี่ต่อนะคะ อิชั้นช๊อปได้ของเต็มมือเลย และไม่ลืมที่จะซื้อขนมปังอบใหม่ๆสดๆ ที่เบเกอรี่วังหลัง ขนมปังปอนด์ก้อนโต๊ โต ราคาแค่ 45 บาทเองค่ะ
โดยส่วนตัว อิชั้นว่าการมาเที่ยวที่วัดระฆังนี่ไม่ยากเลยค่ะ มีเรือข้ามฟากง่ายๆสบายๆเลย ช่วงนี้อากาศก็ดีค่ะ ไม่ร้อนสักนิด เหมาะแก่การมาเที่ยวสุดๆ
มีความสุขจริงๆ