คุณแม่น้องแฝด ฮานากะฮารุ ^^
วันว่างแบบนี้ ชวนมาทำบุญที่วัดระฆังกันค่ะ

หลังจากเดินเที่ยววัดพระแก้ว  ก็ยังมีเวลาช่วงบ่ายเหลืออยู่  อิชั้นจึงตัดสินใจที่จะไปต่อที่วัดระฆังต่อค่ะ  Smiley



โดยเราเลือกเดินทางโดยเรือ เพราะสะดวกที่สุด


ก่อนอื่นมาที่ท่ามหาราชนะคะ  จ่ายเงิน 3 บาท แล้วมารอขึ้นเรือข้ามฟากที่นี่




พอเรือมาก็ขึ้นไปกันเลยค่ะ



ข้ามฟากมาแป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ  วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือ  นกเยอะมากกก  






            วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือ วัดระฆัง, วัดหลวง พ่อโต ตั้งอยู่เลขที่ 250 แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรมหาวิหาร อยู่ในเขตการปกครองคณะสงฆ์มหานิกายภาค

            วัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ (หรือบางหว้าใหญ่) ในสมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้า ตากสินมหาราชทรงสร้างพระราชวังใกล้วัดบางว้าใหญ่ โปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นพระอารามหลวงและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช 


              ในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอด ฟ้าจุฬาโลกมหาราช วัดบางว้าใหญ่อยู่ในพระอุปถัมภ์ของเจ้านายวังหลัง คือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี (สา) พระเชษฐภคินีของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและเป็นพระชนนี ของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ทรงมีตำหนักที่ประทับอยู่ติดกับวัด ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดร่วมกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และได้ขุดพบระฆังลูกหนึ่ง ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงสร้างระฆังชดเชยให้วัดบางว้าใหญ่ 5 ลูก จากนั้นได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม” นอกจากเป็นเพราะขุดพบระฆังที่วัดนี้และเพื่อฟื้นฟูแบบแผนครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่มีวัดชื่อวัดระฆังเช่นกัน 


ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ “วัดระฆังโฆสิตาราม” เป็น “วัดราชคัณฑิยาราม” (คัณฑิ แปลว่าระฆัง) แต่ไม่มีคนนิยมเรียกชื่อนี้ ยังคงเรียกว่าวัดระฆังต่อมา


เดี๋ยวนี้ไปวัดที่ไหนอิชั้นเป็นต้องสอดส่องทุกตั้งแต่อุโบสถยันบานประตูเลยค่ะ   อย่างทวารบาลที่บานประตูที่วัดนี้จะออกแบบไทยๆนะคะ



ภายในวัดค่ะ



มีตู้หยอดให้อาหารปลาด้วย (แต่อิชั้นว่านกมันเยอะกว่าเห็นๆเลยนะ แย่งปลากินด้วย)



เข้ามาภายในพระวิหารสมเด็จค่ะ


ภายในประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี หรือหลวงปู่โต)   สมเด็จพระพุฒาจารย์  (ม.จ.ทัด เสนีวงศ์ หรือหลวงปู่ทัด) และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ  อิศรางกูร หรือหลวงปู่เจริญ)  อดีตพระนักปฎิบัติผู้เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด  


เราสามารถเข้าไปกราบไหว้และปิดทององค์พระได้ค่ะ






เข้ามาเยี่ยมชมในพระอุโบสถต่อค่ะ  น่าเสียดายที่ขณะนี้เค้ากำลังปรับปรุงภายนอก   ทำให้เราไม่สามารถถ่ายภาพความงามภายนอกได้เลย   ต้องเข้ามาข้างในอย่างเดียวเมื่อเข้ามาเราจะพบกับพระประธานยิ้มรับฟ้าค่ะ


 พระประธานยิ้มรับฟ้า เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ ๔ ศอกเศษ เบื้องพระพักตร์มีรูปพระสาวก ๓ องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาท พระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก 


คนเยอะหน่อยนะคะ  ถ่ายได้ไกลมากกก



สาเหตุที่พระประธานแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นพระประธานยิ้มรับฟ้า เนื่องจากมีพระพักตร์ที่ยิ้มแย้มมีเมตตาอยู่เสมอ


โดยผู้ที่ประทานพระนามนี้คือ พระบาทมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อท่านได้เสด็จพระราชดำเนินมาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม เมื่อเสด็จมาถึงได้มีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าใกล้ชิดว่า


 "...ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง  พอเข้าประตูโบสถ์  พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที"




เนื่องจากอิชั้นถ่ายรูปได้อ่อนด้อยมาก จึงขอนำรูปพระประธานยิ้มรับฟ้าที่ชัดๆจากในเน็ตให้เพื่อนๆดูนะคะ  ว่าพระพักตร์ท่านยิ้มแย้มประทับใจล้นเกล้ารัชกาลที่ 5  ยังไง





มาดูที่ภาพจิตกรรมภายในพระอุโบสถค่ะ  เป็นทศชาติชาดกภาพพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฎิหาริย์ก่อนเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีความวิจิตรงดงามมาก

น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายรูปมาได้หมด เพราะคนเยอะมากค่ะ




บานหน้าต่างเป็นรูประฆังตามชื่อวัดเลย




พระปรางค์ที่นี่มีสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์ยุคต้น ยึดถือเป็นแบบฉบับของพระปรางค์ที่สร้างในยุคต่อมา



มาทำบุญแล้วก็มาสั่นระฆังให้ดังถึงสวรรค์กันเลยค่ะ





ด้านข้างวัดมีตำหนักสมเด็จพระเจ้าตากสินด้วยค่ะ 


สามารถขึ้นมากราบไหว้ที่ชั้น 2 ได้




เสร็จจากการท่องวัดระฆังแล้ว  เราสามารถเดินเลาะซอยเล็กๆไปตลาดวังหลังได้นะคะ


มีทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้ามากมาย ให้เลือกสรร  ใครมาวัดระฆังแล้วอย่าลืมมาช๊อปที่นี่ต่อนะคะ อิชั้นช๊อปได้ของเต็มมือเลย และไม่ลืมที่จะซื้อขนมปังอบใหม่ๆสดๆ ที่เบเกอรี่วังหลัง  ขนมปังปอนด์ก้อนโต๊ โต ราคาแค่ 45 บาทเองค่ะ


โดยส่วนตัว อิชั้นว่าการมาเที่ยวที่วัดระฆังนี่ไม่ยากเลยค่ะ  มีเรือข้ามฟากง่ายๆสบายๆเลย  ช่วงนี้อากาศก็ดีค่ะ ไม่ร้อนสักนิด เหมาะแก่การมาเที่ยวสุดๆ

มีความสุขจริงๆ





Create Date : 25 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 1 ธันวาคม 2556 12:55:15 น. 1 comments
Counter : 1062 Pageviews.

 
ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ ไม่ค่อยมีโอกาสเข้ากรุงเทพ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 3 ธันวาคม 2556 เวลา:15:03:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hi hacky
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




Life is a journey....
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hi hacky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.