คุณแม่น้องแฝด ฮานากะฮารุ ^^
เก็บเกี่ยวบรรยากาศของวันวาน ที่พิพิทธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สันค่ะ

วันนี้เราจะพามาสถานที่ที่นึงที่อิชั้นอยากมาเที่ยวมานาน แต่ยังไม่มีโอกาส เพิ่งมาได้เวลาประจวบเหมาะวันนี้เอง

"พิพิทธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน"

จะบอกว่า ก่อนมาอิชั้นไม่รู้จักอะไรเท่าไหร่เลย รู้แค่ว่าคุณจิมแกเป็นฝาหรั่งที่มาอยู่เมืองไทย ชอบผ้าไหมไทยมากและมีส่วนส่งเสริมให้ดังระเบิดไปถึงเมืองนอก แต่ตอนหลังไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา แกเดินทางไปมาเลเซียและหายตัวไปแบบลึกลับ จนป่านนี้ไม่มีใครพบแม้แต่ร่องรอยของแกเลย

ซึ่งเราก็รู้มาแค่นี้จริงๆ อ้อ...ที่รู้เพิ่มคือ เค้าว่าบ้านแกสวยมากก เปิดให้ไปเที่ยวชมด้วย บรรยากาศดีทีเดียว

วันนี้ที่ผ่านมาทำธุระแถวนี้ อิชั้นก็เลยอยากจะมาเยี่ยมเยืยนเสียหน่อย 

แล้วเราก็มาถึงที่นี่ค่ะ อยู่ในซอยตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติ  นั่ง bts แล้วลงสาขานี้ก็ได้ สะดวกดี

มาถึงนี่แล้ว มารู้จักเจ้าของบ้านกันหน่อยนะคะ

จิม ทอมป์สัน หรือชื่อเต็ม เจมส์ แฮร์ริสัน วิลสัน ทอมป์สัน (อังกฤษ: James Harrison Wilson Thompson

เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน ที่มีชื่อเสียงจากการทำธุรกิจผ้าไหมในประเทศไทย และก่อตั้งบริษัท จิม ทอมป์สันขึ้น เขาหายตัวไปจากโรงแรมบนแคเมอรอนไฮแลนด์ รัฐอิโปห์ประเทศมาเลเซีย โดยไม่มีใครทราบเหตุการณ์ที่แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

ตอนบ่ายวันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 1967 จิม หรือเจมส์ เอช ดับเบิลยู ทอมป์สัน ก็หายตัวไปจากโรงแรมประเทศมาเลเซีย ขณะเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนวันหยุด และไม่มีใครทราบชะตากรรมของเขานับแต่นั้น มีเพียงพยานรู้เห็นว่า เขาเดินออกจากกระท่อมที่พักตามปกติ แล้วไม่กลับมาอีกเลย บ้างก็ว่าถูกโจรฆ่าตาย หรือเป็นแผนร้ายของคู่แข่งทางธุรกิจ ฯลฯ

จิมได้ทิ้งมรดกเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไหมไทย และเรือนไทยไม้สักที่ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยมีการรวบรวมศิลปวัตถุของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอาไว้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระพุทธรูปยุคสมัยต่างๆ

พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน อยู่ในความดูแลของมูลนิธิจิม ทอมป์สัน ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2539 จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์

จิม ทอมป์สันนับว่าเป็นบุคคลสามัญคนแรกที่พัฒนากิจการทอผ้าพื้นเมืองของไทย ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในต่างประเทศ

ก่อนจะเข้าชมบ้าน เรามาซื้อตั๋วกัน ราคา 100 บาทค่ะ

ตอนที่ซื้อตั๋ว เค้าจะถามเราก่อนว่าพูดภาษาอะไร ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ  เวลาเจอคนที่หน้าเข้าเค้าน้องๆเลยจะยิงคำถามเป็น pattern ว่า "Where are you come from?" 

ซึ่งอันนี้อิชั้นเข้าใจ เพราะโดนถามทุกที่แหล่ะ ส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าอิชั้นเป็นคนจีน  (ก็จีนจริงๆนี่)  แต่พออิชั้นบอกว่าคนไทยจ้า น้องๆมักจะเขินและมีหัวเราะเก้อๆนิดส์นึง

อยากบอกว่าท่านไม่ใช่คนแรกที่ทักผิด อย่าได้อายไปเลยจ้า...กิ้วๆๆ  (เอ๊ะ ปลอบใจแน่นะ)

ระหว่างทางเดินมีการสาธิตวิถีชีวิตแบบไทยๆ ทั้งต้มไหม ร้อยมาลัย ฝาหรั่งต่างชาติให้ความสนใจเพียบ

ตอนที่เข้าหน้าประตูจะมีน้อง reception จัดคิวให้เราเข้าชมภายในบ้าน ตามรอบเวลาที่กำหนด อย่างวันนี้อิชั้นได้คิวตอนบ่าย 3 โมง  เค้าเลยนัดเจอตรงนี้อีกที 

ระหว่างนี้เหลือเวลา 30 นาที เราสามารถเดินชมรอบๆบ้านได้ ถ่ายรูปได้คะ

ว่าแล้วก็เดินเลย 

สวยจังเลยค่ะ   บรรยากาศบ้านเรือนไทยสวยๆกับต้นไม้เขียวๆนี่สร้างความร่มรื่นได้อย่างดีจริงๆ

ชมยุ้งข้าวเก่า ตอนนี้เปลี่ยนเป็นโชว์งานผ้าแทน

วัตถุโบราณต่างๆนานาสารพัด 

ตอนนี้อิชั้นมีความรู้เกี่ยวกับคุณจิมเพิ่มเติมแล้วว่า แกต้องเป็นคนที่รักศิลปะมากจริงๆ

เพราะจากตาที่อิชั้นเห็นนี่ไม่ได้จำกัดแค่ของไทยชาติเดียว  มีทั้งอินโดนีเซีย จีน พม่า เขมร  เยอะไปหมด

SmileySmileySmileySmiley

แต่ตอนนี้ใกล้เวลาเข้าชม เราแวะเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า

ขนาดห้องน้ำยังไท๊ย ไทยอ่ะ คิดดู๊

ตอนนี้ก็ได้เวลาบ่ายสามแล้วค่ะ เราไปพบกับไกด์ของเรากันเถอะนะคะ

(รอบนี้มีอิชั้นคนเดียวค่า วีไอพีสุดๆอ่ะ มีไกด์ส่วนตัวด้วย)

ก่อนอื่นเราต้องฝากของในล๊อคเกอร์ ถอดรองเท้า  และงดถ่ายรูปในชั้นสองนะคะ

ภายในบ้านคุณจิม  เค้าพยายามคงสภาพเดิมเหมือนที่เจ้าของบ้านยังมีชีวิตอยู่ให้ได้มากที่สุด

ซึ่งการตกแต่งข้างใน บอกได้คำเดียวว่าทั้งสวยงาม น่าอยู่มากๆเลยค่ะSmiley

แต่ที่น่าชมเชยคือทั้งดูย้อนยุค และนำสมัยในที่เดียวกัน

คือย้อนยุคคือ  ในการเอาเรือนไทยโบราณ 6 หลังมารวมกัน และตกแต่งแบบสถาปัตยกรรมโบราณแบอยุธยา  ดูมีมนต์ขลังสะกดตาผู้ที่ได้พบเห็น  ฝรั่งที่มาเที่ยวแต่ละคนนี่ชมไม่ขาดปาดเลยค่ะว่าสวยงาม และ exotic มาก

แต่นำสมัยในด้านที่การปลูกสร้าง ในส่วนของเทคนิคที่ใช้  ถ้าเทียบกับในยุค 50 ปีก่อนนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ  และที่เดิ้นมาก  มีห้องน้ำบนเรือนด้วยนะคะ ขอบอก (สมัยก่อนบ้านคนไทยไม่นิยมสร้างห้องน้ำในบ้านค่ะ นิยมทำข้างนอกมากกว่า)

แถมในส่วนการตกแต่ง วัตถุโบราณแต่ละชิ้นที่วางแสดง ไม่ธรรมดาของจริง  อายุอานามนี่ใช่น้อยเลย  ส่วนใหญ่ที่เห็นก็เป็นหลักสี่ห้าร้อยปีอย่างต่ำ ชิ้นที่มากสุดเป็นรูปปั้นเขมรอายุ 1,400 ปี !!!!

อันนี้แหล่ะค่ะ 1,400 ปี

อยากจะร้องเฮ้ยย มาได้ไงอ่ะ แถมมีไม่ใช่น้อยนะคะSmiley เยอะมากกก ทั้งของไทย ลาว พม่า จีน อินโดนีเซีย ยุโรป  น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่ที่อยู่ข้างบน  เค้าไม่ให้ถ่ายรูป เลยเอามาให้ผู้ชมดูไม่ได้

แต่ทั้งนี้ความเป็นธรรมชาติของที่นี่คือการจัดวางวัตถุโบราณแบบไม่ได้อยู่ในตู้กระจกเหมือนพิพิทธภัณฑ์ทั่วไป  ทำให้เราได้เห็นความงามอย่างใกล้ชิดมากๆๆ (ส่วนตัวคิดมาแค่มาดูวัตถุโบราณก็คุ้มแล้ว )

บรรยากาศหมือนเราเดินเที่ยวในบ้านไม้โบราณของผู้ใหญ่ใจดีคนนึง ที่ชอบเปิดบ้านให้เรามาเที่ยวเล่นบ้านของท่าน และท่านก็อวดวัตถุโบราณแสนงามทรงคุณค่าที่ท่านชอบสะสมให้เราดูอย่างภูมิใจ

ว่าแต่ตอนนี้มีใครสงสัยเหมือนอิชั้นไหมค่ะว่า

ถ้าของเหล่านี้เป็นของโบราณจริงและประเมินค่ามิได้ขนาดนี้ มาอยู่ในบ้านคุณจิมได้ยังไงตั้งเยอะแยะ ทางการเค้าไม่ทวงเอาเหรอSmiley

ไกด์ก็อธิบายว่าจริงๆคือของทุกชิ้นได้ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรแล้ว  แต่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของมูลนิธิ

ทุกคืนหลังจากปิดพิพิทธภัณฑ์ก็ต้องมีเวรยามเฝ้า 24 ชม.

อิชั้นถามเล่นๆว่ามูลนิธิเคยประเมินมูลค่าวัตถุโบราณทั้งหมดในบ้านไหม น้องหัวเราะพร้อมสั่นหัวเบาๆว่าเปล่าหรอกพี่ เพราะมันคงประเมินไม่ได้แล้ว

อิชั้นนึกภาพออกเลย แค่รูปปั้นเขมรอายุพันสี่ร้อยขวบมูลค่าตอนนี้จะพุ่งทะยานไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้วไม่อยากจะคิด  ไม่นับว่าเงินเฟ้อสมัยนี้อีกนะ  เหอๆ

ไม่แปลกใจเลยที่เค้าจะให้ฝากกระเป๋า  โดนกังไสเล็กๆไปสักใบก็อ๊วกแล้ว

กันไว้ดีกว่าแก้เนอะ

ในส่วนของการเยี่ยมชมบ้าน ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 45 นาทีค่ะ

เมื่อน้องไกด์ปฎิบัติภารกิจเสร็จ หลังจากยกมือร่ำลากันแล้วก็เชิญชวนอิชั้นว่าข้างนอกยังถ่ายรูปต่อได้นะคะ เชิญตามสบายเลยค่ะ อิชั้นจึงใช้เวลาอยู่ต่อเก็บบรรยากาศอีกสักพักแล้วค่อยกลับ

ก่อนจะลาจากกันไป อิชั้นหันกลับไปมองเรือนไทยหลังใหญ่สีแดงที่ตั้งตระหง่านในหมู่ต้นไม้สีเขียวเข้ม

คิดในใจว่าถ้าคุณจิมจากไปไหนสักที่ ต้องเป็นด้วยความไม่สมัครใจเป็นอย่างแน่ คงจะเป็นอุปัทวเหตุหรือสิ่งไม่คาดฝันที่ร้ายแรงจริงๆที่พรากคุณจิมไปจากบ้านแสนรักหลังนี้

ถ้าบ้านมีความรู้สึกนึกคิดได้ จะเสียใจขนาดไหนนะ ที่คนที่รักเธอขนาดนี้ไม่กลับมาหาเธอตั้ง 50 ปีมาแล้ว และจะไม่กลับมาอีกตลอดไป..... Smiley

นึกๆก็เศร้าแฮ่ะ




Create Date : 19 กันยายน 2556
Last Update : 22 มิถุนายน 2557 15:12:12 น. 0 comments
Counter : 1187 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hi hacky
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




Life is a journey....
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hi hacky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.