เรามาที่บ้านจำลองบ้านเก่าที่สมเด็จย่าเคยประทับที่ฝั่งธนค่ะ
เป็นเรือนไม้มุมจากหลังกะทัดรัด
บนเรือนค่ะ
บ้านไทยหรือเรือนไทยสมัยก่อนไม่มีห้องน้ำในบ้าน จึงนิยมเอาโอ่งไว้ริมระเบียง
เวลาที่อาบน้ำก็อาบที่ริมระเบียงนี้เลย
เห็นแล้วนึกถึงบรรยากาศครั้งวันวาน
ของเก่าๆ
โหลเก็บขนม
ห้องบรรทม หรือห้องนอน
ส่วนนี้น่าจะเป็นครัว
หลังบ้านค่ะ
ที่นี่มีพิพิทธภัณฑ์เรื่องราวเกี่ยวกับสมเด็จย่าของเรา มีทั้งเรื่องทางประวัติศาสตร์และของใช้ส่วนตัวของพระองค์ท่าน มีมากมายน่าสนใจ น่าเข้าไปดูมากค่ะ
แต่น่าเสียดายที่ไม่อนุญาติถ่ายรูป เลยไม่มีรูปมาให้ชม
พอเดินเที่ยวสวนสมเด็จย่าเสร็จ เราก็เดินต่อที่ศาลเจ้ากวนอู เพราะอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ค่ะ
สำหรับศาลเจ้ากวนอูนี้ เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่ว่ากันว่า สร้างมานานกว่า 268 ปีเลยทีเดียว
ภายในประดิษฐานรูปเทพเจ้ากวนอู 3 องค์ ตามตำนานเล่ากันว่า องค์แรกคือองค์ที่เล็กที่สุด เข้ามาในประเทศไทยราวปี 2279 โดยชาวจีนฮกเกี้ยนได้อัญเชิญลงเรือมา
จากนั้นปี 2345 ผู้อัญเชิญเจ้าพ่อกวนอูองค์กลางมาเพิ่มอีกองค์หนึ่ง พร้อมติดป้ายชื่อศาลว่า "กวง ตี่ กู เมียว" สุดท้ายปี 2365 เจ้าสัวชื่อ "นายคงเส็ง" ได้บูรณะศาลแห่งนี้ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และอัญเชิญเจ้าพ่อกวนอูองค์ที่สามมาประดิษฐานร่วมกับอีกสององค์ พร้อมทั้งสร้างระฆังไว้หนึ่งใบ
จนปี 2444 คณะกรรมการและศิษย์ได้ร่วมกันสร้างศาลเจ้าหลังใหม่ขึ้น เนื่องจากเก๋งหลังเดิมชำรุดทรุดโทรม เมื่อสร้างเสร็จได้ตั้งชื่อเก๋งหลังใหม่นี้ว่า "กวงตี่ บู่ เชิ่ง เมียว"
นี่ไม่ใช่ศาลเจ้ากวนอูนะคะ แต่อิชั้นเห็นอยู่ใกล้ๆ ดูเก่าจัง น่าจะอายุหลายปีไม่ใช่น้อย...
ไหว้องค์กวนอูเสร็จ ตอนนี้ก็ได้เวลาสี่โมงครึ่งแล้วค่ะ
คงถึงเวลาที่เราจะต้องโบกมือลาฝั่งธนบุรี และกลับไปฝั่งพระนครเสียที
แต่การกลับของเราหนนี้ไม่ธรรมดา
"เราจะเดินข้ามสะพานพุทธกลับไปด้วยกันค่ะ "
เดินข้ามสะพานพุทธเป็นครั้งแรกในชีวิตเลย ตื่นเต้นจัง
ตามธรรมเนียมของเรา จะไปไหนต้องรู้ประวัติสักหน่อยนะ
วันนี้เป็นการเที่ยวที่เหนื่อยพอสมควร เพราะอากาศค่อนข้างร้อนด้วย และเดินเยอะด้วย
แต่เราก็สนุกกันมากเลย ประทับใจกันสุดๆ เพราะไม่ค่อยได้มีโอกาสมาตะลอนๆเป็นสาวโสดกันแบบนี้ ยิ่งเพื่อนหริยิ่งแล้วใหญ่ ลูกสามคนรอที่บ้านแล้วนะนั่น
อยากจะมีโอกาสได้เที่ยวแบบนี้อีกจัง....สนุกจริงๆ
ปิดท้ายบล๊อคด้วยวิวอาทิตย์อัสดง จากท่าสะพานพุทธนะคะ
กราบลาทุกท่าน ขอบคุณที่ติดตามชม สวัสดีค่า