แม้ขณะนี้กรมทางหลวง (ทล.) จะยังไม่ได้ลงเสาเข็มก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์สายใหม่ได้แม้แต่เส้นทางเดียว แต่ก็ไม่ย่อท้อ ยังเดินหน้าศึกษาแนวเส้นทางเพิ่มอีกหลายสาย
ล่าสุด ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษามี บจ.เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์, บจ.ไทยเอ็มเอ็ม และ บจ.ทรานส์คอนซัลท์ วงเงิน 23.7 ล้านบาท ศึกษาความเป็นไปได้ "โครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่ สายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ฉะเชิงเทรา" หรือมอเตอร์เวย์สายใหม่ ระยะทาง 40 กิโลเมตร
แนวเส้นทางที่ขีดไว้จะครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของกรุงเทพมหานคร (กทม.) สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา รวม 6 ตำบล โดยบริษัทที่ปรึกษาขีดแนวมาให้เลือก 3 แนว สุดท้ายเมื่อพิจารณารอบด้านแล้ว พบว่าแนวทางที่ 2 มีความเหมาะสมที่สุด
ตลอดสายทางจะเป็นการตัดถนนใหม่ จุดเริ่มต้นจะเป็นทางแยกต่างระดับจะเชื่อมต่อมอเตอร์เวย์สายกรุงเทพฯ-พัทยา บริเวณกิโลเมตรที่ 17 จากนั้นแนวเส้นทางจะมุ่งไปทางทิศตะวันออก โดยเขตทางอยู่ติดเขตทางของทางรถไฟสายตะวันออกทางด้านเหนือ ผ่านแขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง ผ่านตำบลคลองหลวงแพ่ง แล้วเข้าเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา ผ่านตำบลคลองอุดมชลจร ตำบลคลองเปรง
เมื่อใกล้ถึงสถานีคลองบางพระ แนวจะเบนไปทิศตะวันตะวันออกเฉียงเหนือก่อนจะวกกลับไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตัดข้ามทางรถไฟบริเวณด้านตะวันออก ของสถานีรถไฟบางพระ ในเขตตำบลบางเตย ผ่านตำบลบางกะไห จากนั้นแนวจะตัดตรงไปผ่านเข้าตำบลโสธร แล้วอ้อมไปทางด้านใต้ของอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
แล้วเบี่ยงไปทางทิศตะวันออก ตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 314 บริเวณกิโลเมตรที่ 15 ด้านใต้ของทางแยกทางเลี่ยงเมืองฉะเชิงเทรา แล้วตัดตรงเข้าเขตตำบลบางพระ ต่อเนื่องเข้าเขตตำบลบางกรูด อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วตัดข้ามแม่น้ำบางปะกง เลียบไปตามแนวเขตทางระหว่างตำบลคลองนา อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา กับตำบลหนองบัว อำเภอบ้านโพธิ์ ตรงไปเข้าเขตตำบลดอนทราย ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 315 บริเวณกิโลเมตรที่ 40 แล้วตัดทางรถไฟสายฉะเชิงเทรา-ชลบุรี
สิ้นสุดเส้นทางที่เขตตำบลดอนทราย อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยจะบรรจบกับมอเตอร์เวย์สายสระบุรี-บางปะกง บริเวณกิโลเมตรที่ 125 รวมระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร
จากการประเมินคร่าวๆ จะใช้เงินก่อสร้างประมาณ 16,921 กว่าล้านบาท ค่าชดเชยเวนคืนอีก 3,876 ล้านบาท เนื่องจากจะมีการเวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 1,000 ราย แยกเป็นที่ดิน 2,505.3 ไร่ วงเงิน 3,343 ล้านบาท และสิ่งปลูกสร้าง 586 หลัง วงเงิน 499 ล้านบาท ปริมาณการจราจรที่จะมาใช้เส้นทางนี้อยู่ที่ 22,641 คันต่อวัน
ที่ผ่านมากรมทางหลวงได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชนระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะจะมีการเวนคืนที่ดินจำนวนมาก ส่งผลกระทบทำให้ต้องย้ายถิ่นที่อยู่ และอาจได้ค่าชดเชยที่ไม่เป็นธรรม
ขณะที่กรมทางหลวงระบุว่า ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นเพื่อเสริมโครงข่ายการเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะพื้นที่ฉะเชิงเทราที่ปัจจุบันต้องรับบทหนัก เพราะหลังเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ฉะเชิงเทรากลายเป็นเมืองศูนย์กลาง และทางผ่านของการขนส่งสินค้าระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ทำให้มีปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งโครงข่ายทางหลวงปัจจุบันไม่สามารถรองรับความต้องการในการเดินทาง และการขนส่งสินค้าได้อย่างเพียงพอ และอาจเป็นปัญหาในอนาคต
อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงยังไม่ได้ฟันธงว่าจะก่อสร้างโครงการนี้ แต่ภายในอีก 4-5 ปีข้างหน้าอาจต้องหยิบยกมาพิจารณา และอาจตัดสินใจเดินหน้าโครงการ