สู่หัวใจพ่อ สู่หัวใจลูก..น้ำตาเปื้อนยิ้มในหนังไทยเรื่องหนึ่งที่ดีที่สุด..
เมื่อวาน Tweet ค้างไว้ว่า

"บ้านฉัน ตลกไว้ก่อน หนึ่งในหนังไทยที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของ GTH"

วันนี้เลยจะมาพูดถึงความรู้สึกและมุมมองของคนดูหนังที่ได้รับ หลังจากดุหนังเรื่องนี้จบ

วันนี้จะไม่วิจารณ์ใดๆในเชิงการศึกษาทั้งสิ้นนะคะ ปิดตำรากันเลยดีกว่า เพราะศิลปบางแขนง มันต้องใช้หัวใจสัมผัสเท่านั้น ถึงจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

ถ้าใครคิดว่า นี่ก็เป็นหนังเรื่องนึงที่เน้นตลกโปกฮาไปเรื่อย ไม่แปลกค่ะ เพราะแรกๆดิฉันก็คิดอย่างนั้น ก็แหม..เล่นตัดเทรลเลอร์มาซะอย่างกับช่วงใหม่ของรายการ "ก่อนบ่ายคลายเครียด" ยังไงยังงั้น

จนน้องที่ออฟฟิศคนนึง เดินมาถามว่าดูเรื่องนี้หรือยัง พอบอกว่ายัง มันก็ทำหน้าเซ็งโลกสุดขีด ทำนองว่า "นี่ชั้นอยู่ออฟฟิสเดียวกับยัยเจ๊นี่จริงๆเหรอเนี่ย!" แล้วมันก็รุกล้ำกึ่งข่มขืนใจด้วยถ้อยคำประมาณว่า

"พี่เฮี้ยง พี่เฮี้ยงต้องไปดูให้ได้ มันดีจริงๆ มันดีสุดๆเลย"

"ดีแบบ 5 แพร่ง ที่แกเคยเชียร์ให้ชั้นไปดูนักดูหนาหรือเปล่า" นังคนนี้นั่นแหละค่ะ ท่านผู้ชม ที่เคยเป็นแกนนำ นปซ ที่แปลว่า นำไปเซ็ง เพราะมันเชียร์สุดลิ่มทิ่มประตูว่า 5 แพร่งดีม๊ากมาก ดีกว่า 4 แพร่งอีก ซึ่งหลังจากดูจบ ดิฉันก็สาบานกับตัวเองว่า จะไม่เชื่อมันอีกเลย ฉะนั้น เมื่อคะแนนการแนะนำของมันตกต่ำขนาดนี้ ยังหาญกล้ามาชวนดู "บ้านฉันฯ" อีก ดิฉันจึงมองมันด้วยสายตาหวาดหวั่นปนหวาดกลัว...

"ไม่ๆๆ อันนี้ยืนยันไม่เลย ไปดูเหอะ" เออ..ชั้นจะลองเชื่อแกอีกครั้งเดียว

จริงๆ ก็พอจะรู้อยู่หรอกค่ะว่าเรื่องนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวก แต่แหม..เอาเข้าจริง คำวิจารณ์พวกนี้ วัดอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ เพราะลางเนื้อชอบลางยา และดิฉันก็เป็นคนดูหนังที่มีลักษณะเฉพาะตัว (อย่างน่าถีบ) บางทีจึงไม่ค่อยอีนังขังขอบกับคำวิจารณ์มากนัก บังเอิญเมื่อวานมีจังหวะว่างพอดี เลยตีตั๋วเข้าไปดูสักหน่อย...แล้วก็ได้รู้ว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ยิ่งกว่าการเลือกผู้ชายมาทำปั๋วเลยเชียวล่ะค่ะ..

หนังเล่าเรื่องราวของตลกครอบครัวหนึ่ง ที่มีลูกสองคน คนโตผู้ชาย คนเล็กผู้หญิง.. ประเด็นคือ ลูกชายคนโตนั้น เป็นคนที่ดับอนาถกับอาชีพตลกอย่างน่าตกใจ ในขณะที่ลูกสาวคนเล็ก ประดุจดังเทพล้อต๊อกกลับร่างมาเกิดยังไงยังงั้น ซึ่งนี่คือแก่นเรื่องที่กลายเป็นที่มาของ "สาระสำคัญ" ที่หนังต้องการสื่อ..

เมื่อตอนที่ดิฉันเริ่มมีลูกนั้น เคยคุยกับคุณกตัญญูเธอไว้ว่า ในฐานะของคนเป็นแม่ ที่อยากเป็นให้ดีที่สุด ไม่ใช่สักแต่แต่งงานเพื่อให้ได้มีเซ็กส์อย่างถูกต้องตามกฎหมายเฉยๆ แต่ความหมายของครอบครัวสำหรับดิฉัน คือการสร้าง "คนดีๆ" ขึ้นมาสักคนสองคน ซึ่งคนดีๆที่ว่านั้น จะกลายเป็นอนุสรณ์แห่งความสำเร็จของดิฉันและคุณกตัญญูได้อย่างเจ๋งเป้งที่สุด ชนิดไม่ต้องเสียเวลาจ้างช่างปฎิมากรรมไหนๆ มาขึ้นโมลด์แต่อย่างใด

ดิฉันเชื่อว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคน มีแนวคิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับมนุษย์ตัวเล็กๆที่เราเรียกว่าลูกเหมือนกันทั้งหมด นั่นคือ "ขอให้ลูกมีชีวิตที่ดีที่สุด" เท่าที่เจ้าของสเปิร์ม และมดลุก จะสามารถบันดาลให้ได้ ต่างกันออกไปก็ตรงที่ คำว่า "ดีที่สุด" ของแต่ละคนนั้น ล้วนต่างกันโดยสิ้นเชิง

บ้างก็คิดว่า ต้องแดงที่สุดเท่านั้น ถึงจะโกงชาติได้.. เอ้า นอกเรื่อง

บ้างก็คิดว่า ต้องรวยที่สุด ชีวิตถึงจะดีที่สุด
บ้างก็คิดว่า ต้องฉลาดที่สุด ชีวิตถึงจะดีที่สุด
บ้างก็คิดว่า ต้องขยันที่สุด ชีวิตถึงจะดีที่สุด
แต่สำหรับบ้านดิฉัน คอนเสปท์มีง่ายๆไม่ยุ่งยากอะไรเลย นั่นคือ "หนูจะเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น สำคัญ ขอให้หนูเป็นคนที่มีความสุขที่สุดก็พอแล้ว"

พอมาดูหนังเรื่องนี้ บอกได้อย่างไม่อายว่า นี่ถ้านั่งในโรงคนเดียว ดิฉันคงสะอื้นฮั่กๆ เข้าให้ เพราะในขณะที่หัวเราะจนกรามค้าง น้ำตามันก็สามารถแทรกตัวขึ้นมารื้นได้ในทันทีในฉากต่อไป..เรียกว่าเป็นหนังสั่งอารมณ์ได้...ทำนองนั้น

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดจากหนังเรื่องนี้ ที่โดนใจอย่างรุนแรง คือการชูประเด็นของความรักความผูกพันระหว่างผู้ชายที่รักกันที่สุดสองคนในโลก แบบไม่ใช่เกย์ นั่นคือ "พ่อกับลูก" หลังจากที่เราได้มีโอกาสเห็นหนังจำนวนเป็นกระสอบที่เน้นการหากินกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก ซึ่งบางครั้งถ้าคุณไม่ได้ทำหนังที่เจ๋งที่สุดแล้ว สำหรับดิฉัน มันออกจะดาดๆไปแล้วค่ะ

ในฐานะลูก..ดิฉันเข้าใจคุณพ่อดิฉันนะคะ พ่อผู้ไม่เคยพูดชม พ่อผู้ไม่เคยโอบกอด พ่อผู้ยืนอยู่คนละฟากฝั่งของความใกล้ชิด พ่อผู้มีแต่คำสั่ง ไม่มีคำอธิบาย พ่อผู้มีตัวเองเป็นศูนย์กลางของความถูกต้อง และ..พ่อผู้รักลูกที่สุดในชีวิต...นี่คือคุณพ่อของดิฉันค่ะ

หลายๆครั้งที่ดิฉันเคยนั่งคิดว่า "กอดของพ่อนี่มันแพงไหมหนอ..." "คำชมของพ่อนี่ ต้องเอาปืนจี้ขู่บังคับให้พูดหรือเปล่า" และ "มือที่วางอยู่ข้างกายนั้น จะว่างพอลูบหัวลูกสาวคนนี้ได้มั้ยนะ..." แต่ไม่เคยสงสัยในความรักของท่านเลยแม้แต่สักวินาทีเดียว และแน่นอน ดิฉันไม่เคยนึกเสียใจแม้แต่สักน้อยหนึ่งที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อคนนี้

ในฐานะแม่ ดิฉันได้ให้สิ่งที่ดิฉันเคยโหยหาและยังโหยหาจากพ่อกับลูกๆดิฉันจนหมด มากจนเกินพอ จนรู้สึกว่าดิฉันโชคดีเหลือเกินที่ได้มนุษย์ตัวเล็กๆสองคนนี้เป็นลูก และล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ที่สุด คือการได้แต่งงานกับผู้ชายคนนี้

นับจากวันแรกที่รู้ว่าท้อง..โลกของคนเป็นพ่อ ก็ดูจะได้สมาชิกใหม่แทบจะในทันที

โขนเขินจะเคยรู้มั้ยว่า พ่อรักพวกเขามากแค่ไหน ไม่แปลกใจเลยถ้าจะรู้ว่า โลกของเขา หมุนอยู่รอบๆตัวของเด็กทั้งสองคน..และชีวิตนับจากวันแรกคลอด ก็ได้เปลี่ยนแปลงผุ้ชายคนนึงไปแล้วตลอดกาล

เปลี่ยนจากผู้ชายที่แสนดีคนหนึ่ง ไปสู่พ่อที่ประเสริฐที่สุด
เปลี่ยนจากผู้ชายอ่อนโยน เป็นพ่อผู้อบอุ่น
เปลี่ยนจากผู้ชายไม่ค่อยรวย เป็นเจ้าของไร่แห่งความรัก
เปลี่ยนจากผู้ชายไร้จุดหมาย เป็นพ่อที่มีความหวังในทุกๆวัน

พวกหนูรู้ไหม..สำหรับพ่อแล้ว

นิทานที่สนุกที่สุด คือเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับพวกหนู
เพลงที่ขับกล่อมพ่อให้นอน คือเสียงกรนของพวกหนู
กลิ่นที่หอมที่สุด คือกลิ่นแก้มของพวกหนู
เสียงสวรรค์ที่เพราะที่สุด คือเสียงหัวเราะของพวกหนู
ความงามที่งามที่สุด คือรอยยิ้มของพวกหนู
และคำที่ไพเราะที่สุด คือคำว่า "พ่อ" ที่พวกหนูใช้เรียกผู้ชายคนนี้..

อย่าลืมรักพ่อให้มากที่สุดในทุกๆวันนะคะ...







Create Date : 08 เมษายน 2553
Last Update : 12 เมษายน 2553 0:16:17 น.
Counter : 365 Pageviews.

2 comments
  
อ่านแล้วยังไม่ได้ดูหนังแต่บอกได้คำเดียว อิ่มใจค่ะที่ได้อ่าน
โดย: ตา IP: 180.180.20.27 วันที่: 10 เมษายน 2553 เวลา:7:50:28 น.
  
บ้านพี่เฮี้ยงนี่ดูอบอุ่นน่ารักมากๆ เลยครับ

ps. นัทยังไม่ได้ไปดูเรื่องนี้เลยล่ะ
โดย: malaguena วันที่: 13 เมษายน 2553 เวลา:13:31:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใคร
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



แม่ลูก 2 ที่กลัวการเป็นแม่ลูก 3 อย่างยิ่ง และ ผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก ที่สามารถหลอกผู้ชายที่ดีที่สุดในจักรวาลมาเป็นคู่ชีวิตได้ ล่าสุด...ผู้หญิงหลากฝัน ที่ยังไม่สามารถจัดการกับเวลาของตัวเองได้..ฮ่วย!
White border erased BG Bullet