Smiley"Ohana means family. Family means no one gets left behind."Smiley
Group Blog
 
All blogs
 

Capri เกาะน่ารัก แต่ไม่น่าอยู่


ขึ้นชื่อเรื่องแบบนี้ จะมีใครอ่านไหมนี่ มันดูน่ากลัวไปหน่อยนะ แต่ถ้าได้อ่านแล้วเพื่อนจะเข้าใจ
เรากลับมาหลายวันแล้วแต่ยังยุ่งๆ เลยไม่ได้เขียนเลย วันนี้มีโอกาสเข้ามาเขียนเรื่องราว เล่าสู่กันฟังจ๊ะ



เกาะคาปรี (Capri) เป็นเกาะเล็กๆ น่ารัก ขนาดแค่ 11 ตร.กม. เท่านั้นเอง สภาพโดยทั่วไปของเกาะเป็นหินปูนก้อนใหญ่ก้อนเดียวมีความยาว 6.25 กม.และกว้าง 3 กม. อยู่ห่างจากชายฝั่ง ประมาณ 5 กม. เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของแหลมซอร์เรนโต้ แล้วหลุดออกมากลายเป็นเกาะ แต่อยู่ดีๆ มันคงไม่หลุดเองหรอกนะ มันเป็นผลจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกนะ


เกาะคาปรี ตั้งอยู่ทางใต้ของอ่าวเนเปิล อดีตเคยถูกใช้เป็นสถานที่ตากอากาศของชนชั้นสูงมาตั้งแต่สมัยโรมันเรืองอำนาจ จนกระทั้งมีการส่งผ่านอำนาจปกครองมาหลายยุคหลายสมัย และได้กลับมาอยู่ในฐานะสถานที่ตากอากาศยอดนิยมของชนชั้นสูง และผู้มีชื่อเสียงหลายคน ต่างมาจับจองวิลล่าส่วนตัว สำหรับการพักผ่อน


เกาะคาปรี ประกอบด้วย 4 หมู่บ้าน แต่มีเมืองใหญ่ๆ อยู่ 2 เมือง คือ เมืองคาปรี และ อนาคาปรี เมืองคาปรีอยู่ตรงส่วนล่างของเกาะ สามารถเดินทางไปได้โดยรถรางเคเบิล หรือนั่งรถขึ้นไป ส่วนอนาคาปรีนั้นจะอยู่ตอนบนสุดของเกาะ 2 เมืองนี้เดิมเขาไม่ถูกกันด้วยชัยภูมิ แต่ปัจจุบันสามารถเดินทางถึงกันโดยรถยนตร์ มีถนนแคบๆเชื่อมถึงกัน ถนนเล็กและแคบมากจริงๆ ที่นี่เขาสงวนการขับรถไว้เฉพาะเจ้าถิ่นเท่านั้น ก็ถนนทั้งแคบทั้งชัน ยิ่งขึ้นเขาสูงไปเมืองอนาคาปรีด้วย เล็กไม่พอ ยังมีทางหักศอกอีกตั้งหาก ต้องมืออาชีพจริงๆแหละ


ลืมบอกไป เกาะคาปรี อยู่ในประเทศอิตาลี ทางตอนใต้ เพื่อนๆ หลายคนที่เคยมาอิตาลีแล้ว อาจจะรับรู้ได้ว่าการลงมาเที่ยวทางตอนใต้ของอิตาลีนั้นเป็นอย่างไร แม้แต่เพื่อนเรา เป็นตำรวจอิตาลีด้วย ยังห้ามเลยถ้าจะมาแถวเอง แต่โชคดี สารถีของทริปเรา เป็นคนนโปลี แต่มีใจให้โรมา เขาบอกว่าบ้านเขาอยู่ระหว่างกลางก็จริงแต่อยู่ใกล้โรมมากกว่า ชักนอกเรื่องแล้วละ แต่เราได้รู้ละว่ามาเฟียมาเป็นยังไง

การเดินทางมาเกาะคาปรี ก็ไม่อยากหรอก นั่งเรือเฟอร์รี่มา จะมาทางเมืองนโปลีก็ได้ หรือมาทางเมืองซอเรนโต้ก็ได้ ใช่แล้ว เมืองซอเรนโต้ที่มาของเรื่องนางไซเรนนั่นแหละจ๊ะ



นั่งเรือมาไม่นานหรอกประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง กำลังเพลินๆเลย ทั้งฟังวิธีการปฎิบัติตัวบนเรือ ชูชีพ อะไรๆต่างๆ สักพักก็มีหนุ่มกลาสีน่าตาดีเดินขายของฝากของเกาะคาปรี ทั้งเหล้ามะนาวแสนแรง ทั้งกระเป๋าถือ และอื่นๆ มีมากมาย เดินกันไม่เหนื่อยเลยละ

ถึงท่าเรือมาริน่า แกรนเด เกาะคาปรี เราก๊ได้เห็นน้ำทะเลแสนสวย สีฟ้าใส ท่าเรือ บ้านเรือนสีสันตัดกันสวยดี คนก็ดูวุ่นวาย ท้องฟ้าก็มีนกทะเลบินให้ว่อนเลยละ



ถึงเกาะแล้วเราก็เริ่มเที่ยวเลย ก็ฝากกระเป๋าไว้บนรถให้ส่งไปที่โรงแรมก่อน แล้วเดินตัวเปล่าไปเที่ยว ไม่ได้เดินจ๊ะ นั่งรถคันเล็กไปกัน เพราะเดินขึ้นเขาก็คงไม่ไหว ความจริงเกาะนี้เขาดังเรื่อง ถ้ำบูลกร็อตโต้ ตั้งอยู่ตอนเหนือของเกาะ ปากถ้ำมีรูปร่างคล้ายรูกุญแจ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ใต้น้ำ ส่วนที่อยู่เหนือผิวน้ำสูงเพียง 4 ฟุตเท่านั้น ซึ่งจะต้องนั่งเรือเล็กเข้าไป ท้องน้ำเป็นสีน้ำเงินเข้มสวยใส แต่โชคเราไม่ดี น้ำขึ้น คลื่นแรงเลยเข้าถ้ำไม่ได้ เสียดายจริงๆ แต่ไม่เป็นไร เราเอารูปมาฝากแทน

ขอบคุณรูปจาก mgsforums.com

เราขึ้นไปบนสุดของเกาะก่อนด้วยรถบัสคันเล็กๆ นั่งแบบอบอุ่นได้ไม่เกิน 25 คนหรอก รวมเปิดเกาอี้พับตรงกลางด้วย ที่นี่เขาจัดระเบียบกันดีมาก รถถึงจะเหมาเฉพาะคณะ แต่รถก็ไม่สามารถอยู่รอเราแบบที่อื่นๆนะ เราจะต้องเข้าคิว ใครมาก่อนก็ได้ไปก่อน ไม่มีการแซงคิวกัน ลงรถเมื่อถึงจุดท่องเที่ยว ไปเที่ยวเสร็จแล้วก็จะต้องรอรถคันใหม่เวียนมารับ เขามีจุดรับส่งโดยเฉพาะ ไม่มีการขึ้นลงซี้ซั้วด้วย เพราะงั้นห้ามทิ้งอะไรไว้บนรถละ


ลงรถเราเดินขึ้นเนินไปหน่อย 2 ข้างทางบนเกาะก็มีจะสวนมะนาว (Lemon) สวนส้มอยู่เต็มไปหมด ตั้งแต่ซอเรนโต้แล้วละ แม้กระทั้งที่ปอมเปอี เขาจะเอาต้นมะนาว ต้นส้มมาปลูกแทนต้นไม้ตาม 2 ข้างทางเลย มันเลยเป็นที่มาของเหล้ามะนาวไงละ นอกจากจะทำเหล้ามะมาวรสแรงแล้ว แรงก็เพราะมีแอลกอฮอลผสมอยู่เยอะไง ยังมีเหล้าที่ทำจากเมลอน และนมอีกด้วย แต่ระดับแอลกอฮอลก็จะลดลงตามลำดับ ชิมซะมึนไปหมดเลย ถือว่าเป็นของฝากอย่างนึงในเมืองตอนใต้ของแถบนี้เลย เขาทำสีสันต่างกัน ในขวดรูปต่างๆ เช่นรูปพระจันทร์ พระอาทิตย์ รองเท้าบู้ท ไวโอลิน ในสีขาวผสมนม
สีส้มของเมลอน และสีเหลืองของมะนาว ใครมาต้องมาลองชิมให้ได้ละ
เลยนอกเรื่องอีกแล้ว ยังไม่ได้เที่ยวกันเลย

เดินขึ้นเนินมาเราจะเจอสถานีกระเช้า เพื่อนั่งกระเช้าขึ้นสู่ Mount Solaro ไปบนจุดชมวิว ซึ่งจะเห็นวิวสวยๆ แบบพาโนราม่าของเกาะและน้ำทะเลสีน้ำเงินครามเลยละ และไม่พลาดเก็บภาพกับไอ้เขาหิน 3 ก้อน (Siren’s Rock) ที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะกันละ สวยมากๆ ดูรูปเอาก็แล้วกัน


ลงจากจุดชมวิว เราก็ลงมาที่จตุรัสเมืองอนาคาปรี ไปลองพิซซ่าดั่งเดิมสักถาด เขาเสิร์ฟกันยังงี้จริงๆ เตาถ่านของแท้คนละถาดเลย ต่อด้วยจานหลัก อาหารทะเลชุปแป้งทอดเสิร์ฟกับผักสลัด ตบท้ายด้วยของหวาน ไอศกรีมสักถ้วย


ทานเสร็จเราก็มาเดินเล่นในเมืองกัน ของฝากที่นี่ อะไรๆ ก็มะนาวละ ทั้งเหล้ามะนาว สบู่มะนาว ครีมมะนาว น้ำหอม จานรูปมะนาว แล้วก็มะนาว



เลยเข้ามาในซอยหน่อยก็เป็นทางไปสู่วิลล่าซานมิชเชล และปราสาทบาบารอสซ่า ซึ่งด้านหลังเป็นจุดชมวิวที่น่าดูอีกแห่งนึง และก็มีพิพิธภัณฑ์ Axel Munthe Museum



เมื่อลงจากอนาคาปรี ถึงคาปรีด้านล่าง ซึ่งเป็นที่พักของเรา โรงแรมคาปรี หลังสีชมพูน่ารัก แค่โรงแรม 4 ดาวอย่างเราพักนี่อย่างน้อยก็ 100 ยูโรแล้ว ค่าครองชีพมันแพงงี้เอง แต่ถ้าโรงแรมอย่าง Grand Hotel Quisisana ไม่ต้องพูดถึงคืนละเป็นหมื่นอัพเลย แต่ก็มีคนดังหลายๆคนนะที่ชอบมาพักกันที่นี่ อย่างนักบอลชื่อดังของอิตาลีอย่างตอตติก็เคยมาพัก




เดินจากโรงแรมก็ไม่ไกลกับจุดศูนย์กลางของเมืองคาปรี ที่พลาซ่า The Piazzetta หรือ Piazza Umberto ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นห้องรับรองของคาปรี มันเป็นที่รวมของหลายๆอย่างทั้งหอนาฬิกา สถานีรถเคเบิล โบส์ถ Santo Stefano บาร์ โรงแรม และร้านค้าต่างๆ เป็นศูนย์รวมจริงๆ เลยละ ได้เดินเล่น ซื้อของฝาก




แล้วอย่าลืมไปทานไอศกรีมเจลาโต้ที่เขาว่าอร่อยที่สุดบนเกาะละ มีทั้งถ้วยวัฟเฟิลที่ทำสดใหม่ กลิ่นหอมหวาน ต้านทานไม่ไหวจริงๆ จนต้องลอง


เดินเที่ยวสักพักก็ต้องหลบไปหามุมเก็บภาพพระอาทิตย์ตกทะเลก่อนๆ ไปทานอาหารค่ำ จิบไวน์เพลินๆ ก่อนเข้านอน เพราะรุ่งเช้าเราต้องข้ามเรือกลับไปฝั่งนโปลีแล้วละ



ลาทีเกาะคาปรีที่น่ารัก แต่ไม่น่าอยู่(นาน) สมเป็นไข่มุกแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเป็นเกาะที่ค่าใช้จ่ายสูงจริงๆ ไว้เราเก็บตังส์อีกทีแล้วเราจะกลับมา



ขอบคุณ ทราเวล สตรีท ที่จัดทัวร์ดีๆให้




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2554 21:21:34 น.
Counter : 3150 Pageviews.  

Stich ชวนไปดูลิงที่นิกโก้

เพื่อนๆ คงงง ที่อยู่ๆ จะพาไปดูลิง ไม่มีอะไรจะดูแล้วใช่ไหมนี่
แต่ลิงที่ผมจะพาไปดูไม่ใช่ลิงตัวเป็นๆ อย่างในสวนสัตว์หรอกนะครับ
แต่มันเป็นลิงที่อยู่ในศาลเจ้า

มันอยู่ที่ เมืองนิกโก้ ซึ่งห่างจากกรุงโตเกียวไปทางทิศเหนือประมาณ 140 กิโลเมตร เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างประเทศ และยังเป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย

ไอ้ลิงตัวที่พาไปดูนี่ มันอยู่ที่ ศาลเจ้าโทโชกุ ซึ่งเป็นสุสานของท่าน “โตกุกาว่า อิเอะยาสึ” อดีตโชกุนที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นท่านหนึ่ง

ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เป็นสถาปัตยกรรมที่ซับซ้อน สวยงาม และมีงานจิตรกรรมที่ล้ำค่ามีความหมายนัยแฝงอยู่มากมาย แล้วลิงที่ว่าก็คือ งานแกะสลักรูป ลิง 3 ตัว มีท่าทางแตกต่างกัน ตัวหนึ่งปิดหู ตัวหนึ่งปิดปาก และอีกตัวหนึ่งปิดตา เป็นผลงานของท่าน “จินโกโร่ ฮิดาริ” ช่างแกะสลักระดับปรมาจารย์ โดยลิงทั้ง 3 แสดงท่าทางต่างกัน สื่อถึง หากเราไม่มอง ไม่ฟัง ไม่พูดในสิ่งที่เลวร้าย เภทภัยก็จะไม่ย่างกรายสู่ตัวเรา

สมแล้วที่อยู่ในศาลเจ้า ก็จะให้แง่คิดอย่างนี้แหละครับ


และที่ศาลไม่ได้มีแค่ลิงอย่างเดียวนะ ยังมีแมวหลับด้วย
แมวหลับ เป็นงานศิลป์ระดับโลกที่มีความหมายแฝงถึงความสงบสุข ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินเจ้าเก่าท่าน “จินโกโร่ ฮิเดริ” รูปแมวนอนหลับ มีนกกระจอกอยู่ใกล้ๆ ซึ่งถ้าแมวตื่น นกกระจอกก็จะถูกจับกิน แต่แมวนั้นหลับ นกกระจอกก็อยู่อย่างปลอดภัย มีความหมายนัยแฝงว่าประเทศชาติ (ญี่ปุ่น) นั้นพ้นช่วงของเภทภัยแล้วและกำลังอยู่ในความสงบสุข ปัจจุบันงานศิลป์ชิ้นนี้ถือว่าเป็นสมบัติของชาติญี่ปุ่นแล้ว

นอกจากนี้ยังมีผลงานรูปสัตว์ในเทพนิยาย ทั้งมังกร อิคิ (คล้ายมังกร แต่มีรูจมูกอยู่บนริมฝีปาก) ชิน (คล้ายมังกร) มังกรบิน ม้ามังกร สิงห์ เป็นต้น แล้วแวะไปเที่ยวชมกันนะจ๊ะ


ที่เมืองนี้นอกจากศาลเจ้าโทโชกุแห่งนี้ แล้วยังมีสถานที่น่าท่องเที่ยวอื่นๆ อีกด้วยครับ

สะพานชินหรือชินเคียว (Shinkyo Sacred Bridge) เป็นสะพานไม้ที่สวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น สะพานซินเคียวนี้มีลักษณะเป็นสะพานไม้สีแดง เป็นสะพานศักดิ์สิทธิ์

ตามตำนานกล่าวว่าเมื่อครั้งคณะสงฆ์ นำทีมโดยพระโชโต (Priest Shoto) เดินธุดงค์บำเพ็ญเพียรเพื่อขึ้นเขานันไต พอมาถึงแม่น้ำไดยากาว่า ก็ข้ามไม่ได้ เนื่องจากน้ำไหลเชี่ยวมาก พระโชโตจึงคุกเข่าสวดมนต์อ้อนวอน ทันไดนั้นเทพเจ้าจินจาไดโอ ก็ปรากฏกายขึ้นมาพร้อมด้วยอสรพิษคู่หนึ่ง (ตัวหนึ่งสีแดง อีกตัวสีน้ำเงิน) ท่านเทพเจ้าก็ได้ปล่อยอสรพิษทั้งคู่ให้กลายร่างเป็นสะพานสายรุ้ง และมีต้นหญ้าทรงกระเทียมงอกอยู่บนนั้นด้วย ทำให้พระโชโตและคณะสามารถข้ามผ่านแม่น้ำไดยากาว่าได้โดยปลอดภัย

เมื่อพระโชโตหันกลับมามองปรากฏว่าทั้งสะพานและเทพเจ้าก็ได้อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย เหตุนี้สะพานชินจึงมีอีกชื่อว่า สะพานยามาสุเกะโนะ-จาบาชิ ซึ่งแปลว่า สะพานอสรพิษแห่งหญ้าทรงกระเทียมนั่นเอง

สะพานนี้มีความยาว 28 เมตร กว้าง 7.4 เมตร สูงจากระดับแม่น้ำ 10.6 เมตร ไม่ปรากฏปีที่สร้างแน่ชัด แต่มีหลักฐานอ้างอิงว่าน่าจะมีมาก่อนปี ค.ศ. 1486 และก็ได้บูรณะซ่อมแซมเปลี่ยนรูปทรงของสะพานเรื่อยมา โดยได้บูรณะครั้งล่าสุดเมื่อปี ค.ศ. 1997 นี้เอง ปัจจุบันสะพานชินถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้าฟุตาระซัง และนับเป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งด้วย


และอีกรูปข้างๆ ก็จะเป็น น้ำตกเคง่อน ซึ่งเกิดมาจากแม่น้ำโอจิริ ที่ไหลออกจากทะเลสาบชูเซ็นจิ เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งในญี่ปุ่น
มีความสูง 99 เมตร และมีความกว้างของฐานน้ำตกประมาณ 7 เมตร เวลาที่จะไปชมก็ต้องขึ้นลิฟท์ไปละ

ถ้ามีเวลาต่อกันอีกหน่อยก็ไปแวะชมทะเลสาบและวัดชูเซ็นจิกันละ




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2553    
Last Update : 11 สิงหาคม 2554 9:11:43 น.
Counter : 1220 Pageviews.  

Stitch ชวนไปเที่ยวโอซาก้า

โอซาก้า เป็นเมืองหลักทางการค้าขายกับต่างประเทศ นับตั้งแต่การก่อตั้งในศตวรรษที่ 7 มหานครโอซาก้าเป็นศูนย์รวมธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่น รองจากกรุงโตเกียว เลื่องชื่อทางด้านอาหารชั้นเลิศ และละครประเภทสุขนาฎกรรม และในปี ค.ศ. 1970 ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมนานาชาติครั้งแรกในทวีปเอเชีย ในปี ค.ศ. 1994 มีการเปิดสนามบินนานาชาติคันไซบนเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นในอ่าวโอซาก้าอีกด้วย
ทันสมัยจริงๆ


หลังจากเข้าเมืองมาแล้ว ก็จะพานั่งรถไฟ OSA loop line ไปปราสาทโอซาก้ากัน
ปราสาทโอซาก้า เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองโอซาก้า สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกบนบริเวณที่เคยเป็นวัด Osaka Hongan-ji เมื่อปี ค.ศ.1583 โดย โชกุนโทยะโตมิ ฮิเดโยชิ


วันไหนมีงานคอนเสริต์ ก็จะมีพวกก๊อตโลลิ แต่งตัวกันสุดเหวี้ยงไปเลยละ
แล้วในสวนสาธารณะก่อนเข้าตัวปราสาทก็มีงานเทศกาล มีทั้งอาหารพื้นเมืองคุนามง หรือละครลิง หรือพวกช้อนปลาทองก็มี คล้ายๆ งานวัดบ้านเราเลยละ เหมือนไปแล้วมีของแถม



ใครไปใครมา ก็คงไม่พลาด USJ นะ คงไม่ต้องอธิบายแล้วละ


พอตกกลางคืน ก็ไม่พ้นที่มินามิ หรือที่ชินไซบาชิ
เป้าหมายคือป้ายกูลิโกะ และปูยักษ์ละมั้งนี่


อย่าลืมแวะเข้าไปในโดทงบูริละ ไปชิมอาหารพื้นเมืองโอซาก้า ที่เขาเรียกว่า คุนามง กัน ก็ไอ้ ทาโกะยากิ หรือโอโคโนมิยากิ นั่นแหละ

Takoyaki ทาโกยากิ เป็นเกี๊ยวญี่ปุ่นนิยมทำก้อน ใส่ปลาหมึกหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าหรือทั้งเศษเทมปุระ ขิงดองและหัวหอมเติมซอส okonomiyaki, ponzu, มายองเนส, สีม่วงอ่อนสีเขียว (aonori) และ katsuobushi ครั้งแรกความนิยมในยุค Taisho โอซาก้า

Okonomiyaki คือแพนเค้กเผ็ดญี่ปุ่นที่มีความหลากหลายของวัตถุดิบ ชื่อมาจาก okonomi คำหมายถึง"สิ่งที่คุณต้องการ"หรือ"สิ่งที่คุณต้องการ"และยากิแปลว่า"ย่าง"หรือ"สุก" (เทียบ yakitori และ yakisoba) Okonomiyaki เกี่ยวข้องส่วนใหญ่กับคันไซหรือพื้นที่ที่ฮิโรชิมาของญี่ปุ่น แต่สามารถใช้ได้อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ รสชาติและ batters มักจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค
ของเขาดังจริงๆนะ แล้วก็อย่าพลาดไปแถว

หอคอย Tsutenkaku เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของโอซาก้า สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในค.ศ. 1912 เพื่อเป็นเครื่องหมายของเมืองใหม่ "Shinsekai" ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเอกซ์โปในประเทศ


ยังมีรูปปั้นของเทพเจ้า Biligen ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าได้ลูบเท้าท่านแล้ว ผู้ลูบจะโชคดีมีสุขละ
และปิดท้ายการเที่ยวชมโอซาก้า ก็ต้องอย่าพลาดทาน ปลาปักเป้าหม้อไฟนะจ๊ะ


อย่าลืมไปเที่ยวกันน้า




 

Create Date : 29 กันยายน 2553    
Last Update : 11 สิงหาคม 2554 9:11:16 น.
Counter : 2102 Pageviews.  

Stitch ชวนไปเที่ยวเกียวโต

วันนี้เราไปเที่ยวเกียวโตกันดีกว่าฮะ
เกียวโต มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,200 ปี เคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นมาก่อนในช่วงปลายศตวรรษที่ 8 และโด่งดังในเรื่องของวัดโบราณและสวนสวยงามมากมาย

ไปชมปราสาททองหรือพลับพลาทอง วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji Temple) กัน หรืออีกชื่อ วัดศาลาทอง เป็นวัดที่ดังเป็นที่รู้จักที่สุดวัดหนึ่งในญี่ปุ่น กล่าวคือหากมาเที่ยวโตเกียวแล้วไม่ได้มาที่วัดนี้ถือว่ายังไม่มาถึงโตเกียว สร้างเมื่อปี พ.ศ. 1940 ศาลาสีทองที่เห็นในปัจจุบันเพิ่งได้รับการแปะผนังทองไปเมื่อปี พ.ศ.2530 ที่ผ่านมา จึงมองเห็นเหลืองอล่ามสะท้อนในสระน้ำอย่างสวยงาม



เอารูปไกด์สาวมาฝากกัน ที่ญี่ปุ่นเขาดีนะ พาเด็กนักเรียนมาดูโบราณสถาน
ปลูกฝังตั้งแต่เด็ก จะได้รักสมบัติของชาติ เห็นมีเด็กอนุบาลด้วย คุณครูพาขึ้นรถเมล์ น่ารักทีเดียว ไม่เหมือนเด็กที่บ้านเราเลย ชอบพาไปสวนสนุก ไปสวนสัตว์

อ้าวนอกเรื่องแล้ว เราไปวัดทองกันแล้ว เราไปวัดเงินกันต่อเถอะ จากวัดทองก็ขึ้นรถเมล์สาย 204 ไปลงวัดเงิน
วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) หรือ วัดพลับพลาเงิน (Silver Pavilion) สร้างโดยโชกุนโยชิมาสะ อาชิคางะ (Ashikaga Yoshimasa) เมื่อปี พ.ศ. 2025 ตั้งใจจะห่อพลับพลาด้วยเงินทั้งหลัง ให้คู่กับวัดพลับพลาทองคินคะคิจิ (Kinkakuji) ที่สร้างเสร็จแล้วทางตอนเหนือของเกียวโต แต่ท่าน ได้มาเสียชีวิตก่อนที่วัดจะได้ทำการหุ้มด้วยเงินในปี พ.ศ.2033 จนปัจจุบันก็ยังไม่ได้หุ้มเงินเลยแม้แต่แผ่นเดียว พลับพลาที่เห็นจึงเป็นสีน้ำตาลเข้มตามสีของไม้ที่นำมาก่อสร้าง บนหลังคามีรูปนกฟินิกซ์ทำจากสำริดวัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) เป็นวัดในนิกายเซน
จุดเด่นเขาอยู่ที่สวนนี่แหละ


และหน้าซากุระเมื่อไรอย่าลืมไปเดินชมเส้นทางสายนักปราญช์ละ เผื่อจะได้เป็นกวีกับเขาสักคน


ไปต่อกันที่วัดดัง วัดน้ำใส หรือวัดคิโยมิสึเดระ (Kiyomizudera)กัน วัดนี้สร้างขึ้นมาก่อนที่เกียวโตจะเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นซะอีก สร้างในสมัยนาระราวปี พ.ศ. 1321 ตั้งอยู่บนเนินสูง มีเจดีย์ 3 ชั้นหลังใหญ่ ชื่อ เจดีย์ซันจุโนโตะ

เข้าไปภายในมีศาลาประดิษฐานพระโพธิสัตว์ ที่ขึ้นชื่อของวัดคือระเบียงของศาลาหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่บนไหล่เขาด้วยเสาไม้ต้นมหึมาหลายต้น


ด้านล่างมีน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำ 3 สาย ที่เป็นน้ำซับธรรมชาติไหลลงจากยอดเขา โดยมีความเชื่อว่าน้ำสายที่ 1 ถ้าใครได้ดื่มจะประสบความสำเร็จด้านการศึกษา สายที่ 2 จะสมหวังในความรัก สายที่ 3 จะมีสุขภาพแข็งแรง
ด้านหลังศาลาหลังใหญ่ มีศาลเจ้าของวัดตั้งอยู่ชื่อศาลเจ้าจิชู เป็นศาลเจ้าแห่งความรักและความราบรื่นในชีวิตแต่งงาน

และที่ไม่ควรพลาดอีกแห่ง คือเส้นทางที่จะขึ้นมาที่วัดนี่ละคร๊าบ
มีทั้งของที่ระลึก ของกินอีกเพียบ


อย่าลืมไปชิม ขนมนามะฮาสึบาชิ โอทะเบะ (Nama Yatsuhashi)

เป็นขนมดั้งเดิมชนิดหนึ่งของเมืองเกียวโต ทำด้วยแป้งข้าวเหนียว น้ำตาล และอบเชย มาผสมเป็นแป้ง จะมีเนื้อเหนียวนุ่มคล้ายโมจิ นำมาห่อไส้ต่าง ๆ เช่น ชาเขียว สตรอเบอรี่ แอปเปิล ฯลฯ โดยวางไว้ไส้ไว้ตรงกลางแล้วพับเป็นรูปสามเหลี่ยม

ที่ต่อไปคือ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) ไปดูเสาโทริอินับหมื่นต้นกัน
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือ ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว สร้างขึ้นเพื่อบูชาสุนัขจิ้งจอก ที่เชื่อกันว่าเป็นทูตของเทพเจ้าของการเก็บเกี่ยว พื้นที่บริเวณนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ ปลูกข้าวจึงได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ จึงเป็นแหล่งของการผลิตเหล้าสาเกคุณภาพดีด้วยเช่นกัน

ศาลเจ้าแห่งนี้มีสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่นปรากฏอยู่ แทบทุกคนต้องเคยเห็นภาพอุโมงค์ทางเดินที่เกิดจากการเรียงโทริอิสึแดงจ้ากว่าหนึ่งหมื่นซุ้ม ทอดสู่ฟูชิมิอินาริไทชะ หรือศาลเจ้าพ่อสุนัขจิ้งจอก ชาวนาเชื่อกันว่าเป็นผู้เดินสารของเทพแห่งการเก็บเกี่ยว ระยะทาง 4 กิโลเมตร

มาเขียนขอพรกันเถอะ

มาเกียวโตแล้วก็อย่าลืมไปเดินเล่นแถวย่านกิอองละ จะได้เจอสาวๆไมโกะ

กะผมกะสาวๆ พอจะเทียบกันติดไหมนะ




 

Create Date : 29 กันยายน 2553    
Last Update : 11 สิงหาคม 2554 9:10:51 น.
Counter : 2024 Pageviews.  

Stitch ชวนไปเที่ยวเมืองแห่งกวาง นารา



คราวที่แล้วชวนไปดูพระใหญ่ที่คามาคุระกันแล้ว คราวนี้เลยขอมาดูต้นแบบพระใหญ่ แห่งเมืองนารากันบ้าง

วัดโทไดจิ (Todaiji) วัดที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของเมือง

วิหารใหญ่ของวัดชื่อวิหารหลวงพ่อโต สร้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงบุญญาธิการของจักพรรดิ์ญี่ปุ่นเป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น หลังที่เห็นในปัจจุบันนี้สร้างขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ. 2249 ที่มีขนาดเพียงสองในสามของวิหารเดิมที่สร้างตั้งแต่แรก แต่ก็ยังมีขนาดใหญ่โตกว่าวิหารทุกแห่งในโลก

วัดโทไดจิ สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 1286 ศาลาหลังใหญ่เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อสำริดพระไวโรจนะ ที่รู้จักกันในชื่อ พระใหญ่แห่งเมืองนารา ความสูงขององค์พระ 16 เมตร หนักราว 500 ตัน สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 1295 ก่อนพระใหญ่แห่งคามาคุระที่สร้างเลียนแบบ ที่เห็นในปัจจุบันเป็นองค์ที่บูรณะใหม่โดยการเสริมด้วยทองแดงและปิดด้วยทองจึงดูสวยงามสมส่วนกว่าพระใหญ่ที่คามาคุระ



นารา เมืองเก่าแก่ยิ่งกว่าเกียวโต และมีความเด่นดังในฐานะเมืองหลวงแห่งแรกของชาติ เป็นเมืองแห่งกวาง ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นกวางอยู่เต็มไปหมด



สินค้ากวาง และป้ายข้อห้ามเกี่ยวกับกวาง






อะไรๆ ก็กวาง แม้แต่ฝาท่อก็กวาง สมแล้วที่เป็นเมืองกวางจริงๆ




 

Create Date : 28 กันยายน 2553    
Last Update : 11 สิงหาคม 2554 9:10:25 น.
Counter : 1798 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

Hi Aoy
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]






ยินดีต้อนรับจ้าSmiley
และขอบคุณเพื่อนๆ ที่หลวมตัวเข้ามาบ้านเรา



สวัสดีปีใหม่ ขอให้เบิกบานดั่งดอกไม้แรกผลิ
ขอบคุณ
ป้ามด BG เท้าสีฟ้า
tlcthai.com emo Ms.Bสาวขาโหด
และเพื่อนๆ ใจดีทุกคน








Got My Cursor @ 123Cursors.com
hits
Friends' blogs
[Add Hi Aoy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.