กล้วยไม้เขาพระวิหาร ต้นที่บ้านค่ะ สูงเกือบ 100 เซนติเมตรแล้ว แต่ไม่ค่อยออกดอกเลยเป็นกล้วยไม้พันธุ์แท้ในสกุล Vandopsis ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vandopsis Lissochiloides (Gaud.) Pfitz เป็นกล้วยไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เป็นกล้วยไม้เฉพาะถิ่นและเป็นพืชเด่นประจำอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เอื้องระฟ้า (สมชื่อค่ะ เพราะต้นสูงจริงๆ) พบมากบนเขาหินปูนในพื้นที่ป่าบริเวณเขาพระวิหารโดยเฉพาะในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และตามตะเข็บชายแดนติดต่อระหว่างไทย-กัมพูชา มักขึ้นอยู่บนที่ราบ สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 200 - 500 เมตร พบได้ในที่โล่งแจ้งระหว่างโขดหินผาที่ร้อนระอุด้วยแสงแดดจนเกือบจะหาสิ่งปกคลุมได้ยาก กล้วยไม้เขาพระวิหารก็สามารถทนอยู่ได้ กล้วยไม้สกุลนี้มีแหล่งกำเนิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กระจายพันธุ์อยู่ในประเทศต่าง ๆ เช่น พม่า ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดจีน จนถึงปาปัวนิวกินี ในประเทศไทยพบ 2 ชนิด คือ 1) พระยาฉัททันต์ ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไป 2) เขาพระวิหาร จะเป็นชนิดประจำถิ่นเฉพาะภาคอีสานตอนล่างเท่านั้น ลักษณะการเจริญเติบโต พบการเจริญเติบโต ตามก้อนหิน บนรอยแยกลานหิน ที่มีซากอินทรีย์วัตถุทับถม มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ขาดแคลนทั้งธาตุอาหารและน้ำ โดยจะมีลำต้นและรากที่ใหญ่สะสมอาหารไว้เพื่อความอยู่รอด รูปแบบการเจริญเติบโตแบบโมโนโพเดียล (monopodial) โดยจะเจริญเติบโตที่ปลายยอดไปได้เรื่อย ๆ มีการแตกตาที่โคนต้นบ้าง แต่ไม่แตกกอลำต้นเป็นแบบลำเดียว ขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 -2 นิ้ว ใบหนาแข็งขนาดใหญ่ รูปตัววีแคบ สีเขียวอ่อนถ้าอยู่ที่กลางที่โล่งแจ้งจะมีสีเขียวอมเหลือง ใบจะเรียงสลับตรงข้าม ตามแนวตั้ง ระนาบเดียวกัน (distichous) ช่อดอกแบบกระจะ (raceme) คือ ช่อดอกที่ดอกย่อยมีก้านดอกแยกจากแกนกลาง ก้านดอกย่อยแต่ละดอกจะมีความยาวใกล้เคียงกัน ออกที่ข้างลำต้น ตั้งตรง ช่อดอกยาวได้ถึง 2 เมตร หนึ่งต้นให้มีช่อดอกได้ 4 5 ช่อต่อปี ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้น แต่ละช่อจะทิ้งช่วงเวลาออกช่อค่อนข้างห่าง หนึ่งช่อประกอบด้วยดอก 10-15 ดอก ขนาดดอกกว้าง 5 เซนติเมตร ทรงกลม กลีบในและกลีบนอกคู่ล่างชิดซ้อนกัน กลีบนอกทั้ง 3 กลีบปลายรูปสามเหลี่ยมป้อม หน้างุ้มเข้าสู่ส่วนกลางของเกสร เนื้อกลีบดอกหนามาก สีดอกด้านหน้าพื้นสีเหลือง มีลายจุดสีม่วงปนน้ำตาล ถึงสีม่วงปนแดง ยังไม่เคยเห็นดอก เลยขอยืมจากเน็ตมาให้ดูกันค่ะระบบราก เป็นระบบรากอากาศขนาดใหญ่แข็งแรง พันธุ์ที่พบในประเทศไทยและเขมร ด้านหลังดอกสีขาว ส่วนพันธุ์ที่พบในฟิลิปปินส์ ด้านหลังดอกสีชมพู ช่วงเวลาออกดอกระหว่างเดือนมีนาคม ถึง มิถุนายน ของทุกปี การปลูก นิยมปลูกลงในกระถางขนาดใหญ่ ใช้วัสดุปลูกเปลือกมะพร้าว หรือรากเฟินสีดา ถ่านดำ ปุ๋ยชนิดละลายช้าสูตร 16 16 16 การเลี้ยง ควรให้อยู่ในที่ร่มชอบความชื้นสูง พรางแสงประมาณ 50 % กล้วยไม้เขาพระวิหาร เป็นกล้วยไม้ป่าชนิดหนึ่ง ซึ่งกำลังอยู่ในความนิยมของผู้ปลูกกล้วยไม้เพื่อการสะสม ทำให้เกิดการลักลอบนำกล้วยไม้ออกจากป่าเพื่อการค้า เนื่องจากการขยายพันธุ์ของกล้วยไม้เขาพระวิหาร เกิดขึ้นได้ยากในสภาพธรรมชาติ ประกอบกับเป็นที่ต้องการของนักสะสม ทำให้เกิดการลักลอบนำออกจากป่าเพื่อการค้าและมีการบุกรุกป่าเพื่อทำไร่ ทำให้กล้วยไม้ชนิดนี้ลดปริมาณลงเป็นอย่างมาก จึงถือเป็นกล้วยไม้ป่าที่จำเป็น ต้องทำการอนุรักษ์ ก่อนที่จะเกิดสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ ที่บ้านเรา มาจากที่บ้านนอกน้า บอกไว้ก่อนเดี๋ยวจะหาว่าขโมยมา ฮิๆบรรณานุกรมประชิด วามานนท์. 2552. เขาพระวิหาร หนังสือที่ระลึกงานกล้วยไม้ช้างชนช้างข้อมูลดอกกล้วยไม้ "เขาพระวิหาร" โดย .. คุณเสาวนี เขตสกุล นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ผู้รวบรวมและเรียบเรียง จาก.. //sisakethort.blogspot.com/2010/05/blog-post.htmlขอบคุณค่ะ
ยินดีต้อนรับจ้าและขอบคุณเพื่อนๆ ที่หลวมตัวเข้ามาบ้านเรา