คุ้มสมุนไพร "ภูมิปัญญาไทย เพื่อสุขภาพและความงามคุณ" บริการ อยู่ไฟ หลังคลอด ถึงบ้าน และจำหน่ายชุด อยู่ไฟ ด้วยตนเอง
 

เทคนิคเพื่อ...ดวงตาสวย

เทคนิคเพื่อ...ดวงตาสวย (อสมท)



ดวงตาสดสวยด้วยอาหาร

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็น บิลเบอร์รี่ แบล็คเคอร์แรนต์ แครนเบอร์รี่ โช้คเบอร์รี่ ฯลฯ มีสารสำคัญที่ชื่อว่า "แอนโธไซยาโนไซด์" ซึ่งเป็นพฤษเคมีในกลุ่มเฟลโวนอยด์ช่วยให้การไหลเวียนเลือดในดวงตาดีขึ้นและช่วยสดการเกิดเส้นเลือดฝอยที่ผิดปกติในจอประสาทตา ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการถนอมสุขภาพดวงตาและการมองเห็น

ทางลัดสู่ดวงตาสวยใส

การถนอมดวงตาจากภายนอกก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ยามใดที่รู้สึกว่าดวงตาเมื่อยล้า หรือรู้สึกแสบตาอันเนื่องมาจากการใช้สายตาหักโหมคุณอาจใช้แผ่นประคบดวงตา หรือหน้ากากเจลสำหรับดวงตาวางประคบตาที่ปิดสนิท 10-15นาที ก็จะช่วยลดอาการเมื่อยล้าให้กับดวงตาทุกวันกระพริบตาอย่างรวดเร็วแล้วปิดตา 2-3 วินาที จากนั้นมองไปที่ไกลๆ เพื่อพักสายตา หรือมองไปทางซ้ายบ้างทางขวาบ้าง แต่ไม่จ้องมองสิ่งใดเป็นพิเศษหรืออาจจะกระพริบตา 1-2 ครั้ง ทุกๆ 10 นาที เพื่อจะช่วยให้แก้วตาสะอาดและมีน้ำหล่อเลี้ยง

วิธีการต่างๆ นี้จะช่วยให้ดวงตาชุ่มชื่นและสดใส พร้อมทำงานได้อย่างเต็มที่

ที่มา อสมท




 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2552 16:56:31 น.
Counter : 439 Pageviews.  

ภาวะตาแห้งและน้ำตาเทียม

ปกติตาของคนเราจะไม่แห้ง แต่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหล่อเลี้ยง ซึ่งเราเรียกรวมๆ ว่า "น้ำตา" ซึ่งมีประโยชน์มากกว่าการหยดติ๋งๆ ในขณะที่เราร้องไห้ น้ำตามีประโยชน์หลายประการ กล่าวคือ




1. ฉาบผิวหน้าของลูกตาดำให้เรียบ ทำให้มีการหักเหของแสงที่สม่ำเสมอ ทำให้ตาเรามองเห็นได้ชัดเจนดี ถ้าไม่มีน้ำตาฉาบ ผิวตาดำอาจไม่เรียบ ทำให้การหักเหของแสงไม่สม่ำเสมอ มีการแตกกระจายของแสง การมองเห็นลดลง


2. ทำหน้าที่หล่อลื่นผิวดวงตา โดยการป้องกันความแห้งของผิวตาดำในขณะลืมตาและป้องกันการเสียดสีของเปลือกตากับตาดำเวลากระพริบตาทำให้ตาสบาย


3. ในกรณีที่ผิวตาดำเป็นแผลขรุขระ ทำให้เจ็บตาเคืองตามาก น้ำตาจะฉาบผิวที่ขรุขระลดอาการเคืองตาลงได้


4. ทำหน้าที่ชะล้างสิ่งแปลกปลอมที่อาจพลัดเข้ามาในตา อาจเป็นผง สารเคมี หรือแม้แต่เชื้อโรค


5. น้ำตามีออกซิเจน ซึ่งเป็นอาหารต่อผิวดวงตา โดยปกติกระจกตาเป็นอวัยวะที่ไม่มีหลอดเลือดมาเลี้ยงจึงอาศัยออกซิเจนจากอากาศและน้ำตาเป็นหลัก


6. น้ำตายังเต็มไปด้วยวิตามินต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินเอ แถมยังมีสารต้านจุลชีพ (antimicrobial) และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (anti-oxidant) ซึ่งจำเป็นต่อการคงไว้ของสภาพที่ปกติของผิวตา หากขาดสารเหล่านี้พื้นผิวดวงตาจะแห้ง


ภาวะตาแห้งหรือน้ำตาน้อย


อาการที่สำคัญ ได้แก่ ระคายเคืองตา คล้ายมีผงอยู่ในตา บางรายมีอาการมองไม่ชัดด้วย ต้องกระพริบตาจึงจะมองเห็นได้ดีขึ้น มักเป็นมากในช่วงบ่ายๆ เย็นๆ จะเป็นมากขึ้นเมื่อทำงานที่ต้องใช้สายตา เช่น อ่านหนังสือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดูโทรทัศน์ อาการต่างๆ เหล่านี้จะค่อยเป็นค่อยไป หากตาแห้งนานมากจะทำให้ผิวตาดำไม่เรียบ ตาติดเชื้อได้ง่าย หากติดเชื้อตาดำจะเป็นแผล ทำให้อาการแย่ลงไปอีก ถ้ารักษาไม่ดี แผลอักเสบในตาดำทรุดลง จะทำให้ตาบอดได้


การเลือกใช้น้ำตาเทียม


น้ำตาเทียมช่วยให้ตาชุ่มฉ่ำได้ในรายที่ไม่มีน้ำตาตามธรรมชาติ น้ำตาเทียมที่ใช้ในปัจจุบันมี 2 ชนิด ชนิดขวดใหญ่ใช้ได้นาน กับชนิดใช้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งคิดค่าใช้จ่ายแล้วจะมีราคาแพงกว่า การจะเลือกใช้น้ำตาเทียมชนิดไหนขึ้นกับโรคและความรุนแรง โดยทั่วไปถ้าตาไม่แห้งมาก ควรเริ่มจากชนิดขวดใหญ่ แต่ควรพิจารณาใช้ชนิดที่มีอายุการใช้งาน 24 ชั่วโมงเมื่อภาวะตาแห้งค่อนข้างรุนแรง ต้องหยอดน้ำตาเทียมมากกว่า 4 ครั้งต่อวันเป็นเวลานาน ผู้ที่มีประวัติแพ้สาร preservative เป็นโรคที่ผิวกระจกตา เซลล์ของผิวกระจกตาไม่ค่อยสมบูรณ์ การใช้น้ำตาเทียมแบบมี preservative จะทำให้ผิวกระจกตาเสียมากขึ้น ในคนที่มีอาการมาก ควรไปตรวจสุขภาพดวงตากับจักษุแพทย์จะดีที่สุด


ที่มา First Magazine




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2551    
Last Update : 3 สิงหาคม 2551 9:47:20 น.
Counter : 278 Pageviews.  

อาหารกับสายตา



ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะบอกลูกหลานให้กินผักบุ้งเยอะๆ จะได้ตาหวาน ความเชื่อนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างยิ่ง เนื่องจากผักบุ้งจะมีสารอาหารพวกวิตามินและแร่ธาตุอยู่มาก วิตามินที่เกี่ยวข้องกับตาคือวิตามินเอ ซึ่งในผักบุ้งหรือผักใบเขียวและเหลืองวิตามินเอจะอยู่ในรูปแคโรทีนอยด์

ตัวที่สำคัญและรู้จักกันดีคือเบต้าแคโรทีน ในร่างกายเบต้าแคโรทีนจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอที่เยื่อบุลำไส้ แคโรทีนอยด์นอกจากจะเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอแล้ว ยังทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงเกี่ยวกับการเสื่อมของตาเนื่องจากสูงอายุ และต้อกระจก


วิตามินเอมีความสำคัญเกี่ยวกับการมองเห็นในที่แสงสลัวและความแข็งแรงของเยื่อบุต่างๆ การขาดวิตามินเอทำให้การปรับตาในที่มืดช้าลง ซึ่งสามารถสังเกตได้ เช่น เวลาเข้าไปในห้องที่มืด หรือเข้าไปในโรงภาพยนต์ คนที่ขาดวิตามินเอต้องใช้เวลานานกว่าคนอื่นกว่าจะปรับสายตาให้มองเห็นทางเดินได้

สำหรับคนที่ขับรถยนต์ในเวลากลางคืน การปรับสายตาในที่มืดได้ช้านี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ เนื่องจากเมื่อมีรถยนต์สวนทางมา แสงสว่างจากรถที่สวนมาจะทำให้ตาพร่างและมองทางข้างหน้าไม่ชัด


เพื่อป้องกันการขาดวิตามินเอ ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอสูงๆเช่น ตับหมู ตับไก่ ไข่ น้ำนม หรือรับประทานพืชผักที่มีสีเขียวเข้ม และผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม เช่น ผักบุ้ง ผักตำลึง ฟักทอง มะละกอสุก แครอท เป็นต้น ถ้าการขาดวิตามินเอยังคงดำเนินต่อไปจะมีผลทำให้เนื้อเยื่อตาแห้ง และเป็นแผล (ตาไม่หวานเสียแล้ว) ถ้าขาดรุนแรงมากขึ้นจะทำให้การเสื่อมของจุดภาพชัดที่ตาบริเวณตาดำเป็นแผล และทำลายเลนส์ตา ซึ่งจะทำให้ตาบอด


การขาดวิตมินเอขั้นรุนแรงนี้เคยพบในทารกที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยนมข้นหวาน

เนื่องจากนมข้นหวานมีน้ำตาลสูง เวลาผสมให้ทารกก็จะจางมาก ทำให้ทารกได้รับน้ำตาลเป็นหลัก ทารกจึงเสี่ยงต่อการขาดอาหาร โดยเฉพาะโปรตีนและวิตามินเอซึ่งอาจถึงขั้นตาบอดได้ ปัจจุบันบนฉลากนมข้นหวานจึงต้องมีข้อความ “ห้ามใช้เลี้ยงทารก”


การขาดสังกะสีทำให้การปรับตาในที่มืดช้าลงได้เช่นกัน เนื่องจากสังกะสีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนวิตามินเอให้อยู่ในรูปแบบที่จะทำงานได้ที่ตา สังกะสีพบได้มากในอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ในหอยนางรม เนื้อ ตับ ไข่ นม ไก่ และปลา เนื้อสัตว์ที่มีไขมันมากจะมีสังกะสีน้อย ธัญาหารเป็นแหล่งสังกะสีเช่นกัน ปริมาณสังกะสีในธัญาหารขึ้นกับการขัดสี สังกะสีจะมีมากบริเวณเปลือกนอกของเมล็ด ดังนั้นเมล็ดพืชที่ผ่านการขัดสีน้อย เช่นข้าวซ้อมมือจะมีสังกะสีมากกว่าข้าวที่ขัดสีจนขาว


นอกจากนี้การเสื่อมของจุดภาพชัดที่ตาหรือโรคตาเสื่อมในคนสูงอายุจะพบได้เสมอซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเสื่อมของกระจกตา ทำให้คนสูงอายุมองไม่ชัด เป็นอุปสรรคในการเลือกอาหาร เวลารับประทานอาหารคนสูงอายุมักจะถามลูกหลานว่าอาหารแต่ละจานเป็นอะไร ลูกหลานก็อย่าเพิ่งรำคาญ ต้องเข้าใจนะว่าท่านมองไม่ชัดว่าอาหารนั้นคืออะไร


การเสื่อมของจุดภาพชัดที่ตา หรือโรคตาเสื่อม และต้อกระจก เกิดจากการถูกทำลายด้วยปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidative damage) สำหรับโรคต้อกระจกจะมีผลทำให้เลนส์ตาขุ่นมัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เริ่มมีอาการและเมื่อถึงจุดหนึ่งก็สามารถผ่าตัดออกไปได้ ส่วนการเสื่อมของจุดภาพชัดที่ตาจะเกี่ยวข้องกับการเสื่อมของกระจกตา ทำให้การมองภาพเสื่อมอย่างถาวรจนอาจถึงขึ้นตาบอดได้ และไม่สามารถรักษาได้ ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น


การเสื่อมของตาเนื่องจากสูงอายุ (age – related macular degeneration) พบว่าถ้ามีแคโรทีนอยด์ 2 ชนิดคือ ลูทีน และซีแซนทินน้อยจะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ ลูทีน และซีแซนทิน เป็นแคโรทีนอยด์ที่พบในพืชผักมีส่วนเกี่ยวข้องกับตา โดยจะพบสารทั้ง 2 ชนิดนี้ที่บริเวณกระจกตาและในเลนส์ตา และมีส่วนป้องกันการเสื่อมของตาและโรคต้อกระจกในคนสูงอายุ จากการศึกษาพบว่าการเพิ่มการรับประทานอาหารที่มีลูทีน และซีแซนทินในผู้สูงอายุที่มีระดับสารทั้ง 2 ชนิดต่ำจะลดโอกาสเสี่ยงของโรคตาเสื่อม และโรคต้อกระจกในคนสูงอายุ


ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาได้มีการทดลองให้ผู้สูงอายุรับประทานสารอาหารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคตาเสื่อม และโรคต้อกระจก ซึ่งพบว่าการรับประทานวิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน และแคโรทีนอยด์จะลดอัตราการเกิดโรคดังกล่าวได้


ปัจจุบันการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระกับการเสื่อมของตายังอยู่ในระหว่างการศึกษาเพื่อยืนยันผลที่แน่ชัด ก่อนที่จะแนะนำให้รับประทานวิตามินเหล่านี้เสริม ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีของดวงตา ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินดี แคโรทีนอยด์ และสังกะสี สูง ได้แก่ ตับหมู ตับไก่ ไข่ ผัก ผลไม้ ธัญหาร และข้าวซ้อมมือ



ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2551    
Last Update : 1 สิงหาคม 2551 15:07:36 น.
Counter : 267 Pageviews.  

เมื่อเด็กๆต้อง สวมแว่นตา.

ปัญหาเรื่องสายตามิได้จะมีแต่ในกลุ่มคนวัยผู้ใหญ่แค่นั้น สมัยนี้เด็กหลายคนก็เริ่มมีปัญหาสายตากันตั้งแต่ยังเล็ก



เด็กบางรายมีปัญหาทางสายตา ไปพบจักษุแพทย์ แล้วก็ได้รับการวินิจฉัยว่า “หนูต้องใส่แว่นตาแล้วล่ะ” คราวนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็เกิดปัญหาตามมาว่าจะทำอย่างไร ให้เด็กๆ ยอมใส่แว่นตา เพื่อประโยชน์สุของหนูน้อยนั่นเอง เรื่องนี้เครือข่ายแพทย์ด้านเด็กในสหรัฐฯ มีข้อเสนอคำแนะนำที่น่าสนใจ ในการหลอกล่อเด็กให้ยอมใส่แว่น โดยบอกว่า อันดับแรกควรให้เด็กเลือกกรอบแว่นเอง และควรจะมีคำชมตามไปอีกสักพะเรอเกวียน ว่าหนูใส่ แว่นแล้วดูดี หล่อเท่เก๋ไก๋ไม่มีใครเหมือน จากนั้นลองให้เด็กใส่แว่นเป็นระยะเวลาสั้นๆ จนกว่าเขาจะรู้สึกคุ้นเคยและสะดวกสบายมากขึ้น

ควรสนับสนุนให้เด็กได้สวมแว่นตาขณะที่กำลังทำอะไรอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน

เช่น ดูภาพยนตร์ หรืออ่านหนังสือ ไม่ควรจะเหน็บแนม หรือใช้วาจาจิกกัดเกี่ยวกับการสวมแว่นตาของเด็ก แต่ควรชมเชยเมื่อเขาใส่แว่น การสวมแว่นควรเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน เหมือนกับการแปรงฟันหรือแต่งตัว อาจจะกล่าวถึงยอดนัก กีฬา พระเอกในดวงใจ หรือสมาชิกในบ้านบางคนที่มีการสวมแว่นตาเป็นปกติ เพื่อให้เด็กไม่รู้สึกขัดเขิน หรือแปลกแยกกับการที่ต้องเริ่มมีแว่นอยู่บนใบหน้า.

ที่มา ไทยรัฐ




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2551 13:48:08 น.
Counter : 394 Pageviews.  

ภัยจากการเพ่งคอมพิวเตอร์นานๆ

กระทรวงสาธารณสุขเตือนคนไทยที่ใช้คอมพิวเตอร์นานๆ อาจเจอปัญหามากกว่า 3 เด้ง ทั้งโรคอ้วน ต้อหิน และหลุดโลก กระทรวงสาธารณสุขจึง แนะผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์นานๆ ควรถนอมสายตา จัดเวลาพักสายตาบ้าง




ขณะนี้คอมพิวเตอร์ ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของคนไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งการใช้คอมพิวเตอร์นั้นทำให้คนไทยออกกำลังกายน้อยลง เนื่องจากเป็นการทำงานที่นั่งอยู่กับที่ เช่นเดียวกับในประเทศที่เจริญแล้วที่ใช้คอมพิวเตอร์กันมาก กำลังมีปัญหาโรคอ้วน โดยเฉพาะเด็ก เพราะขาดการออกกำลังกาย และทักษะในการเข้าสังคม ปัญหาที่พบบ่อยเมื่อต้องนั่งปฏิบัติงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็คือ ปัญหาความล้าของสายตา สาเหตุเกิดจากการมองทั้งจอภาพ แป้นพิมพ์ และเอกสารสลับกันตลอดเวลา รวมทั้งระยะความห่างที่แตกต่างกันในการมองเห็นวัตถุทั้ง 3 ทำให้สายตาต้องปรับโฟกัสตลอดเวลา ก่อให้เกิดความล้าของสายตา นอกจากนี้การใช้สายตาเพ่งนาน ๆ ยังอาจทำให้ตาแห้งเกิดระคายเคืองตาได้


นอกจากนี้การใช้คอมพิวเตอร์นานๆ อาจส่งปัญหาให้สายตาอื่นๆ

ได้อีก โดยเมื่อเร็วๆ นี้มีงานศึกษาวิจัยในต่างประเทศพบว่า การใช้คอมพิวเตอร์นานๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีสายตาสั้นอยู่แล้ว จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคต้อหินได้ ซึ่งโรคดังกล่าวจะทำลายจอประสาททำให้ตาบอดได้ในที่สุด โดยพบได้ 3 ใน 10,000 คน ของกลุ่มที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ระบบประสาทตาของคนที่สายตาสั้นจะมีความเครียดมากกว่าคนที่มีสายตาปกติ ดังนั้นเรื่องความเครียดของสายตาจากการใช้คอมพิวเตอร์ อาจกลายเป็นปัญหาในอนาคตอันใกล้นี้



เวลาขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์นานๆ ไม่ว่าจะทำงาน เล่นเกมส์ หรือดูอินเตอร์เน็ต ควรนั่งให้ห่างจากจอภาพไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร เพื่อลดปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาให้ได้รับน้อยที่สุด

จากการศึกษาของสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรคพบว่า



การติดแผ่นกรองแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ สามารถลดระดับปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาจากจอภาพลงได้บ้าง แต่ไม่สามารถลดลงได้ทั้งหมด การติดหรือไม่ติดแผ่นกรองแสง จึงมีผลแตกต่างกันไม่มากนัก กับปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาเพียงแต่การติดแผ่นกรองแสง จะช่วยให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ เกิดความสบายใจ หรือช่วยคลายความกังวล ลงได้บ้าง อย่างไรก็ตาม แผ่นกรองแสง ก็ยังมีข้อดี ตรงที่ช่วยลดแสงจ้า แสงสะท้อน และไฟฟ้าสถิตย์ ช่วยให้ความล้าของสายตา ลดลง และป้องกันแสงสะท้อนเข้าสู่ตาได้ระดับหนึ่ง



ดังนั้นจึงควรหันมาถนอมและส่งเสริมสุขภาพสายตา โดยปรับระยะห่างระหว่างตากับจอคอมพิวเตอร์อย่างพอเหมาะให้สามารถอ่านหนังสือตัวเล็กที่สุดบนจอได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่ต้องเพ่ง ปรับความสว่างของจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะกับตา ให้รู้สึกไม่สว่างหรือมืดเกินไป และควรพักสายตาประมาณ 10 นาทีต่อชั่วโมง หรือพักทุก 15 นาที ต่อ 2 ชั่วโมง เช่น หลับตา มองไปไกลๆ หรือดูสิ่งพิมพ์ตัวโตๆ ควรทำงานกับจอภาพไม่เกินวันละ 4 ชั่วโมง


ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2551 13:35:21 น.
Counter : 249 Pageviews.  

1  2  
 
 

Healthy Service
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คุ้มสมุนไพรบริการอยู่ไฟ คุณแม่หลังคลอด
จำหน่าย ชุดอยู่ไฟ และสมุนไพร
สายด่วน 08-5426-7578 (24 ชม. ทุกวัน)http://www.KUMsamunpai.com/


จำนวนผู้เข้าเว็บ Best Free Hit Counters
Maternity Wear
Maternity Wear 234x60 70% off on over 3,000 designer fragrances SkinStore Special Offers Free Shipping
[Add Healthy Service's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com