|
|
สหายสิกขา Lite version
สหายสิกขาตั้งคำถามกับการเป็นอยู่ของสรรพสิ่งตรงหน้า พร้อมกันนั้นก็เปิดรับแนวคิดของคำตอบในมุมมองที่แตกต่างอย่างเท่าเทียมกัน
สหายสิกขาจะมีความยินดียิ่ง หากคุณได้นำความรู้ที่ได้จุดประกายนี้ไปตีความต่อให้ลึกซึ้งยิ่งๆขึ้น เพราะยิ่งแลกเปลี่ยนยิ่งถกเถียงยิ่งสนทนาก็สามารถแตกประเด็นไปอีกได้มาก
สหายสิกขาต้องการกระตุ้นให้คนอ่านได้คิด และสัมผัสถึงขอบเขตที่ไม่สิ้นสุดแห่งจินตนาการ
พร้อมกันนั้นสหายสิกขา ก็พร้อมอยู่เป็นเพื่อนคู่คิด เพื่อนสนทนา เพื่อจับมือกันเรียนรู้ไปในโลกกว้าง ...ด้วยกัน
|
|
|
|
|
|
|
โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่า แนวคิดทุกรัฐบาล ย่อมมองไปที่ การหาเสียงจากกลุ่มประชาชนเป้าหมาย (ในที่นี้ สำหรับ ทรท. คือคนจน) ก่อนอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่า ในอดีต จากที่ผมพบมาคือ พรรคการเมืองต่างๆ พยายามแก้ไขปัญหาประชาชนยากจน โดยขาดองค์ความรู้ และ ให้ "ข้าราชการ" ในกระทรวงนั้นๆ ชี้นำมาโดยตลอด
รมต./รมช. ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามจังหวะทางการเมือง ทำให้การทำงานของนักการเมืองรุ่นเก่าแทบทุกพรรค ทำงานโดยที่ต้องอิงแผนงานของข้าราชการเป็นหลัก
การเป็น รมต. ก็เปลี่ยนไป มา ได้หลากหลายกระทรวงมาก (คุณชวน เอง เป็นมาแล้วหลายกระทรวง ก่อนขึ้นมาเป็นนายก)
จะว่า มันดี ก็มองได้ในมุมของ การศึกษางานที่หลากหลาย มากขึ้น
แต่ สำหรับผม มันออกจะเป็น "เป็ด" เสียมากกว่า และทำให้เกิด พรรคข้าราชการขึ้นมาคู่กับสังคมประเทศไทย อย่างยาวนาน
----------
พอมารัฐบาลนี้ สิ่งที่ค่อนข้างชัดเจน ในตอนแรก สำหรับผมคือ
1. ทรท. มีการทำการบ้านที่หนัก และส่งผลให้มีแผนงานพัฒนาระยะยาว ที่ผ่านการคิดจากนักวิชาการ NGO และ คนที่เกี่ยวข้องมาจริง
ที่สำคัญ แผนพัฒนาของ ทรท. จะออกแนวซ้าย ในด้านประชาชน และ ผสานสัดส่วนของ ทุนนิยม ในแง่แผนมหภาค
2. ทรท. ทำทุกอย่าง ออกมาเป็น นโยบาย จริง (ส่วนจะเพื่อใคร นั่นอีกประเด็น) และประชาสัมพันธ์สู่สังคม
3. ทรท. นำนโยบายตามข้อ 2 มาทำจริง
อย่างที่บอกแต่ต้น..
ทรท. ถึงอย่างไรก็ต้องนึกถึง เสียงของโหวตเตอร์ เป็นลำดับแรก และพุ่งนโยบายของตน ไปสู่กลุ่มที่จะให้โหวตแก่พรรคตนได้มากที่สุด ในการเลือกตั้งทุกครั้ง
ซึ่งแน่นอน
หนีไม่พ้น กลุ่มคนยากจน โดยเฉพาะในภาคเหนือ และ อีสาน
และ ทรท. สามารถทำได้ และได้แบบ Landslide ด้วย...
(มีต่อ)