All Blog
การลดความเร็วที่ได้ผลเกินคาด

วิธีการควบคุมความเร็วที่ได้ผล
ณ ประเทศ แคนาดา




รถทุกคันที่ผ่านหลุมมหึมา จำต้องชะลอความเร็ว
ถ้าไม่อยากให้ท้องลาย ห้องเครื่องพัง
เหมาะทุกเพศทุกวัยเพราะรักรถนั่นเอง
ทำให้ลดอัตราอุบัติเหตุได้ผล




มาดูมาตรการวิธีการควบคุมกันนะคะ
ง่ายดาย น่าจะออกแบบจากนักจิตวิทยาเนอะ
ผลสำรวจออกมาแล้วคือ ลดอุบัติเหตุได้จริงๆ คะ






บ้านเราน่าจะเอามาทำบ้างเนอะ ว่าไหมคะเพื่อน ๆ ๆ



Create Date : 22 มิถุนายน 2555
Last Update : 22 มิถุนายน 2555 10:41:40 น.
Counter : 2251 Pageviews.

30 comment
ความสุข
ความสุข





องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสว่า
ความสุขของคฤหัสถ์ จะเกิดขึ้นได้ ๔ ประการ

๑.ความสุขเกิดจากการมีทรัพย์
เมื่อคนเรามีความขยันหมั่นเพียร
มีความตั้งใจที่จะทำงานให้เกิดความเจริญก้าวหน้า
และมีผลงานในการปฏิบัติหน้าที่ของตน
ก็จะทำให้มีหน้าที่การงานและรายได้สูงขึ้น
มีทรัพย์สินเงินทองสะสมไว้เป็นประโยชน์ต่อชีวิต
เพื่อวันข้างหน้าต่อไปเถิดท่านจะประเสริฐที่สุด

๒.ความสุขจากการใช้ทรัพย์
เงินทองนั้น ไม่ได้หามาได้ง่ายเลย
หามาด้วยความเหนื่อยยากด้วยกันทุกคน
จะเกิดความภูมิใจอิ่มเอิบว่า ตนได้ใช้ทรัพย์ที่ได้มาด้วยความชอบธรรมนั้น
นำไปใช้ทำประโยชน์ ทำกุศลผลบุญต่าง ๆ
และนำไปซื้อของใช้ที่จำเป็นต่อชีวิต
หรือสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัยให้เป็นหลักฐานที่มั่นคงแก่ชีวิตยิ่งขึ้นต่อไปเถิด

๓.ความสุขจากการไม่เป็นหนี้
การที่เราหาทรัพย์สิน หามาด้วยความเหนื่อยยากลำบาก
จะต้องระมัดระวังรักษาทรัพย์มิให้สูญหายไป
จะกระทำสิ่งใดก็ต้องรู้จักแบ่งทรัพย์ให้ถูกต้องเป็น ๔ ประการ
คือ เพื่อตนเองและครอบครัว ทำบุญทำกุศลและส่วนรวมหนึ่ง
เพื่อธุรกิจการงาน สองส่วน
เพื่อสะสมไว้เป็นทุนสำหรับชีวิตในอนาคตอีกหนึ่งส่วน
ฉะนั้นเมื่อจะนำเงินนั้นมาลงทุนหรือดำเนินกิจการใด ๆ
ก็ต้องคำนึงถึงหลัก ๔ ประการนี้
ถึงแม้ว่าจะเพลี่ยงพล้ำก็ไม่เกิดเป็นทุกข์
การที่ทำธุรกิจเกินตัวหรือการใช้จ่ายเกินตัว จะทำให้เกิดเป็นหนี้ขึ้น
การเป็นหนี้นั้นนอกจากจะทำให้ชีวิตตัวเองไม่มีความสุขแล้ว
ยังทำให้ครอบครัวไม่มีความสุขด้วย

๔.ความสุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ
ถ้าเรามีความประพฤติสุจริตไม่บกพร่องเสียหาย
ทำมาหากินในทางสุจริต ใคร ๆ ติเตียนไม่ได้
ทั้งทางกาย วาจา และทางใจ เราก็เกิดความสุขความภาคภูมิใจ

ผู้ที่มีความประสงค์จะมีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้น
พระพุทธองค์ตรัสว่า ความสงบเป็นเป็น สุขอย่างยิ่ง

คนที่มีจิตใจสงบ ไม่วุ่นวายกับสิ่งใด ๆ
มีความตั้งใจและสมาธิแน่วแน่ดีในพระกรรมฐาน จะทำแต่สิ่งที่ดี ๆ ทั้งนั้น
และมีความตั้งใจที่จะทำงานของตนให้ดียิ่งขึ้น
ไม่ทำความชั่ว ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ทำร้ายผู้อื่น และไม่อยากได้ของผู้อื่น
เลี้ยงชีวิตโดยชอบ ก็จะทำให้ชีวิตนั้นมีความสุขและความสงบเกิดขึ้น
ส่วนผู้ที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน สติปัญญาก็จะเกิดขึ้นจากความสงบนั้น
และบรรลุถึงการปฏิบัติธรรมในที่สุด
อย่างที่มาเจริญกรรมฐานด้วยความถูกต้อง
ความสุขใดเสมอด้วยความสงบไม่มีแล้ว

ท่านทั้งหลาย สิ่งใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินั้น
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติ
บุคคลที่มีจิตใจเป็นปกติย่อมมีความสุขและความสงบ
มีความเจริญก้าวหน้าของชีวิต
ส่วนผู้ที่มีจิตใจที่ผิดปกติ
ก็จะเกิดโทษทุกข์ทรมาน และเกิดความเดือดร้อนต่อตัวเองและผู้อื่นนานัปการ
ความปกติจึงทำให้คนพบกับความสันติสุขและไม่มีโทษ

ความเป็นปกตินี้ พระพุทธศาสนาบัญญัติว่า เป็นศีล
ที่โยมนั่งกรรมฐาน ถือศีลก็คือ ความเป็นปกตินั่นเอง
บางท่านที่ไม่รู้จักคำว่า ศีล อีกนัยหนึ่งไม่รู้จักคำว่า ศีลคืออะไร
เลยสิ้นกำลังใจที่จะรักษาศีล แต่ความจริงแล้ว ศีล แปลว่า ปกติ

ก็มีเรื่องอยู่ว่าก่อนพุทธกาลสมัยนั้น ศาสนามีมาก เขามีอยู่ก่อน
สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาทรงอุบัติขึ้นมาทีหลัง
จะไปที่ไหนก็ดีเวลานั้นในเขตประเทศอินเดีย
ต้องพูดกันถึงศาสนา ถือว่า เป็นสมัยที่คลั่งศาสนาและเวลานี้ก็ยังคลั่งอยู่
คนที่นับถือศาสนาต่างศาสนากันก็เป็นชาวอินเดียเหมือนกัน
รบกันในเรื่องศาสนานี้เป็นปีที่แล้ว
ในสมัยก่อนก็ยังมียกทัพมารบกันก็เรื่องการนับถือศาสนา
เป็นอันว่า คนสมัยนั้นเป็นคนคลั่งศาสนามาก
ถ้าใครถือศาสนาของศาสดาใดก็นับถือศาสดานั้นเป็นสรณะที่พึ่ง
ถือว่าของตนดีกว่า

ในสมัยต่อมาสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
องค์สมเด็จพระประทีปแก้วเสด็จไปที่ใด
ทรงสอนบรรดาพุทธบริษัทใหม่ ๆ แล้ว
เขาจะถามกันว่า ทำอย่างไรจึงจะมีความสุข
ทำอย่างไรคนเราจะมีทรัพย์สมบูรณ์ใช้ได้ไม่ขาด
ทำอย่างไรจิตใจของคนจึงจะสบาย จิตใจจะสงบ

องค์สมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงแสดงเรื่องศีลว่า
ตามธรรมดาของคนนั้นต้องการอยู่เป็นสุข
คือ ไม่ต้องการให้ใครมาทำร้ายร่างกายเรา
ไม่มีใครต้องการให้ใครมาเข่นฆ่าเรา
ทรัพย์ของเรามีอยู่ก็ไม่ต้องการให้ใครมายื้อแย่ง
มาลักขโมยบังคับขู่เข็ญเอาทรัพย์สินไป
คนที่มีคนรักมีสามีภรรยาและคนที่รักบุตรธิดาลูกหลานเหลนก็ตาม
ก็ไม่ต้องการให้ใครมาข่มเหงน้ำใจ
วาจาทุกอย่างที่เราได้ฟัง ต้องการให้คนที่มาพูดกับเราพูดแต่ความเป็นจริง
เพราะเราต้องการอย่างนั้น
ทรงกล่าวว่า ทั้งชายและหญิงเหมือนกันหมด คือไม่มีใครต้องการเป็นคนชั่ว

องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจึงทรงกล่าวว่า
ดูกรท่านผู้เจริญ ถ้าทุกคนต้องการมีความสุข ให้ปฏิบัติตามดังนี้

๑.ปาณาติปาตา เวรมณี
ขอให้ทุกคนงดเว้นเบียดเบียนทางร่างการซึ่งกันและกัน
อย่าประหัตประหาร อย่าเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน
นอกจากนั้นให้เอาจิตตั้งอยู่ในความเมตตากรุณาทั้งสองประการนั้นจึงจะส่งผล
องค์สมเด็จพระทศพลทรงกล่าวว่า จงอย่าฆ่ากัน จงอย่าทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน
แต่ว่าการที่จะไม่ทำอย่างนั้น ต้องเอาจิตใจประกอบไปด้วยเมตตา คือ ความรัก
คิดเสียว่า เราเกิดมาเรารักตัวเราเพียงใด คนทั้งหลายก็มีความรักตัวของเขาเพียงนั้น
เราไม่ต้องการให้ใครมาทำร้ายร่างกายของเรา เขาก็ไม่ต้องการให้เข่นฆ่าเขา
ทั้งนี้องค์สามเด็จพระศาสดาจึงกล่าวว่า
ทั้งคนและสัตว์ต่างเว้นการทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน
เว้นการเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน ต่างรักกัน ต่างสงสารกัน
ทุกคนก็จะมีความสุขทั่วหน้า

๒.อทินนาทานา เวรมณี
องค์สมเด็จพระชินสีห์ตรัสว่า ทรัพย์ของเรา เราไม่ต้องการให้ใครมายื้อแย่ง
มาลักขโมยทรัพย์สินของคนอื่นเขาก็เช่นเดียวกัน
เขาหามาได้เขาก็ต้องการกินต้องการใช้ของเขาเอง
ถ้าเราไปยื้อแย่งเขา เขาก็โกรธเขาก็ไม่พอใจ
ฉะนั้นสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถศาสดาจึงกล่าวว่า
เราควรจะระมัดระวังเรื่องการที่ไม่ยื้อแย่ง
อยากได้ทรัพย์สินของบุคคลอื่นมาเป็นทรัพย์สมบัติของตนเอง
คือ มีความยินดีเฉพาะทรัพย์สินที่เราหามาได้โดยชอบธรรมเรียกว่า สันโดษ
ไม่ใช่ยินดีเฉพาะทรัพย์สินที่มีอยู่แล้ว
ให้ยินดีในทรัพย์สินที่เราหามาได้โดยชอบธรรม
ด้วยไม่ไปคิดโกง ไปลักขโมยใคร และไม่เบียดเบียนทรัพย์ของคนอื่น
ทรัพย์ส่วนนั้นราพอใจ แต่ทว่าเรามีสันโดษโดยอยู่เฉย ๆ ในข้อนี้ก็ไม่ไหว

องค์สมเด็จพระจอมไตรตรัสว่า
ต้องแก้การอยากได้ทรัพย์ของคนอื่นด้วยการให้กัน
การอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น เป็นการอยากดึงเข้ามา
การให้เป็นการผลักดันออก
การให้ทานนั้นประกอบด้วยเมตตา ความรักกรุณาความสงสารเหมือนกัน
แต่ทว่ามาถึงข้อนี้เราก็เพิ่มสันโดษ เข้ามาด้วย เพิ่มทานบารมีเข้ามาด้วย

รวมความว่า ถ้ารักษาศีลข้อนี้เป็นปกติทุกวัน
ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ต้องคิดไว้เสมอว่า ถ้าไม่เกินวิสัยที่จะให้ได้นี้

เราจะช่วยได้ ไม่ว่าใครทั้งหมด คนก็ดี สัตว์ก็ดี
ถ้าหันหน้าเข้ามาหาเราและมีความทุกข์ยาก
เราจะสละทรัพย์ที่มีอยู่ตามสมควรให้ทันที จะคิดไว้อย่างนี้
ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องให้ ถ้ามีก็ให้ไป เราก็ไม่มีเหลือกินเราก็ไม่ต้องให้
หากใจมันเกิดอยากจะให้จะต้องไม่เกินวิสัยที่เราจะให้ได้
ถ้ากำลังใจของพุทธบริษัททรงอยู่อย่างนี้ได้ชื่อว่า เป็นผู้เจริญ
จาคานุสติกรรมฐาน ประจำใจศีลข้อนี้ก็บริสุทธิ์

ถ้าเราไม่ลักขโมยใคร ไม่ทำร้ายร่างกายใคร
ไปไหนก็มีแต่คนรักเรา เขาไว้วางใจเราของที่เขาฝากไว้
เราก็ไม่โกงของเรา เผลอเราก็ไม่ลัก
เป็นอันว่าไปที่ไหนก็ตามก็ไม่มีใครสะดุ้งหวาดหวั่นว่า
เราจะต้องทำร้ายเขา เราจะลักขโมยเขา
ไปที่ไหน มีแต่ความสุขความเจริญ

๓.กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี
องค์สมเด็จพระรามาธิบดีทรงกล่าวว่า คนที่รักไม่ใช่เฉพาะสามีภรรยา
หรือบุตรก็ดี ธิดาก็ดี คนในปรกครองก็ดี
ทุกคนเขาก็หวงแหนทุกคนเขาก็มีความพอใจ
อย่าไปละเมิดสิทธิ ให้สู่ขอกันตามประเพณี
ถ้าผู้ปกครองอนุญาตก็ใช้ได้ เป็นที่ถูกใจสร้างความรักซึ่งกันและกัน
อย่างนี้องค์สมเด็จพระชินสีห์ตรัสว่า เป็นปัจจัยของการมีความสุข
ถ้าในระหว่างสามีภรรยา บุคคลอื่นเราก็ต้องถือสันโดษอยู่ข้อหนึ่งว่า
สามีของเขาก็ดี ภรรยาของเขาก็ดี เป็นที่พอใจของเขา
เราจะไม่ละเมิดสิทธิของสามีภรรยาของบุคคลอื่น เพราะเป็นที่รักของเรา
ถ้าทำได้อย่างนี้ก็มีความสุขในปัจจุบันเช่นเดียวกัน

๔.มุสาวาทา เวรมณี
องค์สมเด็จพระชินสีห์ตรัสว่า วาจาที่รับฟังเราต้องการความจริง
คนไหนพูดจริงกับเราเราก็รัก เราก็นับถือคนนั้น
ถ้าเราไปพูดไม่จริงกับคนอื่นเขาก็เกลียด ถ้าเราพูดแต่ความจริงเขาก็ชอบ

ฉะนั้นองค์สมเด็จพระบรมศาสดาจึงตรัสว่า
ต้องมีสัจจะความจริงใจด้วยและต้องมีเมตตา
คือ ความรัก มีความสงสารซึ่งกันและกัน
สองประการเข้ามาควบคุมจิต ตั้งใจว่า เราจะพูดแต่ความจริง
ถ้าไปไหนเราพูดแต่ความจริง ทุกอย่างก็เป็นที่ยอมรับนับถือของคนทั่วไป
การที่เรามีแต่ความสุขก็เป็นที่รักของบุคคลอื่นทั่วไป

๕.สุราเมรยมัชชปมาทัฎฐานา เวรมณี
พระชินสีห์บรมศาสดาตรัสสอนว่า
คนที่ไม่ต้องการเป็นโรคประสาทไม่ต้องการมึนเมาสติฟั่นเฟือน
ถ้าไม่ต้องการอย่างนี้ละก็
ขอจงพากันรักษาศีลเจริญกุศลภาวนาตั้งสติเอาลง คือ ตัวเราอย่าดื่มสุราเมรัย
เพราะสุราเมรัยดื่มเมื่อไรก็ชั่วเมื่อนั้น
ดื่มมากก็ชั่วมาก ดื่มน้อยก็ชั่วน้อย
ที่เขาบอกสุราแปลว่า กล้า คือ ทำทุกอย่างในด้านความชั่ว
บางอย่างเราไม่เมาเราก็ไม่พูด ในบางกรณีเราไม่เมาเราก็ไม่ทำ
เพราะทำแล้วมันอายชาวบ้านเขา ไม่น่าจะทำ ไม่น่าจะพูด
แต่พอดื่มสุราเข้าไปหน่อยมันก็พูดได้ทำได้ทุกอย่าง
รวมความว่า สิ่งที่เรารังเกียจเมื่อเราไม่เมาเราก็ไม่ทำ เพราะมันเลว
พอดื่มสุราเข้าไปแล้วเรากล้าทำกล้าเลว และความกล้านี้เป็นความกล้าชั้นต่ำ

ฉะนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า
นี่เป็นเรื่องของศีลที่พระบรมศาสดาตรัสว่า สีเลนะ สุคะ ติงยันติ
ถ้ามีศีลในใจก็มีความสุข ไม่มีความเดือดร้อน
การทะเลาะวิวาทซึ่งกันและกันก็ไม่มี
มีแต่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าหากัน

อีกข้อหนึ่ง สีเลนะ โภคะ สัมปะทา
ถ้าเราไม่รุกรานชาวบ้านเขา ไม่ไปลักขโมย ไม่แย่งคนรักเขา
ไม่โกหกมดเท็จเขา ไม่ดื่มสุรายาเมา เรื่องร้ายมันก็ไม่เกิด
เพราะเรื่องร้ายมันเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ มันก็ต้องจ่ายทรัพย์พิเศษเมื่อนั้น
เมื่อเรื่องร้ายไม่เกิด ทรัพย์ก็ไม่ต้องจ่าย ไม่ต้องสิ้นเปลือง
ทรัพย์มีอยู่เท่าใดก็พอ มันมีน้อยก็พอใช้
มีมากก็พอใช้ เพราะความทะเยอทะยานไม่มี

ก็ว่ามาถึงข้อที่สามอีกว่า กาเมสุมิจฉาจาร
การไปรุกรานความรักคนอื่นเขามีโทษมาก
เขาตามเข่นฆ่า เขาเป็นศัตรู
ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็เดือดร้อนต้องหนีหัวซุกหัวซุน
หรือมิฉะนั้นก็ถูกจับลงโทษทัณฑ์ มันก็เสียสตางค์
ถ้าไม่ทำอย่างนี้เราก็ไม่ต้องหนีชาวบ้านเขา
เราประกอบการงานปกติ ทรัพย์มันก็มีมาก หาได้ตามปกติ
ถ้าต้องหลบต้องหนีเขา หาทรัพย์ไม่ได้ก็ต้องกินของเก่าไป
ถ้าไม่มีการถูกจับหรือพิพากษาลงโทษใด ๆ
ทรัพย์สินทั้งหลายมันก็ไม่เปลือง
รวมความแค่นี้ทรัพย์มันก็สมบูรณ์ทุกประการ อยู่เย็นเป็นสุขตลอดกัลปาวสาน

ที่ท่านทั้งหลายได้มาบำเพ็ญกุศล บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา
คล้ายวาระที่จะขึ้นปีใหม่ต่อไปนั้น
ท่านสาธุชนก็อุตส่าห์ตั้งใจบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา
ในข้อสี่เราพูดจริงทำจริงไม่โกหกมดเท็จ ไปพูกับใครเขาก็เชื่อ
ถ้าเป็นการบังเอิญอย่างหนึ่งทรัพย์ของเราไม่พอจะไปหยิบยืมใคร
ใครเขาก็เชื่อใจเราอยู่แล้ว เชื่อความสามารถ
เชื่อความมั่นคงของเรา เราก็ขอยืมเขาได้ไม่เดือดร้อนในการหาทรัพย์

สำหรับข้อห้า สุราเมรัย กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน
ถ้าเรายังกันไม่อิ่ม ในเมื่อเรากินไม่อิ่มแล้ว
เอาเงินที่หามาได้ไปใช้ในเรื่องนั้นมันก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย
ไม่ได้ทำให้ครอบครัวของเราร่ำรวยขึ้นมาเลย
ถ้าเราจะงดกินเหล้าวันละสิบบาท ปีหนึ่งก็ ๓,๖๕๐ บาท
เห็นง่าย ๆ เราจะได้เอาเงินจำนวนนี้มาใช้จ่ายภายในครอบครัว

พระบรมศาสดาตรัสย่อ ๆ ว่า สีเลนะ โภคะ สัมปะทา ก็เป็นอย่างนี้
ถ้ามีศีล ทรัพย์ของเราก็ไม่เดือดร้อน
ตัวเรา ร่างกายของเราก็ไม่เดือดร้อน
พระบรมศาสดาตรัสว่า สีเลนะ นิพพุติง ยินติ แปลว่า สงบ
มีอารมณ์สงบในเมื่อเรามีทรัพย์สินใช้สบายใจเราก็สงบ

กล่าวถึงอานิสงส์องค์ศีลในปัจจุบันชาตินี้
ชาติหน้าไม่ต้องพูดกัน ชาตินี้ดีชาติหน้ามันก็ต้องดี
ชาตินี้เลวชาติหน้าก็ต้องเลว เราจะเลือกเอาทางไหน




Create Date : 14 มิถุนายน 2555
Last Update : 14 มิถุนายน 2555 9:38:32 น.
Counter : 1494 Pageviews.

9 comment
ท่านอนหลับที่ดี
ท่านอน



วันนี้มาเยือนกันถึงห้องนอนเลย
เคยเป็นบ่อย พอไปเจอรีบเอามาให้เพื่อน ๆ
ได้รับรู้ เข้าใจ และปฏิบัติตามคะ








เครดิตสำหรับเพื่อนผู้แสนดีส่งมาให้และข้อเขียนดีๆจากนิตยสารดีๆจ้า




Create Date : 12 มิถุนายน 2555
Last Update : 12 มิถุนายน 2555 8:49:05 น.
Counter : 2936 Pageviews.

11 comment
มะเร็งภัยร้ายที่ใกล้ตัว กับอาหารที่เราทาน


มะเร็งภัยร้ายที่ใกล้ตัว



เพื่อนส่งอีเมลล์มาให้คะ อ่านดูแล้วคิดว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับคนที่เข้ามาอ่าน อ่านแล้วส่งต่อด้วยนะคะถือเป็นกุศลอย่างมากคะ

ในสภาวะของด่างอ่อน เซลล์มะเร็งหยุดเติบโต
หรือกระทั่งฝ่อตายไป

เป็นกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่ฟังเขาเล่าเรื่อง สำคัญยิ่งยวด โปรดใส่ใจอ่านอย่าง พินิจพิเคราะห์ และถึงจะเคยผ่านตามาก่อน ก็สมควรอ่านทวนให้ขึ้นใจอีกสักหลายๆ หน โดยเฉพาะรายชื่ออาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่าง มีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณอย่างเอกอุ และโปรดอย่าลืม กระจายสาระเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง

ล่วงเลยมา ๓๐ กว่าปีเข้านี่แล้ว ที่มิสเตอร์จาง พนักงานฝ่ายขาย‘การจัดกิจกรรมประชาสาธารณะ’ ของเบียร์ไทเป(Taipei Brewery) เข้าร่วมสอบคัดเลือกชิงทุนการศึกษาธุรกิจเบียร์ในต่างประเทศ และสอบผ่านด้วยคะแนนยอดเยี่ยม ในระหว่างการตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ก่อนไปนอก มีการตรวจพบว่าเขามีก้อนเนื้อร้ายขนาดกำปั้นทารกงอกอยู่ในปอด จึงหมดสิทธิ์ในทุนการศึกษานั้นโดยปริยายในความผิดหวังแสนสาหัส มิสเตอร์จางละแวงว่าการตรวจเช็คร่างกายคราวนั้น อาจผิดพลาดหรือสัพเพร่าได้ จึงไปทำการตรวจเช็คซ้ำที่โรงพยาบาลแห่งอื่น แต่ผลที่ได้ยืนยันว่าการตรวจเช็คครั้งที่แล้วไม่มีอะไรบกพร่องท่ามกลางความท้อแท้หมดอาลัยตายอยาก หนุ่มจางที่มีร่างกายแข็งแรงมาแต่อ้อนแต่ออก รู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจอย่างยิ่งกับชะตาชีวิตที่เล่นพิเรนทร์

เขาโทรศัพท์ไประบายความเจ็บปวดใจให้แก่เพื่อนนักเรียนเก่า มิสเตอร์เหว่ย ซึ่งขณะนั้น ดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการนายอำเภอหวงซุน นายอำเภอแห่งเมืองไถตง มิสเตอร์เหว่ยอาศัยวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุด เดินทางมาเยี่ยมหาหนุ่มจางทันทีหนุ่มจางระบายความอัดอั้นตันใจ พลางสั่งเสียให้เพื่อนรักเอาธุระเรื่องจิปาถะหลังการตายของตน ประจวบเหมาะเหลือเกินที่มิสเตอร์เหว่ยมีเพื่อนรักอีกคนหนึ่ง ชื่อนพ.ลวี่เกอลิ่ง ซึ่งเป็นอดีตผอ.โรงพยาบาลมั่ยเจ(ค.ศ.1945-55)และหมอมือดีผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยภาคสนามในโรคมะเร็งโดยเฉพาะ

เกลอเหว่ยคะยั้นคะยอหนุ่มจางให้ไปหานพ.ลวี่เกอลิ่งด้วยกันในทันที หนุ่มจางอิด ออด ด้วยเกรงว่าจะพบกับความผิดหวังซ้ำๆ พาลให้เจ็บปวดใจซ้ำซากแต่มิสเตอร์เหว่ยบอกกล่าวเพื่อนรักว่า เขาเองได้โทรศัพท์ไปปรึกษาหมอลวี่ก่อนหน้านี้ และนัดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าจะพาหนุ่มจางไปหา เห็นความมีน้ำใจของสหาย เยี่ยงนี้ จางพูดอันใดไม่ออก ได้แต่ทำตามโดยดุษฎี

เมื่อพบกันหมอลวี่เอ่ยปากแก่หนุ่มจางทันที
“เหว่ยเป็นเพื่อนรักผม เขาแนะนำให้ เราสองมารู้จักกัน นับว่าเป็นบุญวาสนาที่ผมต้องขอขอบคุณ คราวนี้ผมขอถามความรู้รอบตัวของคุณสักหนึ่งคำถาม ‘เหตุใดมะเร็งจึงได้ชื่อว่าเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย?’”
สองเกลอจางและเหว่ยได้แต่มองตากันปริบๆ
หมอลวี่ให้คำตอบทางอ้อม โดยสาธยายว่า

“ตราบถึงทุกวันนี้ มนุษย์เราก็ได้แต่พะบู๊ กับมะเร็งด้วยวิธีเปิ่นๆอยู่แค่สองวิธี วิธีแรกคือกำจัดต้นตอเชื้อโรคร้ายให้สิ้นซาก วิธีถัดมาคือการเพิ่มสมรรถภาพการสู้รบตบมือกับมัน....................แต่ปรากฏการณ์ที่น่าฉงนก็คือ ไม่ว่าเราจะใช้โคบอล์ท ๖๐ (Cobalt 60) หรือสิ่งอื่นใด ในการกำจัดมัน ก่อนที่เจ้าตัวร้ายจะศิโรราบ เซลล์ดีที่อยู่รายรอบกลับมอดม้วยมรณาไปเสียก่อนส่วนวิธีถัดมา ไม่ว่าเราจะป้อนอาหารหรือยาโป๊ขนานใดๆเข้าไปเสริม ก่อนเซลล์ดีและเซลล์ทหารในร่างกายจะทันได้รับอานิสงส์ เจ้าตัวร้ายเป็นต้องชิงตัดหน้าปล้นสะดมเอาไปบำรุงบำเรอพวกของมัน ให้ยิ่งแข็งแกร่งร้ายบริสุทธิ์ขึ้นเป็นทวีคูณทั้งสองวิธีจึงไม่สัมฤทธิ์ผลทั้งคู่ มะเร็งร้ายจึงยังคงอหังการ์ ประกาศศักดาความเป็น โรคร้ายที่รักษาไม่หายสืบมาจนทุกวันนี้”

หมอลวี่กล่าวต่อ

“มนุษย์เราเก่งเรื่องนอกตัว กระทั่งพระจันทร์ก็ไปฝากรอยเท้ามาแล้ว แต่พอเป็นเรื่องหญ้าปากคอก สบปัญหาเกี่ยวกับร่างกายและจิตวิญญาณของตัวเราเอง เป็นต้องดันทุรัง งมงายหมกมุ่นอยู่แต่เจ้าสองวิธีเดิมๆ ไม่คิดขวนขวายหาหนทางสายอื่น ลองมรรควิถีที่ ๓ ดูบ้าง?ตอนที่ผมทำงานวิจัยภาคสนามในโรคมะเร็งโดยเฉพาะ ด้วยความอนุเคราะห์ของเหล่าเพื่อนร่วมงานมือฉมังทั้งหลาย ผมตรวจพบว่าผลวิเคราะห์เลือดของค้นไข้โรคมะเร็ง ร้อยทั้งร้อยแสดงค่าความเป็นกรดหมดทุกตัวคน[ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ต่ำกว่า ๗] แต่เหล่าภิกษุและภิกษุณีทั้งหลาย ที่ทานมังสวิรัติชั่วนาตาปี และใช้ชีวิตอยู่ในแวดล้อม ของธรรมชาติเป็นนิจศีล ยังไม่มีสถิติป่วยเป็นมะเร็ง แม้แต่รายเดียวดังนั้นผมจึงหาญกล้าพอที่จะสรุปว่า ในสภาวะของด่างอ่อน เซลล์มะเร็งจะหยุดเติบโตหรือกระทั่งฝ่อตายไปเอง! คุณจาง ผมขอเสนอให้คุณลดอาหารคาว ที่มีฤทธิ์เป็นกรดทั้งหลายลงให้มากเข้าไว้ แล้วหันมาทานอาหารฤทธิ์ด่างแทน ในเชิงประยุกต์คุณลองทานสาหร่ายเขียวและแกงเลียงกระจับไม่กะเทาะเปลือก ออกกำลังฟิตร่างกาย และพยายามใช้ชีวิตเรียบง่าย คืนสู่วิถีธรรมชาติหากต่อกรกับมันได้จนพ้น ๕ ปี คุณรอดตายแน่ ขอพระคุ้มครอง”

หนุ่มจางทำตามคำแนะนำของหมอลวี่ ทั้งปรับเปลี่ยนนิสัยการกินเดิมๆจนหมดสิ้น ทุกเช้าทานทั้งสาหร่ายเขียวและแกงเลียงกระจับไม่กะเทาะเปลือก ใช้ชีวิตปล่อยวาง ออกกำลังกายในปริมาณที่เหมาะสม หนึ่งปีให้หลัง เมื่อกลับไปตรวจเช็คร่างกายใหม่ที่โรงพยาบาลแห่งเดิม พบว่าก้อนเนื้อร้ายขนาดกำปั้นทารกก้อนนั้นไม่เพียงไม่โตขึ้น ยังมีอาการฝ่อตัวลงเสียด้วยซ้ำ ทำความประหลาดใจแก่พนักงานตรวจเช็คร่างกาย ว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์เหลือเชื่อ หลังปีที่ ๕ ยิ่งฝ่อลีบจนอยู่ในสภาพหาไม่เจอไปเลย

มาบัดนี้ ๓๐ กว่าเกือบ ๔๐ ปีผันผ่าน คุณจางพลานามัยแข็งแรงกระฉับกระเฉง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขยิ่งนัก
ภายหลังคุณจาง ก็ยังมีรายคุณเฉินเทียนโซ่ว ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารทั่วไปฝ่ายธุรการ(Head of the General Administration) โรงพยาบาลแห่งรัฐไถตง ที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดเช่นเดียวกัน
เมื่อมิสเตอร์เหว่ยทราบเรื่องเข้า เขาก็ได้เล่าประสบการณ์คุณจางให้ผบ.เฉินฟัง ผบ.เฉินปฏิบัติตัวในเชิงกายภาพนวัตกรรม ตามแบบการชี้แนะของหมอลวี่ทุกประการ สุดท้ายก็ขจัดมะเร็งได้ราบคาบ แบบเดียวกับที่คุณจางพิชิตมา

ช่วงเวลานั้น ครอบครัวหมอลวี่อพยพไปอยู่อเมริกา เหตุการณ์เหล่านี้ผ่านไปแล้วนั่นแหละ เขาถึงได้กลับมาไต้หวันและปะเหมาะเจอะเจอมิสเตอร์เหว่ย มิสเตอร์เหว่ยรีบรายงานให้หมอลวี่ทราบถึงเหตุการณ์ ทั้งของรายคุณจางและรายผบ.เฉิน ทั้งขยั้นขยอให้หมอลวี่เรียกสัมภาษณ์เขาทั้งสอง เพื่อตีพิมพ์ผลงานวิจัย ว่าด้วยการพิชิตมะเร็ง โดยผู้ป่วยเองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิตใหม่หมด ในแนวกายภาพนวัตกรรม
หมอลวี่กล่าวตอบถ่อมตน

“ผมอายุมากแล้ว และงานวิจัยชุดนี้ขาดความสมบูรณ์ในตัวเลขบันทึกสดภาคสนาม ขอคุณเหว่ยช่วยแจ้งพวกเพื่อนๆและเหล่าญาติมิตรว่า หากเห็นด้วยกับแนวการสู้รบตบมือกับมะเร็งแนวใหม่นี้ ขอให้ถือปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลายและเผยแพร่ประสบการณ์ตรงแก่ชาวโลก..............กายภาพนวัตกรรม และดำรงวิถีชีวิต ที่สอดคล้องกับธรรมชาติรอบตัว อย่างกลมกลืนแนบแน่นตลอดไป”

คนทุกคนพึงเอาใจใส่ดูแลตัวเอง จากนั้นก็เผื่อแผ่อาทรเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆด้วย พึงตระหนักว่า 85%ของคนไข้โรคมะเร็งมีกายภาพองค์รวมเป็นกรด ค่าpHของความเป็นกรดด่างในเลือดของคนแข็งแรง จะมีค่าระหว่าง7.35~7.45ของความเป็นด่างอ่อนเสมอ

เลือดของทารก ก็มีค่าความเป็นด่างอ่อนเช่นกัน
เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เลือดในกายก็จะเริ่มปรับเปลี่ยนไปเป็นกรด

ผลการวิจัยของเหลวในร่างกาย (Bodily fluid) ของคนไข้โรคมะเร็ง600คน 85%ล้วนมีสภาพเป็นกรด ดังนั้น ทำยังไงให้สภาพร่างกายคงค่าความเป็นด่างอ่อนได้ คือก้าวแรกในการเดินหนีมะเร็ง
เอกลักษณ์ของสภาพร่างกาย ที่แจงค่าความเป็นกรด มีดังนี้

1.ผิวพรรณหยาบกร้าน ไม่มีน้ำมีนวล
2.ง่ามนิ้วเท้าเปื่อยแบบ‘ฮ่องกงฟุต’
3.ออกกำลังกายเล็กน้อยก็หมดแรง ขึ้นรถเป็นอยากหลับลูกเดียว
4.ขึ้นลงบันไดไม่กี่ขั้น หอบหายใจไม่เป็นส่ำ
5.อ้วน ลงพุง
6.ฝีเท้างุ่มง่าม ท่วงท่าเงอะงะ

เหตุใดสภาพร่างกายจึงปรับตัวเป็นกรด?
1.กินอาหารผลิตภัณฑ์นม ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด ล้นเกิน
a)เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม ไข่ เนื้อวัว เนื้อหมู(แฮม) ล้วนเป็นอาหารฤทธิ์กรด
แปะข้อความเตือนใจเหล่านี้ไว้บนผนังที่เห็นเด่นชัด
b)กินอาหารฤทธิ์กรดมากเกิน เลือดจะข้น ไหลเวียนสู่ปลายหลอดเลือดฝอยลำบาก เป็นเหตุให้เกิดเหน็บชาตามแขนขาและหัวเข่า ไหล่ยึด และโรคนอนไม่หลับ เป็นอาทิ
c)เมื่อคราหนุ่มแน่นอายุน้อย โปรตีนจากเนื้อสัตว์มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ใช่อยู่ แต่เมื่อแก่ตัวลง อาหารหลักสมควรเปลี่ยนมาเป็นผัก และปลาตัวเล็ก

2. ดำเนินชีวิตผิดปรกติ สภาพร่างกายปรับตัวเป็นกรด
a)จังหวะชีวิตผิดแบบ ก่อเกิดแรงเครียดทั้งต่อจิตใจและร่างกาย
b)คนนอนดึก ตามสถิติ มีแนวโน้มในการเป็นมะเร็งมากกว่าคนนอนปรกติถึง ๕ เท่า
c)มนุษย์ ดำรงชีวิตอยู่ในโลกที่มีจังหวะจะโคนของมันเป็นปรกติวิสัย จะสะสมการนอนหลับพักผ่อน หรือกินอาหารมากๆตุนไว้ก่อน หรือเปลี่ยนใช้ชีวิตแบบกลับตาลปัตร กลางวันเป็นกลางคืน กลางคืนเป็นกลางวัน ไม่ได้
d)อวัยวะภายในของคน ถูกควบคุมด้วยระบบประสาทอัตโนมัติ กลางวัน ระบบประสาทกลุ่มทำนองคลองธรรม (ซิมพาเทติก) กระฉับกระเฉง กลางคืน ถึงคราวระบบประสาทกลุ่มสวนกระแส (พาราซิมพาเทติก) ทะมัดทะแมงแข็งขันบ้าง หากเราใช้ชีวิตฝืนธรรมชาติ โรคภัยไข้เจ็บย่อมถามหาเป็นธรรมดา

3.อารมณ์แปรปรวนเกินเลย
a)ความเครียดเกิดง่าย ในสังคมศิวิไลซ์
b)แรงเค้นแรงเครียดอันเนื่องจากงาน หรือแรงเครียดทางจิตใจ
c)หลังมนุษย์ได้รับแรงเครียดทางจิตใจ พอผ่อนคลายลง มักจะผล็อยหลับถึงตายเอาง่ายๆ อาการเช่นนี้มีศัพท์แพทย์บัญญัติว่า พยาติสภาพของเยื่อหุ้มหมวกไตทำงานผิดปรกติ

4.ความเครียดทางกายภาพ
a)ก่อนทำการผ่าตัด ต้องตรวจเช็คให้แน่ใจว่า เยื่อหุ้มหมวกไตทำงานเป็นปรกติดีหรือเปล่า หากมีปัญหา หรือไม่แน่ใจว่าจะทนรับแรงเครียดของการผ่าตัดได้ ก็ให้งดปฏิบัติการไว้ก่อน เพราะอาจนำพาให้คนไข้เสียชีวิต หรือมีผลข้างเคียงเลวร้ายอื่นๆตามมาได้
b)หากตรวจพบอาการบวมเห่อที่ใบหน้า ต้องเร่งตรวจสอบประวัติคนไข้และอาการแพ้ยาต่างๆ สำหรับผู้ที่กินยาโฮโมนซึ่งสกัดจากเยื่อหุ้มหมวกไต การฝังเข็มตามแบบแผน จีน ต้องพิถีพิถัน คอยสังเกตปฏิกิริยาให้ถ้วนถี่
c)หลีกเลี่ยงงานหรือการออกกำลังกาย ที่ใช้กำลังวังชาหักโหม เล่นไพ่หรือขับรถโต้รุ่ง

ปกิณกะ:อาหารดาษดื่นทั่วไป แยกประเภทที่เป็นกรด/ด่าง
1.อาหารกรดแรง: ไข่แดง เนยแข็ง เค้กทำจากน้ำตาลทรายขาว มะพลับ
ไข่ปลามัลเล็ท ปลาค้อด เป็นต้น
2. อาหารกรดกลางๆ: แฮม เบค่อน เนื้อไก่ ปลาหมึก เนื้อหมู ปลาไหล เนื้อวัว ขนมปัง แป้งสาลี เนยสด เนื้อม้า เป็นต้น
3.อาหารกรดอ่อน: ข้าวขาว ถั่วลิสง เบียร์ เหล้า เต้าหู้ทอด สาหร่ายทะเล
หอยแครง ปลาหมึกอ๊อกโตปุส และปลาดุก
4.อาหารด่างอ่อน: ถั่วแดง หัวผักกาด แอปเปิล ผักกาดเขียวปลี หอมหัวใหญ่ เต้าหู้ เป็นต้น
5.อาหารด่างกลางๆ: หัวผักกาดตากแห้ง ถั่วเหลือง แครอต มะเขือเทศ กล้วย ส้ม ฟักทอง สตรอเบอรี่ ไข่ขาว บ้วยตากแห้ง มะนาว ผักโขม เป็นต้น
6.อาหารด่างแรง: องุ่น ใบชา ไวน์ (เหล้าองุ่น) สาหร่ายทะเลทั้งงอกและไม่งอก (kelp sprout, kelp) เป็นต้น ที่พิเศษสุดคือสาหร่ายเขียว ธรรมชาติ ที่อุดมด้วยธาตุเขียว (chlorophyl) ถือเป็นอาหารด่างชั้นสูง สำหรับชานั้นอย่าดื่มมากเกิน และดื่มในช่วงเช้าจะดีที่สุด




Create Date : 23 พฤษภาคม 2555
Last Update : 23 พฤษภาคม 2555 14:33:40 น.
Counter : 2519 Pageviews.

36 comment
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง
สาระดีๆ ของน้ำผึ้ง




ตารางประโยชน์ของน้ำผึ้งในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ





โรค ปริมาณและวิธีใช้



1. บำรุงสุขภาพ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน

2. อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้

3. ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง 1/2 -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า / ก่อนนอน

4. นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน

5 .ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด)น้ำมะนาว 1/2 เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง 1/2 ช้อนโต๊ะน้ำขิงเข้มข้น 1/2ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร

7. ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน

8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน

9. ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว

10. เด็กหวะนม น้ำผึ้ง 1/2 -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม

11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกเมื่ออาหาร

12. ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื่อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่เย็นแล้วล้างแผลให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล

13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง

14. โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะก่อนนอน

15. ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรคตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 1/2 ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งเป็นประจำคอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน

16. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร

17. เด็กโตช้า และโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ

18. เสียน้ำหรือเสียเลือด( 10-20 % ) น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ 1/4 ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

19. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ถ้วย



กรุณาส่งต่อเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นต่อไปได้บุญมากๆๆๆๆ




Create Date : 21 พฤษภาคม 2555
Last Update : 21 พฤษภาคม 2555 9:57:16 น.
Counter : 2605 Pageviews.

7 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

gymstek
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



>