ชีวิต คือ การเดินทางและการเรียนรู้
Love Life







 รักอย่างไรให้ยาวนาน (จิตวิทยาความรัก1)




     เชื่อว่าทุกคนคงรู้จักและเคยสัมผัสกับประสบการณ์ความรักมาไม่มากก็น้อย
ไม่ว่าจะเป็นการตกหลุมรัก รักเขาข้างเดียว มีแฟน อกหัก แต่งงาน ฯลฯ
เพราะความรักนั้นเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเรามาโดยตลอด และหลายๆ ครั้งความรักนั้น
ก็ช่างมีความสำคัญและมีอิทธิพลกับชีวิตมนุษย์มากมายเหลือเกิน นอกจากนี้
เมื่อมีความรักแล้ว หลายต่อหลายคนมักคาดหวังที่จะมีรักที่ยาวนาน เราลองมาดูกันว่า
ต้องทำอย่างไร รักนั้นจึงจะอยู่ได้ยาวนาน





 คนเราเริ่มรักกันได้อย่างไง 



มีการศึกษาพบว่าสิ่งที่ทำให้คนเราเริ่มรักกัน ได้แก่
1.    รูปลักษณ์ภายนอก ในสมัยนี้ปัจจัยข้อนี้แทบจะมาเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้
ที่คนที่มีรูปร่างหน้าตาดีมักมีคนมาตกหลุมรักได้ง่ายๆ เพราะคนส่วนใหญ่จะชอบในความหล่อ ความสวย
ซึ่งเป็นแรงดึงดูดและทำให้ประทับใจได้ง่ายเวลาที่เจอกันครั้งแรกๆ
2.    ความใกล้ชิด เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเราเกิดความรักขึ้นได้ ดังที่จะพบได้บ่อยๆ ว่าคนที่ทำงานใกล้ชิดกัน
เป็นเพื่อนสนิทกัน ไปๆ มาๆ กลายเป็นแฟนกันและแต่งงานกัน เพราะความใกล้ชิดนั้นทำให้คนเรามีโอกาสพูดคุยกัน
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือแม้แต่ช่วยเหลือกันในยามลำบาก
3.    ความเหมือนกัน เริ่มแรกที่รู้จักกันนั้นความเหมือนกันจะดึงดูดให้เราเข้ากันได้ง่าย เรามักชอบคนที่มีอะไรเหมือนๆกัน
เช่น นิสัยคล้ายกัน รสนิยมเหมือนกัน ดูหนังแนวเดียวกัน อ่านหนังสือคล้ายกัน ชอบทำบุญเหมือนกัน เป็นต้น
เพราะเวลาที่ชอบอะไรเหมือนกันก็มักจะหากิจกรรมมาทำด้วยกันง่ายขึ้น


มนุษย์เราเลือกคนรักกันอย่างไร


    ความจริงแล้วมีอยู่หลายทฤษฎีด้วยกันที่กล่าวถึงเหตุผลในการเลือกคนรักของมนุษย์เราแต่ในที่นี้ขอยกมาเพียงทฤษฎี
แนวจิตวิเคราะห์เท่านั้น ได้แก่
1.    เหมือนพ่อหรือแม่ (เพศตรงข้ามกับเรา) เรียกว่า anaclitic love ถ้าเหมือนพ่อหรือแม่เรียกว่าเป็นแบบ
positive way มักเป็นในคนที่พ่อหรือแม่ดีเป็นที่ประทับใจ เช่น ถ้าเป็นลูกสาวที่มีพ่อนิสัยดี สุภาพ เอาใจ
ก็ย่อมเลือกคนรักที่เหมือนกับพ่อ นอกจากนั้นการเลือกแบบนี้ยังกระตุ้นและทำให้ระลึกถึงบุคคลสำคัญในอดีตอีกด้วยอีกแนวหนึ่งคือ
negative way คือชอบคนที่ไม่เหมือนพ่อหรือแม่ มักเป็นในคนที่พ่อหรือแม่ไม่ได้ดีหรือเป็นที่ประทับใจเท่าไร เช่น ลูกชายที่มีแม่จุกจิก
ขี้บ่น ระเบียบจัด ก็ย่อมอยากได้แฟนที่ตรงกันข้าม (เพราะคงไม่อยากได้แม่คนที่สอง) เป็นต้น
2.    เหมือนตัวเราเอง เรียกว่า narcissistic love ถ้าเป็น positive way ก็คือชอบคนที่เหมือนๆกับเรานอกจากการเหมือนกัน
จะทำให้เข้ากันได้ง่ายแล้ว การรักคนที่เหมือนตัวเองนั้นยังเป็นการเสริมความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองไปด้วย ถ้าเป็น negative way
คือการชอบคนที่ตรงข้ามกับตัวเอง เช่น คนที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูด อาจจะชอบคนที่ร่าเริง คุยเก่ง สนุกสนาน (เพราะถ้าเงียบเจอเงียบ
วันๆ ก็คงไม่ต้องพูดกัน หรือถ้าคนพูดเก่งเจอพูดเก่งก็คงไม่มีใครฟังใคร)
3.    เหมือนคนในอุดมคติ เรียกว่า ideal love คือชอบคนที่เหมือนกับที่เราวาดฝัน คาดหวังไว้ เช่น ต้องหล่อ รวย หน้าตาดี
หุ่นดี นิสัยดี เป็นสุภาพบุรุษ ฯลฯ
หากถามว่าในสามอันนี้รักแบบไหนดีที่สุดคงตอบได้ยาก แต่หากถามว่าความรักอย่างไหนแย่ที่สุด น่าจะเป็น ideal
love เพราะเป็นความรักที่กำเนิดมาบนความคาดหวัง หวังว่าคนรักต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ ซึ่งในชีวิตจริงนั้น
คงไม่มีใครเป็นได้อย่างที่เราต้องการทุกอย่าง



 ทำอย่างไรให้รักคงอยู่ได้อย่างยาวนาน Smiley


หากกล่าวถึงความรัก คงมีคนแบ่งแยกไว้หลายๆ รูปแบบ แต่หากจะแบ่งอย่างกว้างๆ นั้นคงแบ่งได้เป็น
Mature love (ความรักอย่างมีวุฒิภาวะ) เป็นความรักของผู้ที่เต็มในตัวเอง มีเหตุมีผล อดทน
เป็น active มากกว่า passive (คือเป็นผู้ให้ มากกว่าผู้ที่รอรับ)
Immature love (ความรักอย่างไม่มีวุฒิภาวะ หรือรักแบบเด็กๆ) เป็นความรักของผู้ที่รู้สึกขาด เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง
เห็นแต่ความอยาก ความต้องการของตัวเอง หลายๆ ครั้งที่บอกว่า “รัก” แต่จริงๆ ทำให้เพื่อหวังให้เขารักตอบ หวังว่าเขาจะทำให้เรามีความสุข ที่จริงแล้วก็คือรักตัวเองมากกว่า ทำเพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง



Mature love: I need you because I love you
Immature love: I love you because I need you



ความรักอย่างมีวุฒิภาวะนั้นควรประกอบไปด้วยอะไรบ้าง


1.    มีคำมั่นสัญญา
คำมั่นสัญญาเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความรัก เพราะความรักจะอยู่ได้ต้องเกิดจากการลงมือลงแรง ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
คำมั่นสัญญาเกิดจากความคิด การตัดสินใจด้วยตัวของเราเอง ตัดสินใจที่จะรัก ไม่ใช่เพียงอารมณ์ที่พาไปชั่วครั้งชั่วคราว
คนเรานั้นไม่ได้มีอารมณ์รักเท่ากันอยู่ตลอดเวลา บางครั้งอาจหายไปหรือลดลง สำหรับคนที่ไม่มีคำมั่นสัญญาแล้วอาจจะเลิก
หรือแยกทางกันไป แต่ในผู้ที่ยึดมั่นคำสัญญา ความตั้งใจนั้นก็จะสามารถทำให้ความรักดำรงอยู่ได้


2.    ให้เวลา
ความรักต้องการเวลา เพื่อทำให้เราได้ใกล้ชิดกัน เข้าใจกัน มองเห็นและสามารถตอบสนองความต้องการของอีกฝ่ายได้
ทำให้รู้สึกว่ามีคนอยู่เคียงข้าง การให้เวลาจะเป็นตัวบอกว่าเขาหรือเธอนั้นมีคุณค่าแค่ไหน การบอกว่าไม่มีเวลาคงเป็นเรื่องที่ไม่จริง
เวลานั้นเป็นสิ่งที่ยุติธรรมที่สุด เพราะทุกคนมีเวลาเท่ากัน ขึ้นกับว่าเราให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน สิ่งไหนที่สำคัญก็จะมีเวลา
แต่การให้เวลาก็ต้องมีความเหมาะสม ไม่ควรต้องการเวลาที่มากจนเกินไป จนไม่สามารถทำหน้าที่ความรับผิดชอบอื่นๆ ได้เลย


3.    มองเห็นส่วนดีของกันและกัน
    คนรักกันในระยะแรกๆ มักมองเห็นแต่ส่วนดีของกัน แต่เมื่ออยู่ไปนานๆ มักจะลืมสิ่งเหล่านี้ไป คู่ที่คบกันใหม่ๆ ผู้ชายมารับผู้หญิง
ไปส่งบ้าน แรกๆ ย่อมรู้สึกดีใจและชื่นชมในตัวเขาอย่างมาก แต่เมื่อผ่านไปนานๆ สิ่งเหล่านี้มักกลายเป็นความเฉยๆ เป็นสิ่งที่เขาต้องทำ
ไม่ได้รู้สึกชื่นชมอะไร (แต่ลองไม่มารับแกตาย) ตรงกันข้ามหากไม่ทำจะกลายเป็นข้อเสียทันที

4.    ยอมรับได้ในความแตกต่างและส่วนไม่ดี
    V. Satir กล่าวว่า “ความเหมือนจะทำให้เราใกล้กัน แต่ความแตกต่างนั้นจะทำให้เราเติบโต” (Sameness attract us, difference make us grow) เมื่อรักยังหวานจ๋อย เรามักไม่เห็นส่วนไม่ดีของกันและกัน แต่นานๆ ไปจะเริ่มเห็นสิ่งเหล่านี้มากขึ้น ถ้าหากเราสามารถยอมรับในความแตกต่างนั้น ไม่ใช่เพียงคู่เราเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ แต่ตัวเราก็จะเติบโต (ทางจิตใจ) มากขึ้น


5.    รู้จักขอโทษและให้อภัย
การอยู่ร่วมกันย่อมมีทำผิดพลาด มีข้อขัดแย้ง สิ่งที่สำคัญคือ ต้องรู้จักขอโทษและให้อภัย การขอโทษไม่ได้หมายความว่าเราต้องผิดเสมอไป แต่เป็นการขอโทษที่ทำให้เขาหรือเธอไม่สบายใจ การทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ต่อให้คุณเอาตู้เย็นมาเป็นแฟน สักวันคุณก็อาจไม่พอใจมันได้ แม้มันจะทำงานเหมือนเดิมตลอดก็ตาม นับประสาอะไรกับการอยู่กับคนผู้มีความรู้สึก หากคู่ไหนทะเลาะกันบ้างก็ขอให้รู้ว่า
“การทะเลาะกัน อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว” เพียงแต่ต้องรู้จักทะเลาะกันอย่างสร้างสรรค์ ทะเลาะกันเพื่อหาทางออก
เพื่อพยายามแก้ไขร่วมกัน มากกว่าเพื่อเอาชนะกัน การปล่อยผ่าน หนีปัญหาไม่ช่วยอะไร นอกจากจะทำให้ชีวิตคู่นั้นเสื่อมลงเรื่อยๆ


6.    มีความรับผิดชอบ
    ความรับผิดชอบ หมายถึง ความรับผิดชอบทั้งในด้านการงาน การเงิน (คือหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว) ความรับผิดชอบ
ในฐานะแฟน สามีหรือภรรยา คือการดูแลกันและกัน รวมถึงความซื่อสัตย์ต่อกัน ความรับผิดชอบในฐานะพ่อ แม่ ซึ่งก็คือการเลี้ยงดูลูก
 ความรับผิดชอบมีความสำคัญมาก เพราะชีวิตจริงนั้นไม่เหมือนละครหลังข่าวเท่าไร ที่มีคนรักที่ไม่เรียน งานการไม่ทำ เกเร
รับผิดชอบตัวเองยังไม่ได้ แล้วหวังว่าเมื่อมีความรัก เขาจะมารับผิดชอบต่อเรานั้น คงเป็นจริงได้ยาก


7. มีความห่วงใยเอาใจใส่กัน
    Harry Stack Sullivan กล่าวว่า “ ความรักเริ่มต้นเมื่อเรารู้สึกว่าความต้องการของอีกคนหนึ่ง สำคัญพอๆ กับของตัวเอง” ความรักอย่างมีวุฒิภาวะนั้นต้องมีความห่วงใย ใส่ใจ มองเห็น “เรา” มากกว่า “ฉัน” มองเห็นความต้องการของคนอื่นเท่าๆ กับตัวเอง หากเรายังมองเห็นแต่ “ฉัน” เพียงอย่างเดียว การอยู่เป็นโสดน่าจะดีกว่า


8. มีมิตรภาพที่ดี
    ความรักไม่ใช่เซเว่นอีเลฟเว่น มันไม่หวานชื่นตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่มิตรภาพที่ดีจะทำให้รักนั้นยั่งยืนต่อไป
    และที่สำคัญ มิตรภาพที่ดี ไม่ใช่ “การเป็นเจ้าของ” กันและกัน แต่ละคนมีความเป็นอิสระตามสมควร ให้เป็นคนสองคนที่เดิน
ไปเคียงข้างกัน มีเพียงตัวเองที่เป็นเจ้าของตัวเองเท่านั้นไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตคนอื่น การรักด้วยการเป็นเจ้าของคงนำมาเพียงซึ่งความ
หึงหวง ความอึดอัด และตามมาด้วยความขัดแย้งเท่านั้น


9. มีความคาดหวังอย่างเหมาะสม
    คนเรามักจะ “หวัง” โดยลืมไปว่าทุกครั้งที่มีความคาดหวัง มันจะมีคำว่า “ผิดหวัง” แปะติดมาด้วย หลายๆ คนมักมีความคาดหวัง
ในคู่อย่างมาก เขาต้องไม่เที่ยว ไม่ไปกับเพื่อน รายได้มั่นคง ต้องสวีตหวานชื่นตลอด วันเกิดต้องเลี้ยงบนยอดตึกฯลฯ โดยลืมไปว่าไม่มีใครได้ตามที่หวังไปตลอด สิ่งที่ต้องยอมรับคือโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ มีอาจารย์คนหนึ่งกล่าวไว้ว่า perfect is disorder ความสมบูรณ์แบบคือความผิดปกติ


10. ความสัมพันธ์ทางเพศ
    ต้องบอกก่อนว่าความรัก ≠ เซ็กซ์ คนเราไม่มีเซ็กซ์ก็สามารถมีความรักได้ เซ็กซ์เป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มในเรื่องของความรัก
เลยต้องเอามาเขียนเป็นอันสุดท้าย เพราะเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ (และอาจรวมถึงผู้ใหญ่) มักคิดถึงเป็นข้อแรก และลืมอ่านข้ออื่นๆ ไม่ได้บอกว่า
เซ็กซ์ไม่สำคัญ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดของความรัก

    รู้จักวิธีการที่จะสร้างเสริมความรักพอหอมปากหอมคอแล้ว เนื่องในเทศกาลเดือนแห่งความรักนี้ ก็หวังว่าคุณผู้อ่านคงจะได้แนวคิด
ที่จะนำไปปรับใช้กับความรักของตัวเอง เพื่อให้รักนั้นคงอยู่ยาวนานตลอดไปกันนะครับ




ที่มา: Blog ผมอยากที่จะเชื่อ





Create Date : 19 กันยายน 2553
Last Update : 31 มกราคม 2557 13:54:17 น. 2 comments
Counter : 663 Pageviews.

 
โอเคร


โดย: gweb (gweb ) วันที่: 24 ตุลาคม 2558 เวลา:20:06:34 น.  

 


โดย: gweb วันที่: 10 สิงหาคม 2559 เวลา:23:03:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gweb
Location :
อุดรธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gweb's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.