เรื่องเล่าตอนไปทำพาสปอร์ต
วันนี้ตั้งใจเต็มที่ที่จะไปทำพาสปอร์ต (ศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2550) หลังจากปิดเทอมมา 2 วัน ก็ได้เวลาซะที วันนี้ออกจากห้องพักพี่สาวเวลา 7 โมง 30 นั่งรถเมล์สาย 150 (สายประจำตอนเรียน นึกว่าฉันจะไม่รู้จักกงสุลเหรอฮ่าฮ่า ถิ่นเก่าฉัน) ไปถึงกงสุลประมาณ 7.45 ไปถึงแล้วก็เดินตรงดิ่งเข้าประตูไป มองไปชั้น2มีคนเยอแยะก็ไปทางนี้แน่ๆก็เลยเดินขึ้นไป ปรากฏว่าใช่จริงๆด้วย จากนั้น ก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงบัตรคิว ทำพาสปอร์ตใช่ไหมคะ ใช่ครับ ขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ เรายื่นให้เขาเขาหยิบให้ปุ๊บ คือบัตรคิวที่83และใบกรอกข้อมูล ให้กรอกรายละเอียดตามนี้นะคะ สังเกตที่ใบกรอกข้อมูลจะมีเลขบัตรประชาชนเราอยู่ เดินไปตรงที่กรอกเพราะเราไม่ได้เตรียมปากกาไป รายละเอียดที่ให้กรอกก็มี ชื่อนามสกุลภาษาอังกฤษ สถานที่เกิด บุคคลที่สามารถติดต่อได้ 2 คน กรอกไม่ถึงนาทีก็ไปนั่งรอ สักพักเวลา 7.59 ป้ายตัววิ่งเขาก็เริ่มเรียก หมายเลข1 เชิญช่อง,,,,คะ หมายเลข 2 และไปเรื่อยๆจนถึง 25 ก็หยุดแค่ประเดี๋ยวก็เรียกอีกแป๊บเดียวถึง 82 พอ82 ปั๊บเราก็ลุกขึ้นเตรียมตัว พอป้ายวิ่งขึ้นหมายเลข85 เชิญช่อง......อ้าวแล้วกูหละ(คิดในใจ) พอดีเจ้าหน้าที่ต้อนรับตรงทางเข้าเดินมาถาม หมายเลขอะไรคะ 83 เชิญเลยค่ะ เราก็เลยเดินเข้าไป ถามเจ้าหน้าที่ข้างในนะคะ ยื่นบัตรคิวให้เขาก็บอกช่องมายเลข25คะ มองไปก็เห็นที่ทำยาวเหยียดมีหลายช่องมากเดินไปนั่งรอสักพักเจ้าหน้าที่เดินมาบอกอีกเชิญช่องนี้ค่ะ เราก็ขยับตามไปอีก ช่องแล้วเจ้าหน้าที่ก็วัดส่วนสูงเราซึ่งมีที่วัดทุกช่อง 180 เซ็นนะคะ(อ้าวความสูงมาตรฐานอีกเรา) แล้วเขาก็เขียนเลข180 ลงในใบข้อมูลเจ้าหน้าที่ตรงที่ทำก็บอกให้นั่งรอสักครู่ค่ะ เพราะตอนนั้นมีคนกำลังทำอยู่ พอถึงคิวเราเขาก็ขอบัตรประชาชนเราไปรูด 2 ปรื๊ด ข้อมูลก็ขึ้นพรึบ จากนั้นเขาก็ถามนั่นนิดหน่อยแล้วก็ให้เรานำนิ้วชี้ไปวางตรงที่ประทับรอยนิ้วมือ กดไว้คะ อีกครั้งคะ ทำ 2 ข้าง ข้างละ2ครั้ง จากนั้นเขาให้ขยับไปตรงที่ถ่ายรูปอยู่ด้านหลังนิดเดียว เจ้าหน้าที่บอกให้ถอดแว่นตาออก ( ไอ้เราก็ไม่เคยใส่แว่นตาถ่ายรูปอยู่แล้วไม่ต้องบอกหรอกน่า) จากนั้นเจ้าหน้าที่บอกให้มองกล้อง อย่ากะพริบตา เราก็ทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้น เสร็จแล้วคะ เราลุกมานั่งเก้าอี้ที่อยู่หน้าเจ้าหน้าที่ เออ ถ่ายได้ดีเหมือนกันแต่เอ๊ะทำไมเสื้อเราสีเขียวทำไมถ่ายออกมาเป็นสีดำ เฮ้ยนี่มันรูปในบัตรนี่หว่า พอเขาเลื่อนรูปมาเปรียบเทียบ เฮ้ย เหมือนโจรเลย เอ๊ะ หรือเหมือนผีดี ผมกระเซิงไปข้างหนึ่ง ตอนที่เราดูเวปเขามีการโฆษณา ว่าถ้าถ่ายแล้วไม่ชอบก็สามารถถ่ายได้อีก แต่เจ้าหน้าที่ไม่ถามเรา และเขาก็คงคิดว่า อย่างคุณเนี่ยถ่ายกี่รอบก็คงไม่ดูดีขึ้นหรอก(อันนี้เราคิดไปเองเราก็เลยไม่ขอถ่ายใหม่) เจ้าหน้าที่ถามว่าจะมารับเอง หรือทางไปรษณีย์คะ ถ้ารับเอง ประมาณวันอังคาร ถ้าทางไปรษณีย์ก็รับอังคารถัดไป เราก็คงมารับเองไม่ได้หรอก เพราะมีภารกิจต้องทำอีกเพียบเลยบอกรับทางไปรษณีย์ครับเขาก็ยื่น ใบกรอกข้อมูลมาให้เรา เรากรอกที่อยู่แล้วเขาก็นำไปพิมพ์จากนั้น เขายื่นใบข้อมูลให้เรา เสร็จแล้วคะ เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวา พอเดินไป เลี้ยวขวาก็เจอเจ้าหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียม 1,000 บาท (ตอนที่ศึกษาข้อมูลในเวป หรือคนเคยไปทำเขาบอกหนึ่งพันกว่าบาท ) จากนั้นยื่นแค่แว่บที่ช่องถัดไป 35 บาท ค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ ได้ใบเสร็จ เดินออกมา ลงบันได ออกประตูซ้ายมือ มีร้านขายอาหาร จากนั้นเดินออกมา เจอรถ ถนนรอบอาคารเดินไปรอบๆลงผิดทางแน่เรา(โง่อีกกู) .....อย่า อย่าเพิ่งนึกว่านี่มันวุ่นวาย ใช้เวลาเยอะแยะจัง พอยกโทรศัพท์ขึ้นดูเวลา 8.30 น. เช็คแล้วประมาณ29 นาทีหักเวลาเดินลงผิดทางออก 1 นาที มีเวลาไปทำอย่างอื่นอีกเพียบ
หลังจากนั้นเราก็ข้ามสะพานลอยมั่งตรงข้ามเพื่อขึ้นรถกลับ เอ มันใช้เวลาแป๊บเดียว ยังกะมาจ่ายตลาดตอนเช้าแค่นั้นเอง เราจะเอาเวลาไปไหนวะ นั่งรถมาผ่านสถาบันราชภัฏพระนคร สถาบันเก่าที่เคยเรียนเห็นเขาทำพิธีกรรม บวงสรวงพระพิฆเนศอยู่ ก็เลยนึกอะไรได้ไม่รู้ลุกขึ้นกรดกริ่งลงจากรถก้าเข้าไปในรั้ว ร่วมพิธีกรรมทั้งๆที่ไม่มีดอกไม้สักดอก ธูปซักดอกก็ไม่มี แอบมองหาอาจารย์ที่เคารพอยู่ห่างๆ ดร.เปรื่อง อธิการบดีดูแก่ตัวลงไปมาก แอบเห็นอาจารย์ศรีสมรที่ปรึกษาเก่า แอบเห็นอาจารย์พรเพ็ญ ที่สอน ornitology แต่ไม่กล้าเข้าไปทัก(ทั้งทั้งที่อยากทักทาย อยากสวัสดีใจจะขาด แต่เราก็ได้แต่แอบยกมือสวัสดีด้านหลัง หวังว่าความรู้สึกคงส่งผ่านถีงอาจารย์นะครับ ผมมันไม่กล้า กลัวกับการตอบคำถามบางคำถามที่ผมไม่อยากตอบ ขอโทษนะครับ เสร็จพิธีกรรมเขาก็ย้ายไปทำที่ตึก5 ต่อ เราก็เดินดูความเปลี่ยนแปลงของสถาบัน ดอกปีบที่เขานำมาปลูกตอนเราอยู่ปี4 ออกดอกขาวละลานตา บ้างร่วงหล่น เดินเข้าไปดูใกล้ๆ เจอป้ายข้อมูลพรรณไม้ที่เราร่วมกันทำกับอาจารย์เครือทิพย์วางล้มอยู่ ต้นแก้ว เราจับยกขึ้น ปักลงไป เดินดูรอบๆก็ไม่เห็นป้ายอันอื่นอีกเลย ทนทานเหมือนกันนะเนี่ย 8 ปีแล้ว ต้องให้เด็กๆทำมั่งซะแล้ว....(เอแต่แบบมันเราจำได้หรือเปล่าวะ) อาจารย์ครับป้ายที่พวกเราร่วมกันปักไว้ทั่วสถาบัน บัดนี้ มันเหลือแค่อันเดียวล้มอยู่ อาจารย์ครับผมสงสารมัน ถ้าผมจะเอามันมาเป็นแบบให้นักเรียนผมทำ อาจาร์จะว่าไหมครับ เดี๋ยวผมจะกลับไปเอามันมาเก็บไว้เป็นแบบ ขอโทษนะครับที่ความทรงจำยังทำให้ผมเหมือนเพิ่งผ่านข่วงเวลานั้นมาได้ไม่นาน
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2550 | | |
Last Update : 16 เมษายน 2552 17:22:24 น. |
Counter : 1042 Pageviews. |
| |
|
|
|