ดินเสื่อมโทรมปรุงประโลมด้วยหินแร่ภูเขาไฟ
ดินที่ผ่านการเพาะปลูกมาอย่างยาวนานแร่ธาตุและสารอาหารก็อาจจะลดน้อยถอยลงไปเป็นธรรมดายิ่งพฤติกรรมการใส่ปุ๋ยของพี่น้องเกษตรกรที่มักจะไม่สมดุลกับการนำผลผลิตออกจากแปลงเรือกสวนไร่นาด้วยแล้ว(เอาผลผลิตออกจากพื้นที่ไปเป็นตันๆ แต่ใส่ปุ๋ยหรืออาหารคืนกลับไปเป็นกิโลกรัมอาจจะ50 ถึง 100 กก.ต่อไร่) จึงยิ่งทำให้ดินนั้นมีคุณภาพที่แย่เสื่อมโทรมเสื่อมทรามลงไปทุกๆปี ดินที่มีลักษณะของโครงสร้างดินที่แย่ลงนั้น จะมีลักษณะที่แน่นแข็งแร่ธาตุและสารอาหารถูกกระแสน้ำพัดพาชำระล้างให้สูญเสียไปได้โดยง่ายรากพืชจะขยายชอนไชได้ยาก การแลกเปลี่ยนประจุทั้วบวกและลบก็ทำได้ไม่ดีมีลักษณะคล้ายดินทรายขี้เป็ด มับแน่นง่าย ฝนตกน้ำท่วม และก็แห้งเร็ว เมื่อปลูกพืชก็จะตอบได้ดีเมื่อมีการใส่อินทรีย์วัตถุ ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกที่ช่วยเสริมเพิ่มเติม ซีอีซี (Catch Ion Exchange Capacity) จึงทำช่วยทำให้ดินมีโครงสร้างที่โปร่งพรุน เป็นบ้านให้กับจุลินทรีย์โปรโตซัว แอคทิโนมัยซีท และมัยคอรัยซ่าชนิดต่างๆ ช่วยทำให้ดินมีชีวิตชีวามีกิจกรรมการทำงานช่วยย่อยอินทรีย์วัตถุให้สลายกลายเป็นปุ๋ยได้รวดเร็วขึ้น ว่ากันว่าดินที่ดีนั้นจะต้องมีลักษณะเหมือนกับป่าเปิดใหม่ที่ชาวเขาชาวดอยม้ง แม้ว กะเหรี่ยง และมูเซอถากถางป่าแล้วหยอดพริก มะเขือ แตงกวา มะระก็สามารถที่จะไม่ต้องฉีดพ่นใส่ปุ๋ยยาฮอร์โมนให้สิ้นเปลืองเงินทองที่มากเกินไปดินที่ไม่ต้องใส่ปุ๋ยก็คือดินที่มีอินทรีย์วัตถุ 5 เปอร์เซ็นต์ น้ำ 25 เปอร์เซ็นต์อากาศ 25 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มของอนินทรีย์หรือแร่ดินอีก 45 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงถ้าท่านผู้อ่านและพี่น้องเกษตรกรจะปลูกผักตักหญ้าแล้วไม่ต้องใส่ปุ๋ยก็จำเป็นจะต้องหมั่นเติมอินทรีย์วัตถุอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเหมือนกับใบไม้ในป่าที่ร่วงหล่นสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนลงมาสู่พื้นดินอยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน การเติมอินทรียวัตถุก็จะช่วยทำให้ดินมีความชุ่มชื้นมีอาหารและบ้านให้จุลินทรีย์แต่กระบวนการหมักและย่อยสลายในเบื้อนต้นนั้นอาจจะมีสารอาหารที่หนักไปทางไนโตรเจนเสียเป็นส่วนใหญ่และก็กลุ่มของจุลธาตุบ้างเล็กน้อย ถ้าต้องการเติมเต็มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินได้อย่างรวดเร็วก็จำเป็นจะต้องใช้คุณสมบัติของหินแร่ภูเขาไฟ (พูมิช, พูมิชซัลเฟอร์, สเม็คโตไทต์,ม้อนโมริลโลไนท์ และไคลน็อพติโลไลท์) ซึ่งผ่านความร้อนหลายร้อยหลายพันองศาอยู่ใต้ชั้นเปลือกโลก เมื่อระเบิดโพล่งขึ้นมาสู่ชั้นบรรยากาศที่บางเบาของโลกจึงทำให้แมกมา ที่กลายเป็นลาวาเกิดการเดือดพล่านระเหยเอาน้ำและก๊าซออกไปเมื่อเย็นตัวลงและผ่านกาลเวลาหลายสิบล้านปีก็พร้อมที่จะแตกตัวปลดปล่อยแร่ธาตุออกมาเป็นประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ จุลินทรีย์ แพลงค์ตอน สาหร่าย ฯลฯฉะนั้นหินแร่ภูเขาไฟจัดอยู่ในหมวดของอินทรีย์ที่ก่อเกิดปริกิริยาสูงจึงมีศักยภาพช่วยในการปรับปรุงบำรุงดินได้ดีกว่ากลุ่มของวัสดุปูนซึ่งจะมีความเป็นด่างที่เป็นอุปสรรคต่อการดูดกินหรือปลดปล่อยสารอาหารไปสู่รากพืช มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 29 กันยายน 2558 |
Last Update : 29 กันยายน 2558 12:34:00 น. |
|
0 comments
|
Counter : 422 Pageviews. |
|
|
|