เชื้อรามากับฝน คนจะทำอย่างไร?
ได้รับฟังข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่าฝนกำลังจะลดปริมาณลงเหลือเพียง40 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงปริมาณน้ำฝนที่กังวลกันว่าจะมากมายจนทำให้กรุงเทพฯหรือจังหวัดใกล้เคียงจะท่วมเหมือนกับปีที่แล้วเสียอีกซึ่งก็ธรรมดาสำหรับคนที่เคยโดนเคยผ่านเหตุการณ์ที่สร้างความเดือดร้อนความยากลำบากให้แก่การดำรงชีวิตในสถานการณ์น้ำท่วมได้ยินได้ฟังจังหวัดสุโขทัย ปราจีนบุรี สระแก้วที่ปีนี้มีน้ำท่วมอยู่บ้างแต่ก็กินเวลาไม่นานนักแถมยังมีการเบี่ยงเบนเปลี่ยนวนสลับกับมาท่วมทางฟากตะวันออกบ้างตอนแรกนึกว่าจะท่วมไล่ไหลลงมาเรื่อยๆจากเหนือจนถึงบางขุนเทียน, แม่กลองซึ่งเหมือนกับปีที่แล้วแต่ก็ถือว่าโชคดีที่มวลน้ำมหึมาปีนี้ยังไม่มีวี่แววแว่วลงมาให้หัวใจระทึก เพราะขืนมากอีกคราชาวประชาฯและบริษัทอุตสาหกรรมหลายเจ้าหลายรายคงแทบสิ้นเนื้อประดาตัวกันไปอีกแน่แท้ เมื่ออยู่ในภาวะที่มีทั้งฝนทั้งน้ำจึงย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องมีเกษตรกรประสบปัญหาเรื่องเชื้อราโรคพืช,จึงมีเกษตรกรหลายรายที่สอบถามเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องเชื้อราโรคพืชโดยส่วนใหญ่จะถามในเรื่องตำแหน่งถิ่นที่อยู่อาศัย อยากรู้ว่าอยู่อย่างไร จะอยู่ข้างล่างหรืออยู่ข้างบน อยู่ใต้ดิน อยู่ลำต้นหรือจะอยู่ที่ใบเพียงอย่างเดียวและมีกี่ชนิดอะไรบ้าง? บางคนอยากรู้สายพันธุ์แหล่งที่มาไม่ว่าจะเป็นเชื้อฟัยท็อพทอร่า phytophthora spp., พิธเทียม pythium spp., ไรซอคทอเนีย rhizogtoniaspp. และ สเคอโรเที่ยม Sclerotiumspp.ฯลฯ จนลืมปัญหาที่อยู่ตรงหน้าว่าพืชที่ปลูกนั้นกำลังเจอกับอะไรอยู่ เป็นโรคอะไร...ซึ่งความจริงไม่อยากจะให้ซีเรียสเคร่งเครียดกับเรื่องที่ห่างไกลตัวเกินไปนัก ควรจะรู้กันพอหอมปากหอมคอเพื่อจะได้หาวิธีการป้องกันดูแลแก้ไขได้อย่างถูกต้องแต่สิ่งที่จะต้องรู้ให้นิ่งจริงแท้คือเรื่องของลักษณะพันธ์พืชที่เกษตรกรนำมาปลูกว่ามีลักษณะนิสัยในแต่ละสายพันธุ์เป็นอย่างไรมากกว่า สรุปว่าปัญหาที่มักจะมากับฝนและน้ำนั้นส่วนใหญ่ก็จะหนีไม่พ้นเรื่องเชื้อราและหนอนโดยเฉพาะเชื้อรานั้นสามารถที่จะพบการระบาดได้ทั้งภาคส่วนของพืช ให้ใช้วิธีการหมั่นสั่งเกตุ(ทุกวันได้ก็จะยิ่งดี) ทั้งชาวนา ชาวไร่ชาวสวน จะต้องหมั่นเดินสำรวจแปลงอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะช่วงที่เอื้อต่อการให้เกิดปัญหาโรคและแมลงระบาด และไม่ต้องกลุ้มกังวลใจว่าจะมาจากทางไหน(เพราะเขาสามารถมาได้ทุกทิศทาง) ให้สังเกตดูตามความเป็นจริงนะครับ ว่ามีสิ่งผิดสังเกตไปจากเดิมที่ใดบ้าง ถ้าพบเห็นที่ใบก็ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทำการฉีดพ่นรักษาไปที่ตรงบริเวณนั้นพบทางดินก็ใช้ใส่หรือราดรดทางดิน พบทางใบก็ฉีดพ่นหรือราดรดทางใบนี่คือเกษตรกรรมไม่สามารถทำให้ได้เร็วหรือเนรมิตได้อย่างงานวิศวกรรมอื่นๆที่เม็ดเงินเพียงอย่างเดียวใส่ลงไป ก็จะได้ในผลลัพธ์ที่ต้องการ เพียงคนคุมงาน ช่างจับกัง ไม่โกงไม่ตุกติกก็ต้องได้อย่างแน่นอน ส่วนเกษตรกรรมนั้นต้องใช้ใจในการทำงานต้องหมั่นดูแล ตั้งหมั่นสังเกต และค่อยๆ แก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการปรับกรดด่างของดินการฉีดพ่นรักษาล้วนต้องอาศัยกลไกและสิ่งเกี่ยวข้องในระบบนิเวศน์ทั้งสิ้นจึงจะสำฤทธิ์ผลได้ มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 24 กันยายน 2555 |
Last Update : 24 กันยายน 2555 17:09:53 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1674 Pageviews. |
|
|
|