ในสภาวะอากาศที่พื้นดินแยกแตกระแหงเพราะขาดน้ำความชื้นเจือไปด้วยผงฝุ่งแห้งแดงระเรื่ออยู่เหนือผิวดินพบเห็นได้ในท้องทุ่งหรือถนนหนทางทั้งถนนดินถนนลูกรังที่ห่างไกลความเจริญทุรกันดาร สายน้ำในแม่น้ำลำคลองแห้งขอดเผยเห็นสิ่งของปฏิกูลต่างๆที่มนุษย์เป็นผู้กระทำท้ิงขว้างลงไปส่วนใหญ่ก็เป็นพลาสติกโลหะและก็โฟมเกลื่อนกลาดอยู่ด้านล่าง บรรยากาศที่ทั้งแห้งและแล้งนำพาเศษผงฝุ่นละอองจากธรรมชาติปลิวคละเคล้ากระจายไปทั่วทุกแห่งแหน ดอกหญ้าดอกรักแตกฝักเผยให้เห็นปุยสำลีหลุดร่วงระลิ่วปลิวไปตามสายลมที่สุดแท้แต่ลมจะพัดพาให้ไปตกณ แห่งหนใดก็ตามรอคอยวันที่ฟ้าฝนเป็นใจให้ความชุ่มฉ่ำก็พร้อมที่จะงอกผลิแย้มแจมออกมาแพร่ขยายสายพันธุ์สืบสานพันธุ์เผ่าของตนให้ดำรงคงอยู่ต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น
หนึ่งในละอองที่มองไม่เห็นยังมีเมล็ดเล็กๆของกลุ่มเชื้อราทั้งที่เป็นประโยชน์และโทษต่อสิ่งมีชีวิตหลากหลายในโลกโดยเฉพาะพืชซึ่งอ่อนไหวแปรปรวนได้ง่ายเพราะอยู่นิ่งกับที่ไม่มีมือเท้าหลบหลีกปัดเป่าให้ทุเลาเบาบางได้เหมือนมนุษย์และสัตว์เมล็ดของเชื้อราโรคพืชที่เล็กมากจนไม่สามารถอาจมองเห็นด้วยตาเปล่าได้เพราะเล็กมากเพียง2-4ไมครอน (2-4/1,000 มิลลิเมตร)นักชำนาญการส่วนใหญ่จึงเรียกชื่อเมล็ดน้อยๆเหล่านี้ให้มีชื่อว่าสปอร์ด้วยความที่เล็กและเปรียวจึงทำให้เลี้ยวลัดเลาะเกาะไปกับสายลมได้ทุกๆที่ยิ่งมีภาวะร้อนแล้งยาวนานก็ยิ่งสะสมปริมาณละอองสปอร์ของเชื้อโรคมากขึ้นเท่านั้นรอวันที่ฟ้าฝนคราคร่ำฉ่ำเย็นเป็นใจโปรยปรายให้ความชื้นสัมพัทธ์ในบรรยากาศเพิ่มมากขึ้นหน่วงเน้นเฟ้นรัดให้สปอร์มีความหนักหน่วงร่วงหล่นไปตกตามที่ต่างๆกระทั่งไปสู่ที่ใบของพืชไร่ไม้ผลของคนทำเกษตรกรรม
สปอร์ของเชื้อราเมื่อได้รับความชื้นจากสายฝนโดยเฉพาะฝนแรกจะมีความเข้มข้นของจำนวนสปอร์อยู่ค่อนข้างมากทำให้ฟ้าหลังฝนที่ปนเปื้อนสปอร์ของเชื้อราโรคพืชสร้างความเสียหายทำลายใบพืชของพี่น้องเกษตรกรทั้งไร่ข่านาเผือก เรือกสวนจนเสียหายเกิดเป็นโรคตากบตาเสือ ใบด่าง ไบดำคล้ำไหม้ทั้งข้าว อ้อยปาล์ม ยางพาราและมันสำปะหลังการแก้ไขปัญหานี้สามารถทำได้ด้วยการล้างใบทำลายสปอร์จากน้ำด่างที่ทำง่ายด้วยการใช้ขี้เถ้าหัวหงอก(ขี้เถ้าเตาถ่าน ไม้ฟืนที่มีสีขาวออกเทา)โดยนำขี้เถ้ามาเพียงสองถึงสามกำมือกวนละลายในน้ำ 20ลิตรถ้ามีเศษผงและตะกอนอยู่มากก็ให้ใบ้ผ้าขาวบางนำมากรองออกเอาเฉพาะส่วนที่ใสนำไปฉีดพ่นบนใบพืชหลังฝนตกใหม่ๆจะช่วยล้างใบทำลายสปอร์ป้องกันและรักษาการเกิดโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อราและแบคทีเรียได้เป็นอย่างดีและจะได้ผลดียิ่งขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับสารสกัดจากเปลือกมังคุด (ชื่อการค้าแซนโธไนท์)ในอัตรา 2 ซี.ซี.ต่อน้ำ 20ลิตรฉีดพ่นไปพร้อมๆกัน สำหรับผู้ที่ต้องการผลิตใช้เองก็ใช้เปลือกมังคุดที่ผึ่งลมจนแห้งแล้วนำมาสับบดตำจนละเอียดหมักกับแอลกอฮอร์ล้างแผลหรือเหล้าขาวในอัตรา200 กรัมต่อแอลกอฮอร์ 500ซี.ซี.หมักทิ้งไว้ 7วันแล้วคั้นเอากากออกก็จะได้สารสกัดจากเปลือกมังคุดไว้ใช้ประจำไร่นาต่อไป
คุณมนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com