ดินในแปลงนาแน่นแข็งรากข้าวขาดอากาศ ก่อให้เกิดโรครากเน่า
ผืนนาของเกษตรกรที่ผ่านการใช้ปุ๋ยเคมีมาเป็นระยะเวลานานจะสะสมกรดซัลเฟตตกค้างอยู่ค่อนข้างมาก อีกทั้งยิ่งมีการใช้รถไถรถแทรกเตอร์เข้ามาย่ำทำแปลงถึงแม้ผานจะไถพลิกหน้าดินแต่น้ำหนักของตัวรถที่หนักหลายตันก็ทำให้ดินถูกกดทับเป็นชั้นดานอยู่ด้านล่างเมื่อผ่านการทำนาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาขาดการพักดินหรือมีเผาฟางด้วยแล้วจะทำให้ดินแน่นแข็ง รากข้าวจะเจริญเติบโตได้เฉพาะที่ผิวหน้าดินไม่สามารถแทงทะลุลงไปไปในดินช้างล่างได้ ทำให้ต้นข้าวอ่อนแอ แคระแกร็นเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ง่าย รากข้าวที่เจริญเติบโตอยู่ในดินที่แน่นแข็ง น้ำลึก อากาศหรือออกซิเจนจะน้อยทำให้เกิดสภาพขาดอากาศอ่อนแอรากเน่าดำ นำพามาซึ่งโรคต่างๆ มากมายแก่ต้นข้างทั้งทางดินและทางอากาศเพราะเมื่อสภาพต้นอ่อนแอเสียแล้ว เชื้อโรคต่างๆ ไม่ว่าจะชนิดใดก็สามารถที่จะเข้ามากระหน่ำซ้ำเติมได้ทันที ทำให้ข้าวเจริญเติบโตช้า ผลผลิตน้อยทำให้เสียโอกาสของการนำไปจำหน่ายหรือรับรายได้ การป้องกันแก้ไข จะต้องหยุดการเผาฟาง ใช้ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกทดแทนปุ๋ยเคมีให้มากขึ้นจากเดิมทำการตรวจวัดกรดด่างของดินและปรับให้อยู่ในระยะที่เหมาะสมคือมีค่าพีเอชอยู่ระหว่าง5.8-6.3 สร้างภูมิคุ้มกัน สร้างความต้านทานต่อโรคและแมลงด้วยการใช้หินแร่ภูเขาไฟพูมิชซัลเฟอร์เพื่อยับยั้งการเข้าทำลายของเชื้อราโรคพืชและช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตช่วยกระตุ้นให้ข้าวดูดกินปุ๋ยได้มากขึ้น(อิทธิพลของซิลิกอนและฟอสฟอรัสต่อการดูดใช้ธาตุอาหารฟอสฟอรัสของข้าวและข้าวโพดที่ปลูกในดินเปรี้ยวจัดชุดดินรังสิตกรดจัด วารสารดินและปุ๋ย โดย รัตนชาติ ช่วยบุดดา,จงรักษ์ จันทร์เจริญสุข, พจนีย์มอญเจริญและ เอ็ด สโรบล) มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 16 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2555 17:17:09 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2908 Pageviews. |
|
|
|