จะทำอะไรดี น้ำก็ไม่มี ฝนก็ไม่ตก เศรษฐกิจก็แย่
จะทำอะไรดี น้ำก็ไม่มี ฝนก็ไม่ตก เศรษฐกิจก็แย่ หลายครั้งหลายคราที่คำถามนี้ผุดขึ้นในหัวและเชื่อว่าท่านผู้อ่านอีกหลายท่านที่กำลังตีบตันกันความหวังที่ริบหรี่จากธรรมชาติฝนฟ้า และรวมไปถึงการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ยังดูไม่มีทีท่าว่าจะช่วยให้พี่น้องประชาชนคนรากแก้วรากหญ้าได้กลับมาลืมตาอ้าปากได้เสียที การที่จะประกอบอาชีพอะไรที่ไม่มีความเสี่ยงเลยนั้นดูเหมือนจะไม่มี เพียงแต่ว่ามันจะมากจะน้อยแตกต่างกันไปบ้างก็เท่านั้น ผู้ที่อยู่ในสาขาอาชีพเกษตรสิ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงในช่วงภาวะที่เรียกว่าวิกฤตนั้นก็ควรจะเป็นเรื่องของการ กระจายความเสี่ยง แหม! พูดเหมือนกับนักเล่นหุ้นเลยนะ.... ฮ่าๆ แต่ก็เป็นเรื่องจริงนะครับการกระจายความเสี่ยงแบบนักเกษตรกรรมก็คือการปลูกพืชที่ผ่านการคิด วิเคราะห์มาให้ดีมิใช่จะปลูกอะไรก็ปลูกเลย ปลูกตามๆ กันไป อย่างนั้นก็มีโอกาสที่จะล้มละลายและอยู่ในความเสี่ยงที่สูง แต่ถ้าเราคิด วิเคราะห์ ตรึกตรอง ให้ดีเสี่ยก่อนว่าในพื้นที่ของเรามีพืชอะไรอยู่บ้าง และสิ่งใดที่ยังไม่มี เพียงแค่คิดเล็กๆ น้อยๆเพียงเท่านี้ก็อาจจะช่วยให้ท่านหลุดพ้นจากกรอบของความเสี่ยงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย การแบ่งพื้นที่เป็นโซนพอเพียงโซนที่ปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องสำคัญนะครับในยุคนี้ไม่ว่าท่านจะมีพื้นที่เป็นร้อยไร่ พันไร่แต่อยากจะขอให้ท่านแบ่งพื้นที่มาทำโซนพอเพียง โซนพออยู่พอกินสักหนึ่งไร่ปลูกในสิ่งที่กินกินในสิ่งที่ปลูก ทำสระน้ำประจำไร่นา ปลูกข้าวไว้กินกันเองสร้างที่อยู่อาศัยที่พอเหมาะพอดี ปลูกพืชแซมทั้งใต้ดิน บนดิน ระดับล่าง ระดับกลาง ระดับบนควบคู่ไปกับป่าสามอย่างประโยขน์สี่อย่าง หาประสบการณ์จากโซนพอเพียงที่หาความสุขได้โดยไม่ต้องใช้เงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อมีประสบการณ์มากพอ ก็จะออกไปทำเกษตรเชิงเดี่ยวเกษตรเชิงธุรกิจก็ไม่มีใครว่า ผิดพลั้งพลาดท่าก็พยายามซมซานกลับมาอยู่ในโซนพอเพียงให้ได้นะครับเพราะโซนนี้ดำรงชีวิตในทุกนาทีที่มีลมหายใจโดยไม่ต้องใช้เงิน หิวก็กินข้าว กินผักกินปลา กินไข่ กินทุกสิ่งที่อยู่ในโซนนี้ โดยไม่ต้องซื้อ กลับมาที่การกระจายความเสี่ยงกันอีกสักหน่อยนั่นก็คือเรื่องของการปลูกพืชให้มีความหลากหลายปลูกพืชที่ผ่านการคิดและวางแผนจากส่วนสมองของเราเสียก่อนจึงค่อยปลูกโดยเฉพาะในห้วงช่วงนี้บริษัทเครื่องดืมยักษ์ใหญ่อย่างโคคาโคล่าที่เริ่มหันมาขายน้ำผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวน้ำหอมเพื่อนำไปส่งออกทั่วโลก (แสดงว่าโค้กก็มีสัญชาตญาณหรือวิสัยทัศน์ที่เร็วไม่เบาเหมือนกันนะครับว่ายุคนี้ผู้คนชนรุ่นใหม่เขาไม่ดื่มน้ำตาลผสมสีกันแล้วเขาดื่มของดีมีประโยชน์แก่สุขภาพกันมากกว่า)จึงส่งผลให้ตอนนี้มะพร้าวน้ำหอมเรียกว่าจะขาดตลาดกันเลยทีเดียว และรวมไปถึงมะพร้าวกะทิที่ใช้ประกอบอาหารก็หายากและมีราคาเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ผู้ที่กำลังมองหาว่าจะเพาะ จะปลูกอะไรดี มะพร้าวน้ำหอมในห้วงช่วงนี้ก็ถือว่ามีอนาคตไม่เบาเลยครับ หรือจะเสริมจะเพิ่มพืชอื่นๆ แซมเข้ามาก็อยากแนะนำพวก มะละกอง พันธุ์ ฮอนแลนด์ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม พริกไท ฯลฯปลูกแซมๆกันไปก็น่าจะช่วยเพิ่มรายได้ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวประกอบกับพืชหลักๆ ที่เราปลูกอยู่ในปัจจุบันก็ดีไม่น้อยนะครับ มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 15 พฤษภาคม 2559 |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2559 14:57:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 398 Pageviews. |
|
|
|