คุณรู้ไหม? ไวรัสด่างวงแหวนในมะละกอ ไวรัสใบหงิกในพริก ไม่มียาใดๆรักษาให้หาย
เท่าที่ทราบในปัจจุบันนั้นยังไม่เคยเห็นมีรายงานการวิจัยใดๆที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคที่เกี่ยวกับไวรัสในพืชให้หายได้แม้แต่เรื่องเดียว แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่มีการโฆษณาอ้างอิงการใช้สารโน่นนี่ นั่น นำมาโฆษณาในระบบเคเบิ้ลทีวีมากมายหลายช่องที่มุ่งเน้นการโฆษณาให้เกิดความเชื่อที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันจนผู้รับฟังรับชมเริ่มที่จะไขว้เขวจากตัวแทนเกษตรกรที่ผ่านการคัดสรรนำมาบอกกล่าวเล่าสู่ท่านผู้ฟังให้ทราบถึงสรรพคุณที่ผลิตภัณฑ์มีประโยชน์และคุณสมบัติช่วยให้พืชรอดพ้นจากโรค แมลง เพลี้ย หนอน รา ไรในแปลงตัวอย่างที่ลงไปถ่ายทำ(คล้ายๆกับเว๊บไซด์ชมรมฯเลยเนอะ แฮะๆ แต่เว๊บชมรมฯมิได้หลอกลวงให้ท่านหลงเชื่อหรอกนะจะบอกให้ 555) การใช้งบโฆษณาสักสิบยี่สิบล้านแล้วนำภาพยนตร์โฆษณาที่คล้ายกันออกสื่อผ่านช่องทางเคเบิ้ลทีวี(ซึ่งถือว่าราคายังถูกกว่าฟรีทีวีหลายร้อยเท่า)สักสิบยี่ช่องแล้วไม่ต้องหวังสร้างภาพพจน์ให้อะไรมากมายนักเพียงให้ผู้บริโภคเกิดความสงสัยหมั่นไส้ จะไม่เชื่อหรือเชื่อด้วยความสนิทใจ อยากทดสอบ อยากลองแล้วซื้อเพียงห้าหรือสิบเปอร์เซ็นต์สมมุติว่าตัวยาชุดละหนึ่งพันบาทถ้วน คนไทยมีประชากรนับแบบตัวเลขกลมๆ 70 ล้านคน สิบเปอร์เซ็นต์ก็ 7ล้านคนคูณกับ 1,000 บาทก็เท่า 7,000,000,000 บาทถ้าเชื่อเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ก็ยังได้ 3,500,000,000 ล้านบาทหรือเชื่อเพียง 2.5 เปอร์เซ็นต์เขาก็ยังมีรายได้ 1,750,000,000 บาทยังมีเงินไปจ่ายงบโฆษณาได้เพิ่มอีกหลายช่อง เพื่อสร้างกระแสให้คนเชื่อเพราะฉะนั้นพี่น้องเกษตรกรจะต้องพินิจพิจารณาให้มากๆ ในเรื่องของความสมเหตุสมผลไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนาโน, ยาฆ่าหญ้าปลอดสารพิษ, หรือแม้แต่เรื่อง ยาฆ่าหรือรักษาไวรัสนะครับ จะอย่างไรก็ตาม การใช้ยารักษาไวรัสในปัจจุบันนั้นยังไม่มีแต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถยับยั้งการเกิดโรคที่เกี่ยวกับไวรัสได้เสียทีเดียวเพราะเนื่องด้วยไวรัสนั้นถ้าอาศัยอยู่ในโฮสต์ที่เข็มแข็งก็ไม่สามารถที่จะแสดงอาการทำร้ายสิ่งที่ยึดเกาะนั้นได้เปรียบคล้ายดังไก่ชนซึ่งเป็นไก่สายพันธุ์ที่มีการแข่งขันทางสายพันธุ์โดยกำเนิดหรือธรรมชาติทำให้มีความแข็งแกร่งทนทานต่อโรคภัยไข้เจ็บเป็นอย่างมากไข้หวัดนก H5N1 ในห้วงช่วงปี2547-2548 ไม่สามารถที่จะทำอันตรายใดๆแก่ไก่ชนได้จึงทำให้ไก่ชนอยู่รอดปลอดภัยไม่ถูกทำลายกลบฝังเหมือนไก่ในฟาร์มต่างๆที่อดีตรัฐมนตรีช่วยเกษตรเนวินชิดชอบในสมัยนั้นสั่งกลบฝังไปเกือบค่อนประเทศจนเป็นที่กล่าวขานในเรื่องฝีมือความเด็ดเดี่ยวเกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการจนทำให้หน่วยการระดับโลกอย่าง WHOs ต้องส่งเจ้าหน้าที่มาศึกษาดูงานการต้านทานไวรัสจากไข้หวัดนกเพราะประเทศจีนต้านไม่อยู่เหมือนประเทศไทยเรา หลักการที่กล่าวมาข้างต้นสามารถนำมาประยุกต์กับพืชได้ด้วยการใช้ปัจจัยการผลิตที่ทำให้พืชมีผนังเซลล์ที่แข็งแกร่งได้ด้วยเช่นกันจากการใช้หินแร่ภูเขาไฟ (พูมิชซัลเฟอร์ PUMISHSULPHER)ซึ่งมีคุณสมบัติในการปลดปล่อยแร่ธาตุซิลิก้าที่มากกว่า 70% เพราะเป็นซิลิก้าทีผ่านความร้อนหลายร้อยหลายพันองศาเปรียบเหมือนข้าวโพดคั่วหรือป๊อปคอร์นเมื่อนำมาใส่ให้ต้นพืชรากของพืชจึงสามารถดูดกินและสะสมเป็นผลึกควอชและโอปอล์ทำให้มีความแข็งแกร่งทนทานต่อ โรค แมลง เพลี้ย หนอน ราและไรได้มากกว่ากว่าพืชที่ไม่มีการใส่หินแร่ภูเขาไฟฉะนั้นไวรัสที่ถือว่าเป็นโรคพืชที่มีอันตรายร้ายแรงมากกว่าโรคแมลงที่กล่าวมาไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาแต่สามารถยับยั้งต้านทานไม่ให้แสดงอาการได้เมื่อมีสภาพภูมิต้านทานที่สมบูรณ์แข็งแรงเหมือนคนที่ได้รับเบื้อไข้หวัดแต่ไม่ป่วยได้รับเชื้ออีสุขอีสัยแต่ไม่แสดงอาการได้รับเชื้อเฮชไอวีแต่ออกกำลังกายสม่ำสเมอกินอาหารถูกหลักโภชนาการก็ไม่เป็นอะไรด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นพริก มะละกอ ที่ก่อเกิดปัญหาโรคใบหยิก หงิก งอ.จากไวรัสเมื่อใช้หินแร่ภูเขาไฟก็สามารถช่วยแก้ไขให้บรรเทาเบาบางไปได้ด้วยเช่นกัน มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 02 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 2 ธันวาคม 2557 17:25:03 น. |
|
0 comments
|
Counter : 568 Pageviews. |
|
|
|