Group Blog
 
All blogs
 

งานวันแรก เสาร์ที่ 11 ตุลาคม

ไปงานสัปดาห์หนังสือ เอ๊ะ ไ่ม่สิเค้าตั้งชื่องานว่า "งานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 13" มีภาษาอังกฤษว่า "Book Expro Thailand 2008" งานมีตั้งแต่ เสาร์ที่ 11-23 ตุึลาคม 2551 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ตอนแรกว่าจะไปวันอาทิตย์ แล้วก็จะเลยไปร้านเพื่อนเพราะเค้าเปิดร้านอาหารใหม่ เป็น grand opening จะได้ไปไหนวันเดียวเบ็ดเสร็จ แต่มารู้จากคุณบิดาว่า คุณพี่สาวจะมารับไปงานตอนเที่ยง (รู้วันเสาร์เช้า) เราเลยเอ๊ะท่าจะดีมีคนขับรถให้ด้วย เลยขอไปด้วยคน ก็เลยมีสมาชิกดังนี้ พี่สาว (คนขับ) หลานชาย (ก็ลูกพี่สาวนั่นแหละ) อา พ่อเรา แล้วก็เรา

ก่อนไปถึงงานเราแวะกันไปกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใสตรงบ่อนไก่ก่อน เมื่อก่อนเค้าเคยขายอยู่ที่มาบูญครอง แล้วก็ย้ายหายไป ซึ่งไม่รู้หายไปไหน เคยได้ไปกินที่สวนลุมไนท์มาที แต่มันไม่ใช่ที่ๆจะไปกินได้บ่อยๆ เลยไม่ได้กินร้านนี้มานานมาก มีวันนึง มาเจอะโดยบังเอญเพราะนั่งรถผ่าน โห ดีใจ แต่ก็ไม่รู้จะไปกินยังไงเพราะไม่ได้แวะตรงนี้ จนมาวันนี้คุณพี่บอกว่าจะผ่านซอยนี้พอดีเลยแวะกินกันสนุกสนาน เค้ามีทั้งหมูทั้งเนีืื้อวัว แต่ส่วนตัวนะเราว่า ทำไมวันที่เราไปกินน้ำมันไ่ม่ค่อยใสเลยอ่ะ เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวน้ำหมูทั่วไป มันขุ่นแล้วก็ไม่เหมือนที่เคยกินที่มาบุญครอง กะที่สวนลุมเลย แต่ลูกชิ้นเหมือนเดิมนะ

ท้องอิ่มก็เดินทางกันต่อ ไปจอดรถที่โรงงานยาสูบ ทางงานเค้ามีบริการรถสองแถวไว้คอยรับคนที่มาจอดรถไกลๆ ไม่้ต้องเดินเองให้เมื่อย เป็นรถสองแถวสีแดง รถมาคนนั่งกันเต็มไปหมด เรากับที่บ้านก็โหนตามระเบียบ

ขึ้นรถไปเห็นคนที่นั่งบางคนเกิดมาคงไม่เคยนั่งรถสองแถวเป็นแน่แท้ นั่งขายืดยาวออกมา ทำให้คนโหนเค้าก็เดินชิดในลำบาก (เข้าใจคำว่าชิดในกันไหมคะเนี่ย) คือคนที่ขึ้นก่อนก็ต้องยืนเข้าไปข้างในสุดๆเพื่อที่คนขึ้นต่อจากนั้นจะได้ขึ้นมาได้สะดวก เพราะฉะนั้น คนนั่งก็ควรเก็บขาไว้ใต้ที่นั่ง เป็นการช่วยเหลือกันเล็กๆน้อยๆ ส่วนคนยืนก็ควรยืนหันหน้าไปทางหน้ารถ เพราะจะได้ยืนกันได้หลายๆคน (ในกรณีรถแน่น แล้วต้องแบ่งๆกันไป) เทคนิคการขึ้นรถสองแถวมีเพียงเท่านี้ สวัสดี

มาถึงงานสักที คนเยอะจัง นี่ขนาดวันแรกนะเนี่ย เข้าห้องน้ำห้องท่าเตรียมพร้อม ก็แยกย้ายกันไปตามความชอบของแต่ละคน คุณบิดาไปกับคุณอา พี่สาว หลานชาย กับเรา ตอนแรกก็ไปด้วยกันดีๆ พอเราแวะสำนักพิมพ์วงกลมเสร็จ เจอคุณพลอยมานั่งแจกลายเซ็นต์ แต่น่าเสียดายเราเพิ่งซื้อหนังสือเค้ามาจากร้านคิโนะยอดรัก ว่าจะเขียนถึงก็ยังไม่ได้เขียนสักที เราเลยไม่มีุอะไรให้เค้าเซ็นต์ ได้หนังสือมาหนึ่งเล่ม ของเพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย พี่สาวเราำก็ไปแวะร้านอะไรจำไม่ได้แต่ไม่ใช่เราเลย เป็นร้านของคุณหลาน เราเลยแยกกันตรงนี้

เวลามางานหนังสือ เราชอบเดินทุกซอย มองซ้าย ขวา ไปเรื่อย อะไรน่าสนก็แวะ ไม่ใช่เราก็ผ่าน อ้อ ลืมบอก เราเริ่มเดินจากใน Plenary hall ก่อน

ความตั้งใจครั้งนี้ เราต้องการมาซื้อสาปพระเพ็ง เพราะที่ิคิโนะไม่ลดเลย ทำใจไม่ได้อ่ะ เสียนิสัยจริงเรา เดินไปมาก็มาเจ๊อะกับ บลิส เพื่อนเก่า ที่เราไม่เคยทอดทิ้งเค้าเลย มาทีไรกรี๊ด วี๊ด วี๊ด ได้กลับมาตรึม แต่เอ๊ะ ลืมเอาคูปองส่วนลดมาด้วยนี่นา เพิ่งได้รับเมือไม่กี่วันนี้นี่นา ทำไงดี ได้ลดตั้ง 30% แน่ะ หาทางแทรกตัวเข้าไปคุยกับน้องคนขายดีก่า น้องคะ ลืมเอาคูปองมา บอกชื่อแทนได้ป่ะ ได้ค่ะพี่ แต่ต้องไปด้านจุดบริการลูกค้านะคะ ด้านโน้นนนนนนน ค่ะ (คือบูธเค้ายาวววววมากอ่ะคะ) โห คนเยอะน่าดูซ้อนกันประมาณสามชั้น พอไปถึงเค้าก็ให้เขียนชื่อนามสกุล แล้วเค้าก็ให้คูปอง พร้อมเบอร์สมาชิกเรามา เอ้ ๆๆๆๆ ดีใจจัง ไปซื้อหนังสือกันเหอะ

มุมที่เป็นพวกหนังสือแปลญี่ปุ่นคนเยอะมาก เราเคยอ่านแล้วไม่โดนจริตเรา เราเลยไม่ชอบ เราก็มุ่งมาหาหนังสือแปลฝรั่งดีกว่า มีหลายเล่มอยากได้แต่หนังสือยังไม่มา แต่ก็มีบางเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน สรุปเลยได้้มา 3 เล่ม แล้วน้องคนขายบอกว่าถ้าหนังสือมาแล้วจะโทรมาหานะจ๊ะ น่ารักจริงๆ คนขายที่บูธนี้

แล้วเราก็เดินโซซัดโซเซไปเรื่อยๆ โดนกระแทกบ้าง เหยียบขากันบ้าง แต่เราก็ยังยิ้มให้กัน ขอโทษกัน น่ารักจะตาย เจอบูธ a book คนล้านแปด แทรกไม่ถึงมองๆแล้วก็ยังไม่เห็นอะไร เราเลยถอยก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่ อารมณ์วันนี้ประมาณ survey ก่อน แล้วค่อยมาชำระโทษกัน

แวะร้านหนังสือเด็กเล็กน้อย แต่ยังไม่เจอที่ถูกใจ คือไม่ได้จะอ่านเองหรอก แต่ว่าีที่บ้านมักมีเด็กๆแถวบ้านแวะมาเล่นกับแม่ มาเกลือกกลิ้งวิ่งเล่นกัน เราเลยอยากซื้อหนังสือน่ารักๆไว้ให้เด็กอ่าน เค้าจะได้รักการอ่านตั้งแต่เด็กๆ ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่หลาน ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้สแตนอินน์ เอ้ย ไม่เกี่ยว เราอยากให้เด็กตื่นเต้นกับการอ่านเหมือนเราตอนเด็กๆ คุณบิดาซื้อหนังสือน่ารักๆมาให้เต็มไปหมด เรายังจำเรื่องได้อยู่เลย เลยอย่ากให้เด็กๆพวกนี้ที่พอแม่เค้าเป็นพวกแม่ค้าพ่อค้า ที่เค้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ ให้เค้าสนใจการอ่านบ้างก็ยังดี เราเลยด้อมๆมองๆหนังสือเด็กไปด้วย

มีบูธนึงคุณคนขายผู้ชายยืนอยู่หน้าบูธคอยเรียกลูกค้า เค้าร้องว่า "คุณแม่..... เชิญเลยค่ะ คุณแม่..... เชิญค่ะ..... คุณแม่....." เราก็ขำกิ๊กเลย อดไม่ได้หันไปหาคนข้างๆว่า ถ้าไม่ได้เป็นคุณแม่ห้ามเข้านะเนีย แล้วก็ขำกันกิ๊กกั๊ก

เข้าไปดูหนังสือเค้า น่ารักสีสวยชวนอ่านมาก เลยลองเปิดอ่านดู ได้มาหนึ่งเล่ม เด็กๆก็น่าจะชอบ

มีหนังสือร้านนึง เนื้อหาดี แต่เค้าใช้กระดาษกับตัวหนังสือเป็นสีๆ ซึ่งส่วนตัวแล้วเราไม่ชอบ เค้าบอกเป็นการแบ่งโซน ให้เด็กๆจำได้ง่ายขึ้น ดึงดูดความสนใจ แต่แหม ผู้ใหญ่ที่จะซื้อไม่ชอบซะแล้วอ่ะค่ะ เด็กเลยไม่ได้อ่านไปด้วยเลย แฮ่ะๆ

หมดจาก Plenary ก็ำไป Zone C ร้านหนังสือเด็กเต็มเลย แล้วก็มีที่ต้องแวะคือ the nation กับ นายอินทร์ แล้วก็ร้านพวกขายนิยาย ที่ร้านนิยาย เราได้สาปพระเพ็งมาในราคาส่วนลด 20% ดีใจจัง เพราะีที่สำนักพิมพ์เค้าเองลดน้อยกว่านี้ แล้วได้ข่าวว่้านักเขียนมาแจกลายเซ็นต์ด้วย ไปแจมดีกว่า

ที่ the nation อยากได้หนังสือของ เจ คิ้ม ก็ยังไม่ออก ออกวันพุธ ก็ค่อยว่ากัน ที่นายอินทร์ได้หนังสือทำอาหารจีนมาหนึ่งเล่มดูง่ายมาก แล้วก็น่าจะทำได้อร่อย เอ๊ะ ชมตัวเองซะงั้น ได้หนังสือการ์ตูนประวัติพระพุทธเจ้า กับ ทศชาติชาดกที่เป็นการ์ตูน สนุกดี ภาพสวย เรื่องกระชับ อ่านจบไปแล้วทั้งสองเล่มตั้งแต่เมื่อคืน ก็เวลาให้เด็กอ่านเราจะได้คุยกับเค้าได้ไง เลยต้องสแกนหนึ่งรอบก่อน

ที่มติชน ไม่ได้อะไร แต่ไปแวะชม ที่ซีเอ็ด เจอหนังสือ ของนิ้วกลม เรื่องนั่งรถไฟไปตู้เย็น แต่เค้าลด 15% ตะกี๊เราเพิ่งผ่าน a book งั้นขอกลับไป a book อีกรอบดีกว่า

ที่ อะบุ๊ค คนน้อยลงมานิด แต่ก็ยังเยอะ เราถามน้องเค้าว่าลดเท่าไหร่คะ 20%ค่ะ โอเคซื้อ ดีใจจัง เรื่องนี้กำลังอ่านอยู่ตอนเข้าห้องน้ำ

แล้วก็กลับไปโซนซีอีกรอบ ไปเจอเพื่อนเก่้าตั้งกะเด็ก คือบงกช หนังสือการ์ตูน ดีใจที่สุดเพราะอ่านอะไรไม่เคยจบเพราะขี้เกียจตามซื้อ ก็มาได้เล่มครบๆก็ที่นี่แหละ เค้ามีรวมชุดเอาไว้ แต่ถ้าเราจะซื้อบางเล่ม เค้าก็ขาย บางเล่มเราจำชื่อเรื่องไม่ได้ ก็เล่าให้เค้าฟังว่าประมาณนี้ น้องที่นั่นเก่งมา ทำท่าตั้งใจฟัง แล้วก็ทำท่านึก แล้วก็นึกชื่อออกมาได้ แล้วก็รู้อีกว่าวางไว้ตรงไหน โห หนังสืือเป็นล้าน เค้ายังสามารถบอกได้อีก โห ขอคาราวะจริงๆ เราได้การ์ตูนมาเพียบๆ หนักชมัด

กำลังคิดว่าคนอื่นๆเค้าไปไหนกันหมด มีใครหมดแรงนั่งรอคนอื่นบ้างหรือยังก็เหลือบไปเห็นที่ฝากของ โอยดีใจดั่งได้ทอง ฝากของดีกว่า

แล้วก็ไปเดินต่ออีก เอาเข้าไป นี่เราเริ่มเดินตั้งแต่ บ่ายสอง นี่ก็ห้าโมงกว่าแล้ว เมื่อยชมัดเลย เพิ่งไปฟิตเน็ตมาด้วย ปวดกล้ามเนื้อไปทั้งตัว วันนี้มาเดินขนาดนี้อีก เอาเข้าไป

เดินทุกชั้นทุกแผนก แต่เราไม่เห็นหนังสือ ลาแมร์ของกาละแมร์เลย อยากได้อ่ะ เพราะเรามีหนังสือเค้าครบทุกเล่ม เราอ่านมาตั้งกะเค้ายังไม่ดังเปรี้ยงอย่างทุกวันนี้ ชอบสำนวนความเป็นตัวของตัวเองของเค้า ตัวจริงเป็นไงไม่รู้เพราะไม่รู้จักกัน แต่ว่า่ชอบตัวหนังสือเค้าอ่ะ เคยมางานหนังสือสมัยนู๊นนนน เค้ามานั่งเซ็นต์ลายเซ็นต์ ไม่มีคนมุง ไม่มีการต่อแถว เพราะไม่มีคน เราซื้อหนังสือที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะเค้านั่งนั่นแหละ จ่ายเงินแล้วเค้าก็เซ็นต์ เค้าเขียนชื่อว่า KLM เราก็ยิ้มๆเพราะมันเป็นชื่อสายการบินซึ่ง เอามาเป็นตัวย่อชื่อเค้าได้เหมาะเจาะเชียว ตอนนั้นจำได้ว่าทั้งคนเซ็นต์ คนให้เซ็นต์จะเขินๆพอกัน เลยไม่มีการพูดคุยกันเลย

หลังจากนั้นไม่นานเค้าก็ดังเปรี้ยงปร้าง จากรายการตอนเช้าของช่องสาม จำได้ว่าซื้อหนังสือเค้าก็อยากให้เค้าเซ็นต์เหมือนเดิม แต่โอ้โห ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด คนเต็มเลย มุงกันอื้ออึง เราเข้าไม่ถึง เลยได้แต่ดีใจไปกับเค้า วันเก่าๆอย่างนั้นมันก็อยู่แค่ในความทรงจำของเรา

เดินจนหิวน้ำจน ปวดฉี่ ไปเข้าห้องน้ำเจอคุณพี่สาวต่อคิวอยู่ แหมเราช่างสมเป็นพี่น้องกันจริงๆ เวลาเดียวกันเลย แล้วก็เลยตกลงกันว่าไปกินข้างรอสองหนุ่มน้อย(แก่เยอะ) ขอเราที่ food center ดีกว่า

พอเราเริ่มกิน คุณบิดาก็โทรมา แล้วก็ตามมาสมทบ แล้วเราก็อวดหนังสือกันใหญ่ ตามประสาคนขี้เห่อพอกัน พี่สาวเราแจกเงิน คุณบิดา กับคุณอาไปคนละพัน เราไม่ได้ เค้าก็เอาตังค์ส่วนทีเหลือมาคืน พี่เราก็บอกไม่เป็นไร ยื้อกันไปมา หลานเรามันเลยคว้าไป เราก็เลยบอกว่าให้แบ่งเราด้วย เกี่ยงกันดีนัก อิอิ

ออกจากศูนย์ก็ทุ่มกว่าแล้ว โห เดินกันแบบว่ามาราธอนจริงๆ แต่ยังไงก็ต้องกลับไปอีกรอบ ยังมีที่อยากได้อีกนิดหน่อย ก็ของมันมัก ทำไงได้โน๊ะ

แล้วคุยกันอีกน้า... บาย จ้า




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2551    
Last Update : 12 ตุลาคม 2551 14:47:50 น.
Counter : 216 Pageviews.  


อิ่มเอมโอชา
Location :
Colorado United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อย่าลืมลมหายใจตัวเอง
น้องเพนกี้
น้อง DoryKong 1
น้อง DoryKong 2
น้อง DoryKong 3
X
X
X
X
Friends' blogs
[Add อิ่มเอมโอชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.