Network Marketing ต้องศึกษาให้รู้จริง เหมือนเล่นหุ้น ถึงจะรวย
Group Blog
 
All Blogs
 

กรดไหลย้อน หนุ่ม กรรชัย แนะแนำ GRD

อาการ กรดไหลย้อน หนุ่ม กรรชัย เคยมีอาการแสบร้อนกลางหน้าอก รู้สึกเหมือนมีอาหาร หรือของเหลวจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่คอ
หรือรู้สึกรสเปรี้ยวๆขมๆ ในปากอาการเหล่านี้ เป็นสัญญาณเตือนว่า กำลังเป็น “โรคกรดไหลย้อน”
 

เช็กให้ชัวร์ คุณกำลังป่วย เป็นกรดไหลย้อนหรือเปล่า

กรดไหลย้อน โรคยอดฮิตของกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่อยู่กับความเร่งรีบแทบจะตลอดเวลา
โรคนี้แม้ดูเหมือนจะไม่รุนแรง แต่หากเป็นขึ้นมาแล้วไม่รีบรักษา อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในระยะยาวได้
ยิ่งถ้านิ่งเฉย อาการของโรคอาจรุนแรงและลุกลาม จนมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งได้ด้วย
ดังนั้นอย่ารอช้า มาเช็คให้ชัวร์ถ้าคุณกำลังมีอาการเหล่านี้ คุณอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนอยู่

กรดไหลย้อน หนุ่ม กรรชัย แนะนำ GRD

 




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2567    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2567 13:34:51 น.
Counter : 143 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

ธุรกิจเครือข่าย แท้จริงแล้ว คืออะไร

จริงๆแล้วต้องแยกแยะ ออกจากกันระหว่างคำว่า ธุรกิจขายตรง และ ธุรกิจเครือข่าย

ธุรกิจขายตรง - จะเน้นไปที่การขายสินค้า ทำยอด และกำไรจากการขายปลีก ผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ ส่วนใหญ่จะต้องเป็นนักขาย ที่มีความสามารถ

ธุรกิจเครือข่าย - ทิศทางจะตรงกันข้ามกับธุรกิจขายตรง โดยใช้การกระจายสินค้าคนละเล็กละน้อย เน้นที่การสร้างเครือข่ายผู้บริโภค โดยไม่เน้นให้แต่ละคนต้องทำยอดขายได้เยอะๆ

จริงๆแล้วธุรกิจเครือข่าย ก็เป็นธุรกิจอีกระบบนึง ที่ใช้กลยุทธ์ทางการตลาด แตกต่างจากธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งทั่วไป โดยใช้การกระจายสินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยที่ลดรายจ่ายเรื่องของค่าขนส่ง ค่าโฆษณา พ่อค้าคนกลาง...

ซึ่งรายจ่ายในส่วนนั้น ก็นำมาปันผลให้กับนักธุรกิจ (หรือเรียกกันว่า นักธุรกิจอิสระ)

ในประเทศที่เจริญแล้ว เช่น ญี่ปุ่น ก็มีบริษัทที่เปิดดำเนินการในลักษณะของธุรกิจเครือข่ายมากที่สุดในเอเชีย และในสหรัฐอเมริกา ก็ครองแชมป์ ที่มีบริษัทที่ดำเนินการในธุรกิจดังกล่าว มากที่สุดในโลก...

บริษัทชั้นนำทั่วโลก กำลังหันมานิยมใช้การตลาดระบบเครือข่ายมากขึ้น เพราะการตลาดระบบนี้สามารถกระจายสินค้าเข้าสู่ผู้บริโภค ได้มากและเร็วที่สุด

ด้วยลักษณะของความเป็น "หุ้นส่วน" ระหว่างนักธุรกิจอิสระและตัวบริษัทเครือข่าย เป็นไปในลักษณะพึ่งพาอาศัยกัน เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องสูญเสียงบประมาณไปกับการโฆษณา จ้างพรีเซนเตอร์ เพราะนักธุรกิจอิสระเหล่านี้ จะทำหน้าที่โฆษณาให้ในลักษณะ "ปากต่อปาก"

และเงินที่บริษัทประหยัดไปหลายล้านบาทนั้นไปไหน? แน่นอนที่สุด บริษัทใช้เงินเหล่านั้น ในการจ่ายเป็นค่าคอมมิชชั่นให้กับนักธุรกิจอิสระ

ธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่การรวยทางลัด
เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่ใครก้าวเข้ามาในธุรกิจเครือข่าย แล้วจะประสบความสำเร็จไปได้ทุกคน ปัจจัยมันมีหลายอย่าง ไม่งั้นโลกใบนี้คงมีแต่คนหันมาทำธุรกิจเคือข่าย กันทั้งโลกไปแล้ว

คนที่ทำไม่สำเร็จ ก็จะบอกว่ามันไม่ดี
แต่คนที่ทำสำเร็จก็จะบอกว่าดี

มันอยู่ที่คุณเลือก "ทีม" ด้วย ว่าเค้าสอนให้คุณทำงานแบบไหน ทำตัวเป็นแมลงสาปรึเปล่า

สำหรับคนที่เคยทำแล้วล้มเหลว ในตอนที่คุณทำธุรกิจเคือข่าย คุณมีเนื้องานมากแค่ไหน เพราะแน่นอนว่าคุณแนะนำ 10 คน คงไม่ได้สมัครทั้ง 10 คนแน่นอน

ใน กรณีที่รายชื่อเพื่อนคุณ ไม่มีแล้ว upline หรือ ผู้แนะนำคุณ ได้แนะนำให้คุณทำอย่างไรบ้าง เค้ารู้จักระบบต่อรายชื่อ หรือการทำงานสายลึกมั๊ย

บางทีการไปอยู่ในทีมงานที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอ ก็เป็นเรื่องโชคร้ายที่สุด ของคนทำธุรกิจเคือข่าย เหมือนกัน

ในการเข้าประชุม คุณเสียเงินไปเข้าคนเดียว??
เทคนิคอย่างนึงของการสร้างให้องค์กรเติบโต คือ คุณต้องพาทีมงานเข้าที่ประชุมให้มากที่สุด พาทีมงานเข้าบรรยากาศ

คุณได้วางแผน และตั้งเป้าหมายประจำเดือน ทุกๆต้นเดือน และได้ซอยเป้าหมายย่อยเป็นรายสัปดาห์ แล้วรึยัง ??
คุณเคยมีการประเมินงาน ทุกๆสิ้นเดือนหรือไม่?? เพื่อวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง และนำไปปรับปรุงในเดือนถัดไป

เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ในธุรกิจนี้ แล้วแค่สมัครมา ก็ได้แต่ติดสอยห้อยตาม upline ไปวันๆ โดยไม่มีเนื้องานเป็นของตัวเอง เพราะธุรกิจนี้ คือธุรกิจของคุณ ไม่ใช่ของ upline

คุณคิดว่า กว่าคนๆนึงจะประสบความสำเร็จ ในธุรกิจ หรือ อาชีพการงานใดๆ ก็ตาม มันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือรึเปล่า

ธรรมชาติคนที่เคยทำธุรกิจเครือข่าย ทำไม่สำเร็จ โทษ upline โทษธุรกิจ โทษบริษัท แต่ไม่เคยโทษตัวเอง

ผมว่าไปโทษตัวธุรกิจนี่มันไม่ถูกหรอกครับ โทษตัวคนทำน่าจะถูกต้องกว่า เพราะตัวโมเดลของธุรกิจนี้ มันคือการทำให้ คนที่ไม่เคยมีโอกาสอะไรในชีวิตเลย ได้มีโอกาส เพราะทุกคนจะเริ่มจาก 0 เท่ากันหมด ไม่ว่าจะรวย หรือจน โดยแต่ละคนก็ต้องดึงเอาศักยภาพของตัวเองมาใช้ เรียกได้ว่าวัดกันที่กึ๋น ใครมีศักยภาพในการพัฒนาตัวเอง และพัฒนาองค์กรมากกว่า คนนั้นแหละ ประสบความสำเร็จ โดยที่ไม่ต้องง้อวุฒิการศึกษา ไม่เกี่ยงเพศ ไม่เกี่ยงอายุ(แต่ตามกฏหมายสมัครได้ต้อง 18ขึ้นไป)

ผมมีตัวอย่างคน จบ ป.4 แต่มีรายได้ ครึ่งล้าน/เดือน จากการทำธุรกิจเครือข่าย เพียงปีกว่าๆ คุณคิดดูว่า คนคนจบ ป.4 ทำงานโรงงาน ผมมองมุมไหน ก็ยังไม่เห็นว่า ถ้าเค้าไม่เข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย จะพอมีทางอื่นไหม ที่ทำให้เค้าประสบความสำเร็จในชีวิต ทำให้ครอบครัวอยู่ดี กินดีมาได้ จากที่ปากกัด ตีนถีบกับเงินเดือน 6,000กว่าบาท มาเป็นสิบๆปี

นี่แหละครับคือศักยภาพของธุรกิจเครือข่าย ทุกคนเริ่มต้นเท่ากัน

แน่นอนว่าธุรกิจทุกประเภท ย่อมมีคนทำสำเร็จ และล้มเหลว มันเป็นธรรมชาติธุรกิจอยู่แล้ว

ต่อ ให้คุณไปซื้อเฟรนไชน์ บะหมี่เกี๊ยวชื่อดัง ที่คุณเห็นว่าเค้าขายดิบขายดี แต่พอคุณมาลองขายบ้าง กลับไม่ค่อยมีลูกค้า เพราะด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง คุณก็เจ๊งได้เหมือนกัน

ธุรกิจเครือข่ายมันไม่ได้้เลวร้ายหรอกครับ เพียงแต่มุมมองของคนที่ทำสำเร็จ กับคนที่ทำไม่สำเร็จ จะแตกต่างกัน เป็นธรรมดา

ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นครับ




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 15 กันยายน 2554 12:29:43 น.
Counter : 2325 Pageviews.  

แนวคิดของคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายไม่เคยสำเร็จ

ผมได้มีโอกาสไปเจอกระทู้ของคุณ sanwish ที่เว็บไซต์แห่งนึง
มีแนวคิดที่น่าสนใจทีเดียว เลยเก็บเอามาฝากครับ...

"ทำง่าย ทำที่บ้าน วันละ 2ชม."
"ไม่ต้องรักษายอด"
"เปิดรหัสฟรี"
"อยู่ต้นสาย"
"ทำทางเน็ต 100%"
"ไม่ต้องอบรม"


เลิก ซะเถอะ ครับ กับ แนวคิดแบบนี้ ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะเบื่อมาก กับ การชวน จากคนทางเนต
ซึ่งส่วนมาก จะ มีแนวคิด ผิดๆ กับธุรกิจเครือข่ายนะครับ ถ้าใครมีอะไรเพิ่มเติม ก็ช่วยโพสได้นะครับ
อาจ พาดพิง บางบริษัท แต่ ในเชิงข้อมูลเท่านั้น ไม่มีเจตนาอย่างอื่น

คิดว่าหลายคน ยังคิดกับ ธุรกิจ เครือข่ายไม่ถูกต้อง ย่อมทำให้ ธุรกิจที่ตัวเองกำลังทำอยู่ เสียหายไปด้วยครับ
สำหรับ ผู้ที่กำลัง ถูกชวน เจอคนชวนที่ มีทัศนคติแบบนี้ ไม่ต้องยุ่งเป็นดีที่สุดครับ


1- ต้องรีบอยู่ต้นสาย ถึงน่าทำ
- ถ้าคุณคิดแบบนี้ หรือ ถูกชวนแบบนี้ แน่นอน ครับ ว่า แนวคิดแบบนี้ จะถูกถ่ายทอดลงไปในองค์กร แล้วมันจะเกิดการดับสลายในองค์กรคุณอย่างแน่นอน

เพราะอะไรน่ะเหรอ ?
ถ้าบอกว่า อยู่ต้นสาย กับบริษัท ใหม่ๆ เพิ่งมาเมืองไทย หรือ จองรหัสก่อน รวยก่อน

คำเหล่า นี้ บ่งบอกได้เลยครับ ว่า องค์กรไม่มีทางอยู่ได้นาน
เพราะ ถ้า คุณทำ ต้นสาย คุณรวยเร็ว รวยกว่า คนทำทีหลัง งั้นก็แสดงว่า คนมาทีหลังจะได้น้อย รวยช้าน่ะสิ
ถ้า ปลูกฝังค่านิยมแบบนี้ บอกได้เลยว่า ไม่เกิน 2 ปี คนที่ทำทีหลัง เค้าก็จะรู้สึกแบบนี้ และย้ายไปทำที่อื่น (พร้อมให้เหตุผลว่า บริษัทเปิดมานานแล้ว) เมื่อนั้น องค์กรคุณ มันจะโตหรือครับ
มีแต่จะยุบตัว แล้วคุณก็ต้องย้ายที่ใหม่เหมือนกัน

ถ้า ธุรกิจ ดีจริง จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ครับ จะเห็นได้จาก หลายบริษัทที่อยู่ เป็น สิบปี มักเกิด คนสมัครใหม่ อย่างต่อเนื่อง คนมาหลัง แซงคนที่อยู่้ได้
หลายคนสมัครตั้งแต่ บริษัทเปิด ยังไม่ถึงไหน ผ่านมา 10 ปี คนสมัครทีหลัง ก็ สำเร็จได้
เมื่อ ทุกคนคิดว่า ทำทีหลังก็สำเร็จได้ เมื่อนั้น องค์กรของคุณ ก็จะโตอยู่ได้นานครับ แบบนี้ ถึงจะเกษียณได้ จริงหรือไม่ คุณคิดเอาเอง ครับ

2- การลงทุนเยอะ เป็นการสกรีนคน
- ถ้าการลงทุนเยอะ หลายหมื่น ถึง แสน ผมว่า ไปขาย ปังปิ้ง นมสด หรือร้านกาแฟ เล็กๆ ดีกว่าครับ
ธุรกิจเครือข่าย บอกเองว่า ลงทุนน้อย เสี่ยงน้อย
แต่บางคน ไปหมดกับ การ สต๊อค ของ เช่าตึก จ้างคนมาเฝ้าศูนย์ แล้วจะมี อิสระภาพ ทางด้านเวลาได้อย่างไร
ถ้าคิดว่า เป็นการสกรีนคน ด้วยการลงทุนหนักล่ะก็ ผมว่า ไป สกรีน ที่เฮอร์บาไลฟ์ ก็ได้ครับ
การที่ ภาพลักษณ์ฺ เฮอร์.. เป็นแบบนี้ เหตุผล หลัก ๆ ก็เพราะ การลงทุน ไปหนักและบานปลายนี่ล่ะครับ
พฤติกรรม ธรรมชาติของคน ไม่ว่าธุรกิจอะไร ก็ มีคนไม่สำเร็จมากกว่าอยู่แล้วครับ คนไม่สำเร็จ แต่ ลงเงินไปเยอะ
พวกเค้า ย่อมรู้สึกแย่ กับธุรกิจและสินค้าล่ะครับ จะบอกว่า เค้าไม่ทำเอง ก็ใช่ครับ แต่เราห้ามไม่ให้เค้า รู้สึกแบบนั้นไม่ได้หรอก

จะสังเกตุได้ชัดครับ เมื่อคุณ ค้นหา ข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัทที่ ลงทุนสูง มักจะเกิดกระแสด้านลบ ตามเวบไซต์ต่างๆ

ทำไม ถึงเกิดกระแส แบบนี้ รวดเร็ว ?
ก็ เพราะ เมื่อเกิดการลงทุนสูงนั้น คนส่วนมาก จะเอาของไปขาย เพื่อ ต้องการทุนคืนครับ ก็ต้องเกิดการ ยัดเยียด วางขายตามแผง หรือ ใต้ถุนห้าง
พูดง่ายๆก็คือ สินค้า ระบาดเร็วมาก
คนจึงรู้จักได้อย่างรวดเร็ว เมื่อคนรู้จักเยอะมากก็จะเกิดความสงสัย หลังจากถูกชักชวนให้ลงทุน
ธุรกิจที่ โตได้นาน ภาพลักษณ์ก็มีส่วนเช่นกันครับ ถ้าเรารักษาภาพลักษณ์ของธุรกิจได้ ไม่ว่า จะนานเท่าไหร่ ก็ทำสำเร็จได้เช่นกัน

** ขออภัย ผู้ที่ทำถูกวิธี แต่ธุรกิจ มีการลงทุนสูงด้วย

3- ไม่มีเว็บไซต์ให้ ไม่น่าทำ , ทำทางเน็ต100%
- หลายองกร ของผู้ที่ทำสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องใช้เวบไซต์เลยครับ
การใช้เวบไซต์ เป็นตัวช่วยในการหาคนเท่านั้นเอง
แต่ มองอีกมุมหนึ่ง ถ้าเรามีเวบไซต์ แล้ว เราจะทำยังไงให้คนรู้จักเวบไซต์เราครับ
แน่นอน คงไม่พ้น การโพสตามเวบบอร์ด และ สแปมเมลล์ใช่มั้ยล่ะ
เมื่อคนทำแบบเรา หลายๆคน ช่วงแรก องกรอาจโตครับ แต่ระยะยาว มันเกร่อ ทุกเวบ
แล้ว มันจะน่าสนใจเหรอ เมื่อไม่น่าสนใจ คนไม่สมัครต่อ แล้วองกรอยู่ได้นานแค่ไหนครับ
ธุรกิจเครือข่าย ทำออฟไลน์ เป็นการพัฒนาศักยภาพได้มากกว่าครับ และเกิดสายสัมพันธ์ในองกรด้วย

และถ้าจากบอกว่า ทำทางเน็ต 100% ละก็ คิดใหม่ครับ
ธุรกิจ 100 ล้าน ที่ไหน ทำง่ายๆบ้างครับ

4- ต้องทำสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์
- ธุรกิจนี้ การโฆษณา เป็นหน้าที่ของบริษัทครับ เค้าก็บอกเองว่า เราทำตลาดด้วยการบอกต่อ
เราไม่ต้องมีหน้าร้าน เราไม่ต้องจ้างคน บริษัท ทำให้หมดแล้ว
ใช้ดีและบอกต่อ ก็พอ ครับ
หลายคน โดยเฉพาะ คนทำ เฮอร์ มักจะหมด เงินกับการทำ ใบปลิว แจกตามสะพานลอย เสียบตามตู้ ATM หรือตู้โทรศัพท์
และที่เห็นเยอะมาก คือ ลงตามนิตยสาร หมดเงินกันเดือนละเท่าไหร่ล่ะ
แล้วภาพลักษณ์ เหมือนอะไรครับ
ธุรกิจพันล้าน เค้าต้อง เดินแจกใบปลิวเหรอครับ
ธุรกิจพันล้าน เค้าต้องเปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆเหรอครับ

หลายบริษัทที่ กฏจรรยาบรรณแข็งๆ เค้าบอกเลยครับ ว่า ห้ามทำสิ่งเหล่านี้

5-ไม่ชอบรักษายอด
-อยากทำธุรกิจ ก็ขอให้ เข้าใจหลักการ ของธุรกิจด้วยครับ

เข้าใจด้วยครับว่า บริษัทมียอดขายสูงขึ้น เราก็มีรายได้สูงขึ้นได้ ถ้าบริษัทยอดขายต่ำลง แล้วเราจะมีรายได้สูงขึ้นได้อย่างไร
ทุกธุรกิจ เปิดมาก็เพื่อขายสินค้าทั้งนั้นล่ะครับ มีที่ไหน ไม่ต้องทำยอดขายครับ
สินค้าทุกบริษัท อยู่ได้ เพราะ มีการซื้อซ้ำจากลูกค้า เดิม และ มีการซื้อเพิ่มจากลูกค้าใหม่ๆ

เช่น
แอม.. ที่ ว่า มั่นคงสุดๆนั้น
คนที่ทำได้ ก็เพราะ องกรของเค้า มี ยอดซื้อจากสายงานหนึ่ง เดือนละไม่ต่ำกว่า 345,000 บาท ทุกเดือน
คงไม่มี ใครทำได้หรอกครับ ถ้าจะให้มีรายได้นั้นเกิดจากคนใหม่ รวมกันได้ 345,000บาท ทุกเดือน

ยอดที่ได้ ต้องเกิดจาก คนเดิมซื้อซ้ำและเกิดคนใหม่ซื้อเพิ่ม สะสมกันจน ยอดถึงเป้าหมายที่วางไว้ และเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ถ้า คิดว่า ธุรกิจที่ไม่รักษายอด มั่นคงนั้น ก็ขอให้พิจารณาจาก ทุกบริษัทที่อยู่ได้นานๆ และขายสูงขึ้นทุกปีนั้น มีบริษัทไหนบ้าง ที่ไม่รักษายอด
** รักษายอด = ซื้อซ้ำ

6- ไม่ชอบเข้าอบรม
- คนที่สำเร็จเข้าประชุมทุกคนครับ คนที่ไม่สำเร็จ ส่วนมากก็ไม่เข้าประชุมนั่นล่ะ
การประชุม หลายคนไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องเข้า
เปรียบเหมือนคน ไม่ไปเรียนรามนั่นล่ะ ส่วนมากเรียนไม่จบทั้งนั้น
ก็คุณไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในบรรยากาศ ไปเรียนรู้วิธีการ แล้วจะสำเร็จได้อย่างไร
คุณอาจจะมองว่า เข้าไปก็พูดเหมือนเดิม รู้แล้ว
ขอให้เปรียบกับ นร เตรียมเอ็นท์ทรานซ์ คนที่เอ็น ติด เค้าอ่านหนังสือรอบเดียว เรียนครั้งเดียวเหรอครับ
ส่วนมาก เค้าอ่านหลายรอบ เรียนพิเศษ ฟังความรู้อย่างต่อเนื่องทั้งนั้นล่ะครับ

อีกอ ย่าง การที่ เข้าไปกี่ครั้งก็พูดแบบเดิม ก็ขอให้เข้าใจใหม่ว่า ธุรกิจ คือการทำซ้ำ เราเข้าไป รับสารแล้ว เราจะไปเอาสารนี้ ไปบอกคนอื่น ไปเรื่อยๆ คงเหนื่อยมาก
ธุรกิจนี้คือการผ่อนแรงครับ ไม่งั้นคงไม่เรียกว่า ธุรกิจเครือข่าย
วิธีที่ถูกต้อง คือ คุณต้อง พาคนใหม่เข้าไปเรียนรู้แบบคุณ และคนนั้น ก็จะไป พาคนใหม่ๆ เข้าไปเรียนรู้สิ่งเหล่านั้น อีก
เมื่อทุกคนเข้าใจเหมือนกัน ก็จะทำเหมือนกัน แล้วกระจายตัวเป็นองกรที่ยิ่งใหญ่ได้

ถ้าไม่ชอบเข้าประชุม อย่างหวังว่า จะสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายเลยครับ

7-สมัครไว้ก่อน รออัพไลน์ ช่วยก่อน ถึงจะเริ่มทำ(คุณไม่ช่วยเราไม่ทำ)
- ถ้าคิดแบบนี้ แทบทุกคน ล้มเหลวครับ
ธุรกิจที่เกิดการทำซ้ำ มันก็ต้องทำจากความรู้สึกและความคิดครับ
ถ้าคิดจะรอให้คนอื่นช่วย ก็เหมือนกับคิดแค่ว่า ตัวเองเป็นได้แค่ ดาวน์ไลน์ เป็นอัพไลน์ใครไม่ได้
แล้วเมื่อคุณมีดาวน์ไลน์ ดาวไลน์จะก๊อปปี้ใครล่ะ ?


8- ไม่ชอบสาธิตสินค้า
- "ถ้าทำในสิ่งที่เราเคยทำ ก็จะได้ในสิ่งที่เคยได้
ถ้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ก็จะได้ในสิ่งที่ไม่เคยได้"
หลายคนอาจไม่ชอบครับ การ สาธิตสินค้า แต่การเปิดใจคน มันมีหลายวิธีครับ
เช่น
-พาคนเข้าไปฟังธุรกิจ
-สาธิตสินค้าให้ดู
-พาอัพไลน์ไปช่วยสปอนเซอร์

ทุกอย่างเป็นโอกาสหมดล่ะครับ ทุกคน เปิดใจกับธุรกิจ ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ดังนั้น เราจะไป ปิดกั้นโอกาสเหล่านั้นทำไม



9- ธุรกิจมีนานแล้ว คนอื่นทำเยอะแล้วไม่น่าทำ , ธุรกิจใหม่ คนทำน้อย แนะนำยากไม่น่าทำ
- ไม่รู้ว่า อะไรจะเป็นปัญหากว่ากันครับ
ผมบอกได้เลยว่า ไม่ว่าคนทำมากหรือทำน้อย ก็ทำได้ทั้งนั้น

แต่ถ้าเรามองปัญหา มันก็เป็นปัญหา
-ถ้า คนทำเยอะแล้ว ก็ขอให้มองในแง่ดีครับ แสดงว่า มันดีไง คนเลยทำเยอะน่าจะทำง่ายซะอีก
ธรรมชาติของ คน ก็จะมี คนไม่ชอบ แล้วชอบ , คนชอบแล้วไม่ชอบ , คนไม่ชอบ และยังไงก็ไม่ชอบ
ไม่ว่ายังไง คนทำเยอะแค่ไหน ก็จะมี คนอย่างนี้อยู่ ตลอดเวลาครับ ดังนั้น ไม่ต้องคิดมาก ทำไม่ได้ ค่อยมาเครียดดีกว่า

-ถ้าคนทำน้อย ก็ขอให้คิดในแง่ดีครับ ว่า คนไม่รู้จักน่ะดี จะได้มาทำกับเรา
ถ้าคนรู้จัก แสดงว่า เค้าไปได้ยินจากคนที่มาชวนเค้า ซึ่งอาจจะเป็น เพื่อน ญาติ พี่ น้อง
แล้วถ้าเค้าจะทำ เค้าจะทำกับเราเหรอครับ ไปทำกับคนที่สนิทกับเค้าไม่ดีกว่าเหรอ
สินค้าทุกยี่ห้อ ก็มีเกิดมา ตามยุค สมัยทั้งนั้น การที่ มาทีหลังแล้วคนรู้จักน้อย เราก็ทำให้เค้ารู้จักสิ
ก็นี่มันเป็นหน้าที่ของนักธุรกิจเครือข่ายอยู่แล้วนี่ครับ
เจ้าของ AIS เอา มือถือมาทำตลาด เค้าต้องรอให้เจ้าอื่นมาทำก่อนเหรอครับ ถึงจะเริ่มทำ
เศรษฐีหลายคน มักมองอะไรๆ เป็นโอกาสเสมอ ยิ่งไม่มีคนทำนะ ยิ่งเป็นโอกาสทั้งนั้น

10- ต้องดีที่สุด ต้องอินเทรนด์ที่สุด
- ลองไปเลือกโทรศัพท์ มือถือครับ
ถ้าจะหา รุ่นที่ดีที่สุด หายังไง ซื้อไป ก็เจอ รุ่นใหม่เกิดขึ้น ดีกว่า เรื่อยๆครับ
และที่สำคัญ มือถือทุกรุ่น จะเทพ ขนาดไหน ก็มีข้อด้อยให้ตำหนิ ครับ

หรือ ต้องอินเทรนด์ที่สุด ไม่มีคู่แข่ง โดดเด่นที่สุด ก็เหมือนกันล่ะครับ ไม่นาน ก็จะมี สินค้า คล้ายกันออกมาตาม เพราะ มันเป็นเทรนด์
ในธุรกิจเครือข่าย เราต้องย้ายไปย้ายมา ตามบริษัทเปิดใหม่หรือเปล่าครับ
ไม่ว่ายังไง จะธุรกิจแบบไหน ก็จะมีการพัฒนา ตามหลังเรื่อยๆ ถ้า จะเกิดใหม่ ต้อง โดดเด่นสุด ถึงจะทำตลาดได้
จริงๆมันก็ถูกครับ แต่ในธุรกิจเครือข่าย ถ้ามาคิดแบบนี้ คนทำ แอม.. ทำกิฟ.. คงย้ายค่ายตามหมด

แต่ยอดขาย ของ บริษัทเหล่านี้ ก็โตขึ้นทุกปี มันเป็นเพราะอะไรล่ะ?
ดังนั้นไม่ต้องไปมองเรื่องนี้หรอกครับ ขอแค่ มีศรัทธา ลงมือทำ ยังไงก็สำเร็จได้ครับ ไม่ว่า บริษัทไหนก็ตาม


11- "ดีมากเลย แนะนำไม่กี่คนก็ได้เงินเยอะแล้ว"
- ครับ แนะนำไม่กี่คน คุณก็ได้เงินเยอะแล้ว
แสดงว่า คุณแนะนำให้เค้าลงทุนเยอะใช่มั้ยครับ
ถ้าองกร คุณ มี เดือนละ 1ล้าน แต่มี คนในองกร 100 คน แสดงว่า แต่ละคน ลงทุน คนละ 10000 ใช่มั้ยครับ
และ ถ้าองกร คุณ มี เดือนละ 1ล้าน แต่มีคนในองกร 1000 คน แสดงว่า แต่ละคนลงทุน คนละ 1000 ใช่มั้ยครับ
คิดว่า องกรไหน แข็งแรงมั่นคงกว่า?
องกรแรก แต่ละ คนซื้อคนละหมื่น คิดว่า เค้าซื้อเกินตัวรึเปล่าครับ ธรรมชาติคน เมื่อทำอะไรเกินตัวมักทำไม่ได้นาน
องกร สอง แต่ละคน ซื้อแบบพอดีตัว ก็ซื้อต่อเนื่องได้เรื่อยๆ

ธุรกิจเครือข่าย เป็นการสร้างเครือข่ายคนครับ ถ้าองค์กร มีคะแนนเยอะ แต่คนทำงานน้อย ก็เหมือน บริษัทใหญ่ๆ มียอดขายเดือนละหลาย ล้าน
แต่มีคนทำงานแค่ ไม่กี่คน ถ้าคนหนึ่งคนใดลาออก คิดว่า ช่วงที่ยังไม่มีคนมาทำแทนนั้น คนอื่น ต้องแบกรับภาระ หนักขนาดไหนครับ
เช่นกัน ครับ ในธุรกิจเครือข่าย คน10คน จะมีผู้นำ แค่ 1-2 คนครับ
เมื่อ คนน้อยลง ผู้นำก็น้อยลงเช่นกัน แล้วเมื่อไหร่ ทีมจะแข็งแรงมั่นคงครับ
เพราะฉะนั้น แนะนำคนได้เยอะ ผมว่า น่าภูมิใจกว่า แนะนำคนน้อย แต่ได้เงินเยอะนะครับ



12- ต้องได้ทุนคืน ภายในเดือนแรก และได้เงินเดือนละ xxx บาท
-ถ้าจะทำธุรกิจ ก็ต้องมีแนวคิดแบบนักธุรกิจครับ
ถ้าคิดว่า ลงทุน เดือนแรกเท่านี้ ต้องได้ทุนคืนภายในเดือนแรก ถ้าคิดอะไรแบบชัวร์ ผมว่า ไปทำงานประจำดีกว่าครับ
ได้เงินเดือนชัวร์ๆ ทุกเดือน

การทำธุรกิจ ก็เหมือนธุรกิจอื่นๆละครับ คุณต้องเข้าใจ ว่า มันอาจจะไม่ได้ อย่างที่คิดเป๊ะๆ
ถ้าลงทุน ร้านกาแฟ ลงทุน เป็นแสน มีร้านไหนได้ทุนคืนภายในเดือนแรกบ้าง
แต่ธุรกิจ เครือข่าย ถ้าอยากได้ คืนเร็ว คุณมีทางเลือกข้อเดียว คือ ทำมากๆอย่างถูกวิธี ถ้าเดือนแรก หาผู้นำได้มาก
ยังไง ทุนก็ได้คืนครับ
แต่ถ้า ยังไม่ได้ทำอะไร ก็มาตั้งแง่แล้วว่าจะต้องได้คืนเท่านั้นเท่านี้ ถ้าไม่ได้ ไม่ทำ ก็ไปทำงานประจำน่ะดีแล้วครับ...




 

Create Date : 23 เมษายน 2552    
Last Update : 25 เมษายน 2552 10:55:08 น.
Counter : 595 Pageviews.  

การเลือกทำธุรกิจเครือข่าย

ธุรกิจเครือข่ายอยู่ได้ด้วยสินค้า ดังนั้นคุณควรเลือกบริษัท ที่มีสินค้าที่คุณต้องใช้ หรือใช้ประโยชน์ได้จริงๆ
ถ้าคุณเป็นคนผอม ก็ไม่ควรเลือกบริษัทที่มีแต่อาหารเสริมลดความอ้วน เพราะคุณจะไม่สามารถถ่ายทอดความประทับใจในสินค้าได้เลย และทำให้การทำธุรกิจของคุณไม่มีวันโต ในที่สุดคุณก็จะกลายเป็น Sale Man ที่เดินเร่ขายของไปโดยปริยาย

ปัจจัยต่อมา คือ ทีมงาน คุณต้องดูว่าคนที่มาชวนคุณ เค้ามีความพร้อมในการสนับสนุนให้คุณประสบความสำเร็จแค่ไหน มีความเป็นมืออาชีพมากเพียงใด เพราะธุรกิจเครือข่าย ถ้าคุณตัดสินใจเป็็น"ผู้ประสบความสำเร็จ" มันจะไม่ใช่แค่คุณสมัคร แล้วออกไปทำงานเอง โดยที่นึกแค่ว่า แค่ไปชวน ชวน แล้ว ก็ชวน แบบนี้ทำให้ตายก็ไม่โตครับ ธุรกิจเครือข่าย คือการทำงานเป็น "ทีม"

ยิ่งคุณมี"ทีมเวิร์ค" ที่ยอดเยี่ยม มีความเป็นมืออาชีพ คุณก็ยิ่งประสบความสำเร็จได้ไว องค์กรคุณก็จะเติบโตกันทั้งองค์กร

ถ้าคุณได้ไปอยู่กับคนที่ "ฝันเล็ก" คุณก็จะ "ฝันเล็ก"...
ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณอยู่กับคนที่ "ฝันใหญ่" คุณก็จะ "ฝันใหญ่"...

ส่วนแผนธุรกิจ คุณต้องเลือกว่าแผนไหนเหมาะกับตัวคุณ แผนไหนยุติธรรม แผนไหนสร้างความสำเร็จได้ไว แผนไหนเน้นสร้างยอดขาย แผนไหนเน้นการบริโภค แผนไหนลงทุนสูง แผนไหนลงทุนต่ำ...ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ ล้วนเื้อื้อต่อการประสบความสำเร็จของคุณ

ธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ยุ่งยาก อะไรขนาดที่ว่าต้องมานั่งวิเคราะห์เป็นวันๆ ผู้ที่กำลังเข้ามาในวงการธุรกิจเครือข่าย สิ่งที่ควรทำก็คือ ค่อยๆเลือกว่าธุรกิจตัวไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด ถ้าเจอตัวที่ใช่แล้วก็ให้ตั้งเป้าหมาย ลงมือทำอย่างเต็มที่ ไม่ใช่สมัครแล้วก็นิ่งๆ เงียบๆ เรื่อยๆ รอแต่การช่วยเหลือจากอัพไลน์อย่างเดียว

ดังนั้นก่อนทำธุรกิจเครือข่าย คุณต้องตัดสินใจให้ดีว่า "ต้องการความสำเร็จแค่ไหน" เพราะคุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลา เสียอารมณ์ เสียความรู้สึกกับธุรกิจเครือข่าย...

ข้อสำคัญ อย่าหลงไปกับคำโฆษณาชวนเชื่อ ประเภทที่ว่าเราไม่ต้องทำอะไรก็รวยได้
ขอให้อย่าเป็นคนที่ "อยากเก่งแต่ไม่อ่านหนังสือ อยากรวยแต่ไม่อยากเหนื่อย..."

ถ้าคุณกล้าที่จะ "แลก" โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล

ผมยังไม่เคยเห็นใครในองค์กรผม ที่พยายามแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นกำลังใจให้ครับ




 

Create Date : 18 เมษายน 2552    
Last Update : 25 เมษายน 2552 10:27:17 น.
Counter : 404 Pageviews.  


เสี่ยหรอย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add เสี่ยหรอย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.