ตามรอยทัวร์ยุโรปตะวันออก บูดาเปสต์







 
 
บูดาเปสต์

วันที่ 17เมษายน 2553 เดินทางจากบลาติสลาวามายังบูดาเปสต์ เมืองหลวงของประเทศฮังการี ระยะทาง 202 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 2.30 ช.ม.

บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองของประเทศฮังการีที่รวมเอาสองเมืองเข้าด้วยกัน คือเมือง "บูดา"ทางฝั่งขวา (ฝั่งตะวันตก) กับเมือง "เปสต์"ฝั่งช้าย (ฝั่งตะวันออก) รวมกันเมื่อปี 1873 บูดาเปสต์นั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่มีความงดงามติดอันดับโลก จนได้รับสมญานามว่า “บูดาเปสต์ ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” เพราะเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมือง ฝั่งบูดา เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างสถาปัตยกรรมโบราณและศิลปวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ส่วนฝั่งเปสต์ เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมือง

รถพาเรามาส่งเมืองบนเขา Gellert hill ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยสามารถเห็นทั้งวิวทั้ง 2 ฝั่ง มีความสูง 140 เมตรจากระดับน้ำทะเล

จะเห็นทัศนียภาพรอบๆ เมืองได้เป็นอย่างดี
Gellert hill



วิวบน Gellert hill



แม่น้ำดานูบ (Danube River) มีความยาว 2,845 กม.เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุด ในสหภาพยุโรป และยาวเป็นอันดับสองของทวีปยุโรป (รองจากแม่น้ำโวลก้า) มีต้นกำเนิดที่แถบป่าดำ (อังกฤษ:Black Forest, เยอรมัน: Schwarzwald) ในประเทศเยอรมนี เกิดจากแม่น้ำเล็กๆ สองสาย คือ Brigach และ Breg ซึ่งไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำดานูบที่เมือง Donaueschingen ไหลผ่าน10 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี ออสเตรีย สโลวาเกีย ฮังการี โครเอเชีย เซอร์เบีย บัลแกเรีย โรมาเนีย มอลโดวา ยูเครน

ตรงจุดนี้สามารถเห็นวิวแม่น้ำดานูบ และวิวทั้ง 2 ฝั่งของบูดา และเปสต์

วิวบน Gellert hill



สะพานเชน (Chain Bridge) หรือสะพานโซ่ เป็นสะพานแห่งแรกที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1839 - 1849 เพื่อเชื่อมฝั่ง Buda กับ Pest เข้าด้วยกัน สร้างโดยวิศวกรชาวอังกฤชื่อ William Tierney Clark เหล็กทุกชิ้นล้วนนำมาจากอังกฤษ ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานแห่งนี้ได้ถูกทำลายลง แต่ได้มีการก่อสร้างขึ้นใหม่ในปีค.ศ. 1949

วิวบน Gellert hill



หลังจากถ่ายรูปเสร็จพวกเรากเริ่มสนใจทัศนียภาพบนเขาบ้าง เราก็จะเห็นรูปภาพบริเวณกำแพงที่เล่าประวัติของบูดาเปสต์ในปีต่างๆ

ภาพบอกเล่าประวัติของเมืองบูดาเปสต์ในปีต่างๆ
Gellert hill



บนนี้จะมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย เช่นผ้าปัก ผ้าพันคอ แก้วเซรามิก ตุ๊กตารัสเซีย เป็นต้น



เดินออกไปอีกหน่อยจะเห็นอนุสาวรีย์ชิตทาเดลล่า (Cittadella) หรือเราเรียกกันว่าเทพีเสรีภาพของฮังการี

เป็นอนุสาวรีย์ผู้หญิงแบกปาล์ม สูงประมาณ 40 เมตร สร้างขึ้นในปี 1947 เป็นอนุสาวรีย์ที่ระลึกถึงการปลดปล่อยของทหารรัสเชียที่เป็นอิสระจากพวกนาซีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
อนุสาวรีย์ชิตทาเดลล่า



พวกเราก็มารับประทานอาหารค่ำกันที่ citadella etterem ภัตตาคารที่เก่าแก่ สร้างในปี 1944

พวกเราอาหารค่ำแบบฮังการี “กูลาชปาร์ตี้” ซุปหัวหอม เสริฟกับสเต็กหมู พร้อมด้วย ขนมหวาน ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของร้าน นอกจากนี้มีไวน์ให้รับประทานเป็นเหยือก พร้อมชมการแสดงพื้นเมืองของชาวฮังกาเรียน
citadella etterem



หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็มืดพอดี พวกเราจึงเก็บวิวยามค่ำคืนของเมืองอีกครั้งหนึ่ง

วิวเมืองบูดาเปสต์ยามค่ำคืน



ซูมใกล้เข้ามาอีกนิด เห็น Royal palace หรือ Buda Castle อย่างชัดเจน



สะพานเชนยามค่ำคืนสวยไปอีกแบบ



พวกเรากลับไปพักผ่อนต่อที่ Novotel Budapest Congress hotel

วันที่ 18 เมษายน 2553 วันนี้เราออกเดินทางเวลา 09.00 น. เพื่อเดินทางไปฝั่งบูดา ไปยัง Castle hill เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุด บนcastle hill เป็นที่ตั้งของวังเก่า บริเวณนี้ยังได้รับรางวัลจากunescoเพื่อให้เป็นสถานที่อนุรักษ์ไว้ด้วยบริเวณนี้มี

ป้อมชาวประมง (Fishermen’s Bastion)ที่มาของชื่อก็เพราะว่าสมัยก่อนแถบนี้เป็นตลาดค้าปลา มีสมาคมชาวประมงอยู่ใกล้ๆ และมีหน้าที่รับผิดชอบตั้งกองกำลังป้องการพื้นที่แถบนี้
สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมืองในคราวที่ถูกพวกมองโกลเข้ามารุกรานเมื่อปี 1241 - 1242

บนป้อมชาวประมงนี้ถือว่าเป็นจุดชมวิวรอบเมืองบูดาที่สวยที่สุด สามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้ทั้งเมือง
ป้อมชาวประมง



รัฐสภา (Hungary Parliament) อยู่ฝั่งเปสต์ เป็นสัญลักษณ์ของฮังการี อาคารรัฐสภาตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำดานูบ เป็นอาคารรัฐสภาที่ชาวฮังกาเรี่ยนภูมิใจว่าเป็นอาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก เพราะตัวอาคารมีความสวยงามด้วยสภาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคที่ดูคลาสสิคด้วยหลังคาสีแดง อาคารรัฐสภาแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1885 และใช้เวลากว่า 20 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ โดยรูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากอาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน สหราชอาณาจักร
ภายในอาคารรัฐสภาประกอบด้วยห้องมากมายถึง 700 ห้อง มีประตูทางเข้า 27 แห่ง บนตัวอาคารประดับด้วยยอดสูง 365 ยอด
ป้อมชาวประมง



จะมองเห็นอาคารรัฐสภาสวยงามมาก

วิวจากป้อมชาวประมง



พระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 เป็นผู้รวบรวมแผ่นดินฮังการี และถือเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของฮังการีผู้ครองราชย์ระหว่าง ค.ศ. 1000 สตีเฟนทรงขยายอำนาจของฮังการีในบริเวณคาร์เพเธียนและทรงมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่คริสต์ศาสนาในบริเวณนี้ด้วย พระองค์ทรงได้รับการสถาปนาให้เป็นนักบุญโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 7เมื่อวันที่20 สิงหาคม ค.ศ. 1083
จะเห็นว่าในมือคือ apostolic cross ( ไม้กางเขน 2 ชั้น ชั้นที่ 1 หมายถึง กษัตริย์ของฮังการี ชั้นที่ 2 หมายถึง กษัตริย์ของคริสต์ศาสนา) ที่โป๊ปประทานให้ ใช้เป็นสัญลักษณ์ของผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์
อนุสาวรีย์พระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1



จากนั้นพวกเราก็เดินไปยังโบสถ์แมทเทียส (Matthias Church)ที่อยู่ใกล้ๆกัน

เป็นโบสถ์ใหญ่เก่าแก่อายุ 700 ปี มีหลังคาสลับสีอันสวยงามตามสไตล์นีโอ-โกธิค ที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โบถส์แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระนามของกษัตริย์แมทเทียส กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฮังการี เมื่ออดีตโบสถ์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีเถลิงราชสมบัติของ กษัตริย์แห่งฮังการี แต่ในช่วงที่ฮังการีถูกรุกรานจากกองทัพเติร์ก สมบัติส่วนใหญ่ถูกขนออกไป และถูกเปลี่ยนสภาพให้เป็นมัสยิสหลักของเมืองภายใต้การปกครองของตุรกีในปี ค.ศ.1541 และในช่วงสงครามขับไล่กองทัพเติร์ก โบสถ์แมนเทียสได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก กระทั่งเมื่อสงครามสงบลงจึงมีการบูรณะโบสถ์แมทเทียสอีกครั้ง
โบสถ์แมทเทียส



พวกเราเดินต่อมายัง Buda Castle หรือ royal palace แต่เดิมใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ ปัจจุบันปรับปรุง เปลี่ยนแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์และห้องสมุด

ทางเข้าปราสาทห่างจากปราสาทประมาณ 500 เมคร ซึ่งเดินไกลพอสมควร
Buda Castle



ปราสาทบูดา ศิลปะไสตล์บาร็อคได้รับประกาศเป็นมรดกโลกในปี 1987



พวกเรานั่งรถต่อไปยังฝั่งเปสต์

มหาวิหารเซนต์สตีเฟน(St.Stephen Basilica) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสูงโดดเด่นเป็นสง่าในฝั่งเปสต์ เป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เซนต์สตีเฟน กษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรฮังการี สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1851 เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ.1905 ใช้เวลากว่า 54 ปีในการก่อสร้าง มหาวิหารแห่งนี้มีความสูงถึง 96 เมตร ถือว่าป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในบูดาเปสต์ ภายในมหาวิหารโอ่โถงอลังการท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ การตกแต่งภายในถึงแม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็แฝงไว้ด้วยความงดงามทางสถาปัตยกรรม
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน



ข้างในตกแต่งอย่างสวยงาม
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน



ขณะเข้าไปกำลังทำพิธีกันอยู่พอดี
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน



จากหน้าวิหารเป็นลานโล่งกว้าง มีร้านขายของที่ระลึกอยู่บริเวณนี้



ฮีโร่สแควร์ (Hero Square) เป็นลานโล่งกว้างขนาดใหญ่ ที่มีอนุสาวรีย์แห่งสหัสวรรษ (Millennium Memorial) ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานฮีโร่สแควร์ อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งอาณาจักรฮังการีครบรอบ หนึ่งพันปี จะเห็นว่าเสาสูงตระหง่านของอนุสาวรีย์ เป็นที่ตั้งของรูปหล่อเทวทูตกาเบรียล อันเป็นสัญลักษณ์ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่เป็นดังหลักของอาณาจักร ฮังการี รอบเสาสูงเป็นที่ตั้งของรูปหล่อผู้นำของชนเผ่าทั้ง 7 ที่ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรฮังการีขึ้นเมื่อคริสตศวรรษที่ 9

ที่นี่เป็นที่ชุมนุมของคนเมืองเป็นสถานที่ที่มีเหตุการณ์สำคัญๆ ของเมืองเกิดขึ้นทีนี่ คล้ายกับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของบ้านเรา
ฮีโร่สแควร์



และก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน พวกเรารับประทานอาหารจีนที่ hongkong resturant มื้อนี้มีเป็ดปักกิ่งด้วยนะ

ด้วยเวลาที่จำกัดพวกเราจึงรีบเดินทางเพื่อไปขึ้นเรือล่องแม่น้ำดานูบ ที่ท่าเรือหมายเลข 7 เวลา 13.30 น



ทางขึ้นเรือดูน่ารัก มีดอกไม้ประดับอยู่ข้างริมทางด้วย เรือมี 2 ชั้น ชั้นล่างอยู่ในห้องกระจก ส่วนชั้นบนอยู่กลางแจ้ง แต่ละที่นั่งมีหูฟังบรรยายวิวข้างทางของบูดาเปสต์ตลอด 2 ฝั่งแม่น้ำ มีให้เลือกหลายภาษารวมทั้งภาษาไทยด้วย เราขึ้นไปชั้น 2 ของเรือเพื่อที่จะได้เห็นวิวอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาวก็ตาม
pier no 7



แผนที่ล่องเรือผ่านสถานที่ต่างๆ ผ่าน 3 สะพานข้ามแม่น้ำดานูบ ได้แก่ Liberty bridge , Elizabeth Bridge และ chain bridge โดยพวกเราวนรอบเล็กไม่ขึ้นเกาะMargaret และวนกลับมาที่เดิม



เรือเริ่มออกจากท่าเรือหมายเลข 7 ผ่านสะพาน Elizabeth

สะพานอลิซาเบท เป็นชื่อของพระราชินี ของฮังการีและออสเตรีย ผู้ซึ่งถูกพระปลงชีพในปี 1898 เป็นสะพานที่สร้างขึ้นมาใหม่เป็นอันดับ 2 ในบูดาเปสต์ สร้างอยู่บนส่วนที่แคบที่สุดของแม่น้ำดานูบ
Elizabeth Bridge



จะเห็นโบสถ์ St. Mary ฝั่งบูดา
โบสถ์ St. Mary



ผ่าน Gellert hill

จะเห็นอนุสาวรีย์ผู้หญิงแบกปาล์ม
Gellert hill



Liberty bridgeหรือสะพานเสรีภาพ มีความยาว 333.6 เมครและกว้าง 20.1 เมตรตัวสะพานสีเขียว
Liberty bridge



มีรูปปั้นนก Turul ขนาดใหญ่เกาะอยู่บริเวณหัวเสา
นก Tural สักษณะคล้ายเหยี่ยว เป็นนกในเทพนิยายของชาวฮีงการี ที่พวกเขานับถือ
Liberty bridge



เลยสะพานLiberty bridge ได้สักพักก็กลับเรือ
ช่วงระหว่างนี้บนเรือก็จะมีการเสริฟเครื่องดื่ม เช่น soft drink เบียร์หรือ ไวน์

Buda casltle ฝั่งเปสต์
Buda castle



ด้านข้างปราสาทจะเห็นประตูสวน รูปทรงบาร็อค มีนก Turul อยู่บนเสาประตู
Buda castle



จะเห็นสะพานเชนอยู่ข้างหน้า ขณะกำลังชมวิวอยู่นั้นพนักงานก็มีการเสริฟ พันช์ อีกครั้ง อร่อยดี เรานั่งจิบพันช์ไปชมวิวไปแสนจะโรแมนติก
สะพาน เชน



ผ่านโบสถ์ Calvinist ยอดแหลม และโบสถ์ St. Anna โดมเขียวคู่อยู่ไกลออกไป



อาคารรัฐสภาดูยังไงก็สวยงาม
รัฐสภา



เรือแล่นมาจนถึงเกาะ Margaret เพื่อส่งผู้โดยสารบางส่วนลงเกาะแล้วจึงย้อนกลับ ใช้เวลาในการนั่งเรือประมาณ 1 ชั่วโมง วันนี้ถือว่าอากาศดีมากเพราะแดดไม่แรงเท่าที่ควรถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาบ่าย ทำให้เรานั่งชมวิวอย่างสบายถึงแม้จะหนาวบ้างก็ตาม เรือนำเรามาส่งที่ท่าเรือหมายเลข 7 เช่นเดิม

พวกเราเดินกลับมาที่รถโค้ดเพื่อ ออกเดินทางสู่กรุงเวียนนา เป็นระยะทาง 250 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ช.ม.
เมื่อมาถึงกรุงเวียนนาพวกเราก็ตรงไปรับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหาร thai lotus หลงจากนั้นพวกเราก็ไปพักผ่อนที่ NH Danube City hotel วันนี้ไม่ได้ไปชมวิวกลางคืน ณ กรุงเวียนนา เพราะร้านค้าปิดวันอาทิตย์


 



Create Date : 07 พฤษภาคม 2553
Last Update : 1 สิงหาคม 2562 0:47:15 น. 5 comments
Counter : 3490 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:1:47:18 น.  

 


โดย: nuyect วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:3:00:32 น.  

 
สวัสดีค่ะ

เข้ามาทักทายค่ะ เป็นอีกหนึ่งเมืองที่อยากไปค่ะ ตอนนี้ขอไปตามเก็บเมืองในฝันก่อนนะคะ ถ่ายรูปได้สวยดีค่ะ ยิ่งเห็นบรรยากาศแล้วยิ่งอยากเก็บกระเป๋าไปเยือนเมืองนี้ไวๆจัง ^^


โดย: sunisaogkim IP: 87.72.241.38 วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:3:20:43 น.  

 
เหมือนมืออาชีพเลย



โดย: kman IP: 58.8.114.91 วันที่: 7 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:30:55 น.  

 
้เที่ยวกันเป็นอาชีพเลยนะ


โดย: honeymo วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:50:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

goffymew
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Flag Counter Welcome to Goffymew Blog
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add goffymew's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.