happily...happens
ความทุกข์เดินจูงมือความสุขของฉัน ทุกครั้งที่ความสุขอ่อนแอ...ความทุกข์ยังคอยประคับประคอง..
ตราบใดที่โลกนี้ยังมีความทุกข์...ความสุขก็ไม่มีวันจะหนีไปไหน
Group Blog
 
All blogs
 
สิ่งสำคัญ



แสงแฟลชสว่างวูบวาบจนสายตาพร่ามัวปรากฏเพียงดวงไฟสว่างกลมๆค้างอยู่ในดวงตานับสิบดวง
ฉันพยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้กลับมาสู่สภาวะดังที่มันควรจะเป็น
เพื่อนสาวที่มาด้วยกันผละออกไปหลังจากแสงแฟลชครั้งที่สามดับลง
ฉันกำลังจะก้าวออกจากบริเวณนั้นเช่นกัน หากไม่มีมือแข็งแรงมายื้อเอาไว้ใต้ข้อศอก


"ขอบคุณเรื่องการ์ดนะครับ เดี๋ยวอย่าลืมมาถ่ายรูปด้วยกันอีกรอบก่อนกลับล่ะ"

ฉันไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายศรีษะสักครั้ง เพียงแต่รอยยิ้มเดิมๆเท่านั้น



สุภาพอย่างนี้แหละ เพื่อนของฉันคนนี้

สุภาพอย่างนี้กับฉันเท่านั้น ไม่ใช่กับทุกคนที่เขาเรียกว่า "เพื่อน"
ตั้งแต่วันแรกที่ฉันรู้สึกว่าความสนิทสนมกำลังค่อยๆก่อตัว จนกระทั่งวันนี้



ฉันหยุดตัวเองไว้เพียงประตูทางเข้างาน อดไม่ได้ที่จะลอบมองเขาจากตรงนี้อีกสักครั้ง
การ์ดสีครีมไข่ไก่ประดับด้วยตัวหนังสือนูนไม่กี่ตัว
ไร้สีทองหรือเงินแวววาวอย่างที่คนนิยมกันกระชับแน่นในมือขวา
ฉันรู้ว่าแบบเรียบง่าย ทว่าเรียบร้อยสมบูรณ์แบบจึงจะเหมาะกับคนอย่างเขา
ระยะเวลาเกือบเจ็ดปี เพียงพอให้ฉันรู้จักเขาพอที่จะวาดภาพการ์ดแต่งงานสักใบในหัวใจได้เองโดยไม่ต้องผ่านการปรึกษากับเจ้าของงานแม้แต่น้อย


ก้มลงสำรวจตัวเอง...

ผ้าลูกไม้สีขาวอมเทาที่ฉันบรรจงเลือกด้วยตนเองประดับไว้เฉพาะช่วงข้อมือ คอเสื้อแบบจีน และชายกระโปรง
ส่วนที่เหลือของกระโปรงชุดติดกันบนร่างกายชุดนี้ ตั้งแต่ใต้ปกเสื้อลงมาถึงช่วงไหล่ไล่ไปจนถึงเกือบสุดความยาวกระโปรง
ล้วนเป็นผ้าพื้นสีขาวอมเทาเข้ากันกับผ้าลูกไม้ เรียบง่าย ทว่าเรียบร้อย แม้ไม่สมบูรณ์แบบสักเท่าไร



เศร้าหรือ?..... ไม่มีวันจะเป็นเช่นนั้น ฉันรู้ดี
กลัวไหม?...... ไม่มีอะไรหรือเหตุผลใดสำหรับความกลัว
ห่วงใย...... คงเป็นความรู้สึกห่วงใยเหมือนอย่างที่เคยเป็นมามากกว่าอะไรอื่น


เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของแขกเหรื่อในงานเลี้ยงเพิ่มและลดระดับไปตามกิจกรรมที่ดำเนินอยู่ภายในห้องจัดเลี้ยงหรูหรา
ฉันเองยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นพร้อมๆกับทุกๆคน ณ ที่นั้น เมื่อผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเสมือนบิดาของฝ่ายชาย - เพื่อนของฉัน
กล่าวคำอวยพรจบลง.....

ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ยกแก้วขึ้นแสดงความยินดีกับงานฉลอง สายตาพลันเหลือบไปเห็นหญิงสาวรูปร่างคุ้นตาคนหนึ่ง
ผิวขาวจนเรียกได้ว่าซีดตัดกับชุดสีม่วงอ่อนหวานที่เธอสวมอยู่ไม่น้อย บอบบางไม่เคยเปลี่ยน
มือทั้งสองของเธอคนนั้นว่างเปล่า... จะมีก็เพียงประกายสะท้อนแสงจากอัญมณีเล็กๆบนนิ้วนางของมือซ้ายที่กำลังสั่นน้อยๆข้างนั้น
ภาพเธอที่อยู่เคียงข้างเขาในวันหนึ่งวูบขึ้นมาในความทรงจำจางๆของฉัน ณ วินาทีนั้นเอง

เพื่อนของฉันกลุ่มหนึ่งแถวๆที่เธอยืนอยู่เริ่มประซิบกระซาบกันเบาๆ... คงแปลกใจที่เธอมา
สำหรับฉันแล้ว.... ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด



"ขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน..... " เขาเริ่มคำปราศรัย (ฉันอยากจะเรียกมันว่าอย่างนั้น) ของค่ำคืนสำคัญ
ฉันเดินห่างออกมาจากเวที ไม่คิดจะฟังคำพูดที่น่าจะถือแทนคำสัญญาระหว่างคนรักกันในงานเลี้ยงครั้งนี้สักเท่าไร


"คำสัญญา" - จะเป็นระหว่างคนรัก ระหว่างคู่แต่งงาน ระหว่างใคร
สำหรับฉันมันจะมีความหมายและน่ายึดมั่นยิ่งกว่าคำพูดที่พร่างพรูออกมาจากปากของเขาอย่างแน่นอน
พิธีสมรส เป็น พิธีการสำคัญสำหรับการเริ่มต้นครอบครัวใหม่ครอบครัวหนึ่ง สำหรับคนบางคน
แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่....
มันน่าจะเป็นเพียงงานเลี้ยงกินข้าวเพื่อบอกข่าวข่าวหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ส่วนข่าวนั้นจะสำคัญหรือไม่ มีความจริงปนอยู่มากน้อยเพียงใด ระยะเวลาจะพิสูจน์มันเอง



แก้วหลากหลายชนิดส่งเสี้ยงกรุ๊งกริ๊งกระทบกันไพเราะเสมือนคำอวยพรแก่คู่บ่าวสาว พิธีการบนเวทีคงเสร็จสิ้นลงแล้ว
ฉันส่งยิ้มให้ผู้หญิงบอบบางในชุดสีม่วงอ่อน
เดาจากความรู้สึกว่าฉันก็คงเป็นคนหนึ่งที่คุ้นตาเธอเช่นกัน
ในเมื่อช่วงเวลานั้น ฉันนับได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งของเขา
เรานัดพบกันบ่อยครั้ง มีบางคราวเธอมากับเขา


ฉันสาวเท้าก้าวยาวๆไปยังประตูที่ต้อนรับฉันเข้ามา กำลังมองหาเพื่อนที่มาด้วยกัน
แสงแฟลชสว่างวาบจนสายตาพร่ามัว ปรากฏเป็นดวงไฟกลมๆในสำนึกของดวงตาอีกครั้ง

"บอกให้รอถ่ายรูปอีกครั้งหนึ่งไง เอ้า... ถ่ายเลยครับ"
เสียงทุ้มๆทักท้วงฉัน พร้อมกับที่สายตาทั้งคู่กำลังค่อยๆชัดเจนขึ้น
เจ้าของกระโปรงยาวสีขาวลากพื้นสะท้อนแสงไฟของสปอทไลท์เบื้องหลังเขา ยื่นมือสอดเข้าคล้องแขนของชายหนุ่มอย่างหวงแหน
สายตาแม้เพียงชายมามองก็ยังท่วมท้นไปด้วยความสุขสมหวัง - ฉันอยากจะเรียกมันว่าเต็มไปด้วยแววแห่งชัยชนะมากกว่า
"ขอบคุณที่มานะคะ ดีใจจัง"


เปล่า.... เจ้าสาวในชุดขาวไม่ได้พูดกับฉัน

เธอปรายตาและส่งเสียงตามสายตาไปหาหญิงสาวในชุดสีม่วงอ่อนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ฉันสังเกตเห็นใบหน้าขาวซีดนั้น เผือดลงไปอีกอย่างน่าสงสาร
หากเป็นไปได้ในตอนนี้เธอคงอธิษฐานให้สีขาวของร่างกายซีดจางลงไป
จนเหือดหายกลายเป็นไร้สีสัน ล่องหน ไม่หลงเหลือยืนเป็นตัวเป็นตนอยู่ตรงนี้
เธอพยักหน้าน้อยๆ เค้นคั้นเอายิ้มที่แสนแห้งแล้งออกมาจนได้


ฉันหันไปสบตาเจ้าบ่าว อยากจะค้นหาแววตาหวั่นไหวสักวูบหนึ่งในนั้น
เมื่อไม่พบสิ่งที่มองหา ฉันจึงเสคว้ามือหญิงสาวหน้าซีดคนนั้น เอ่ยคำอำลาสั้นๆแล้วจูงมือเธอออกมา ลืมเพื่อนที่ติดสอยห้อยตามกันมาเสียสนิท



ร่างบางๆค่อยๆเล็กลงๆจนหายไปจากสายตาในทุกก้าวที่เธอเดินห่างออกไป
ฉันดูมีขนาดใหญ่โต เมื่อได้พบกับเธอในคืนนี้
แสงของอัญมณีขนาดเล็กๆส่องประกายสะดุดตาฉัน
มันส่องสว่างมาจากนิ้วนางข้างซ้ายของตัวฉันเอง....





Create Date : 12 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2549 0:32:11 น. 2 comments
Counter : 475 Pageviews.

 

ลึกซึ้งจังค่ะ


โดย: บุหงามลาซอ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2549 เวลา:8:38:14 น.  

 
เก็บประสบการณ์มาเขียน
ในแบบมีมุม
ชอบนะครับ จะมาอ่านเรื่องอื่นๆ ต่อ


โดย: Untrue วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:09:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลานตะเกียง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คุณแม่มือใหม่ กับลูกสาวตัวน้อยหนึ่งคน
ชอบหาซื้อของทำงานฝีมือมากองให้ท่วมห้อง
แต่ทำงานฝีมืออะไรไม่ค่อยจะเป็นเรื่องเป็นราว
ขณะนี้ผีแกะยางลบกำลังเข้าสิง...
จะหลับจะตื่น...ก็แกะๆๆ ไม่เลิก

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ^^"








CLICK to feed my colorful fish :)

Google
Friends' blogs
[Add ลานตะเกียง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.