Group Blog
 
All blogs
 

หาที่เที่ยวในโตเกียวกันเหอะ

รวมสถานที่ที่น่าไปเที่ยวในโตเกียว



สถานีโตเกียว




ตัวตึกสีแดง สร้างด้วยอิฐที่เห็นในรูปสร้างตั้งแต่สมัย เมจินะคะ สถานีโตเกียวเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางไปต่างจังหวัดด้วยชินคันเซน ไม่ว่าจะไปสายเกียวโต-โอซาก้า หรือว่า ไปทางนากาโนะ นอกจากนี้ยังมี JR อีกหลายสายค่ะ เช่น Chuo, Yamanote แล้วก็ ซับเวย์ เช่น Marunouchi ด้วยค่ะ

More photos



Ebisu Gerden Place




ย่านนี้เป็นกลุ่มตึกสูงๆ สวยๆ หน่ะค่ะ มีทั้งห้าง Mitsukoshi โรงแรม โรงภาพยนต์ ร้านอาหาร แล้วก็มีพิธภันฑ์ภาพถ่าย นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงเบียร์เยบิสึ ที่มีชื่อเสียงด้วยค่ะ ในส่วนของ Central Square จะมีการประดับไฟในช่วงฤดูหนาว บรรยากาศโรแมนติคมากๆ เลยค่ะ

การเดินทาง


JR Yamanote line หรือ Subway Hibiya line ลงที่สถานี Ebisu(恵比寿) ค่ะ
ปล หากไปด้วย JR ลงสังเกตุเสียงเพลงที่เป็นสัญญาณให้ขึ้นหรือลงรถไฟดูนะคะ จะใช้เสียงเพลงที่ต่างจากสถานีอื่นๆ ของโตเกียวค่ะ

More Photos




Tokyo International Museum




อยู่ใกล้ๆ กับสวนสาธารณะอูเอโนะ (上野) ค่ะ ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ โบร่ำโบราณ และจัดแสดงประวัติความเป็นมาของญี่ปุ่น ตัวตึกเป็นตึกโบราณสไตล์ยุโรป ส่วนด้านหลังตึกเป็นเรือนน้ำชา ซึ่งอยู่ในสวนที่จัดสไตล์ญี่ปุ่น หน้าตึกเป็นต้นกิงโก (ต้นแปะก๊วย) ขนาดใหญ่ค่ะ ตอนใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยมาก พิพิธภัณฑ์นี้เสียค่าเข้าไม่กี่ร้อยเยนค่ะ (จำราคาแน่นอนไม่ได้ ราวๆ 200-400 yen ค่ะ)

การเดินทาง
JR Yamanote line หรือ Subway Ginza ลงที่สถานี Ueno ค่ะ

More Photos




Roppongi Hill




เป็นย่านช้อปปิ้งที่หรูหราแห่งหนึ่งของโตเกียวค่ะ มีร้านเสื้อผ้า และของใช้แบรนเนมรวมกันมากมายอยู่ที่นี่ แต่ที่เราชอบก็คือการการออกแบบตึกและบริเวณโดยรอบ รู้สึกว่าทันสมัยดี จึงเป็นจุดหมายปลายทางของทริปถ่ายรูปอยู่บ่อยครั้ง ชั้นบนสุดของรปปงหงิฮิวส์ เป็นชั้นสำหรับหรับดูทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวจากมุมสูง เสียค่าขึ้นชม 1000 เยนค่ะ
นอกจากนี้ตึกติดๆ กันเป็นตึก ทีวี อาซาฮีค่ะ ที่ตึกนี้จะมีตุ๊กตาโดราเอม่อนตัวใหญ่เบ้อเริ่ม(สูงกว่าเราอีกหง่ะ) แล้วก็ห้องโนบิตะจำลองด้วยค่ะ

การเดินทาง
Subway Hibiya หรือ Toei-Oedo line ลงที่สถานี Roppongi(六本木=ต้นไม้หกต้น???) ค่ะ



ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในโตเกียว
Japan-Guide.com
การเดินทาง






 

Create Date : 21 สิงหาคม 2548    
Last Update : 25 สิงหาคม 2548 18:16:56 น.
Counter : 1350 Pageviews.  

Kiyomizudera, kyoto 清水寺 京都


วันที่สามของเกียวโตทริปค่ะ
วันแรก Arashiyama,Biwago
วันที่สอง Nara
วันที่สาม Kiyomizudera, Ginkakuji, Kinkakuji
ทริปนี้ไปพักกะสาวๆ เกียวไดค่ะ ที่พักฟรี แถมยังได้กินอาหารไทยสุดแซ่ป



วัด Kiyomizudera ได้รับการประกาศให้เป็น UNESCO world heritage ค่ะ ชื่อวัดแปลว่า Pure Water อาจจะเป็นเพราะในวัดมีน้ำศักดิ์สิทธ์ สามสาย ให้ผู้ไปเยือนเลือกตวงดื่มเพียงสายเดียว
น้ำแต่ละสายจะมีความพิเศษต่างกันไป คือ ดื่มแล้วจะสุขภาพดี ดื่มแล้วจะร่ำรวย ดื่มแล้วจะสมองดี
แต่ว่ามะได้ไปยืนต่อแถวรอกินกะเค้าหรอกค่ะ เพราะวันนี้เหลืออีกตั้งสองวัด ต้องรีบทำเวลา เดี๋ยวจะตกรถบัสกลับโตเกียว

เล่าให้ฟังนิด ตอนไปนั่งชินคันเซนค่ะ ใช้เวลาแค่ สองชั่วโมงนิดๆ จากโตเกียวก็ถึงเกียวโตได้ ค่ารถประมาณ หมื่นสองพันเยนค่ะ (ทำเป็นบาทตอนนี้คูณประมาณ จุดสามหก)
ตอนนั่งชินคันเซนจะผ่านฟูจิซังด้วยค่ะ เก็บภาพผ่านหน้าต่างมาได้





ส่วนขากลับเลือกบัสแทนเพื่อประหยัดตังค์ ประมาณหกพันเยน (ถูกว่าชินคันเซนครึ่งนึง) แต่ต้องเดินทางทั้งคืนอ่ะค่ะ ออกจากเกียวโต มืดๆ ถึงโตเกียวเช้า
ปกติเป็นคนไม่ชอบนั่งอยู่กับที่นานๆ จึงค่อนข้างจะไม่ชอบบัส แต่ปรากฎว่า คราวนี้ผลออกมาดี ขึ้นรถปุ๊ปก็หลับเลย ตื่นมาอีกทีก็โตเกียวแล้ว (พี่เบิ้ล พี่สาวที่ไปด้วยกันบอกว่า น้องตื่นมาแป๊ปนึงตอนพี่ซื้อน้ำกลับมา ขอกินแล้วก็หลับต่อ ไม่เห็นจำได้เลยแฮะ )

การจัดเรียงเก้าอี้ในรถบัสของญี่ปุ่นมีสองแบบค่ะ แบบแรกก็ธรรมดาคล้ายๆ ที่ใช้ในบ้านเรา แต่แบบที่สอง ดูแปลกๆ ค่ะ คือจะมีสามที่นั่ง ที่นั่งซ้ายสุดขวาสุด อยู่ติดริมหน้าต่าง แล้วก็มีที่นั่งตรงกลาง ซึ่งขนาบด้วยทางเดินสองข้าง ติวเตอร์เป็นคนบอกให้นั่งแบบนี้เพราะนั่งสบายกว่า เค้าไปหาแฟนที่เกียวโตก็นั่งงี้ประจำ


ทางเดินขึ้นลงวัดคิโยมิซึเดระ เค้าเรียกว่าถนนสายกาน้ำชาค่ะ (ไม่รู้ว่าทำไมเดี๋ยวไปหาอ่านดู) แต่ที่เห็นคือ เป็นถนนที่มี ร้านค้า มากมาย แต่ว่าเป็นลักษณะบ้านญี่ปุ่นๆ (จริง ๆ ตรง คามาคุระก็คล้ายๆ กันนะ )
คนแวะช้อปปิ้งเยอะมาก รวมทั้งเจอ ไมโกะอีกสอง
แต่ เอ่อออ..... พอกลับมาเอารูปให้เพื่อนๆที่แลปดูเค้าบอกว่า Kowai kowai (น่ากัว)


รูปเกอิชา ( ผู้อะไรมะรู้ )




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 21 สิงหาคม 2548 16:22:12 น.
Counter : 624 Pageviews.  

Mitaka trip


เป็นทริปเล็กๆ แถวบ้านค่ะ ชวนเพื่อน ๆพี่ ๆมาปั่นจักรยานเที่ยวแถวๆบ้าน จริงๆ แล้วทริปนี้ตั้งแต่ ฤดูร้อนที่แล้วค่ะ
เขียนๆ ไว้แต่ไม่ได้เอาไปแปะที่ไหน เลยถือโอกาส เอามาแปะที่นี่กินเนื้อที่พันทิป หงิ หงิ

จริง ๆแล้วผู้คิดการจัดทริปนี้ขึ้นมาไม่ใช่ดิฉันนะค่ะ เป็นรุ่นพี่อาวุโส ว่าที่ด๊อกเตอร์ไมค์ (ในขณะนั้น ตอนนี้แกเป็นด๊อกได้เกือบปีแล้วค่ะ)

รุ่นพี่ดิฉันแกโคดสะนา เอาไว้ซะหรูเลยค่ะ ว่าจะพาไปกินราเมงที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น แล้วก็จะพาไปกินขนมหน้าร้อน ที่ชื่อว่า “อันมิซึ” ในเมืองที่สวย ๆ ข้าง ๆกับเมืองมิทากะที่อยู่กัน ปั่นจักรยานไปไม่ไกลเลยยยยยยย

ปรากฎว่า สมาชิกที่หลงเชื่อคำพูดพี่ไมค์ มีทั้งหมด 7 ชีวิตค่ะ

เราเริ่มทริปวันนี้ด้วยการไปรับ โบ พี่โย และพี่เบิ้ลที่สถานี คิชิโจจิ ค่ะ ตอนนั้นก็เที่ยงนิดๆ แล้ว พอเจอหน้าที่โยถามหาร้านราเมงทันที เพราะคิดว่าอยู่แถวสถานีรถไฟค่ะ

“ไม่ใช่พี่โย ไม่ได้อยู่แถวนี้ อยู่แถว ๆ หอ ต้องปั่นจักรยานไปกิน”

หลังจากที่พี่โยรู้ตัวว่าโดนหลอกไปหนึ่งยก เราก็เริ่มเดินทางสู่หอมิทากะค่ะ เพื่อเริ่มต้นทริปจักรยานนี้ กว่าจะรวบรวมสมาชิกเสร็จ กว่าจะได้จักรยานครบ เราออกเดินทางเมื่อเกือบบ่ายสองค่ะ

เมื่อเริ่มปั่นในตอนแรกสมาชิกทั้งหมดก็ตั้งหน้าตั้งตาปั่นกันเต็มที่ค่ะ เพราะว่าเจ้าของทริปเค้าพึ่งมาบอกว่า “ร้านปิดบ่ายสองนะ” แต่ว่าหลังจากยี่กว่านาทีผ่านไป สมาชิกก็เริ่มบ่น ค่ะ เพราะทั้งร้อนและเหนื่อย แต่ก็ยังไม่เห็นคนนำทางจะทำท่าว่าถึงซะที สองข้างทางก็เริ่มดูแล้ง ๆ ทุรกันดารเหมือนอิรักหลังโดนถล่ม ปั่นไปก็บ่นก็ไปค่ะ จะตะโกนด่าคนนำทางก็เหมือนจะรู้ตัวค่า นำไปไกลลิบ ไม่มีใครมีแรงตะโกนด่าไหว

และแล้วเราก็มาถึงเป้าหมายแรกหลังจากปั่นกันมาได้ครึ่งชั่วโมงค่ะ หลังจากบ่น และด่าคนนำทางไปกันจนเหนื่อยก็เริ่มสังเกตร้านที่มากินกันค่ะ ร้านราเมงที่เรามากินเป็นร้านเล็ก ๆค่ะ แต่ว่าคนเต็มร้าน มีคิวรอหน้าร้านอีกเพียบ จนชักเริ่มเชื่อตะหงิด ๆแล้วค่ะว่ามันจะอร่อยตามคำโคดสะนา เรารอหน้าร้านซักพักก็ได้เข้าไปกินกันค่ะ

ปราฎว่าเราคงจะมาช้าเกินไปเพราะว่าเมนูเด็ดหมดไปแล้วอ่ะค่ะ สมาชิกทั้งหมดก็เลยสั่งเหมือน ๆกันอยู่สองแบบคือ ราเมงธรรมดา กับราเมงใส่วาซาบิ รสชาติก็ อืมมมมมมม…..

หลังจากกินราเมงกันได้ครึ่งท้อง(ที่กินกันแค่ครึ่งท้องเพราะพี่ไมค์บอกไว้ว่าให้เผื่อท้องไว้บรรจุอันมิซึ สุดอร่อย) เราก็เริ่มปั่นจักรยานไปกินอันมิซึกันค่ะ ทางที่ปั่นไปกินอันมิซึกันไม่มีใครบ่นอีกแล้วค่ะ เพราะว่าทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนไป ร่มรื่น เขียว ๆ ดูแล้วสบายตา บรรยากาศออกญี่ปุ่น ๆ ยิ่งใกล้จุดหมายเค้าไปทุกทีเราก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยว (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่นนี่แหละค่ะ) และร้านโซบะ มากมาย โดยที่ทุกร้านจัดออกมาเป็นสไตล์ญี่ปุ่นหมดเลยค่ะ เราลงความเห็นกันว่า ”เหมือนเกียวโตเลยหว่ะ”

หลังจากหาที่จอดจักรยานได้พวกเราก็ตั้งเข็มมุ่งเป้าไปร้านอันมิซึทันทีค่ะ



อันมิซึสั่งหน้าตาเหมือนในรูปอ่ะค่ะ เป็นขนมโมจิ ปนถั่วแดง มีไอศกรีมชาเขียว วุ้นใส ๆ ผลไม้อะไรอีกสองสามอย่าง ราดด้วยน้ำตาลทรายแดงค่ะ อูยยยยยย ว่าแล้วอยากกินอีก แฮ่ๆๆๆ

กินกันไปกัดกันไป พอหมดแล้วเราก็ออกจากร้านกันค่ะ เราก็เดินเล่นกันต่อซักพัก แล้วก็รีบกลับกันค่ะ เพราะว่าพี่เบิ้ลกลัวเชื้อ Over growth(พี่เบิ้ลทำแลปเกี่ยวกับไวรัสหน่ะค่ะ) ต้องรีบไปช้อปปิ้งก่อนแล้วกลับไปจัดการ


การเดินทาง
สามารถไปโดยรถบัสได้ค่ะ ขึ้นจากสถานี Kichijouji 吉祥寺 駅 สาย 04 ลงที่วัด Jindaichi ค่ะ




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 21 สิงหาคม 2548 16:36:56 น.
Counter : 454 Pageviews.  


Georinn
Location :
Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Georinn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.