The legend is about to begin
" เฮ้ย กูเห็นข่าวเมิงออกทีวี แมร่งโครตฮาเลยว่ะ เมิงเป็นบ้าอะไรของเมิง เมิงอยากกินตรีนหมีรึไงว่ะ " แล้วเสียงหัวเราะท้องคัดท้องแข็งก็ดังออกจากมือถือมากระแทกเข้าที่โสตประสาทของผม
" ยินดีด้วยว่ะเพื่อน " ผมเอ่ยแสดงความยินดีจากเบื้องลึกของจิตใจ
" เมิงเป็นคนที่หกสิบล้านเอ็ดพอดีที่มาคุยกะกูเรื่องนี้ ! เชรี่ย ! "
ใช่แล้วล่ะ มันเป็นโคตรอภิมหาความผิดพลาดในชีวิตของผมที่ดันกระโดดลงไปฆ่าตัวตายในบ่อหมี แต่แทนที่จะเป็นการฆ่าตัวตายดันกลายเป็นศึกดวลกันกับหมีไปแทนซะงั้น นอกจากจะแพ้หมีแล้ว ต้องเจ็บตัวแถมยังเสียเงิน แต่ไอ้ทั้งหมดนั้นก็ไม่กระเทือนทรางผมสักเท่าไร แต่ผ่านหลังจากนั้นมา ได้สัก 3 - 4 เดือนนี่แหล่ะ อยู่ ๆ นักข่าวจากไหนก็ไม่รู้ค่อย ๆ ทยอยกันมาทำข่าวผมเรื่อย ๆ สัมภาษณ์ผม ถามโน่นถามนี่แถมถ่ายรูปผมอีกต่างหาก ผมต้องออกแรงไล่ตะเพิดพวกบ้านั่นให้กลับไปทุกครั้ง มีอยู่ ครั้งหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นรายการโชว์อะไรสักอย่างจากญี่ปุ่นนี่แหล่ะมาสัมภาษณ์พร้อมกับยื่นข้อเสนอ ให้ผม Rematch กับหมีอีกครั้ง ซึ่งพวกเขาพร้อมจะจ่ายเงินก้อนโตให้
จะบ้าเรอะ ! ตูไม่ใช่ปรมาจารย์โอยาม่านะเฟ้ย !
โดยทันควัน ผมรีบปฏิเสธพร้อมกับเชิญพวกเวรนั่นให้รีบ ๆ กลับไปให้หมด ( ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะ เชิญให้กลับบ้านเก่าไปให้หมด จะได้ไม่ต้องมายุ่งกับตูอีก )
พอมันเป็นอย่างนี้ ผมก็เลยสงสัยเป็นอย่างมากเลยล่ะว่า ทำไม พวก ฮา ... ห้า ฮ้า หา พวกนี้ ถึงได้มาป่วน วุ่นวายกับผมอะไรขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่ตอนไปตีกับหมีใหม่ ๆ ข่าวของผมได้ลงแค่หนังสือพิมพ์ข่าวภูมิภาค ช่องเล็ก ๆ เท่านั้นแถมยังผ่านมาตั้งครึ่งปีแล้ว แต่ทำไม๊ทำไมช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมานี่ นักข่าวต่าง ประเทศถึงได้เฮโลมาทำข่าวของผมกันนักนะ
" อ้าว คุณไม่รู้เหรอว่ามีคนถ่ายคลิปตอนที่คุณสู้กันกับหมีแล้วเอาไปลงใน Youtube "
..... ห๋า ?!!!
หลังจากเค้นถามความเอากับกับพวกทีวีโชว์ญี่ปุ่นที่ยังอุตส่าห์กลับมาตามตื้อให้ผมไป Rematch กับหมี อีกครั้ง พอถีบส่งพวกมันกลับไปเสร็จ ผมก็รีบแจ้นเปิดคอม เข้าดู Youtube ทันที
พระเจ้าช่วย ! คลิปเด็ดของผมมีคนเข้าไปดูถึงเกือบ 60 ล้านคน ป้าด~~~ ดังพอ ๆ กับซูซาน บอยล์เลยอ่ะ ดูเวลาที่อัพโหลด ก็เพิ่งอัพไปตอนปีใหม่เองแท้ ๆ แต่กลับมีคนเข้าไปดูถึงขนาดนั้น แล้วถ้าเกิดคนทั้ง 60 ล้านคนนั่นเป็นคนไทยทั้งหมด มันก็หมายความว่า คนทั้งประเทศเห็นผมฟัดกับหมีแล้วน่ะสิ
ไอ้ตัวไหนถ่ายคลิปกูวะ กูจะฟ้องมาน ~~~
ฮือ ฮือ ฮือ ~~~
ผมรีบแจ้งทาง Youtube โดยด่วนจี๋ บอกเขาว่า ไอ้คลิปเวรนั่นถูกนำมาเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ผมเลยแม้แต่นี๊สส์ Please รีบลบโดยบัดดลเถิด ทาง Youtube เองก็ใจดี รีบลบคลิปพวกนั้นออกไปจนหมด
แต่มันก็สายเกินไป เพราะผมดังระเบิดระเบ้อไปซะแล้ว
และก็ขอขอบคุณรายการผู้XXXถึงผู้XXX ที่เอาคลิปผมมาออกอากาศ เมื่อสองวันก่อน พิธีกรแร้งทึ้งใน รายการก็ช่างสนุกสนานกับการจิกทึ้งลากรักแท้ (ตับ ไต ไส้ พุง) ของผมออกมาประจานเสียเหลือเกิน ซึ่งเป็นการช่วยเผยแพร่ความกล้าหาญของผมให้คนในสังคมรับรู้ และอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน เกิดความกล้าที่จะเผชิญหน้าและต่อสู้เพื่อเอาชนะกับสัตว์ที่ดุร้ายตัวอื่นอย่างเช่น เสือ สิงห์โต หรือ ช้าง ตกมัน เป็นต้น
จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
กูจะฟ้องรายการนี้ ~~~
" เฮ้ย กูว่าเมิงฟุ้งซ่านเกินไปแล้วว่ะ กลับบ้านมาบวชมาศึกษาธรรมให้หัวกบาลเย็น ๆ ดีกว่ามั้ง เดี๋ยวกู จะหาสาวสวย ๆ มาถือหมอนให้เมิง" " ไม่เป็นไรครับ เกรงใจครับสาด" " เออ ดี ก็แล้วแต่เมิงแล้วกัน ดูแลตัวเองเอาเองก็แล้วกันนะ แค่นี้แหล่ะ" " เออ ขอบใจที่โทรมาว่ะ "
ผมปิดโทรศัพท์ โยนมันไปบนโต๊ะทำงานแต่ดันไปโดนกับกอง Textbook ที่วางอยู่อย่างจะล้มแหล่ ไม่ล้มแหล่เข้าพอดี หนังสือกองสูงก็เลยถล่มทับโทรศัพท์ซะมิด
ผมเงยหน้าจากโต๊ะทำงาน มองลอดหน้าต่าง ท้องฟ้าข้างนอกดำมืด ดาวไม่กี่ดวงเปล่งแสงริบหรี่ ๆ
ผมออกจากนอกห้อง เดินไปที่สวนของหอพัก ผ่านต้นไม้ที่เคยเล็งเอาไว้เพื่อผูกคอตาย ก่อนจะหย่อน ก้นแหม่ะลงบนชิงช้า มันครางเอี๊ยดอ๊าดเบา ๆ
ทำไมท้องฟ้าคืนนี้ถึงไม่สุกสกาวเหมือนคืนนั้นเลยนะ
" อ้าว นึกว่าใคร ที่แท้ก็นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่นี่เอง " " พอเฮอะเจ๊ ขอร้องล่ะ " ผมหันหน้าไปตอบเจ๊เจ้าของหอซึ่งกำลังเดินเข้ามาหาพร้อมกับทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งขำผมอยู่
" ดังใหญ่เลยนะ แถมได้ลงข่าวทีวีด้วย นัก สู้ หมี ~~ " เจ๊แกทำเสียงยานคางล้อเลียนผมต่อ
" เจ๊ ผมอายแทบจะมุดแผ่นดินหนีอยู่แล้ว ถ้าไม่หยุดล้อ เดี๋ยวผมก็ฟ้องพร้อมกับไอ้รายการนั่นซะเลย " " คิก คิก คิก งั้นเหรอ กลัวจังเลย " หัวเราะเป็นสาวน้อยเชียวนะ ฮึ่ม...
ผมถอนหายใจหนึ่งเฮือก แหงนหน้าขึ้นมองฟ้า เหม่อมองดวงดาวดวงจ้อยดวงหนึ่งก่อนเอ่ยถามคนที่ยืน อยู่ข้าง ๆ กัน " เจ๊ว่าผมบ้าเกินไปไหมที่ไปฆ่าตัวตายอยู่นอกโลก " " แหงแซะ โคตรของความบ้าเลย " " นั่นสินะ คงจะทั้งบ้าทั้งโง่เลย "
เจ๊แกนิ่งเงียบหันหน้ามามองผมที่กำลังแกว่งชิงช้าและก้มหน้ามองเท้าที่ถูดินไปมาเป็นทางอยู่ " นายรู้จักเทพ โพธิ์งามไหม ? "
ผมหยุดแกว่งชิงช้า เงยหน้าขึ้นไปตอบแก " รู้สิเจ๊ " " งั้นนายก็คงจะรู้ว่า ตาเทพแกเคยลงทุนทำอะไรมาตั้งเยอะแยะแล้วก็เจ๊งไม่เป็นท่า แต่ก็ยังไม่ยอมเข็ด ยังลงทุนเสียเงินเสียทองไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จักเข็ดจักหลาบสักที " " ครับ " " เจ๊ว่าตาเทพนั่นน่ะทั้งบ้าทั้งโง่เลยล่ะ "
เจ๊แกหยุดพูด จ้องหน้าผม แกกำลังมองผมด้วยสายตาที่ดูขึงขังอยู่ เราประสานสายตากัน
" แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง ตาเทพ โพธิ์งาม เกิดทำธุรกิจแล้วรวยเป็นเศรษฐีขึ้นมา เขาก็จะเปลี่ยนจากคนโง่ คนบ้าไปเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแทน " " ถ้านายพยายามทำอะไรที่ชาวบ้านเขาว่าสิ่งที่นายทำมันทั้งโง่ทั้งบ้าจนสำเร็จ พอถึงตอนนั้น ก็จะไม่มี ใครว่านายได้อีกต่อไป " ผมอึ้ง มองหน้าเจ๊อย่างรู้สึกทึ่ง
" แต่ยังไง๊ยังไง เจ๊ก็ว่าไอ้การจะไปฆ่าตัวตายนอกโลกของนายนั่นน่ะ มันโคตรโง่และโคตรบ้าอยู่ดี " " ฮ่ะ ๆๆ " " แต่ถ้านายทำสำเร็จ นายก็จะเป็นคนที่โคตรโง่และโคตรบ้าแต่ดันประสบความสำเร็จคนแรกของโลก " พอเจ๊แกพูดจบ แกก็ยิ้ม
ผมยิ้มตอบแก
เราสองคนคุยกันต่ออีกครู่หนึ่ง เจ๊ก็เดินกลับไปที่บ้านพักของแก ส่วนผมก็นั่งชิงช้าเล่นมองดวงดาวบน ฟ้าของผมต่อ
ดาวตกดาวหนึ่งวาดผ่านท้องฟ้าแล้วก็ลับแสงหายไป
ขอให้ผมได้ไปนอกโลกทีเถอะ
Create Date : 27 กรกฎาคม 2552 | | |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 9:55:59 น. |
Counter : 877 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ฆ่าตัวตายอย่างโรแมนติค
และแล้วอารมณ์อยากตายของผมมันก็กลับมาพลุ่งพล่านอีกครั้ง
ที่จริงมันไม่มีอะไรหรอก ผมไม่ได้อกหักรักคุด ไม่ได้เป็นหนี้เป็นสินจนล้นพ้นตัว ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้าย ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่พี่น้องและแฟนก็ยังอยู่ครบถ้วน มันไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่ผมอยากฆ่าตัวตายเฉยๆ
เรียกร้องความสนใจ ?
ก็ไม่นิ คิดว่าข่าวการฆ่าตัวตายของผมคงไม่ได้ลงหนังสือพิมพ์หรอก การตายของผม ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับสังคมเลย ดีเสียอีกที่ผมตายไป ก็จะเป็นการลดจำนวนเหลือบ ที่กัดกินโลกใบนี้ลงไปได้อีกหนึ่งคน
โลกจะได้หมุนรอบตัวเองอย่างเสถียรขึ้น
หลายต่อหลายครั้งแล้วที่ผมคิดจะตัวตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ทุกครั้งเลย มักจะมีเหตุ อันต้องสะดุดจนทำให้ผมฆ่าตัวไม่สำเร็จ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ผมก็เลยเขียนบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ เพื่อมาศึกษาเผื่อทำ FMEA
ไดอารี่ "การฆ่าตัวตายของผม"
วัน X เดือน X ปี XXXX
ไปเดินเล่นที่หนองโคด ยืนมองผิวน้ำ ผิวน้ำดูสงบนิ่ง ไร้คลื่นราวกระจก เออแฮะ มันน่า กระโดดลงไปให้น้ำแตกกระจาย ว่าแล้วก็โดดน้ำฆ่าตัวตายดีกว่า คิดแล้วก็รีบทำ ถอด เข็มขัดมัดขาตัวเอง เอาผ้าเช็ดหน้ามัดข้อมือทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็โดดลงไปเลย หูได้ยินเสียงอื้อของน้ำ ตามองเห็นฟองอากาศที่วิ่งหนีจากตัวขึ้นไปสู่ผิวน้ำ ราวกับไม่ อยากมีส่วนร่วมกับการตาย ความอึดอัดเนื่องจากขาดอากาศเริ่มคุกคามจนเริ่มดิ้นทุรน ทุราย แต่ก่อนที่จะตาย อยู่ๆแหก็ลงมาคลุมตัวพร้อมกับมีแรงดึงจนตัวลอยขึ้นพ้นผิวน้ำ ถูกลากขึ้นนอนนิ่งอยู่บนบก ไม่พูดพล่ามทำเพลง เจ้าของแหก็บรรเลงเพลงกระทืบ พร้อมกับด่า "ไอ้สาด อย่ามาโดดน้ำฆ่าตัวตาย กูแอบมาลงแหเรื่อยๆ ถ้าเมิงมาตายตรง นี้ แล้วกูจะหาปลาที่ไหนกิน ไปตายที่อื่นไป๊ !"
สรุป : ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จแถมตัวเปียกกลับหอ แต่ยังดีได้กินตีนฟรี
หมายเหตุ : หนองโคดเป็นบึงสาธารณะ ห้ามจับปลา ไอ้เวรนั่นมันแอบหาปลา น่าแจ้ง ตำรวจจับมันจริงๆ
วัน XX เดือน X ปี XXXX
ไปกินข้าวที่คอมเพล็กซ์ อยู่ๆก็นึกอยากฆ่าตัวตายขึ้นมา ก็เลยเดินเข้าไปในร้านขายยา ซื้อยาพารามากระปุกใหญ่สองกระปุก กะจะเอามากินฆ่าตัวตายซะหน่อย คิดว่าถึงจะมี คนมาพาไปให้หมอล้างท้องแต่ก็ต้องตายเพราะตับวายทีหลังอยู่ดี แต่ก่อนจะกลับ ดันไปเจอกล่องรับบริจาคผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ก็เลยเอายาที่ซื้อมายัดลงกล่อง บริจาคพร้อมกับเงินอีกยี่สิบบาท อดฆ่าตัวตาย
สรุป : ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ เสียตังค์ฟรีไปอีกสองร้อยยี่สิบบาท
หมายเหตุ : จะไม่กินยาฆ่าตัวตายอีกเด็ดขาด เพราะยาที่เรากินอาจจะไปช่วยผู้คนบนโลก ได้อีกมากมาย เราต้องใช้ทรัยยากรโลกให้เป็นประโยชน์
วัน XX เดือน X ปี XXXX
นั่งปอกมะม่วงกินแล้วโดนมีดบาด เห็นเลือดไหลย้อยออกมา สีมันแดงได้ใจจริงๆ ก็เลย เกิดอารมณ์อยากฆ่าตัวตาย หยิบมีดขึ้นมาว่าจะเชือดข้อมือตัวเองซะหน่อย แต่คิดว่า อาจจะไม่ตายสมใจเพราะตอนหมดสติไป เลือดอาจแข็งตัวก็ได้ เลยเดินไปห้องน้ำกะจะ เปิดฝักบัวรดแผลชะเลือดไม่ให้แข็งตัว แต่ก่อนจะเชือดข้อมือ หูดันได้ยินเสียงเจ๊เจ้าของ หอด่าเจ้าคนที่อยู่ห้องข้างๆ
เจ๊ : เมื่อวานเปิดน้ำทิ้งไว้ทำไมทั้งคืนหา ! รู้ไหมว่ามันไหลทิ้งไปขนาดไหน เดือนนี้ ชั้น จะชาร์จค่าน้ำนาย และถ้าชั้นยินเสียงน้ำไหลทิ้งห้องไหนอีก ชั้นจะขึ้นค่าน้ำทั้งหอเลย บอกต่อห้องข้างๆ ด้วย ฮึ !
ห้องข้างๆ : ขอโทษครับเจ๊ ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ อย่าชาร์จเลยครับ ผมผิดไปแล้ว
สรุป : ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ กลัวเจ๊แกจับได้ว่าเปิดน้ำทิ้ง
หมายเหตุ : เจ๊แกยิ่งหูหมานอยู่ เกิดได้ยินเสียงน้ำเข้า แล้วเปิดประตูเข้ามา นอกจากจะไม่ ตายแล้ว ยังโดนขึ้นค่าน้ำอีก ไม่เสี่ยงๆ
วัน XX เดือน X ปี XXXX
เดินข้ามสะพานลอยอยู่ดีๆ มองเห็นรถข้างล่างวิ่งกันเร็วดีจริงๆ เลยคิดว่าถ้าถูกชนคงจะ ตายคาที่ก็เลยปิ๊งอารมณ์อยากตาย ตัดสินใจปีนข้ามราวกั้นกะจะโดดลงไป แต่ดันโดน ผีบ้ามาจากที่ไหนก็ไม่รู้กระชากจนหงายหลัง พร้อมกับเทศนาบอกว่าอย่ามาฆ่าตัวตาย ตรงบ้านของคนอื่น ตรงนี้เป็นที่นอนประจำของเขา แล้วก็โดนสอนให้เห็นถึงคุณค่าของ ชีวิต บอกให้ดูตัวเองเป็นตัวอย่าง ขนาดเป็นผีบ้ายังไม่คิดฆ่าตัวตายเลย ต้องยืนฟังอยู่ นานกว่าจะโดนปล่อยตัวออกมา
สรุป : ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ แถมดวงตาเกือบเห็นธรรม
หมายเหตุ : มันบ้าหรือไม่บ้ากันแน่เนี่ย
วัน X เดือน XX ปี XXXX
ไปเที่ยวสวนสัตว์ ยืนมองหมีในบ่อหมี อยู่ก็นึกขึ้นได้ว่า บางทีหมีมันฆ่าและกินคน ก็เลย โดดลงไปในบ่อหมีดื้อๆ นึกว่ามันจะปราดเข้ามาตบ มันหนีแฮะ ก็เลยเดินเข้าไปใส่ มัน ไม่สนใจ เดินหนีออกไปเรื่อย รำคาญเลยโดดถีบมันโครมหนึ่ง มันฉุึนก็เลยตบสวนมาผั่วะ หนึ่ง โดนเข้าไปแค่นั้นแหล่ะ เลือดก็ขึ้นหน้า วิ่งเข้าใส่หมี ซ้ายเข้ากกหู ขวาเข้าเบ้าตา แล้วก็ฟัดกับหมีอีรุงตุงนัง จนเจ้าหน้าที่เข้ามาแยกแล้วก็ลากออกไป
สรุป : ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ โดนเย็บสี่สิบสี่เข็ม ซี่โครงเดาะไปสองซี่ แล้วโดนปรับอีก สองหมื่น
หมายเหตุ : กูไม่ฟิตเฉยๆ ไอ้หมี ถ้ากูฟิต เมิงหมอบแน่
ทั้งหมดนั่นก็เป็นอดีตที่ล้มเหลว ส่วนวันนี้ผมนั่งซ่อมหม้อหุงข้าวอยู่ดีๆ แต่พอเห็น สายไฟเปลือยเข้าก็เกิดอารมณ์หื่นอยากฆ่าตัวตาย เหลาสายไฟเปลือยเพิ่ม เอาทั้งหมด มาพันรอบอก น้ำรดให้ตัวเปียกแล้วก็ปลายสายไปเสียบเข้าที่เต้าเสียบ ตายสมใจแน่ คราวนี้
..............
ยังไม่ทันเสียบเลย ไฟดันดับมืดตึ๊ดตื๋อ มองอะไรไม่เห็น อารมณ์เซ็งของผมพุ่งจนถึงขีด สุด มันไม่ไหวแล้วโว้ย ! อะไรกันนักกันหนา
เชือก เชือกอยู่ไหน ?
ในความมืดมิด ผมตะกุยหาเชือกอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ในห้องผมมันไม่มีเชือก ไม่มี เชือกก็สายไฟแทนก็ได้วะ ผมสาวสายไฟจนได้ความยาวมาพอสมควร ก่อนจะตัด เต้าเสียบทิ้ง
ขื่อ ขื่ออยู่ไหน ?
ห้องผมมันดันเป็นฝ้ายิบซั่มไม่มีขื่อ แถมในห้องก็ไม่มีตรงไหนที่พอจะให้ผูกคอตาย ได้เลย ผมก็เลยเปิดประตูออกไปนอกห้อง ที่หอมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่งขนาดสูงพอจะให้ผูก คอตายได้อยู่ แต่พอออกมานอกห้องปั๊บก็ไม่ค่อยเห็นอะไร มันมืดไปหมด สงสัยว่าไฟ คงจะดับเป็นวงกว้าง หอ บ้านข้างเคียงและแม้แต่เสาไฟหัวหัวมุมแยกถึงได้ไม่มีแสงให้ เห็น
โอกาสทองสำหรับการฆ่าตัวตายเลย
ผมเดินไปที่ต้นไม้ แหงนหน้าขึ้นมองหากิ่งที่ขนาดเหมาะพอที่จะรับน้ำหนักตัวของผม และแรงดิ้นขณะไม่รู้สึกตัวได้โดยไม่เห็น
แต่ผมก็ต้องหยุดชะงัก
สงสัยที่แล้วมาเวลาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็เห็นแค่ฟ้ามืดๆที่มีดาวแค่ไม่กี่ดวงนี่คง เป็นเพราะแสงรอบตัวกลบแสงดาวไปหมด พอคืนนี้ไฟดับทั่วไปหมดทำให้ผมเห็นทะเล ของดวงดาวส่งประกายระยิบระยับ ผมเลยมองเหม่อ ลื่นลอยไปกับความสวยงามนั้น
"แน่ะ ! ทำอะไรน่ะ ?" เสียงเจ้าของหอร้องทักมาจากข้างหลัง
"ว่าจะผูกคอตายน่ะเจ๊" ผมตอบโดยไม่หันหลังกลับไป
เจ๊แกคงจะตกใจเลยรีบวิ่งมาที่ผมพร้อมกับส่งเสียงห้ามดังแปดสิบแปดหลอด "อย่ามาฆ่าตัวตายนะ หอฉันยิ่งไม่ได้ทำเรื่องจดทะเบียนอยู่ ถ้าแกมาตาย ตำรวจจะไม่ เอาเรื่องฉันต่อเรอะ อย่ามาสะแหล๋นฆ่าตัวตายที่นี่นะ !"
"ไม่ต้องห่วงหรอกเจ๊ ผมไม่ฆ่าตัวตายแล้วล่ะ วิธีพวกนี้มันกระจอกเกินไป" "หือ ?" เจ๊แกสะดุด สงสัยในท่าทีของผม
"ต่อไปนี้ถ้าผมคิดจะฆ่าตัวตาย ผมจะต้องไปฆ่าตัวตายที่นอกโลกนู่น ผมจะตายอยู่ท่าม กลางแสงดาว ไม่มาตายกระจอกงอกง่อยเป็นไส้เดือนที่โลกนี้เด็ดขาด" "หา ? นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ" "เปล่าเจ๊ ผมแค่ไม่คิดจะฆ่าตัวตายบนโลกนี้อีกแล้วแค่นั้นเอง" "งั้นเหรอ นายคิดจะไปฆ่าตัวตายนอกโลกแทนสินะ" "ครับเจ๊ พอผมตาย ผมคงจะล่องลอยไปมา สุดท้ายก็ตกลงมาใส่โลก กลายเป็นดาวตก ไป"
เจ๊แกหันมามองหน้าผมครู่หนึ่ง ก่อนจะตบหลังผมดังป๊าบ "ฮ่าๆๆ โรแมนติคไม่ใช่เล่นนะเราเนี่ย"
ผมลูบหลังตัวเองป้อยๆ มือแกหนักเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ และแล้วเราสองคนก็ยืนมอง ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยประกายดาวด้วยกันอย่างเงียบ ๆ
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2552 | | |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 9:55:16 น. |
Counter : 431 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|