คือ David Beckham ที่เสียงจากบ้านนารู้จัก (ตอนที่ 1)
บทนำ
"David Beckham"
จำได้ว่าครั้งแรกที่รู้จักนักฟุตบอลคนนี้คือตอนอยู่ม.ต้น หรือประถมปลายไม่แน่ใจ
ช่วงนั้นช่อง 11 สมัยก่อนจะชอบเอาเทปบันทึกการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก มารีรันบ่อยๆ
และคุณพ่อจะชอบดูมาก วันหนึ่งโกเก้อดไม่ได้ก็ไปนั่งดูด้วย เทปบันทึกนัดนั้นคือ เกม Man Utd vs Wimbledon
โกเก้ได้พบกับนักฟุตบอลที่น่าประทับใจคนหนึ่งในจอทีวีเป็นครั้งแรก ลูกยิงกึ่งกลางสนามลูกนั้นยังประทับไว้ในหัวใจไม่มีวันลืม
ผู้ชายคนนั้นเลี้ยงบอลมาด้วยท่าทางที่มั่นใจและจัดการตั้งบอลก่อนตวัดเท้าหวดลูกบอลลอยโด่งข้ามหัวผู้รักษาประตูและบอลก็โค้งเข้ากรอบอย่างสวยงาม
ตอนนั้น โกเก้ถามคุณพ่อว่า ปกตินักฟุตบอลเขายิงประตูแบบนี้ได้ด้วยเหรอ คุณพ่อบอก ไม่ลูก มีเค้าคนเดียว และสิ่งที่ลูกเห็นมันคือสิ่งมหัศจรรย์ในเกมฟุตบอล
นับแต่วันนั้นโกเก้จึงเริ่มดูฟุตบอล และทีมแรกที่เชียร์คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเบอร์ 7 ในใจคือ เดวิด เบ็คแฮม เท่านั้น!
โกเก้เชื่อว่า คนที่ชอบเดวิด เบ็คแฮม และคนที่รู้จักเดวิดเบ็คแฮม คงจะเคยอ่านเรื่องราวของเค้าในหนังสือหรือในอินเตอร์เน็ตมามากแล้ว อาทิเช่น เบ็คแฮมเกิดที่ไหน พ่อแม่ชื่ออะไร มีพี่น้องกี่คน เข้าสู่สโมสรแมนยูเมื่ออายุเท่าไหร่ เป็นแฟนกับใคร ปัจจุบันทำอะไรประมาณนี้ ดังนั้นวันนี้โกเก้จึงจะไม่นำเรื่องเหล่านั้นกลับมามาลงให้อ่านซ้ำซากจำ เจ
ใครอยากรู้รายละเอียดต่างๆของเบ็คแฮม โกเก้แนะนำให้ไปตรงนี้ค่ะ Beckham Bio
โกเก้จะมาเล่าเรื่องในมุมของตัวเอง ประสบการณ์และความรู้สึกที่ได้ติดตามผลงานและชีวิตของเดวิดเบ็คแฮมมานาน มาก...ก (ลากเสียง) (คนดังที่โกเก้ชอบอย่างยาวนานพอกันข้อมูลค่อนข้างแน่นมี 1 กลุ่มกับ 1 คน คือแบ็คสตรีทบอย และเดวิด เบ็คแฮม)
จากการติดตามผลงานอย่างยาวนานมันทำให้รู้จักผู้ชายคนนี้ ได้เห็นมาตลอดว่าเขาผ่านร้อน ผ่านหนาว และมีหัวใจของนักสู้ที่แท้จริง
หลายคนคงจำได้ถึงเมื่อครั้งที่เบ็คแฮมมีชื่อเสียงใหม่ๆ ตอนแรกก็ดังอยู่แค่ในวงการฟุตบอล หลังๆมาชื่อเสียงเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะพรีเซ็นเตอร์สินค้า ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักเดวิด เบ็คแฮม
ชื่อเสียงมาพร้อมกับความกดดันที่โถมเข้ามาหาตัวเขา คนทั่วโลกกำลังจับตามองคนๆนี้
ในฐานะของนักฟุตบอล ที่ถูกจับตามองว่าเขาเป็นพวกหน้าหล่อแล้วฝีเท้าจะเยี่ยมเท่าหน้าตาอย่างที่สื่อชื่นชมจริงรึเปล่า
ตอนฟุตบอลโลกปี 1998 เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น เรียกได้ว่านี่สมรภูมิรบครั้งใหญ่ สงครามครั้งแรกของเดวิดเบ็คแฮมเลยก็ว่าได้ ช่วงนั้นไม่มีวันไหนที่โกเก้จะไม่ได้เห็นข่าวเดวิด เบ็คแฮม
- สกุ๊ปพิเศษเดวิด เบ็คแฮม
- สัมภาษณ์สดเดวิด เบ็คแฮม
ม้วนวีดีโอม้วนแล้วม้วนเล่าหมดไปกับการบันทึกรายการต่างๆที่เบ็คแฮมมาออกในช่วงนี้
ใบแดงใบนั้นกับฝันร้าย
ทุกอย่างกำลังไปได้สวย เส้นทางเหมือนปูลาดด้วยกลีบกุหลาบตลอดทาง
ถ้าวันนั้นซิโมอาเน่ ไม่เล่นละครตบตากรรมการแกล้งล้มลงสำออยหลังจากถูกเดวิด เบ็คแฮมสะกิดขา
กรรมการไม่รอช้าและไม่เสียเวลาไตร่ตรองแม้แต่นิดเดียว ชูใบแดงไล่เบ็คแฮมออกจากสนามทันที
ท่ามกลางความตกตะลึงไปทั้งสนาม ทั้งประเทศอังกฤษ และต่อหน้าต่อตาคนทั้งโลกที่กำลังชมเกมนี้อยู่
ทุกอย่างอาจไม่เลวร้ายจนถึงที่สุด ถ้าเกมนี้อังกฤษไม่แพ้อาเจนติน่า
แต่ก็เหมือนโชคชะตาที่กำหนดไว้ว่า เบ็คแฮมต้องเผชิญกับเส้นทางขวากหนามด่านแรกของชีวิตเขา
เช้าวันต่อมาสื่อทุกแขนง ลงข่าวใบแดงของเดวิด เบ็คแฮม บ้างก็ว่าค่าโง่ บ้างก็ด่าสาดเสียเทเสีย มีภาพประกอบการ์ตูนล้อ
ทุกคนด่าเบ็คแฮมว่าทำอะไรโง่ๆ
แต่ในฐานะคนที่นั่งดูบอลในคืนนั้น โกเก้เห็นนะว่าตอนจังหวะที่ซิโมอาเน่ เสียบเบ็คแฮมล้มกระแทกพื้นอย่างแรงมันทำให้เขาเจ็บแน่ๆ
และหมอนั่นไอ้ตัวการมันก็ยืนเฉย เตรียมจะแก้ตัวกับกรรมการ วินาทีนั้นเท้าของพี่เบ็คยกขึ้นมาในลักษณะที่กำลังจะเตรียมลุกขึ้น แต่ปลายเท้าไปโดนขาของซิโมอาเน่เข้า
ด้วยสัญชาตญานของคนเลวมันก็รู้ว่าถ้ามันทำสิ่งนี้ (คือการล้มลงไปสำออย ทำเหมือนว่าเบ็คเตะมันคืน) จะทำให้รอดพ้นจากใบเหลือง และใบแดงโดยบันดาล และมันก็ใช้ได้ เหมือนกรรมการก็รออยู่แล้ว คงคิดว่าถ้าแจกใบแดงเบ็คแฮมได้ตัวเองคงได้เกิดสินะ
ใช่พวกเขาในวันนั้นได้เกิดหมด เป็นที่รู้จัก ในฐานะที่ทำลายชีวิตเบ็คแฮมได้
จาก เหตุการณ์วันนั้นโกเก้แค้นนะ แค้นมาก เพราะก็เห็นอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร และยังยึดมั่นไม่ไหลไปตามกระแสเสียงด่าที่ประโคมใส่เบ็คแฮมทุกวัน ที่ทำได้คือส่งกำลังใจ และอธิฐานให้ทุกอย่างมันผ่านไป ให้ขวัญใจกลับมายืนหยัดมั่นคงเหมือนเดิมให้ได้
วันเวลาผ่านไป เห็นภาพข่าวและสื่ออังกฤษรวมถึงสื่อทั่วโลกทำร้ายกาจกับเบ็คแฮมมาตลอด ใจก็ยังนึกว่าเบ็คแฮมจะทำยังไง แต่โกเก้ยังเชื่อมั่นว่าเบ็คแฮมจะกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้งแน่ๆ เพราะเขาเป็นนักฟุตบอลที่ดี
การกลับมา วันหนึ่ง เป็นวันที่พรีเมียร์ ลีกเปิดฤดูกาล เบ็คแฮมปรากฏกายในเกมแรกกับแมนยูฯอีกครั้ง เสียงโห่ร้องสาปแช่งเขายังดังอยู่รอบสนาม
โกเก้ไม่อาจจะแยกแยะได้ว่า เสียงด่านั่นมาจากฝ่ายไหนในสนามกันแน่เพราะมันอื้ออึงไปหมด
กล้องโค้ดไปที่สีหน้าของเบ็คแฮมที่นิ่งสงบ และแพลนไปที่เฟอร์กี้ที่ยืนเคี้ยวหมากฝรั่งมองดูเกมอยู่ข้างสนาม
วินาทีนั้นโกเก้เกิดความเชื่ออย่างประหลาดว่า ทุกอย่างกำลังจะกลับมาเหมือนเดิมแล้ว และเบ็คแฮมกำลังจะกลับมาอีกครั้ง
แล้วมันก็ใช่จริงๆด้วย
โกเก้จำไม่ได้หรอกว่าเกมแรกในฤดูกาลรึเปล่าที่เดวิด เบ็คแฮมกลับมาอย่างมั่นใจ และได้รับเสียงโฮ่ร้องด้วยความชื่นชมอีกครั้ง
แต่ ทุกๆวันที่เบ็คแฮมก้าวลงไปในสนาม ทุกอย่างมันดีขึ้น สื่อเริ่มหันกลับมามองเขาจากที่เคยสบประมาทว่าโง่ พาดหัวข่าวเริ่มเปลี่ยนไปเป็นคำชื่นชมในเกมที่เขาเล่นได้อย่างสวยงาม
1999 แมนยูฯทริ้ปเปิลแชมป์ ช่วงเวลาแห่งความยิ่งใหญ่
เกมกับบาร์เยิร์น มิวนิคเป็นเกมที่น่าจดจำในชีวิตของเบ็คแฮมแน่ๆ
เพราะมันคือเกมส์มหัศจรรย์ที่สุดเกมหนึ่งของแมนยูฯและที่สำคัญโก้เก้กล้าพูดเลยว่ามันคือเกมที่เยี่ยมสุดๆตั้งแต่เคยดูบอลมาเลย
แมนยูเล่นได้ดี รูปเกมก็ไม่ได้เป็นรองบาร์เยิร์นนัก
แต่บาร์เยิร์นได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกฟรีคิก
และมันก็เป็น 1 - 0 แบบนี้จนจะหมดเวลาครึ่งหลัง
กล้องเริ่มแพลนไปทั่วทั้งสนาม สีหน้าของกองเชียร์แมนยูแสดงความผิดหวังออกมาเห็นได้ชัด บางคนเริ่มลุกออกไปจากสนาม ด้านกองเชียร์ของบาร์เยิร์นเริ่มโห่ร้องแสดงความดีใจ “ มันเป็นธรรมดาของเกมฟุตบอลยัยโกเก้ “ ประโยคนี้ดังอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าโกเก้นั่งคิดปลอบใจตัวเองเพราะมองเวลา มันจะหมดครึ่งหลังแล้ว แมนยูฯกำลังพลาดแชมป์ยูฟ่าจริงๆเหรอเนี้ย โอ้ไม่นะๆ ตอนนั้นน้ำตาเริ่มคลอ แบบว่าทำใจไม่ได้ถ้าเขาแพ้ แต่... ยังเชื่อมั่นว่าแมนยูยังมีหวัง ไม่ได้ลุกไปจากหน้าจอ ตายังจ้องและยังระทึกทุกครั้งที่บอลมาอยู่ที่เท้านักเตะทีมแมนยู มองไปริมสนามกรรมการยกป้ายทดเวลาเจ็บ 3 นาทีขึ้นมา โกเก้เกิดความเชื่อมั่นเกิดขึ้นมาแบบประหลาดอีกครั้ง ตอนนั้นมันก็แปลกรู้สึกเชื่อว่านักเตะทีมแมนยูฯทุกคนจะพยายามยิงประตูให้ได้แน่ๆ กรรมการเป่าฟาล์ว แมนยูได้ลูกเตะมุม เดวิด เบ็คแฮมวิ่งที่มุมและตั้งบอลกับพื้นอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นสำหรับโกเก้รู้สึกว่าทุกอย่างมันเงียบหมดเลย ตาจ้องไปที่เบ็คแฮม เข้าส่งบอลออกจากเท้าทันที บอลลอยไปหน้าประตู ไม่ตรงเท้าใครเลย ทั้งกองหลัง กองหน้าต่างช่วยกันส่งบอล จนมาถึงใครคนหนึ่งซึ่งเรารู้สึกว่าคนนี้คือฮีโร่ยืนอยู่ตรงริมเส้นกรอบเขตโทษจำไม่ได้ใครก็ไม่รู้ เขาไหลบอลให้เท็ดดี้ เชอริ่งแฮมส่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม GOAL….L! เสียงเฮดังออกมาจากทีวี ขนโกเก้ลุกซู่ ตอนนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา แมนยูฯทำได้แล้ว เย้!!! แหกปากอยู่คนเดียวหน้าทีวี ไม่ทันได้หายใจหายคอ แมนยูก็ได้ลูกเตะมุมอีกลูก ในจังหวะที่ซโรชาเลี้ยงบอลหลบและส่งให้เพื่อนหน้าประตู คราวนี้เบ็คแฮมรีบวิ่งไปตั้งบอลด้วยท่าทางที่มั่นใจมากขึ้น และส่งบอลอย่างแม่นยำไปเข้าหัวเท็ดดี้ เชอริ่งแฮมลูกกระดอนไปลงที่เท้าซโรชาส่งเข้าประตูไปอีกครั้ง วินาทีสุดท้ายสุดมหัศจรรย์ จู่ๆแมนยูฯก็ขึ้นนำบาร์เยิร์น 2-1
ขนลุกสุดๆเลย โกเก้จำทุกๆวินาทีได้ไม่มีวันลืม รวมถึงสีหน้านักเตะผู้พ่ายแพ้ของบาร์เยิร์นวันนั้น ความเศร้าของแฟนบอลบาร์เยิร์น
ความดีใจสุดๆของนักเตะแมนยูฯ แฟนบอลแมนยูฯ เฟอร์กี้กระโดดดีใจ ปีเตอร์ ชไมเคอร์ตีลังกาตอนแมนยูฯได้ลูกตีเสมอ สุดๆแล้วแมนยูฯ สุดๆแล้วเบ็คแฮม...
ตอนนั้นจำได้ด้วยว่านักเตะแมนยูฯ ชุดทริปเปิ้ลแชมป์ร่วมกันร้องเพลง Lift It High ตอนนั้นคุณพ่อ คุณแม่ฉลองแชมป์เปี้ยนแมนยูกับโกเก้ด้วยการซื้อแผ่นซีดีเพลงฉลองแชมป์ของแมนยูฯ 1999 มาให้ อัลบัมนี้มีเพลง 2 เพลง คือเพลง Lift It High เวอร์ชั่นนักเตะร่วมกันร้องเพลง และเวอร์ชั่นเพลงบรรเลงให้ร้องเอง มีดนตรีเพลงร็อคมันส์ๆอยู่ 1 เพลงค่ะ
Manchester Utd song "Lift It High"
-----------------------------------------------------------
จำใจลาจากแมนยูฯ ก้าวเดินต่อไปในยูนิฟอร์มชุดขาว เรอัล มาดริด
โปรดติดตามตอนต่อไป เร็วๆนี้
Create Date : 19 มิถุนายน 2551
Last Update : 26 กันยายน 2551 16:07:39 น.
5 comments
Counter : 5063 Pageviews.
ขอทายว่า จขบ อายุน่าจะอยู่ประมาณ ยี่สิบเอ็ดถึงยี่สิบสาม โก้เก้ เริ่มชอบเบ็คช่วงเดียวกันกับเราเลย
ได้ผ่านช่วงที่พีคที่สุด จนถึงฝันร้ายในบอลโลกปี 1998 ได้รับรู้ถึงพัฒนาการของเบ็คมาเรื่อยๆ
ขอบคุณที่นำเรื่องราวมาแชร์กันค่ะ
ปล. ปีที่แมนยูได้ทริปเบิ้ลแชมป์ นัดที่เตะกับบาร์เยิร์น นั่นไม่ว่ากี่ปีก็ไม่ลืมค่ะ เป็นแม็ตมหัศจรรย์มากๆ อีกอย่างต้องขอบคุณกรรมการที่ตามเกมทัน เพราะนัดนั้น มีการพุ่งตัวล้มซะด้วย ....