ชีวิตคงจะน่ารื่นรมย์มากขึ้น หากเราสามารถโปรแกรมสมองของเราให้จำได้เฉพาะสิ่งที่น่ารื่นรมย์ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
Group Blog
 
All Blogs
 

ประสบการณ์ "ตัดมดลูก" -- ตอนจบ

ใส่ห่วงอนามัย (Mirena) ได้ประมาณหนึ่งปีก็รู้สึกว่า อาการปวดท้องกลับมาเป็นใหม่ และปวดถี่ขึ้น กลับไปทำ Ultrasound กับคุณหมอ พบว่า เนื้องอกไม่เล็กลงเลย แต่กลับโตขึ้น ก้อนที่ใหญ่สุดประมาณ 7 ซม. เห็นจะได้ แล้วก็ยังมีก้อนเล็กก้อนน้อยอีก ตอนนี้คุณหมอเริ่มถามจริงจังว่า ไม่แต่งงาน ไม่มีลูกใช่หรือไม่ เราเริ่มดีใจ เพราะก่อนหน้านี้ ยืนยันมาตลอด คุณหมอก็บอกว่า รอไปก่อน ยังมีหวัง ตอนนี้เราอายุ 36 แล้ว ความหวังคงริบหรี่แล้ว และถึงจะแต่งงานก็อายุมากแล้ว ไม่อยากมีลูกหรอก

คุณหมอสรุปว่า ควรผ่าตัดภายในหนึ่งปี ให้เลือกเวลาที่เราสะดวก คราวนี้จะพักฟื้นนานกว่าคราวก่อน เพราะจะตัดมดลูกออกไปทั้งอัน วิธีผ่าตัดจะใช้การส่องกล้องทางหน้าท้องเช่นเดิม แต่ตอนนำมดลูกออกมา จะดึงออกทางด้านล่าง เหมือนคนคลอดลูกแบบนั้น และเนื่องจากมดลูกและเนื้องอกมีขนาดใหญ่ ตอนดึงออกทางข้างล่างคงจะชอกช้ำพอสมควร อาจจะต้องมีการเย็บเพื่อซ่อมแซม

ฟังแล้วก็หวาดเสียว แต่คุณหมอก็บอกว่าเป็นวิธีที่ดี และปลอดภัย ว่าไงก็ว่าตามกัน

ก่อนคริสมาสต์สามวันเราเข้าโรงพยาบาลแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวผ่าตัดในช่วงเย็น เรางดน้ำงดอาหาร พยาบาลเข้ามาช่วยสวนลำไส้ และทำความสะอาดบริเวณที่จะต้องผ่าตัด เช่นเดียวกับการผ่าตัดครั้งแรก

สี่โมงเย็นเราถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด คุยกับคุณหมออย่างร่าเริง แล้วก็หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ สองทุ่มก็เริ่มฟื้น ความรู้สึกแรกก็คือ เจ็บแผลข้างล่างที่เย็บไว้สุดๆ เลย แต่แผลที่หน้าท้อง ที่เจาะรู ไม่รู้สึกอะไร ถามพยาบาลว่า เย็บข้างล่างใช่ไหมคะ คุณพยาบาลตอบยืนยันว่าใช่ค่ะ เนื่องจากมดลูกกับก้อนเนื้องอกใหญ่มากๆ เลยค่ะ เฮ้อ

กลับมาที่ห้อง ก็ยังสลึมสลืออยู่ มีเพื่อนมาเยี่ยม มาช่วยแต่งห้องพักให้มีบรรยากาศปีใหม่ เพื่อให้คนไข้สดชื่น ต้องขอขอบคุณอีกครั้ง

พยาบาลสลับกันเข้ามาดูอาการ วัดไข้วัดความดันกันทุกครึ่งชั่วโมง แล้วยังมาถามอีกว่าหลับสบายดีไหมคะ 555

รุ่งเช้าก็เจ็บแผลอยู่ แล้วก็เจ็บชายโครงกลับหัวไหล่ด้วย เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ใส่เข้าไปในช่วงผ่าตัดเพื่อให้มีพื้นที่ในช่องท้องเพิ่มขึ้นนั้น เริ่มดันขึ้นมา คราวนี้ เจ็บปวดกว่าคราวแรกมากๆ เลย เกือบร้องไห้ แต่ก็ทนๆ ไป ถือว่าไม่มีอะไรอยู่ถาวร ถ้ามันไม่หาย เราก็จะชินไปเอง

สายๆ รู้สึกคลื่นไส้อาเจียนอย่างแรง ช่วงเที่ยงเพื่อนๆ ที่ทำงานมาเยี่ยมกัน เราเกือบกลั้นไว้ไม่อยู่ ต้องขอโทษเพื่อนๆ อีกครั้ง ที่ไม่สามารถคุยด้วยได้มากนัก ลุกยังไม่ขึ้นเลย

บ่ายๆ คุณหมอมาเยี่ยม มาฟังท้อง พบว่าลำไส้เราเริ่มทำงานแล้ว แหม ขนาดยังไม่ได้ลุกเดินเลยนะเนี่ย เรารีบขอหมอให้เอาสายสวนปัสสาวะออกเพราะรู้สึกเจ็บและทำให้เราเดินไม่สะดวก คุณหมอก็ให้พยาบาลดำเนินการทันที พร้อมทั้งบอกว่า ทานอาหารอ่อนได้เลยครับ

หลังจากนั้น เราก็เดินได้คล่องแคล่ว ไม่เจ็บตรงไหนเลย ยกเว้นด้านล่างพยาบาลบอกว่า คนไข้ดูดีเกินเหตุ หมอคงยังไม่ให้ออกง่ายๆ เพราะดูดีเกินไป วันรุ่งขึ้น เรามีอาการปัสสาวะออกมามีเลือดออกมาแดงฉาน เลยต้องอยู่โรงพยาบาลดูอาการอีกหนึ่งวัน คุณหมอบอกให้ดื่มน้ำมากๆ จะช่วยได้

วันคริสต์มาสต์ เรายังมีเลือดออกมานิดหน่อย คุณหมอบอกว่า อาจเป็นอย่างนี้อยู่อีกสักอาทิตย์นึงนะ แต่กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว เนื่องจากแผลข้างในชอกช้ำมาก จึงควรพักอยู่บ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือน และพอครบเจ็ดวัน ให้แกะพลาสเตอร์ปิดแผลที่เจาะรูไว้ได้

สรุปเราได้กลับบ้านวันคริสมาสต์นั่นเอง Merry Christmas

เมื่อวานนี้ เราแกะพลาสเตอร์ออก แผลแห้งหมดแล้ว ดีจัง
ตอนนี้ก็เหลือแต่รอให้แผลข้างล่ายหายเสียที อ้อ ลืมเล่า เราต้องอบไฟ เหมือนคนคลอดลูกเองด้วย ใช้โคมไฟอ่านหนังสือนั่นแหละ ใช้หลอดส้ม ขนาด 25 Watts อบทั้งเช้าและเย็นครั้งละ 15 นาที เอาผ้าห่มมาตั้งกระโจมเอง คุณหมอแซวว่า อย่าใช้หลอดประหยัดนะ ไม่ Work เพราะมันไม่ร้อน กลับไปบ้านก็ให้อบไฟ ไปอีกเจ็ดวันด้วยนะ การอบไฟ หรือส่องไฟนี้ จะทำให้รู้สึกสบาย ไม่ระบมค่ะ


ผ่าตัดคราวนี้ ได้ลาจากมดลูกซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราด้วยดี แถมได้ประสบการณ์คล้ายๆ กับการคลอดลูกด้วย แต่ของเราดันเป็นการคลอดมดลูกแทน

จบเรื่องเล่าแล้วค่ะ ขอถือโอกาสนี้สวัสดีปีใหม่ทุกๆ ท่านด้วยนะคะ ขอให้โชคดี มีความสุข และมีสุขภาพดีทุกคนนะคะ และขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ไปเยี่ยม ส่งของเยียม ส่งกำลังใจ เป็นห่วง ถามถึง คิดถึง ฯลฯ มากๆ ค่ะ

ด้วยรักและเคารพ




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2551    
Last Update : 31 ธันวาคม 2551 20:32:37 น.
Counter : 15694 Pageviews.  

ประสบการณ์ "ตัดมดลูก" -- ตอนที่ 2

ลืมเล่าว่า ก่อนที่จะไปผ่าตัดหลายปี เรามีปัญหาเรื่องปวดหลังอย่างมาก เวลานอน จะนอนได้เพียงห้าถึงหกชั่วโมง แล้วก็จะตื่นโดยอัตโนมัติ เพราะปวดหลังอย่างแรง พอลุกขึ้นมาเดินๆ ไม่นานก็จะหายปวด เป็นแบบนี้ทุกคืนเลย ไปรักษาหลายหมอก็ไม่หาย แต่หลังจากผ่าตัดแล้วหายเป็นปลิดทิ้ง ยังงง
อยู่ว่ามันเกี่ยวกันตรงไหน แต่หายแล้วก็ดีแล้ว

กลับมาอีกครั้ง โดยที่ไม่ได้เรียกร้อง
หลังการผ่าตัด เราต้องไปตรวจทุกๆ หกเดือน ครั้งที่ตรวจครบสองปี ก่อนตรวจคุณหมอถามว่าคิดว่ามันจะกลับมาอีกไหม ตอบด้วยความมั่นใจว่ากลับมาแล้วแน่ คุณหมอถามว่าทำไมจึงมั่นใจอย่างนั้น เล่าให้คุณหมอฟังว่า ก็อาการปวดหลังกลับมาอีกแล้วน่ะสิคะ คุณหมอไม่ได้ออกความเห็นในเรื่ออนงนี้ ผลตรวจปรากฏว่า เนื้องอกกลับมาอีกแล้วจริงๆ กลับมาอย่างน้อยสองก้อนด้วย

สรุปก็คือ ปี 2002 เรามีเนื้องอกกลับอาการปวดหลังกลับมาใหม่เหมือนเดิมทุกประการ แต่เนื่องจากขนาดเนื้องอกยังเล็กคือ สองถึงสามเซ็นติเมตร ก็ยังไม่ต้องทำอะไร หากปวดก็กินยาแก้ปวดตามอาการ คุณหมอให้ทาน Celebrex เป็นยาแก้ปวดที่ได้ผลดีทีเดียว

หลังจากพบเนื้องอกครั้งแรก เราก็ต้องไปตรวจติดตามดูขนาดของมันเป็นระยะๆ เนื้องอกก็โตขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เริ่มเห็นว่ามีสามก้อนแล้วเมื่อปี 2004

อาการปวดท้องรุนแรงช่วงใกล้มีประจำเดือนเริ่มกลับมาอีก รวมทั้ง ประจำเดือนก็มามาก ทำให้เราเริ่มซีดลง

เราเริ่มถามหาแนวทางการรักษา คุณหมอมักจะบอกว่า หากทนได้ก็ทนไปก่อน ไม่มีอะไรร้ายแรง เอ..ทำไมเราต้องทนด้วยนะ ผ่าตัดได้ไหมนี่ คุณหมอก็บอกว่า ผ่าน่ะผ่าได้ แต่ผ่าแล้วถ้าไม่ตัดมดลูกออก เดี๋ยวเราก็เป็นอีก แต่หากจะตัดมดลูกออกก็ยังไม่ถึงวัยอันสมควร เผื่อว่า เดินออกจากห้องหมอไปเกิดไปสะดุดรักเข้า อยากมีลูกขึ้นมา หมอก็โดนด่าแย่เลย

สรุปคือ เก็บไว้ก่อนนะจ๊ะ กินยาแก้ปวดไปเถอะ

การรักษาแนวใหม่
ต้นปี 2006 เราเริ่มรู้สึกว่า ชักจะทนไม่ได้แล้วนะ ปวดท้องอย่างรุนแรง แถมเวลาเดินมากๆ ก็เจ็บที่ท้องน้อยอีก เลือดก็ออกมาก และหลายวันด้วย คุณหมอเสนอทางเลือกว่า ยังไม่ต้องผ่าตัด แต่จะใส่ห่วงอนามัย ที่เขาเรียกว่า Mirena ให้ ห่วงนี้จะปล่อยฮอร์โมน วันละเล็กละน้อย ทำให้ไม่มีประจำเดือนหรือมีน้อย หากโชคดี ก้อนเนื้องอกจะเล็กลงด้วย แต่ว่าการใส่ห่วงนี้ เนื่องจากเราเป็นสาวโสด จะยากลำบากแล้วเราอาจจะกลัว จึงต้องดมยาสลบแล้วทำในห้องผ่าตัด

เรานัดคุณหมอเพื่อไปใส่ห่วงอนามัยช่วงใหล้วันเกิดปีที่ 34 ของเราพอดี ทั้งหมดใช้เวลาครึ่งชั่วโมง พอฟื้นมาก็ปวดท้องทันที และปวดท้องไปอีกหลายวัน สาเหตุของการปวดท้องคราวนี้คือ ร่างกายของเราพยายามปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมคือ ห่วงอนามัยนั่นเอง

ปวดท้องอยูเกือบสัปดาห์ ก็ดีขึ้นค่ะ หลังใส่ห่วงไปได้สักเดือนสองเดือน เห็นได้ชัดเจนว่า ประจำเดือนลดลง การปวดท้องก็ลดน้อยลงด้วย

แต่ว่า There is nothing permanent อีกแล้ว............


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:
Mirena: //www.mirena.com/html/index.html
Celebrex: //www.celebrex.com

+++++ โปรดติดตามตอนต่อไป +++++




 

Create Date : 29 ธันวาคม 2551    
Last Update : 29 ธันวาคม 2551 12:54:02 น.
Counter : 1674 Pageviews.  

ประสบการณ์ "ตัดมดลูก" -- ตอนที่ 1

เขียนหัวข้อไว้ว่าตอนที่ 1 แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเขียนได้สักกี่ตอนนะคะ ลองดูค่ะ
เรื่องนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2000 โน่น ตอนนั้น เราอายุ 28 ปี มีปัญหาประจำเดือนมาประมาณเดือนละสองครั้ง และปวดท้องอย่างรุนแรงถึงขั้นท้องเสียอาเจียน จนไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องของมดลูกเลย แต่คุณหมอที่เคารพ แนะนำให้ไปทำ ultrasound ดู ก็โป๊ะเชะ พบเนื้องอกที่มดลูกอย่างน้อย 2 ก้อน ใหญ่ประมาณ 7 ซม. แล้วก้อนนึง ถึงคราวต้องผ่าออก นึกๆ ดู ตอนนั้นก็ตกใจมาก วูบแรกที่นึกถึงเลยก็คือ "ฉันจะเป็นมะเร็งไหมเนี่ย" หมอและข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตก็ให้ข้อมูลคล้ายๆ กันคือ โรคนี้เป็นกันเยอะ โอกาสจะเป็นมะเร็งก็น้อย ยิ่งอายุน้อยๆ ยิ่งไม่น่าตกใจใหญ่ มาถึงตอนนี้แล้ว เห็นคนเป็นเนื้องอกที่มดลูกมากมายจจริงอย่างที่ว่า

ส่องกล้องครับผม
รับข่าวร้ายแล้ว ก็ใช้เวลาตั้งสติอีกนิดหน่อย คิดว่าอย่างน้อย เราควรขอ Second Opinion ดีกว่า จึงไปขอคำปรึกษาจากคุณหมออีกท่านหนึ่ง คุณหมอก็เห็นเหมือนกันว่า ควรผ่าออก แต่เนื่องจากอายุยังน้อย ก็จะผ่าออกเฉพาะเนื้องอกเท่านั้น โดยคุณหมอจะใช้วิธีส่องกล้อง (Laparoscope หรือ keyhole) เจาะรูเล็กๆ ที่ท้องเรา ทั้งหมดสี่รู แล้วก็เข้าไปตัดเอาเนื้องอกออกไป แล้วก็ปั่นๆๆ แล้วดูดกลับออกมาทางช่องเล็กๆ นี้ วิธีนี้เจ็บแผลไม่นาน แต่ผ่าตัดนาน ต้องดมยาสลบด้วย เพราะเวลาทำผ่าตัดเขาจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในช่องท้องของเรา เพื่อให้ท้องพอง คุณหมอจะได้มีพื้นที่ในการทำงาน

สามเดือนก่อนผ่า
คุณหมอแนะนำว่า ก่อนผ่าตัดสามเดือน ควรมาฉีดยาที่ชื่อว่า Zoladex เพื่อให้เลาะเนื้องอกออกง่าย และเสียเลือดในการผ่าตัดน้อยกว่า แต่ระหว่างที่ฉีดยานี้ จะกลายเป็นคนวัยทอง เพราะยาจะกดฮอร์โมน ทำให้ไม่มีประจำเดือน ยานี้ฉีดเข้าที่หน้าท้อง ฉีดแล้วก็เป็นรอยเขียวๆ เจ็บพอทน ฉีดเดือนละครั้ง ต้องบอกว่าเราโชคดีกว่าใคร มีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์เข้าสู่วัยทองแบบทันตาเห็น พอจะเข้าใจได้ว่า เวลาที่ผู้ใหญ่วัยทองหงุดหงิด หรือร้อนวูบวาบ หรือนอนๆ แล้วเหมือนมีมดกัดนั้น เป็นอย่างไร น่าเห็นใจมากๆ ค่ะ ฉีดยาครบแล้ว ก็เตรียมผ่าตัด ตรวจร่างกายเตรียมความพร้อมก่อน เรียบร้อยแล้วก็เข้าโรงพยาบาลพร้อมผ่าตัด

ก่อนเข้าห้องผ่าตัด
จำได้ว่า เขาต้องให้ลำไส้สะอาดก่อนการผ่าตัด วิธีการก็คือ สวนอุจจารด้วย Normal Saline ประมาณ 1 ลิตร ใส่เข้าไปในลำไส้ใหญ่ โดยผ่านทางสายยาง ตอนทำนี่ ก็แค่นอนตะแคงนิ่งๆ พยาบาลจะทำให้ เตรียมตัวเดินเข้าห้องน้ำอย่างเดียว คิดๆ ไปก็สบายดีเหมือนกัน รู้สึกโล่งๆ เหมือนได้ทำ Detox

จากนั้น ก็จะมีการทำความสะอาดบริเวณที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดอีกนิดหน่อย คล้ายๆ กับการเตรียมตัวคลอดลูกค่ะ

ในห้องผ่าตัด
ขั้นตอนนี้ แทบจะจำอะไรไม่ได้เลย เพราะสลบเป็นส่วนใหญ่ จำได้ว่า มีการนับถอยหลังให้หลับ ก็เท่านั้น ตื่นขึ้นมาอีกที ก็รู้สึก ตึงๆ แถวท้อง แต่ไม่เจ็บปวดมาก คุณหมอเล่าให้ฟังว่า ได้ตัดเนื้องอกออกไปทั้งหมดสี่ก้อน แต่ละก้อนใช้เวลานาน เนื่องจากมีเส้นเลือดเส้นใหญ่ๆ มาเลี้ยงทุกก้อนเลย คุณหมอต้องเย็บเส้นเลือดให้เรียบร้อยด้วย ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองเท่แล้ว มีตั้งสี่ก้อน ปรากฏว่า มีเพื่อนรุ่นน้องสมัยมัธยมเท่กว่า ผ่าตัดกับหมอคนเดียวกัน เทคนิคเดียวกัน แต่หมอแคะออกไปตั้งยี่สิบก้อนแน่ะ ต้องค่อยๆ แคะ ด้วย เพราะเขาตั้งใจอยากจะมีลูก ต้องเก็บมดลูกเอาไว้ให้ดีๆ

ออกจากห้องผ่าตัดเวลา 16.00 น. เห็นจะได้ แล้ว ก็สลบไสลต่อ จำได้ว่ามีเพื่อนมาเยี่ยมด้วย แต่ไม่สามารถสนทนาด้วยได้เลย ยังเมายาสลบอยู่ค่ะ

ฟื้น
ประมาณเที่ยงคืน ก็เริ่มรู้สึกตัวดี สิ่งแรกที่นึกออกคือ คลื่นไส้ เวียนหัวจังเลย อาเจียนไปหนึ่งครั้ง แล้วก็ลุกไปเข้าห้องน้ำหนึ่งครั้ง แล้วก็นอนต่อ

เช้าวันใหม่
น่าดีใจที่เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า รู้สึกตัวดี ไม่ปวดแผล ไม่คลื่นไส้ วิงเวียน ลุกเดินได้ สายสวนปัสสาวะก็ไม่มี เพราะพยาบาลนำออกไปตั้งแต่ออกจากห้องผ่าตัดไม่นานแล้ว ตกใจเหมือนกันว่า นี่ฉันผ่าตัดแล้วหรือนี่ แข็งแรงดีจริง เดินออกไปนอกห้องพักได้อย่างคล่องแคล่วเลย ที่รู้สึกรำคาญก็คือ ปวดไหล่ เนื่องจากก๊าซที่ใส่เข้าไปตอนผ่าตัดมันดันขึ้นมา แต่ก็ไม่หนักหนาสาหัสอะไร ทนได้ค่ะ

ผลชื้นเนื้อ
หลังผ่าตัดต้องมีการส่งชิ้นเนื้อไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง สองวันต่อมาคุณหมอก็บอกว่า ไม่พบความผิดปกติ โล่งใจไปอีกคราหนึ่ง

ออกจากโรงพยาบาล
ผ่าตัดวันพุธ ออกจากโรงพยาบาลเช้าวันเสาร์ได้สบายมาก อยากออกเร็วกว่านั้นด้วยซ้ำ รู้สึกสบายดี แต่ก็ยังซ่ามากไม่ได้ ห้ามยกของหนัก ไม่ควรขึ้นลงบันไดวันละหลายๆ ครั้ง ที่สำคัญ อาการที่รบกวนก็คือ เวลานั่งจะรู้สึกปวดถ่วงๆ ต่อมาอีกเป็นเดือนสองเดือนเลยทีเดียว หลังการผ่าตัด เวลาประจำเดือนจะมาหรือใกล้จะมา ไม่มีอาการปวดท้องเลย เป็นเวลาประมาณสองปี

There is nothing permenent...และแล้วความสบายเนื้อสบายตัวนี้ ก็อยู่ได้แค่เพียงสองปีจริงๆ.....

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:
เนื้องอกมดลูก:
//www.nawabutr.com/th/index.php?option=com_content&task=view&id=34&Itemid=1
//www.vichaiyut.co.th/jul/26_03-2546/26_03-2546_P35-37.pdf

Zoladex : //www.drugs.com/zoladex.html


++++++++โปรดติดตามตอนต่อไป++++++++






 

Create Date : 28 ธันวาคม 2551    
Last Update : 29 ธันวาคม 2551 11:19:36 น.
Counter : 3665 Pageviews.  

ประสบการณ์กาวตราช้างติดมือ

คืนวันศุกร์ หลานชายตัวซนทำ Magnet ที่ติดตู้เย็นแตก ถูกคุณยายดุ เราเลยต้องนำมาติดกาวตราช้าง แต่พลาดท่า กาวหยดใส่นิ้วหลายหยด นิ้วแข็งเป๊ก รีบค้นข้อมูลจากเน็ต พบสูตรหลายสูตร ลองทุกอย่างแล้ว พบว่าสูตรที่ได้ผลที่สุดคือ การใช้น้ำยาล้างเล็บ (ส่วนประกอบสำคัญคือ Acetone) ชุบสำลี แล้วค่อยๆ ถูๆๆๆ ไปเรื่อยๆ กาวจะหลุดทีละนิดๆๆ กว่าจะหมดก็ประมาณ 20 นาทีได้ แต่ก็ดีกว่า กาวติดไปหลายวัน คงรำคาญแย่ค่ะ เคล็ดลับ คือ ถูนานๆ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจเสียก่อนค่ะ




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 12:09:52 น.
Counter : 4327 Pageviews.  

หลักตัดสินข้อปฏิบัติตามพระธัมมวินัย

เพิ่งกลับจากการไปร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ที่วัดใกล้บ้านมาค่ะ คนร่วมหมื่น ยืนรอกันหลายชั่วโมง แต่ไม่มีใครถอยนะคะ ตั้งใจมากันจริงๆ เพราะสำนึกในพระกรุณาธิคุณค่ะ ในงานนี้ทาง กทม. นำหนังสือคู่มืออ่านสังวัธยายพระไตรปิฎกสากล มาแจกด้วยค่ะ

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในการจัดพิมพ์พระไตรปิฎกสากลอักษรโรมันชุดสมบูรณ์ และได้มอบแก่สถาบันสำคัญทั่วโลก

เพื่อเป็นการระลึกถึงพระกรุณาธิคุณ กรุงเทพมหานครและคณะจึงไ้ด้จัดงานอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎกสากลขึ้นเมื่อวานนี้ และจัดทำคู่มือแจกด้วยค่ะ

เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้คัดพุทธพจน์มา 12 บทค่ะ ขออนุญาตคัดลอกบางตอนมาให้อ่านดังนี้ค่ะ

พระวินัยปิฎก
จูฬวัคคปาฬิ เล่ม 4
ข้อ 406 หน้า 2006

หลักตัดสินข้อปฏิบัติตามพระธัมมวินัย
...ดูก่อนโคตมี(ภิกษุณี) อนึ่ง ธัมมะเหล่าใดแล
ที่เธอพึงรู้ --ธัมมะเหล่านี้
ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่ยึดติด, ไม่เป็นไปเพื่อความยึดติด,
ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่ผูกกับภพ, ไม่เป็นไปเพื่อความผูกกับภพ,
ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่สะสม, ไม่เป็นไปเพื่อความสะสม,
ย่อมเป็นไปเพื่อความมักน้อย, ไม่เป็นไปเพื่อความมักมาก,
ย่อมเป็นไปเพื่อความสันโดษ, ไม่เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ,
ย่อมเป็นไปเพื่อความสงัด, ไม่เป็นไปเพื่อความคลุกคลีหมู่คณะ,
ย่อมเป็นไปเพื่อปรารภความเพียร, ไม่เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน,
ย่อมเป็นไปเพื่อความเลี้ยงง่าย, ไม่เป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก,
ดูก่ิอนโคตมี เธอพึงทรงจำอย่างเดียวว่า--
นี่เป็นพระธัมม์ นี่เป็นพระวินัย,
นี่เป็นคำทรงสอนของพระบรมศาสดา.

สรุปเ้นื้อหาสำหรับการอ่านสังวัธยาย ดังนี้

พระพุทธเจ้าได้ทรงวางหลักการตัดสิน ความเห็น คำพูด และการกระทำถูกต้องตามหลักพระธัมมวินัยไว้ ดังพระพุทธดำรัสที่มีแก่พระนางมหาปชาบดีโคตมีภิกษุณีไว้ว่า ธัมมะของพระองค์่ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่ยึดติด เพื่อความไม่ผูกกับภพ เพื่อความไม่สะสม เพื่อความมักน้อย เพื่อความสันโดษ เพื่อความสงัด เพื่อปรารภความเพียร และเพื่อความเลี้ยงง่าย

ข้อปฏิบัติเหล่านี้เป็นพระธัมม์ เป็นพระวินัย เป็นคำสอนของพระบรมศาสดา






 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2551 21:09:04 น.
Counter : 442 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

Franc
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Franc's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.