"Love is something, That can't be predicted, It comes as a surprise, ...... when you least expect it."
Group Blog
 
All Blogs
 

Alternative Health



Alternative Health เป็นนิตยสารทางเลือกเพื่อสุขภาพ


Alternative Health ที่หยิบยกขึ้นมาแนะนำสำหรับคนรักสุขภาพเล่มนี้
ไม่ใช่นิตยสารใหม่ หากแต่เป็นนิตยสารที่ยืนหยัดมาจนย่างเข้าสู่ขวบปีที่ 7 แล้ว
โดยมีบรรณาธิการบริหารอย่างคุณชวลิต บรรชวนชิตเป็นผู้ดูแล


Alternative Healthนับเป็นนิตยสารทางเลือกเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง
ภายในเล่มมีคอลัมน์ต่างๆ ที่เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ
และใส่ใจในเรื่องความสวยความงาม
โดยในแต่ละคอลัมน์ล้วนมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทั้งสิ้น


อย่างเช่นในหมวดของ Healthiness ที่บรรจุคอลัมน์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพไปจนถึงเรื่องของการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดจากเซ็กส์
อาทิ health tips , health shop , sex therapy , sex tips , world wide sex ,
medical report , disbetes diary และ love your heart


หมวด Beautification บรรจุคอลัมน์เกี่ยวกับความสวยความงาม
เช่น bliss beauty , beauty treatment , beauty salon ,
health product และ fit & firm


หมวด Food & drink เน้นในเรื่องของอาหาร และเครื่องดื่มที่ช่วยบำรุงสุขภาพ
มีคอลัมน์ health restaurant , diet program , special drink
และ alternative food


ส่วนหมวด Alternative medicine อัดแน่นไปด้วยคอลัมน์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของสมุนไพร
และอาหารต้านโรคต่างๆ เช่น herbs & root , alternative medicine ,
health evolution , qigong , health herbs
และ dig deep for health


ในยุคข้าวยากหมากแพงเช่นนี้
กว่านิตยสารเล่มหนึ่งๆ จะข้ามผ่านขวบปีแรกไปได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่การเดินทางอันยาวนานร่วมๆ 7 ปีของ Alternative Health
ย่อมพิสูจน์ได้ถึงการยืนระยะ และศักยภาพของนิตยสารได้เป็นอย่างดี


.................................................................................................


ชื่อหนังสือ : Alternative Health
นิตยสารทางเลือกเพื่อสุขภาพ รายเดือน (สี่สีทั้งเล่ม)
จำนวน 122 หน้า
ราคา 75 บาท




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2551    
Last Update : 5 มิถุนายน 2551 22:07:22 น.
Counter : 837 Pageviews.  

เรื่องของ...วัคซีนรักษา "มะเร็งปากมดลูก"

มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับสองของมะเร็งสตรีทั่วโรค รองจากมะเร็งเต้านม และเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดของมะเร็งสตรีไทย ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้นประมาณ 6,000 คน โดยในจำนวนนี้จะเสียชีวิตประมาณครึ่งหนึ่ง

มะเร็งปากมดลูกเกิดจากเชื้อไวรัส ฮิวแมน พาพิลโลมาไวรัส
(Human papillomaviruses หรือ HPV)
โดยเชื้อไวรัส HPV นี้มีด้วยกัน 30 ชนิด


"มะเร็งปากมดลูก" จะแบ่งเป็นเชื้อไวรัส HPV ชนิดที่มีความเสี่ยงต่ำ คือ HPV ชนิด 6 และ 11 และเชื้อไวรัส HPV ชนิดที่มีความเสี่ยงสูง คือ HPV ชนิด 16 และ 18

จากการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ในชิ้นเนื้อ "มะเร็งปากมดลูก" ของผู้ป่วย 22 ประเทศ จำนวนกว่า 1,000 ราย พบว่ามีสูงถึงร้อยละ 99.7 ทำให้สรุปได้ว่าเชื้อไวรัส HPV เป็นสาเหตุจำเพาะของมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเชื้อไวรัส HPV เป็นไวรัสที่สามารถทนทานต่อความร้อน และแห้งแล้งได้สูงมาก ทั้งมีขนาดเล็ก โดยเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 55 นาโนเมตรเท่านั้น

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก

1. การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
2. การมีคู่นอนหลายคน
3. การสูบบุหรี่
4. การตั้งครรภ์เมื่ออายุยังน้อย

อาการแสดงเมื่อเป็นมะเร็งปากมดลูก

1. พบว่ามีตกขาวมากผิดปกติ
2. เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
3. เกิดแผลบริเวณปากมดลูก

การป้องกัน

1. หลีกเลี่ยงสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ และสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อการติดเชื้อ
2. ตรวจหาความผิดปกติในระยะเริ่มแรก เพื่อให้การรักษาก่อนหน้าที่จะคืบหน้าเป็นมะเร็ง เช่น การตรวจแป๊ป สเมียร์
3. การรักษามะเร็งปากมดลูกและประคับประคองเพื่อให้หายจากโรคและมีคุณภาพชีวิตที่ดี (เป็นการป้องกันเมื่อเป็นแล้ว)

การตรวจมะเร็งปากมดลูก หรือ แป๊ป สเมียร์ (pap smear) ต้องพบแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างต่อเนื่องทุกปี แม้ครั้งแรกไม่พบว่าติดเชื้อ แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าจะไม่เป็นโรคนี้

ผู้หญิงจำนวน 100 คนตรวจแป๊ป สเมียร์แล้วมีโอกาสพบความผิดปกติถึง 1-2 % หรืออาจสูงกว่านี้ ผู้หญิงไทยตรวจมะเร็งปากมดลูกกันน้อยมาก ด้วยเหตุเพราะอายหมอ

ผู้หญิงที่อยู่ในเกณฑ์สมควรจะตรวจมะเร็งปากมดลูกมีประมาณ 20 ล้านคน แต่คนที่ไปตรวจมะเร็งปากมดลูกนั้นมีเพียง 1 ล้านคนต่อปี

กลุ่มเสี่ยงอยู่ที่ผู้หญิงอายุ 20 ปีขึ้นไปจนถึง 65 ปี แต่หากอายุ 65 ปีพ้นไปแล้ว โอกาสที่จะเป็น "มะเร็งปากมดลูก" แทบไม่มี เพราะหากจะเป็นย่อมมีอาการให้เห็นก่อนหน้านี้

มะเร็งปากมดลูก ป้องกันได้ แต่หากจะระงับไม่ให้เกิดโรคเลยนั้น ไม่สามารถทำได้ แพทย์จึงมักแนะนำให้ตรวจเช็คเป็นประจำ”

สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก สามารถป้องกัน "มะเร็งปากมดลูก" ที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV ได้ถึง 4 สายพันธุ์ ทั้งในระยะก่อตัว และระยะที่ยังไม่ลุกลาม รวมถึงป้องกันโรคหูดอวัยวะเพศ (หูดหงอนไก่) อันเกิดจากเชื้อไวรัส HPV ชนิดที่ 6 และ 11 ได้ถึงร้อยละ 99 นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันมะเร็งชนิดอื่นๆ เช่น สภาวะก่อนเริ่มเป็นมะเร็งปากช่องคลอด และมะเร็งผนังช่องคลอด

การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หากเริ่มฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ หรือฉีดในเด็กอายุตั้งแต่ 9 ปีขึ้นไป


การฉีดวัคซีนจะต้องฉีด 3 เข็มต่อเนื่องกัน ในช่วงเดือนที่ 1, 2 และ 6 เพื่อป้องกัน "มะเร็งปากมดลูก" เป็นระยะเวลา 5 ปี แต่การฉีดวัคซีนก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดของผู้มีพฤติกรรมอยู่ในกลุ่มเสี่ยง

ทางที่ดีควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ละเว้นปัจจัยเสี่ยง และไม่ขาดกลัวเมื่อต้องพบแพทย์เพื่อทำการตรวจภายใน

เผื่อว่าอนาคต....ผู้หญิงทั่วโลกที่เป็น "มะเร็งปากมดลูก" อาจลดจำนวนลง
จนไม่ติดอันดับใดๆ เลยก็ได้....ด้วยความปรารถนาดี




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 3:44:23 น.
Counter : 324 Pageviews.  

รู้ทัน "โรคอัลไซเมอร์" (Alzheimer’s disease)

โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) หรือ โรคความจำเสื่อม พบมากในกลุ่มของผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมโดยประมาณร้อยละ 60 โรคอัลไซเมอร์พบได้ในอัตราที่สูงขึ้นเป็นสัดส่วนตามอายุ ส่วนใหญ่มักเกิดกับผู้ที่มีอายุเกินกว่า 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ได้รับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์

1. ประวัติทางพันธุกรรม
2. ประวัติการได้รับบาดเจ็บ เกิดอุบัติเหตุทางสมอง หรือสมองถูกกระทบกระเทือนอยู่เป็นประจำ
3. การติดเชื้อทางสมอง ทำลายเซลล์สมองจนเสื่อม หรือโรคหลอดเลือดในสมอง
4. ช่องในสมองขยายใหญ่ เกิดจากน้ำเลี้ยงคั่งในสมอง
5. รับประทานยาหลายชนิดเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นยาอะไรก็ตามที่ละลายเข้าไปในไขมัน ย่อมส่งผลรบกวนสมอง ยานอนหลับถือว่าอันตรายที่สุด
6. ขาดวิตามินบางชนิด เช่น B1 , B6 และ B12
7. สุรา หรือสารเสพติด ที่มีผลต่อสมอง
8. หญิงที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป (วัยหมดประจำเดือน)
9. ชายที่มีอายุ 75 ปี (วัยหมดฮอร์โมนเพศ)
10. ผู้ที่มีการศึกษาน้อย เนื่องจากไม่ค่อยมีเรื่องให้คิด

อาการของโรคอัลไซเมอร์

สมองฝ่อเร็วกว่าปกติ เกิดความสูญเสียด้านสติปัญญา มักหลงลืมในเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน เกิดความผิดปกติในการใช้ภาษา เรียกสิ่งของไม่ถูกต้อง อารมณ์แปรปรวน บุคลิกภาพผิดไปจากเดิม เมินเฉย ไม่สามารถทำงานได้เหมือนคนปกติ และมีผลต่อกิจวัตรประจำวัน โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว แต่จะเป็นที่สังเกตของผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย

อาการของโรคอัลไซเมอร์ถูกแบ่งออกเป็น 3 ระยะ

ระยะเริ่มต้น 1-3 ปีแรก มักลืมปัจจุบัน เสียความทรงจำระยะใกล้ แต่จำอดีตได้แม่น เช่น ลืมว่าพูดอะไรออกไป แต่กลับจำเรื่องราว 10 ปีที่แล้วได้ดี

ระยะกลาง 2-10 ปี หลงลืมมากขึ้น จำสิ่งที่เพิ่งทำไปไม่ได้ เสียความทรงจำเก่าๆ ดูแลตัวเองไม่ได้ ไม่สนใจจะทำอะไร ทำกิจวัตรประจำวันเองไม่ได้ เช่น อาบน้ำแล้วแต่งตัวไม่ถูก หรือ ใส่เสื้อแล้วติดกระดุมไม่เป็น

ระยะสุดท้าย 3-12 ปี ความทรงจำเลวลง จำใครไม่ได้ จนทำให้ต้องมีคนดูแลตลอด 24 ชม.

ปัญหาที่มีต่อสุขภาพจิตของผู้ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ เกิดอาการทางจิต , หูแว่ว , ประสาทหลอน ,หวาดระแวง เกรงว่าจะถูกทำร้าย , ซึมเศร้า และเข้าใจว่าตนเองกำลังถูกล้อเลียน

ปัญหาด้านพฤติกรรมของผู้ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ก้าวร้าว , กระวนกระวาย , เดินหลงทาง-ไม่มีจุดหมาย , ฉุนเฉียว , อารมณ์รุนแรง และเกิดการสับสบเรื่องความจำ เช่น ทานข้าวแล้วบอกว่ายัง เป็นต้น

การรักษาและการป้องกัน

เนื่องจากโรคนี้ทำให้เกิดอาการหลงลืม สูญเสียการรับรู้ ไม่สามารถทำงานและกิจวัตรประจำวันได้ ภาระจึงตกอยู่กับญาติพี่น้องที่จะต้องคอยช่วยเหลือ

นอกจากให้ผู้ป่วยทานยารักษาอาการหลงลืม และควบคุมพฤติกรรมที่ผิดปกติ ควรหากิจกรรมอื่นๆ ให้ผู้ป่วยทำ เช่น เดินออกกำลังกาย ,แนะนำเรื่องต่างๆ ในการทำกิจวัตรประจำวัน

ญาติ-พี่น้องต้องรับภาระในการดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็น โรคอัลไซเมอร์ มักเครียดทั้งร่างกาย และจิตใจ รวมถึงเรื่องเงินในการรักษา แต่หากทำความเข้าใจกับโรคนี้ และพาผู้ป่วยมาพบแพทย์ตั้งแต่มีอาการในช่วงต้นจะเป็นการช่วยชะลอความรุนแรงของโรคได้มากเลยทีเดียว

ปัจจุบันยังไม่มียาขนานใดสามารถรักษา "โรคอัลไซเมอร์" ให้หายขาด นอกจากดูแลสุขภาพให้ดี และฝึกใช้สมองเป็นประจำ.....นั่นถึงจะสามารถป้องกัน "โรคอัลไซเมอร์" ได้ดีที่สุด.




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2551 1:01:45 น.
Counter : 591 Pageviews.  

ชี้แจงแถลงไข

ตั้งแต่ได้มีโอกาสเขียนคอลัมน์ประจำเกี่ยวกับสุขภาพให้กับนิตยสารฉบับหนึ่ง ในการเขียนแต่ละครั้งล้วนต้องเสาะหาข้อมูลมากมาย อีกทั้งยังเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เพื่อเข้าไปฟังคุณหมอแต่ละท่านบรรยาย ก่อนนำข้อมูลมาประกอบการเขียน

เกี่ยวกับโรคต่างๆ สารพัดโรคที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยนั้น โรคบางโรคดูเหมือนว่าจะไม่ร้ายแรง หากแต่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน สร้างความเครียดให้กับผู้ป่วย ภาวะทางอารมณ์แปรปรวน ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง จนก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย

เหล่านี้ทำให้เข้าใจความหมายของคำว่า "อโรคยา ปรมาลาภา" อย่างถ่องแท้ และตระหนักถึงความสำคัญของการไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน เพราะต่อให้มีเงินมากมายล้นฟ้า แต่ถ้าสุขภาพไม่ดี และมีโรคต่างๆ รุมเร้า ชีวิตก็มิอาจหาความสุขได้

โรคบางโรคเป็นภัยเงียบที่ไม่ปรากฏอาการใดๆ ให้เห็นเลยสักนิด จนกว่าจะลุกลามจนอาจถึงขั้นที่เรียกว่า ระยะสุดท้าย แล้วนั่นล่ะ ผู้ป่วยถึงจะรู้ตัว และมาพบแพทย์

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจสร้างบล็อกในหัวข้อ สุขภาพดีไม่มีขาย นี้ขึ้นมา ด้วยหวังว่าข้อมูลที่นำมาฝากกัน น่าจะสร้างประโยชน์ให้กับผู้ที่(พลัดหลง)เข้าอ่านไม่มากก็น้อย




 

Create Date : 07 มกราคม 2551    
Last Update : 23 มิถุนายน 2551 18:39:57 น.
Counter : 246 Pageviews.  

“ไคโรแพรคติก” ศาสตร์แห่งการรักษาโรคระบบประสาทด้วยมือ

ด้วยสภาพของสังคมที่เปลี่ยนไป วิถีการดำเนินชีวิตของคนยุคปัจจุบันจึงมีแต่ความเร่งรีบ จนไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่ได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้คนส่วนใหญ่ในวัยทำงานเป็นโรคปวดศีรษะ ปวดหลัง และปวดตามร่างกายกันมากขึ้น

การนั่งทำงานในท่าเดิมๆ ทั้งวัน การนั่งพิมพ์งานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ และการนั่งอยู่ในรถติดเป็นชั่วโมง ต่างเป็นสาเหตุทำให้โครงสร้างของร่างกายผิดปกติไป จนเกิดการเคลื่อนของข้อกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท และระบบประสาท นำไปสู่อาการเจ็บปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

ศาสตร์วิชาการแพทย์ไคโรแพรคติก เป็นแขนงการดูแลสุขภาพ โดยตรวจรักษาระบบประสาท การดูแลกระดูกสันหลัง และข้อต่างๆ ในร่างกาย เพื่อให้ระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จ่ายยา ไม่ใช้เข็ม หรือผ่าตัด แต่ทำการรักษาด้วยมือ มุ่งเน้นการรักษาความผิดปกติของโครงสร้าง และการเคลื่อนไหวของร่างกาย หรือการคลาดเคลื่อนจากตำแหน่งปกติของข้อกระดูกสันหลัง ที่หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นในบริเวณนั้น อาจจะมีผลกระทบต่อระบบประสาทซึ่งควบคุมร่างกายทั้งหมด

ในประเทศสหรัฐอเมริกา การแพทย์ไคโรแพรคติก มีมานานกว่า 100 ปีแล้ว แต่สำหรับในประเทศไทยยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก นั่นเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดว่า การดูแลกระดูกเป็นเรื่องของคนสูงอายุหรือคนพิการเท่านั้น

ดร. โอ๊ต บูรณะสมบัติ นายกสมาคมการแพทย์ไคโรแพรคติกแห่งประเทศไทย กล่าวไว้ว่า

“กระดูกสันหลังมีความสำคัญเนื่องจากเป็นโครงสร้างที่ปกป้องเส้นประสาทไขสันหลังอยู่ หากมีอาการเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง หรือการเคลื่อนไหวของข้อต่างๆ ที่ผิดปกติก็อาจจะมีผลกระทบต่อเส้นประสาท หรือกดทับรากประสาท ทำให้หมอนรองกระดูกไปทับเส้นประสาทได้ ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่มีการควบคุมการทำงานของร่างกาย ทำให้การทำงานของระบบประสาทผิดปกติ”

อาการของโรคที่ควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

1.ปวดศีรษะโดยรอบ หรือ ข้างเดียว
2.ไมเกรน (Migraine)
3.ปวดคอ
4.ปวดไหล่ ปวดแขน
5.ปวดหลัง
6.ปวดหรือชาตามแขน ขา
7.บาดเจ็บจากการกีฬา (Sport injuries)
8.บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ (Accident)
9. หมอนรองกระดูกเคลื่อน
10. ปวดตามข้อต่างๆ
11. บาดเจ็บจากการยกของหนัก
12. อาการอ่อนเพลียนอนไม่หลับ
13. กระดูกสันหลังคด
14. อาการเครียด
15. เส้นเอ็นอักเสบ

การตรวจรักษา

หลายๆ โรคที่เกิดจากการคลาดเคลื่อนจากตำแหน่งปกติของข้อกระดูกสันหลังเกิดจากสาเหตุง่ายๆ เช่น ทรงตัวไม่ถูกต้อง, ยกของหนัก, นั่งนานเกินไป, ขาดการออกกำลังกาย, บริโภคอาหารไม่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ, การสูบบุหรี่, ปัญหามลภาวะ, การรับแรงกดที่ผิดปรกติ และความเครียด

ความผิดปกติของร่างกายหลายอย่าง บรรเทาอาการได้ด้วยการแพทย์ไคโรแพรคติก อาทิ ปวดศีรษะเรื้อรัง, ไซนัส, ปวดหลัง/คอ/แขน/ขา หมอนรองกระดูก อาการชาตามมือ หรือเท้า และอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา

ปัจจุบันมีคลินิกที่เปิดให้บริการกว่า 10 แห่ง ในย่านสุขุมวิท สีลม บางแค และพัทยา อัตราค่ารักษาเฉลี่ยประมาณครั้งละ 1,000-1,500 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ info@thailandchiropractic.org




 

Create Date : 07 มกราคม 2551    
Last Update : 7 มกราคม 2551 13:56:09 น.
Counter : 476 Pageviews.  


tidds
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบอ่านหนังสือ
Friends' blogs
[Add tidds's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.