Review: Candy Doll บรัชออนสีน่ารักๆจากญี่ปุ่น วันนี้ทรายขอมารีวิวบรัชออนที่กำลังเลิฟๆอยู่หน่อยนะคะ ตัวนี้หลายคนคงเคยได้ เห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว ถึงแม้จะดังมากในญี่ปุ่นแต่เวลาเสิร์ชในกูเกิลก็หารูปรีวิวสี ยากเหมือนกันนะคะ ก่อนหน้าที่จะเขียนทรายก็ลองเสิร์ชดูบ้างแล้ว ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง ทำรีวิวซะมากกว่า อันที่จริงเจ้าตัวนี้ดังมากๆเลยค่ะ ทั้งในหมู่สาวๆวัยรุ่นญี่ปุ่นและสาว ฝรั่งที่หัวใจโนะเน๊ะ ;D ทรายซื้อมา2สีนะคะ มันมีทั้งหมด 3สี สีที่ทรายไม่มีคือชมพูอ่อน ให้พี่ตูนน์ไปแล้ว ไว้รอดูจากพี่ตูนนะเดี่ยวเรามาดูกันทีละสีดีกว่า สีในตลับอาจจะน่ากลัวแต่ทาแล้วน่ารักค่ะ เริ่มกันที่สีแรกก่อน เป็นชมพูหวานจ๋อย สีในตลับดูแรงมาก แคนดี้ดอล อยู่ในเครือเดียวกับ DollyWink ขนตาและยาทาเล็บสุดเริศนั่นแหละค่ะ แพ็คเกจจิ้งเล็กๆ ราคาเป็นเงินไทยก็ประมาณ 4-500บาท ถือว่าแพงอยู่เหมือนกันนะ เปิดออกมาแล้วมองใกล้ๆจะเห็นว่าเนื้อสีแอบมีมิตินิดหน่อยเหมือนจะเหลือบๆค่ะ แบบนี้เค้าเรียกสีชมพู Blue base หรือเปล่าไม่แน่ใจ พอเราขยี้สีแล้วทาลงผิว จะเห็นว่ามีความเงาเล็กน้อย สวยมากๆเลยค่ะ เม็ดสีแน่นมากๆด้วย ทีนี้เรามาดูกันอีกสีนึง ตัวนี้เป็นสีส้มที่ตามหามานานแสนนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ส้มแบบนี้เรามักจะพบเห็นในแมกกาซีนญี่ปุ่น และที่เกาหลีเคยฮิตระเบิดอยู่พักนึง แต่แปลกที่เคาเตอร์แบรนด์ใหญ่ๆไม่เคยมีใครทำสีแบบนี้ขายเลย มีก็น้อยมากๆและ ไม่ใช่เฉดที่เราเห็นตามนิตยสาร พอเจอแคนดี้ดอล ทรายถึงกับกรี๊ดต้องซื้อให้ได้เลย เป็นส้มอมเหลืองจัด ให้ลุคตุ๊กตามากๆ ไม่ใช่ลุคแบบนัวๆที่ส่วนใหญ่เราเคยพบเห็นกัน ตัวนี้ก็เนื้อสีแน่นค่ะ ขยี้แล้วจะไม่เห็นเหลือบมากเมหือนสีชมพู อาจจะเพราะเหลือบเหลือง ก็เลยกลืนๆกันไป สีชมพูจะมองดูมีมิติสีมากกว่านิดนึงเพราะทาแล้วแก้มจะวาวๆ ทั้งสองสีถ้าใครชอบอารมณ์สไตล์Doll แล้วหละก็ต้องไม่พลาดเลยค่ะ อีกอย่างหนาวนี้ สไตล์นี้มาแรงมากทรายเองในฐานะชื่นชอบ Makeup มาก ก็ไม่อยากให้ทุกคนพลาด ครั้งหน้ามีอะไรอัพเดตอีกอย่าลืมติดตามนะคะ จะคอยหาเรื่องดีๆมาแบ่งปันให้อ่านกันนะ^^   Create Date : 28 พฤศจิกายน 2553     Last Update : 24 มกราคม 2554 0:04:47 น. Counter : 2757 Pageviews.   16 comment Share Tweet

Review: DHC Olive Beauty อาบน้ำแร่ออนเซ็นนวดทรีทเมนต์ตำหรับญี่ปุ่น สวัสดีค่ะสาวๆ วันนี้ทรายขอมาแชร์ประสบการณ์อาบน้ำแร่ออนเซ็นและทรีทเมนต์ร่างกาย ตำหรับญี่ปุ่น โดยที่ไม่ต้องไปไกลถึงประเทศญี่ปุ่นให้สาวๆได้ฟังกันค่ะ ครั้งนี้ทรายได้รับเชิญ จากทาง DHC Thailand ให้เข้าไปลองรับบริการ Treatment อันแสนโด่งดังของเค้ากันค่ะ ทรายก็ไม่ขออฎิเสธคำเชิญนี้ค่ะ เดิมทรายเป็นคนชอบเข้าสปาชอบทำทรีตเม้นต์อยู่แล้ว เป็นโอกาสดีที่จะได้ลองวิธีการดูแลผิวกายแบบชาวญี่ปุ่นโดยไม่ต้องเสียเงินบินไปถึงโน่นกันค่ะ สาขาที่ทรายเข้ารับบริการ คือ DHC Olive Beauty สยามพารากอนค่ะ เข้ามาแล้วเราก็ต้องมา Register ก่อนนะคะ และนี่เป็นบรรยากาศภายในร้านที่ได้รับการตกแต่งแบบ Modern Japaneseค่ะ มีส่วนที่จัดแสดงสินค้าทุกตัวของ DHCให้ทดลองด้วย รวมไปถึงวารสาร Olive Club ที่ปกติจะจัดส่งให้กับสมาชิกถึงบ้านทุกเดือนค่ะ เสร็จแล้วจากนั้นมาที่บริเวณรับรอง เพื่อรอเลือกดูคอสที่เราต้องการจะเข้ารับบริการค่ะ เป็นอันรู้กันดีว่า มารยาทในการดูแลลูกค้าตามธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นเค้าจะสุภาพและ อ่อนน้อมมากๆ ทำให้ลูกค้าอย่างเราๆรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกจนบางครั้งกลายเป็นเกรงใจไปเลย) เค้าจะให้เราเข้ามานั่งรอและเปลี่ยนรองเท้านะคะ จากนั้นพนักงานจะมาต้อนรับเราด้วย ชาญี่ปุ่นร้อนๆค่ะ เป็น Welcome drink จากนั้นก็จะมีเมนูมาให้เลือกว่าเราอยากรับบริการคอสไหน วันนี้ทรายเลือกคอสที่มีชื่อว่า Onzen with DHC Exfoliating Body Treatmentค่ะ เป็นคอสที่เราจะได้สัมผัสกับน้ำแร่ร้อนแบบธรรมชาติ ตามด้วยสครัปเพื่อผลัดเซลส์ผิว และนวดผ่อนคลายด้วย DHC Olive Virgin Oil + Q10 Body Treatmen ค่ะ Therapist ที่ดูแลทรายวันนี้ชื่อว่า คุณสา เป็นผู้เชี่ยวชาญในทรีทเมนต์ตัวที่ทรายเลือกค่ะ พอเราเลือกได้แล้ว Therapist ก็จะให้เราเลือกกลิ่นหอมที่จะใช้เพื่อให้เราผ่อนคลายในห้องนวด มีให้เลือกทั้งหมด 4 กลิ่น คือ ส้มยูสุ ยูคาลิปตัส ซากุระและอีกกลิ่นทรายจำไม่ได้ แต่ทรายเลือกยูคาลิปตัสค่ะ เป็นกลิ่นที่จะช่วยให้เราผ่อนคลายและโล่งจมูก จะซ่าๆนิดๆ หลังจากนั้นเค้าก็จะให้เราเลือกกลิ่นของแร่ ที่จะผสมลงใน Onzen ให้เราแช่ มี2กลิ่น เป็นโรสและยูสุ ทรายเลือกส้มยูสุค่ะ กลิ่นนี้จะออกมาแบบอ่อนๆตอนเราแช่ออนเซ็น เมื่อทุกอย่างถูกจัดเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาผ่อนคลายกันแล้วค่ะ Therapist จะนำเราไปยังห้องนวดค่ะ สำหรับห้องนวดที่สาขานี้จะแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ ห้องนวดหน้า 4 ห้อง ห้องนวดตัว 2 ห้อง และห้อง VIP ที่มีOnzen 1ห้องค่ะ ไม่ต้องทายกันเนอะว่าวันนี้ทรายเข้าห้องไหน ^^ ก็ต้องเป็น VIP ที่มีออนเซ็นนั่นเอง สำหรับตรงนี้ทรายได้ข้อมูลมาว่า คุณผู้ชายไม่สามารถเข้ารับบริการนวดตัวได้นะคะ ที่ทำได้คือนวดหน้า ดังนั้นถ้า คู่รักหรือเพื่อนซี้จะพากันมารับบริการ ก็ต้องเช็คก่อนว่า ห้องมีคิวว่างไหม? และสามารถเข้ารับบริการอะไรได้บ้างน่ะค่ะ เพราะออนเซ็นก็มีแค่ ห้องเดียวด้วย สำหรับคอสนึงประมาณสองชั่วโมงครึ่งค่ะ บรรยากาศในห้องนวดให้ความรู้สึกเรียบๆและอบอุ่นค่ะสไตล์ Modern Japanese ห้องขนาดกำลังดี ไม่รู้สึกอึดอัด มีสิ่งอำนวดความสะดวกในการจัดเก็บสิ่งของสำคัญและ สะดวกในการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าติดกันเป็นห้องออนเซ็นที่เปิดเข้าไปได้เลย น้ำออนเซ็นที่นี่จะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 42องศาเซลเซียสค่ะ ร้อนเหมือนกันนะคะสำหรับคนไม่เคย สำหรับทรายที่เคยแล้ว แต่เมืองไทยไม่หนาว ก้าวแรกที่ลงไปยังรู้สึกว่าอู้ยยยยร้อนจัง ขนาดของอ่างใหญ่กำลังดีสำหรับทรายเลยค่ะ คือทรายนอนลงไปเหยียดขาคอลอยพอดี^^ น้ำไหลออกมาจากตรงนี้ แอบมีควันขึ้นฉุยๆด้วย และนี่เป็นสบู่ แชมพูและครีมนวดค่ะ พร้อมครบเซ็ทเลย เริ่มแรกเค้าจะให้เราเช็ดล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนนะคะ ใครจะไปทรายแนะนำ ไม่ต้องแต่งหน้าไปเลย แต่ถ้าจำเป็นทางDHC ก็มีเซ็ทล้างหน้าที่ครบถ้วนเตรียมไว้พร้อมค่ะ ที่ต้องให้ล้างออกก่อนก็เพราะว่าถ้าเมคอัพยังอยู่ไอน้ำจะไม่สามารถทำให้รูขุมขนเปิดได้ค่ะ สิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ผิวก็จะไม่หลุดออกมา จากนั้นถอดเสื้อผ้าออกให้หมดและเข้าไปอาบน้ำถูสบู่ด้วยฝักบัวก่อน 1 ครั้งค่ะ ทรายแอบขอเค้าไม่ล้างหน้า แบบว่าขี้เกียจแต่งหน้าใหม่แฮ่ะๆ ที่ต้องอาบน้ำก่อน 1ครั้ง เป็นการปรับอุณหภูมิของร่างกายก่อนที่จะลงแช่ออนเซ็นค่ะ อาบน้ำด้วยอุ่นนะคะ จากนั้นก็ลงแช่ 5 นาที เค้าจะมีนาฬิกาเล็กๆให้เราดูเวลา นั่งขอบอ่างค่อยๆก้าวลงอย่ารีบ เดี๋ยวจะวูบเพราะน้ำร้อนมาก พอครบ 5 นาทีแล้วก็ค่อยๆขึ้นค่ะ นั่งพักที่ขอบก่อนก็ได้ พอขึ้นมาแล้ว กระบวยตักน้ำเย็นที่รอไว้ ลาดๆที่ใต้เข่าลงไปนั่งพักเล็กน้อย แล้วลงไปใหม่ค่ะ ครั้งนี้ลงไปประมาณ 10 นาที จากนั้นก็เหมือนเดิม พอขึ้นมาแล้วไม่ต้องล้างน้ำอะไรอึก เช็ดตัวหมาดๆและออกไปนั่งพักรอนวดผ่อนคลายได้เลยค่ะ พอเราแช่ออนเซ็นเสร็จแล้ว ทาง Therapist ก็จะเตรียมน้ำดื่มให้เราดิ่มเพื่อทดแทนน้ำใน ร่างกายที่เราสูญเสียไป ใครที่คอแห้งมากๆก็พกเข้าไปทานระหว่างแช่ได้ด้วยนะ จากนั้นพอหายเหนื่อยหน่อยแล้วเราก็จะเริ่มขั้นตอนTreatmentกัน เริ่มต้นด้วยการสครัปผิว กันก่อนเลยค่ะ เม็ดสครัปค่อนข้างใหญ่เหมือนกัน แต่ไม่รู้สึกแสบผิวเลยค่ะ และถัดจากการ สครัปให้เซลส์ผิวเก่าที่ตายแล้วหลุดออกไปเผยผิวใหม่ เราก็ต้องปรนนิบัติผิวด้วยการบำรุง นิดนึง ด้วยการนวดด้วยDHC Olive Vergin Oil และ Q10 Treatment เป็นการนวดแบบ กระชับและกดจุดค่ะ ตรงนี้ทรายชอบมาก เพราะวิธีการนวดมันไม่เหมือนกับที่ทรายเคยได้รับ มาจากที่อื่นๆ ตรงนี้แหละที่เค้าบอกว่าเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น คุณสาTherapist ยังไม่ลืม ที่จะถามความกังวลและปัญหาก่อนที่จะลงมือนวดด้วยว่า ต้องการผ่อนคลายจุดไหนเป็นพิเศษ หรือเปล่า? และต้องการน้ำหนักมือประมาณไหน? ทรายบอกไปว่าไม่เป็นไร เอาตามปกติเลย แต่คุณสาก็จับได้ถึงความตึงที่หลังและไหล่ของทราย เนื่องจากทรายใช้คอมประจำและขับรถ ทำให้เส้นช่วงนี้แข็งและตึงมาก คุณสาจึงเน้นการนวดไปที่การคลายเส้นให้เราสบายขึ้นค่ะ ตรงนี้ต้องบอกว่าประทับใจ ที่เอาใจใส่รายละเอียดเล็กๆของลูกค้าเป็นอย่างดี ^^ เสร็จจากการนวดแล้ว เราสามารถอาบน้ำชำระล้างออยออกได้ด้วยนะคะ แต่ทรายไม่ได้อาบ เพราะรู้สึกว่าผิวแห้งมากหลังจากลงน้ำร้อนจัด อีกทั้งเสียดายQ10ด้วย หลังจากแต่งตัว เสร็จเรียบร้อยแล้ว เค้าก็จะพาเราไปที่ห้อง Makeup Room ค่ะ ให้เราได้ทำสวยก่อนออก จากร้าน โดยมีอุปกรณ์ในการเมคอัพไว้ให้พร้อม แบบไม่ต้องพกอะไรมาเพิ่มเลย เสร็จจากการนวดครั้งนี้ทรายก็กลับบ้านแบบสำราญใจ ต้องขอบคุณประสบการณ์ดีๆเหล่านี้ ที่ทาง DHC Thailand มอบให้ทรายได้สัมผัสได้เก็บบรรยากาศและความรู้สึกมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟังกัน นอกจากนี้แล้ว ทางDHCยังใจดีมอบ Gift Voucher ให้ทรายถึง3ใบ เพื่อให้ผู้อ่าน ที่ติดตามบล็อคทรายได้มีโอกาสไปสัมผัสกับประสบการณ์Onzen Treatmentแบบญี่ปุ่น เหมือนทรายด้วย สำหรับวิธีการแจกนั้น ติดตามรายละเอียดกิจกรรมกันให้ดีทางหน้าFBนะคะ //www.facebook.com/feonalita   Create Date : 18 พฤศจิกายน 2553     Last Update : 24 มกราคม 2554 0:05:58 น. Counter : 2709 Pageviews.   10 comment Share Tweet

How to: Smokey Temptation ขอสวยให้ถึงที่สุดกับสโมคกี้อายที่รัก สวัสดีค่ะห่างหายจากHTแบบชุดใหญ่ไปนานมากแล้ว กลับมาคราวนี้ทรายขนมาแบบ อลังการโหลดโหดกันเลยนะคะ เนื่องจากทรายไม่มีPhotoscape และใช้โฟโต้ช็อปได้ แบบแบกะดินมาก ก็เลยต้องจัดเป็นรูปHTแบบดั้งเดิมกันเลย แต่แบบนี้ก็ดูง่ายดีนะ เพียงแต่โหลดโหดมากแค่นั้นเอ๊งงงงง= = ช่วงปีที่ผ่านมา มีน้อยครั้งมากที่ทรายจะแต่งตาแบบสโมกกี้อายหนักๆให้เห็น แล้วก็มี สาวๆหลายคนบ่นถึงกันมา ว่าอยากเห็นทรายคนเก่า (แอบเขิล) ครั้งนี้ก็ขอจัดไปให้ หายคิดถึงกันเลยค่ะ กับสโมกกี้อายตามฉบับของทรายเอง อาจจะมีเทคนิคแตกต่าง ไปจากแบบเดิม(รุ่นปรับปรุงแล้ว) ยังไงก็เสพย์กันเต็มที่นะคะ :3 ตามธรรมเนียมเริ่มด้วยหน้าเปลือยๆ+สกินแคร์ ตามด้วยบรรดา Base Makeup ตัวแรกเริ่มที่ Makeup Base ก่อนค่ะ Suqqu creamy makeup baseใกล้หมดเหือดแห้งแล้ว ใครก็ได้ซื้อให้หนูหน่อย หนูชอบมว๊ากแต่มันแพงจังT^T หนูเอาเงินที่เก็บไว้ซื้อเบสไปซื้อเซ็ทจิลหมดแล้ว - -' รอยแดงที่หน้าดูจากลงนิดนึง กระจ่างใสขึ้นเล็กน้อย จากนั้นต่อด้วยรองพื้นกันเลยค่ะ Ipsa pure protect foundation ตัวนี้เป็นลูกรักคนใหม่ หลังจากที่ป๋าอามาร์นี่ที่เคยเวิร์ค ไม่เวิร์คกับผิวฟิโอตอนหน้าหนาวแล้วT^T ถ้าใครตาม บล็อคบ่อยๆจะรู้ว่าทรายเป็นคนไม่ใช้รองพื้น แต่จะใช้เฉพาะวันสำคัญๆหรือเวลาที่อยากให้ ผิวสวยเนี๊ยบจริงๆ วันไหนอยากได้ผิวแบบสวยครบเครื่องก็จะแต่งหน้าเต็มที่ เพราะลงรองพื้น ยังไงก็สวยกว่าแค่แป้งผสมรองพื้นแน่ๆอ่าค่ะ ที่ปลื้มเพราะได้ลองจากตอนทำ SiSSME แล้วชอบมากอยากจะขโมยของพี่มดซะเลย ในที่สุดก็ได้มาสมใจ เนื้อเนียน ปาดง่ายสำหรับคนไม่เก่งทารองพื้นแบบทราย ที่จริงลอง กันเองดีกว่า ทรายจะบอกว่าทรายชอบแค่นั้นแหละ 555 หยดเท่าเม็ดถั่วเหลือง ทาได้ทั่วหน้าแล้ว(จะบอกว่าตัวเองหน้าเล็กลง ว่างั้น อิอิ) หน้าตาดูเป็นผู้เป็ฯคนขึ้นมานิดนึง อันนี้ถ่ายแสงครึ้มในห้อง ทรายลองออกมาถ่าย ตรงแสงจากหน้าต่างส่องเต็มๆให้ดู อันนี้คือสีธรรมชาติจริง... แต่ว่าลำบากแก่การทำ HT มาก ขอกลับไปยืน ณ ตำแหน่งเดิมดีกว่า - -' มาลงคอนซีลเลอร์เก็บแพนด้ากันหน่อย เกลี่ยแบบฮิโซวใช้นิ้วนางเกลี่ยเบาๆนะคะ แพนด้าหายไป (ทำไมต้องแอคท่าประหลาด- -') จากนั้นลงแป้งฝุ่นค่ะ ถึงเนื้อรองพื้นจะเปลี่ยนเป็นเนื้อแป้ง คือไม่ต้องลงแป้งซ้ำก็ได้ แต่ทรายไม่ชิน ขอลงแป้งฝุ่นทับหน่อยแล้วกันนะคะ เริ่มด้วยการใช้พัฟกดเบาๆก่อน จากนั้นใช้แปรงปัดแป้ง จุ่มลงไปในกองแป้ง เคาะแปรงเล็กน้อย และปัดเบาๆทั่วหน้า ถ้ารู้สึกไม่เหนียวแล้ว ก็เป็นอันว่าแป้งทั่วหน้าแล้วค่ะ มาต่อกันที่คิ้วเลยค่ะ (ใครจะข้ามไปตอนอื่นก่อนก็ไม่ผิดนะคะ) ทรายชอบ Canmake Eyebrown ตอนไหนผมทองมากก็สีอ่อน ตอนไหนเข้มก็สีกลาง เขียนโครงแล้วตามด้วย Suqqu blend eyebrown ถมให้เต็มอย่าลืมไล้เฉดดิ้งดั้งด้วย จากนั้นต่อกันที่ดวงตาแล้วนะคะ ขั้นตอนไคลแม็กซ์ของทุก HT อ่านให้ดีดูให้ดีนะ อุปกรณ์วันนี้ Beautilicious เป็น Makeup เซ็ท ชื่อว่า "Alyssa" ชื่อเหมือนคนเลยเนอะ นอกจากแพ็คเกจกระจุ๋งกระจิ๋งแล้วยังมีGimmick เล็กๆด้วย ข้างในเป็นอายแชโดว์ 3 สีและบรัชออน 1 สีค่ะ คงพอเดาออกเนอะว่าอันไหนอายแชโดว์ เริ่มจากการจิ้มสีเทาก่อน ด้วยแปรงแบบในรูปค่ะ ลงสีแค่ช่วงหัวตาดังรูป แสงธรรมชาติจะเห็นแบบสีแบบรูปด้านบนนะคะ ทรายว่าห้องทรายถ่ายสียากมาก รูปในHTต่อไปนี้ก็เลยจะเป็นโหมดที่เปิดแฟรชทั้งหมดนะคะ ^^ ใช้แปรง crease แบบในรูปแต้มที่สีดำวิ๊งค์ค่ะ ไลต์ outer V เข้ามาที่รอยพับตา ให้เป็นสีดำเว้นตรงกลางว่างๆไว้ คือว่ารูปขั้นตอนนี้หายไป = =' ต้องขออภัยจริงๆ แต่ถ้ามองในขั้นตอนถัดไปน่าจะพอมองออกค่ะว่าเป็นแบบไหน ใช้แปรงจิ้มที่สีฟ้า แล้วเติมไปที่กึ่งกลางเปลือกตาค่ะ ถมที่ว่างที่เราเว้นไว้ ระหว่างหัวตากับหางตาให้เต็มด้วยสีฟ้า เป็นการเล่นสีเล็กๆที่เปลือกตาค่ะ จากนั้นใช้แปรงเบลนด์สีเล็กน้อยให้ฟุ้งกระจายไปด้านบน ขั้นตอนต่อไปเป็น hilight ที่โหนกคิ้ว ให้พื้นที่เปลือกตาเราดูกว้างขึ้นค่ะ จิ้มที่สีเวอร์จิ้นจาก UD Naked มาไลต์ที่โหนกคิ้วค่ะ จากนั้นเรามาเพิ่มความเฉี่ยวให้ตาด้วยไลเนอร์กันค่ะ เขียนให้ชิดขอบตาบนก่อน จะได้ประมาณนี้ค่ะ จากนั้นทรายเห็นว่าเมคอัพมันดูจืดชืดไปนิด ทรายก็เลยจัดการใช้แปรงCrease จิ้มไปที่สีดำวิ้งค์อีกครั้ง และไลท์ให้ขอบดำที่เราเคยทำ มันเข้มขึ้นแบบคอนทราสต์ชัดเจนไปเลย ปรากฎว่าได้ผลเป็นที่พอใจมากๆค่ะ ดังรูปเลย จากนั้นเราก็ใช้สีดำวิ้งค์ไลท์มีที่ขอบตาล่างด้วย ตามด้วยไลเนอร์แบบinner ที่ขอบตาล่าง จะได้ประมาณนี้ค่ะ ปรับปรุงได้จนกว่าเราจะพอใจเลย วิธีการคือ ค่อยๆลงสีเป็นเลเยอร์ น้อยๆช้าๆ จะได้มองออกว่าเข้มแค่ไหนเท่าไหร่จะพอดี จากนั้นขอเพิ่มลูกเล่นให้ชั้นตาด้วย Lunasol Aurorized Nuance eyes สีเขียวค่ะ แต้มไปตรงที่ๆเราเคยแต้มสีฟ้าลงไป ประกายจากลูนาซอลจะช่วยให้ตาเราดูบลิ๊งค์ๆ เสร็จแล้วส่วนนึง เรามาปัดแก้มกันก่อนที่จะปัดมาสคาร่านะคะ ปล่อยให้สีตามันเซ็ทตัวเองสักพัก ใช้สีที่อยู่ในเซ็ท beautilious นั่นแหละค่ะ จัดมาให้เหมาะสมแล้ว หลังจากนั้นเราก็กลับมาที่ตาอีกครั้ง คราวนี้ดัดขนตาและปัดมาสคาร่าได้ตามใจชอบเลย และขั้นตอนสุดท้ายค่ะ สีปาก ทรายเลือกโทนนู้ดๆ และลูกรักที่สุดสำหรับโทนนู้ดตอนนี้ Etude' Lucidarling Fantasting Rouge เบอร์ 11 ทรายไม่รู้ชื่อสีเป็นภาษาเกาหลีอ่ะค่ะ เท่านี้ก็เสร็จทั้งหน้าแล้วค่า หน้าทรายเรียวขึ้นนิดนึงมะ? แอบไปฉีดโบท็อกซ์+fat ให้หน้าเรียวมาได้เดือนนึงแล้ว ช่วงนี้ใครได้ดูวีดีโอใหม่ๆเทียบกับของก่อนที่จะไปญี่ปุ่นคงเห็นเลยเนอะว่ามันต่างกันมาก ชอบหน้าตัวเองตอนนี้จัง >m< ขอลาไปด้วยท่าส่งท้ายปีเสือที่รักสักหน่อย ทรายรักปีเสือเพราะทรายเกิดปีเสือหละ 55 แล้วพบกันใหม่กับ HTหน้าเร็วๆนี้นะคะ จุ๊ฟๆ Information: Camere by Canon IXY 30s Nail Colors by Bourjois 51 beige sophistique   Create Date : 14 พฤศจิกายน 2553     Last Update : 24 มกราคม 2554 0:06:13 น. Counter : 3068 Pageviews.   33 comment Share Tweet

My skincare routine: มาดูกันว่าก่อนนอนแต่ละคืนทรายทำอะไรบ้าง? นี่แหละค่ะ ชีวิตทุกวันก่อนนอน ต้องทำให้ครบ ไม่ครบนอนไม่หลับ แฮ่ะๆ   Create Date : 13 พฤศจิกายน 2553     Last Update : 24 มกราคม 2554 0:06:27 น. Counter : 1420 Pageviews.   14 comment Share Tweet

Review: แชร์ประสบการทรีทเมนต์หน้ากับ Dermalogica® วันนี้ทรายมีโอกาสได้รับเชิญจากคุณกอล์ฟ และคุณก้อยผู้ดูแลแบรนด์Dermalogica ให้ทรายได้มีโอกาสได้ทดลองทำทรีตเมนต์หน้าด้วยสูตรเฉพาะของเดอร์มาโลจิก้าค่ะ ก่อนอื่นเลยสำหรับสาวๆที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับแบรนด์นี้สักเท่าไหร่ ทรายขอเล่าคร่าวๆ ให้ฟังทรายเองก็เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับแบรนด์นี้โดยตรง ปกติแล้วทรายมักจะพบเจอกับDermalogica ตามสปาดังๆที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ Dermalogica ทรายเป็นคนชอบทำสปามีโอกาสได้ไปหลายที่แล้วก็พบเจอกันประจำ พอมีโอกาสได้รับเชิญไปทดลองจากแบรนด์เองโดยตรง ก็เลยต้องหาข้อมูลสักเล็กน้อย Dermalogica เป็นแบรนด์จากอเมริกาค่ะ แล้วก็มีมากว่า20ปีแล้ว โดยผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะถูกคิดค้น พัฒนาและวิจัยภายใต้การดูแลของสถาบัน The International Dermal Institute สหรัฐอเมริกา เค้าบอกว่าแบรนด์นี้เป็นที่ชื่นชอบมากๆในแวดวงฮอลลีวู้ดค่ะ วันนี้ทรายไปเข้ารับทรีทเม้นต์ที่Dermalogica สาขาสยามพารากอนค่ะ โดยพอไปถึง เค้าก็จะให้เรากรอกประวัติคร่าวๆ และรายละเอียดปัญหาผิวและข้อกังวลของเราค่ะ จากนั้นเราจะได้พบกับเครื่องฉายแสงBlacklight ซึ่งจะแสดงปัญหาต่างๆของผิวเราออกมา โดยแยกเป็นสีๆ ด้วยการที่เราส่องหน้าเข้าไปค่ะ เค้าเรียกขั้นตอนนี้ว่า "Face Mapping" หรือก็คือการอ่านแผนที่สภาพผิวนั่นเอง คุณก้อยบอกว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางแบรนด์ ที่คิดค้นขึ้นมาเพืื่อวิเคราห์สภาพผิวเพื่อสันนิษฐานสาเหตุและการแก้ปัญหาผิว ด้วยการผสม ศาสตร์ของตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกันค่ะ ขั้นตอนนี้ทรายไม่มีรูปมาด้วย ทีนี้ปัญหาผิวแต่ละข้อก็จะได้รับการอธิบายโดยผู้เชี่ยวชาญของDermalogica ในที่นี้ทราย ได้รับการดูแลจากคุณสาค่ะ ต่อไปนี้ขอแทนด้วยคุณสาเลยนะคะ นี่คือชาร์ตที่จะช่วยอธิบายสภาพผิวของเราค่ะ และนี่คือตัวแทนปัญหาต่างๆ และนี่คือบทสรุปของปัญหาผิวที่ทรายมีหลังจากเข้าเครื่องทดสอบสภาพผิวแล้วT^T หลังจากวิเคราห์ทั้งปัญหาและข้อกังวลต่างๆของทรายแล้ว คุณสาก็ได้เลือกคอสที่เหมาะสม ให้กับทรายค่ะ ซึ่งก็คือEnvironmental Control Treatmentซึ่งจะเหมาะกับผิวทราย จากนั้นเราก็เดินทางกันเล็กน้อย จากเคาเตอร์ไปสู่ห้องนวดส่วนตัวที่ชั้นB1ของDermalogica เป็นห้องเล็กๆที่มีอุปกรณ์ครบครัน สีขาวสะอาดตาค่ะ เค้าจะมีชุดคลุมให้เราเปลี่ยน จากนั้นก็นอนลงที่เตียงนวดได้เลยค่ะ และนี่เป็นชุดผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทั้งหมดสำหรับทรีตเมนต์ตัวนี้ค่ะ ขั้นตอนแรกสุดเลยก็คือการคลีนหน้าของเราก่อน ทรายแต่งหน้ามาบางๆค่ะ เค้าจะแยกคลีนในส่วนของดวงตาและริมฝีปากด้วย Soothing eye make-up remover และจากนั้นจะคลีนทั้งหน้าด้วย Ultracalming Cleanser ซึ่งครีมกึ่งเจลเหมาะกับผิวแพ้ง่าย พอหน้าสะอาดแล้วเราก็พร้อมในขั้นตอนต่อไปแล้วค่ะ เราจะได้รับการนวดกดจุดนะคะ โดยเค้าจะใช้ Sooting Addictive ประกอบการนวดด้วย มันมีกลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนส้มหรืออะไรสักอย่าง ทำให้เราผ่อนคลายไปกับการนวดค่ะ จากนั้นเราก็จะถูกปิดตาอีกครั้งค่ะ ฮร่าาา ตามด้วยลงมาร์คเบสค่ะ Colioldal masque base ลงมาร์คเบสแล้วเค้าก็จะมีผ้าขาวบางมาคลุมหน้าเราไว้อีกทีค่ะ ที่ต้องคลุมไว้ก็เพราะจะมีการลงมาร์ค 2ชั้นค่ะ ชั้นที่2นี้เป็นมาร์คข้าวโอ๊ต หอมน่ากินมากกกก ทรายถึงกับหิวท้องร้องเลย กลิ่นเหมือนเนสวีต้ารสมอลล์ อะไรแบบนั้นเลย กรี๊ดดดดดด มาร์คข้าวโอ๊ตจะช่วยเรื่องความกระจ่างใสค่ะ ขั้นตอนการลงจะมีแอพพลิเคเตอร์ทานะคะ ปาดๆเหมือนเราเป็นหน้าเค้ก พอครบเวลาสักพักเค้าก็จะเอาตาข่ายออกค่ะ เหลือเป็นแบบนี้ อยากเลียแผล่บๆ จากนั้นเค้าก็จะคลีนหน้าให้เรา กลับมาใสกิ๊งๆ ขั้นตอนนี้คุณสาเอากระจกให้ทรายดู ว่าหลังจากมาร์คตัวนี้แล้วจะเห็นเลยว่าผิวใสมาก เดี๋ยวหาว่าโม้อ่ะ จบจากขั้นตอนเหล่านี้ ก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการบำรุงค่ะ เริ่มต้นด้วย Environment control serum ใช้แค่เล็กน้อยเท่าเม็ดถั่วเหลืองลงทั้งหน้า ต่อด้วยโทนเนอร์ปกป้องผิวแพ้ Soothing protection sprayตัวนี้เค้าบอกว่า สามารถ ฉีดได้แม้กระทั่งหลังการแต่งหน้าแล้ว คือฉีดได้ทุกเวลาที่เรารู้สึกเหมือนเราแพ้อะไร คันยิบๆ หรือผิวแห้งแสบค่ะ ต่อจากนั้นลง Multivitamin power firm for eyes&lips ตัวนี้กลิ่นหอมประทับใจมาก หอมเหมือนหมากฝรั่งฟรุ๊ตตี้ เป็นวิตามินเข้มข้นทากระชับและฟื้นผูผิวได้ทั้งตาและปาก จากนั้นลงต่อด้วย Barrier repair เป็นเจลซิลิโคนพอทาแล้วจะเหมือนฟิล์มบางๆเคลือบ ผิวหน้าเอาไว้ ป้องกันมลภาวะและป้องกันการสูญเสียน้ำ และชิ้นสุดท้ายคือ กันแดดค่ะ คุณสาเลือกสำหรับผิวแพ้ง่ายและไว มาให้ทราย ตัวนี้ชื่อว่า Super sensitive faceblock spf30 เป็นสูตร Chemical-free ทั้งหมดที่ว่ามานี่ดูเหมือนเยอะนะคะ แต่พอลงกับหน้าแล้วมันไม่เหนอะเลย สำหรับทราย กำลังสบายๆอาจจะเป็นเพราะทรายผิวแห้งด้วยมั้งคะ มันก็เลยซึมหายไปหมด สำหรับความรู้สึกหลังได้รับทรีตเม้นต์แล้ว ทรายชอบนะคะ สบายผิวดี ไม่รู้สึกแสบคัน หรือเจ็บแต่อย่างใด หลังผ่านมา 1 วันแล้ว ก็ไม่แพ้อะไร ปกติทรายจะแพ้ซิลิโคน ก็ไม่เกิด การอุดตันแต่อย่างใด แต่ไม่รู้เพราะว่าผิวทรายแห้งมากเกินไปหรือเปล่า หลังทรีทเม้นต์ แล้วก็ยังคงรู้สึกว่าผิวยังแห้งอยู่บ้างรู้สึกผิวนุ่มแต่แห้งก็ได้ปรึกษากัับคุณสาและคุณก้อยแล้ว ทั้งสองแนะนำให้ฉีดสเปรย์ Sooting Protection Spray บ่อยๆอาจจะช่วยได้ อย่างไรก็ดีต้องขอขอบคุณ Dermalogica มากๆนะคะ ที่มอบโอกาสดีๆแบบนี้ให้ทรายค่ะ^^   Create Date : 09 พฤศจิกายน 2553     Last Update : 24 มกราคม 2554 0:06:45 น. Counter : 3804 Pageviews.   9 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com