ทริปนี้จัดมาแบบง่ายๆ ด้วยอยากพาเด็กๆไปเที่ยวช่วงปิดเทอม โปรแกรมหลักๆของทริปนี้คือ Legoland + Universal และ Sea Aquarium
ตั๋วเครื่องบิน เคยบอกตัวเองว่าถ้าได้ตั๋วไปสิงคโปร์ 4 คนราคาไม่ถึงหมื่น จะจอง และสุดท้ายแอร์เอเชียเค้าก็ปล่อยมาให้เราจริงๆ ...เราจึงทำตามสัญญา... 5555
เราออกเดินทางวันที่ 6 ตค. เป็นวันที่ดอนเมืองแตก คนทะลักมาก คุยกับเจ้าหน้าที่ตม. เค้าบอกว่าวันนี้คนเยอะเป็นประวัติการณ์ (เท่าที่เห็นน่าจะเป็นคนจีนที่กำลังกลับประเทศ หลังจากมาเที่ยวประเทศไทยช่วงหยุดยาววันชาติบ้านเค้านะ)
ขากลับชิลล์สบายๆ ที่ Changi Airport คนโล่งมาก ที่เคาร์เตอร์เช็คอินที่สนามบิน Changi เราต้องโหลดกระเป๋าด้วยตัวเอง (ในไทย มี counter check-in ด้วยตัวเอง แต่เวลาโหลดกระเป๋ายังต้องผ่านเจ้าหน้าที่) ตอนโหลดกระเป๋าที่ Changi ไป ก็อดคิดไม่ได้ว่า AI เข้ามาในชีวิตเราเร็วมากจริงๆ แถมแม่นยำด้วย ตอนสแกนกระเป๋านี่ เซ็นเซอร์จับได้รอบกระเป๋าเลย ต่อไปคนจะตกงานกันอีกมากขึ้นแค่ไหน หากเรายังไม่รู้จักปรับตัว...
ที่พัก อันนี้เป็นเหตุผลหลักในการมา คือจะใช้บัตรสมาชิก accor ที่กำลังจะหมดอายุ เลยเอามาพักที่สิงคโปร์ซะเลย 3 คืนแรกเราพักที่ Mercure Roxy คืนสุดท้ายพักที่ Sofitel Sentosa ใช้สิทธิ์พักฟรี
Mercure Roxy - เราจองผ่านเว็ป Accor ด้วยราคาคืนละ 3,200 บาท รวมอาหารเช้า ข้อดีของรร.นี้คือมีรถรับส่งระหว่างสนามบินกับรร. อีกอันนึงที่ชอบคือไลน์บุฟเฟ่อาหารเช้าที่หลากหลายดี มีทั้งอาหารฝรั่ง, อาหารจีน, อาหารญี่ปุ่น และที่เราชอบมากคือ กาแฟม็อคค่าจากเครื่องชงที่นี่อร่อย
อ้อ ที่นี่ถ้าเรามีเด็กมา เค้ามีจัดเตียงเสริมไว้ให้ด้วย (ไม่คิดค่าบริการเพิ่ม) สิ่งที่ไม่ชอบอย่างเดียวในห้องคือ ไม่มีสายฝักบัว เวลาอาบน้ำให้เด็กงี้ เราเปียกไปด้วยเลย
ทำเลห่างไกลรถไฟฟ้ามาก คิดว่าจะเดินไปขึ้นนะ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไกล ต้องขึ้นรถเมล์ไปเพื่อจะขึ้นรถไฟฟ้า (อากาศตอนเราไปร้อนชื้นด้วย เลยยอมแพ้) แต่หน้ารร.มีป้ายรถเมล์เลย คือถ้าขึ้นรถเมล์นี่สะดวกมาก เราก็อาศัยขึ้นรถเมล์ตอนเช้า ฝึกให้ขึ้นรถเมล์กัน ส่วนขากลับมารร.อาศัยแท็กซี่เอา (เด็กๆหมดแรง)
ตรงข้ามรร.เป็นห้าง Parkway Parade ไปฝากท้องที่นั่นได้ คืนที่เราไปถึงห้างปิดแล้ว เลยไปกินแม็คโดนัลแถวนั้นแทน
Hello Singapore! We are from Thailand!
Sofitel Sentosa - คืนสุดท้ายย้ายที่จาก Mercure ไปพักที่ Sentosa เราไปแต่เช้า (9.30 น.) กะว่าจะไปฝากกระเป๋าก่อน แต่ห้องว่างเลย check in ได้เลย จริงๆแล้วเรามีเวลาอยู่ที่รร.น้อยมาก เพราะวางกระเป๋าเสร็จเรารีบออกไป Universal กลับมาอีกทีก็สามทุ่ม
รร.กว้างขวางดี ให้ความรู้สึกถึงการมาพักที่รีสอร์ท ห้องตกแต่งสไตล์ luxury (แอบรู้สึกว่าฝุ่นเยอะ เดาว่าห้องน่าจะว่างมาสักระยะหนึ่ง) ที่นอนนุ่มสบายสไตล์ Sofitel แต่...ปลอกหมอนเอย ผ้าเช็ดตัวเอย มีรอยขาดรุ่งริ่ง ชุดคลุมอาบน้ำมีคราบเลอะด้วยอ่า (ติได้อีกยัยแม่ )
บรรยากาศโดยรอบรร.ก็โอเค เหมือนมาพักรีสอร์ทที่ภูเก็ต อากาศตอนกลางวันร้อนๆเหนอะๆเหมือนกัน 555 จากรร.เราเดินไปที่ชายหาด คือ..ไม่น่านั่งเลย มันเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าเสียเป็นส่วนใหญ่ เราถามเพื่อนที่สิงคโปร์ เค้าบอกว่าพวกเค้าก็ไม่มาเล่นน้ำที่นี่ มิน่าเลยมาเล่นน้ำทะเลบ้านเรากัน
ที่นี่มีรถ shuttle ไปส่งที่ห้าง vivo ซึ่งถ้าเราจะไป Universal เค้าจะแวะส่งเราที่ Resort World ด้วย (จาก Resort World เดินเข้า Universal ได้เลย) แต่ขากลับ จาก Universal ไปรร. ไม่มี shuttle bus นะ ต้องนั่งรถ bus หรือ taxi กลับ
ที่เที่ยว
Legoland - เราไป Legoland โดยใช้บริการรถบัส WTS ซึ่งไปขึ้นที่ Singapore Flyer ค่ารถไปกลับคนละ SGD 24 (เด็กผู้ใหญ่คิดเท่ากัน) ขาไปเราออกจากสิงคโปร์ 9.00 น. แต่ไปถึงเลโก้แลนด์เกือบเที่ยง!! จริงๆมันน่าจะเร็วกว่านี้แหละ แต่วันนั้นตม.คนเยอะ เสียเวลารอคิวเลย
ไปถึงปุ๊บ เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปสวนน้ำก่อน แล้วค่อยกลับมา theme park เค้าบอกว่าบ่ายๆมักจะฝนตก ซึ่งถ้าฝนหนักเค้าจะปิดสวนน้ำ แต่เราไม่ทำตาม 5555 ไม่อยากเปียกก่อนอ่าา
เราเริ่มต้นกันที่ Theme park ก่อน ของเล่นที่นี่เหมาะกับ young kid จริงๆ ถ้าเป็นเด็กโตหน่อยอาจจะรู้สึกน่าเบื่อ แต่สำหรับลูกๆเรา 5 ขวบ กับ 6 ขวบ สนุกกันมาก เล่นได้เกือบทุกอย่าง
สิ่งที่ชอบมากที่สุดคือ Ninjago มันเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี 555 เป็นเครื่องเล่นเดียวที่เล่นกันสองรอบ บ้านเราได้คะแนนสูงสุดทั้งสองรอบเลย หึๆ แต่ละคนเคลมกันใหญ่ว่าตัวเองเป็นคนทำให้ทีมได้ที่หนึ่ง
ใครที่เป็นสาวกเลโก้ น่าจะชอบที่นี่ Model หลายๆอย่างทำมาจากเลโก้ (แม้กระทั่งป้าย Entrance/ Exit) โดยเฉพาะสตาร์วอร์ แฟนพันธุ์แท้อย่างคุณสามีนี่ดูไปอินไปกันเลยทีเดียว
ดูสิ มีเลโก้ไซส์พอดีกับตัวเราด้วย ยืนด้วยกัน ช่างกลมกลืนเสมือนหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน 555
ส่วนสวนน้ำ ไม่ได้รู้สึกต่างกับสวนน้ำที่บ้านเราเท่าไหร่ (บ้านเราดีกว่าด้วย) แต่ที่เป็นกิมมิคของที่นี่ก็คือตัวต่อเลโก้ที่ลอยในน้ำนี่แหละ สวนน้ำที่นี่ปิด 18.00 น. แล้วเราก็ต้องไปขึ้นรถบัส(คันเดิม)กลับสิงคโปร์ ซึ่งรถออก 18.45 น.
ส่วนตัวนะ เราว่าความเป็นมืออาชีพยังสู้ Universal ไม่ได้เลย ทั้งพนักงาน, ทั้งการตกแต่ง และของเล่น ยังไม่รู้สึกว่าหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งได้ แต่สำหรับเด็กๆ เราว่าความสนุกของพวกเค้าเกินราคาตั๋วมาก ชอบกันมาก
Universal Studio Singapore - ถ้าเปรียบเทียบกับ legoland แน่นอนที่นี่มืออาชีพกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ USJ ก็แน่นอน ญี่ปุ่นชนะขาดลอย 555 แค่คนที่ไปเที่ยวนี่ก็ต่างกันละ คนญี่ปุ่นเค้าอินกับอะไรพวกนี้ เวลาที่เราไปอยู่ในบรรยากาศเดียวกับเค้า เราก็รู้สึกอินไปด้วย
ที่ USS เราว่ามีของเล่นที่เด็กเล็กเล่นได้มากกว่า USJ (อ้อแต่ USJ มี small world สำหรับเด็กเล็กเช่นกัน) เราเล่นในโซนมาดากัสก้า, shrek, Jurrasic world (เฉพาะที่ไม่หวาดเสียว อิแม่กลัว , transformer (ลูกๆเก่งกว่าแม่ นั่งใส่แว่น 3มิติ ดูจนจบ ส่วนอิแม่แอบถอดแว่นออก 555), โซน Mommy ปล่อยพ่อเข้าไปคนเดียว แม่ลูกนั่งกินไอติมรอ
Universal ที่นี่ปิดเร็วอ่ะ 18.00 น. ก็ปิดแล้ว เลยออกมาเดินเล่นกันด้านหน้า USS แล้วก็ฝากท้องมื้อเย็นไว้กับร้านอาหารหน้า USS กัน หลังจากนั้นไปเดินเล่นใน resort world กันต่อ
Sea Aquarium - เมื่อพ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งไป Aquarium ที่โอซาก้า ก่อนจะมาที่นี่ มันเลยทำให้เราไม่ได้ประทับใจ Aquarium ที่นี่เท่าไหร่ (เพราะโดนเปรียบเทียบกับโอซาก้า )
ผู้เชี่ยวชาญด้านปลาทะเลคนข้างกาย บอกว่าปลาที่นี่ป่วยเยอะ ถ้าจะแก้ต้องล้างบางทั้งตู้เลย เรื่องใหญ่มาก แต่สิ่งที่ถือเป็น hilight ของที่นี่เลยก็คือ Giant Panel Aquarium ซึ่งเค้าเคลมว่ามันใหญ่ยักษ์ที่สุดในโลกด้วย แฟนเรางี้ถึงกับทึ่งกับความใหญ่และเป็นชิ้นเดียวของ panel (ไม่สามารถถ่ายภาพออกมาได้ทั้ง panel เลยขอยืมรูปจากอากู๋มาให้ดูแทน) cr รูปจาก: https://www.sgtravelinfo.com
Singapore City - เราเริ่มต้นวันด้วย Bugis คนอินเดียเยอะมาก สุดท้ายคุณสามีได้แว่น VR สำหรับ Mavic Drone จากห้าง Sim Lim (ถูกกว่าไทยเกือบ 4,000)
จาก Bugis กะจะไป china town แต่ฝนตกหนัก เราเลยเปลี่ยนไป Orchard แทน ก็ไปห้าง ION, Takashimaya แวะกินกลางวันกันที่ Crystal Jade อร่อยดี คุณสามีถูกใจพริกของที่นี่ กินกับติ่มซำเด็ดมาก ส่วนเด็กๆชอบทุกอย่าง ทั้งบะหมี่ที่เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี, หมูสามชั้นอบน้ำผึ้ง (ตั้งชื่อไทยให้เอง 555) คนเสิร์ฟบอกว่า Must Try ซึ่งอร่อยจริงๆ
จาก Takashimaya เราเดินข้ามไปห้าง lucky ถึงกับผงะ เหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกนึง all are Filipino!! เฮ้ย..สิงคโปร์ถูกคนฟิลิปปินส์ครองเมืองไปแล้วหรอ คือคาใจมากว่าคนฟิลิปปินส์มหาศาลเหล่านี้เป็นใครกัน เลยถามเพื่อนที่สิงคโปร์ เพื่อนบอกว่า วันอาทิตย์เป็นวัน Maid day off พวกแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์เค้าก็จะนัดกันออกมาสังสรรค์แถว Orchard แล้วห้าง Lucky นี่ก็เป็นเหมือนบ้านของพวกเค้าในการนัดสังสรรค์กันเลย
"อ้าว แล้วคนสิงคโปร์ไปไหนกัน" เราถามต่อ เพื่อนบอกว่าคนสิงคโปร์ไปแถว Somerset (ห้าง 313), Douby Ghaut, Marina Bay Sand ที่เหลืออยู่บ้าน 555 ว่าแล้วเราก็เคลื่อนพลไป Marina Bay Sand กันต่อเลย
ที่ Marina Bay Sand เราเดินชิลล์กันไปเรื่อยๆ แวะ Garden by the Bay พอกลางคืนเราก็ดูไฟกัน แล้วก็กลับรร. เป็นอันจบหนึ่งวันในเมืองสิงคโปร์
ปิดท้ายด้วยรูปน่ารักๆของสองหนุ่ม รอบนี้เด็กๆโตขึ้นมาก ช่วยเหลือตัวเองกันได้เยอะมาก น่ารักกันมาก
สรุปโปรแกรมทริปรอบนี้ Day I: เดินทางถึงสิงคโปร์ตอนค่ำ Day II: Legoland Day III: เดินเล่นในเมือง (Bugis > Orchard > Marina Bay Sand) Day IV: USS Day V: Sea Aquarium > เดินทางกลับ
Create Date : 12 ตุลาคม 2560 | | |
|
Last Update : 12 ตุลาคม 2560 22:13:12 น. |
| |
Counter : 1002 Pageviews. |
| |
|
|