space
space
space
space

2018 หลีเป๊ะ Heaven on Earth - วันที่ 3..ดำน้ำโซนในและโซนนอก


Day 3 (จันทร์ที่ 26 มี.ค.18)

วันนี้เรามีโปรแกรมดำน้ำรอบใน+นอก ซึ่งเราจอง Adang Sea Tour มาจากงานไทยเที่ยวไทยเช่นกัน คนละ 750 บาท (เด็กคิดครึ่งราคา) 

แต่จริงๆแนะนำให้ไปจองที่หลีเป๊ะเลยดีกว่า ถูกกว่า มีโปรแกรมให้เลือกเยอะกว่า ไปที่ถนนคนเดิน แถวหาดพัทยา มีหลายร้านให้เลือกเยอะเลย

เรือที่พาเราไปดำน้ำเป็นเรือหางยาว สามารถนั่งได้ไม่เกิน 10 คน กัปตันมารับครอบครัวเราเป็นครอบครัวแรกที่หน้ารีสอร์ท ตอน 9.00 น. แล้วค่อยไปรับคนอื่นที่หาด Sunrise ต่อ 


ชอบการนั่งเรือหางยาวไปดำน้ำ มันได้ฟิลลิ่งธรรมชาติดี ยิ่งเรือพาเราออกมาไกลขึ้น ยิ่งเห็นน้ำทะเลที่เป็นสีมรกต และเมื่อมองย้อนกลับไปที่เกาะหลีเป๊ะ เห็นสีน้ำตัดกันสวยมากเลย


จุดแวะแรกคือ "เกาะหินซ้อน" (เห็นปุ๊บรู้ปั๊บเลย หินซ้อนสมชื่อจริงๆ Smiley ) แต่ไม่ได้ลงนะ เรือแค่จอดให้ดูแล้วถ่ายรูปเฉยๆ


จุดแวะที่สอง (จุดดำน้ำจุดแรก) คือ "เกาะไผ่" นักดำน้ำตัวจิ๋วพร้อมละค้าบบ


ตอนแรกเด็กๆไม่กล้าลง แต่กัปตันน่ารัก เอาห่วงยางมาคล้องเด็กๆแล้วจูงไป คุณแม่เลยได้อานิสงส์เกาะห่วงยางเด็กๆตามไปด้วย Smiley


แค่ที่แรกก็สวยแล้วอ่ะ Smiley ประการังเยอะมาก เป็นโลกใต้น้ำที่สมบูรณ์จริงๆ กัปตันลากไปตรงจุดที่มีดอกไม้ทะเลเยอะๆ (ปกติเวลาเราดำน้ำเอง เรามักจะดำอยู่แถวเรือ) แต่รอบนี้ได้ไปไกล ได้เห็นอะไรสวยๆเยอะ เป็นการดำน้ำที่ประทับใจมาก ระหว่างดำน้ำ กัปตันก็ช่วยถ่ายรูปพวกเรา รวมถึงรูปดอกไม้ทะเลใต้น้ำให้ด้วย


หอยเม่นเยอะอยู่ เด็กๆระวังกันด้วยนะจ๊ะ


จุดแวะที่ 3 (ดำน้ำจุดที่ 2) คือ "เกาะดง" ที่นี่สวยต่างจากที่แรก มีรูปแบบของประการังไม่เหมือนกัน ประการังที่เกาะนี้ตื้นมาก สวยมาก แค่ดำอยู่แถวที่เรือจอดก็สวยแล้ว รอบนี้เราแอบเกรงใจกัปตัน กลัวจะหนักลากไป 3 คน เลยปล่อยเด็กๆไปกับกัปตัน ส่วนปะป๊ากับมะม๊าค่อยๆว่ายตามไป ขอบอกว่าดำน้ำที่นี่..เหนื่อยมากกก เพราะประการังตื้นมาก ต้องถีบขาว่ายตลอด ไม่กล้ายกตัวขึ้นมา กลัวขาไปโดนประการังSmiley


นีโม่รีบมาว่ายโชว์ตัวก่อนเพื่อนเลย 


ปลาดาวตัวเบ้อเร่อเ ส่วนรูปเจ้าปลาไหลมอเรย์เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา


ปลิงทะเลก็มา


จ๊ะเอ๋..งูทะเล ว่ายหนีๆๆๆ Smiley


กัปตันบอกว่าโชคดีวันนี้ฟ้าเปิดมาก (เมื่อวานและวันก่อน ฟ้ายังครึ้มอยู่เลย) เราเลยได้มีโอกาสเห็นประการังสวยๆ 


จุดแวะที่ 4 คือ หาดกำนัน ที่เกาะรอกลอย เป็นจุดแวะพักทานอาหารกลางวันกัน น้ำทะเลที่นี่ก็ใสกิ๊กเช่นกัน


เด็กๆเห็นถึงกับวิ่งลงไปเล่นแบบลืมกินข้าวกันเลย ที่นี่มีจุดชมวิวสองฝั่งด้วย กินข้าวกลางวันเสร็จแล้วอย่าลืมขึ้นไปชมวิวกัน


จุดแวะที่ 5 คือ "หาดลิง" ลิงเยอะมากกก แค่เรือเทียบฝั่ง ฝูงลิงก็กรูกันเข้ามาละ (มันคงรู้ว่าถ้าเรือมา มันจะได้ของกิน) กัปตันให้เอาเปลือกแตงโมไปให้ลิง โอ้โหแต่ละตัววิ่งมาแย่งกันตะครุบ บนเกาะนี้มีชิงช้าให้ไกวเล่นด้วย แต่อากาศร้อนเหลือเกิน


แม้จะร้อนสักแค่ไหน แต่มาทั้งที เราต้องไปสัมผัสน้ำทะเลให้ครบทุกจุดที่เราแวะ ดูซิว่าจะเค็มเหมือนกันทุกที่ไหม 5555


จากจุดนี้ เรือใช้เวลาพอสมควรกว่าจะไปถึง เกาะหินงาม ด้วยอากาศยามบ่าย+ลมโกรก+ท้องอิ่ม เด็กๆก็หลับกันเลยจ้า (ขนาดเราผู้ใหญ่ยังเคลิ้ม Smiley)


จุดแวะที่ 6 "เกาะหินงาม" เนื่องจากเราไม่ได้ใส่รองเท้ามาขึ้นเรือ ตั้งแต่ออกจากรีสอร์ท ซึ่งบนเกาะนี้ถ้าไม่ใส่รองเท้านี่ เท้าพองแน่นอน Smiley เนื่องจากหินร้อนมาก พี่กัปตันสองคนเลยให้เรายืมรองเท้าใส่เดิน (เด็กๆให้นอนอยู่บนเรือไป ปะป๊ะมะม๊าจะไปเดินสวีตบนเกาะ Smiley)


หินบนเกาะนี้มันเจ๋งมาก มันถูกน้ำกัดซัดเซาะจนทำให้ทั้งหิน ทั้งประการัง แม้กระทั่งซากหอยมือเสือ กลายร่างซะกลมมนกันขนาดนี้ นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนเจอหินแบบนี้ เอาไปเล่นหมากเก็บกันสนุกเลย 555

จุดแวะที่ 7 ซึ่งเป็นจุดสุดท้าย "ร่องน้ำจาบ้ง" เราเริ่มหมดแรง เลยให้คุณสามีลงไป เราจะนั่งเฝ้าลูกบนเรือให้ ที่นี่เป็นร่องน้ำ ไม่ได้อยู่ริมเกาะเหมือนจุดดำน้ำจุดอื่น เวลาดำ เราจะต้องเกาะเชือกไปเรื่อยๆ เค้าจะมีล้อมเชือกไว้ (จุดนี้น้ำแรงมากด้วย) 

สักพักคุณสามีกลับมา บอกว่าเราต้องไปดู สวยจริงๆ เอาว้า..ไปก็ไป (แม้จะอยากนอนแล้วก็ตาม Smiley)  ที่นี่ กัปตันเป็นคนจูงเราไป เฮ้ย..มันสวยมากกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) ดอกไม้ทะเลเหมือนในรูปที่เคยเห็น แต่นี่มันคือของจริง!!!! 


สวยจนเกินบรรยาย ดอกไม้ทะเลสีสันเยอะมาก ฝูงปลาก็เยอะ ทั้งกัลปังหา ประการังฟองน้ำ มีหมด (นี่ถ้าไม่ได้ลงมาดำจุดนี้ จะเสียใจมากเลยนะเนี่ย)


เป็นจุดสุดท้ายที่มา แล้วประทับใจที่สุดเลย ขึ้นมาบนเรือ แล้วเดินทางกลับด้วยความรู้สึกอิ่มเอม คุ้มค่ามากที่ได้มาดำน้ำที่นี่ รักธรรมชาติใต้น้ำ รักท้องทะเลที่สวยงามของประเทศเรา อยากจะรณรงค์ให้ทุกคนช่วยกันรักษาให้อยู่กับพวกเราไปอีกนานเท่านาน

กลับมาถึงเกาะหลีเป๊ะประมาณ 4 โมงเย็น เด็กๆตื่นพอดี พลังกลับมา เลยมานั่งเล่นน้ำเล่นทรายที่หน้ารร.กันต่อ


นี่คือผลงานการปั้นของคุณพ่อค่าาา กลมดิ๊กเลย


เย็นนี้ เรายังคงไปฝากท้องที่ถนนคนเดินเหมือนเดิม เพราะต้องไปรับรูปที่กัปตันถ่ายใต้น้ำให้ที่ shop ซึ่งอยู่ที่ถนนคนเดิน 

ชอบบรรยากาศยามเย็น บนเกาะหลีเป๊ะมากๆ


กินข้าวเสร็จ เราเดินสำรวจถนนคนเดินจนทะลุออกมาที่หาดพัทยา

หาดพัทยา..ได้อารมณ์เมืองพัทยาจริงๆ กลางคืนยังคึกครื้น ผู้คนมานั่งดื่มกันริมหาด


ร้านค้าหลักๆบนถนนคนเดินที่มี คือ 1) ร้านอาหาร 2) ร้านนวด 3) ร้านขายของชำ (มี 7-11 สองสาขา และ 1 minimart ขนาดใหญ่ ที่ราคาถูกกว่า 7-11)  4) ร้านบริการทัวร์ดำน้ำ ซึ่งแนะนำให้มาจองทัวร์ดำน้ำที่เกาะหลีเป๊ะเลย ตรงถนนคนเดินมีหลายร้านมาก มีหลายโปรแกรมให้เลือกด้วย ส่วนราคาเราว่าถูกกว่าจองผ่านเอเจ่นต์ด้วยนะ ซึ่งบริษัทฯที่พาเราไปดำน้ำวันนี้ชื่อ Koh Lipe Star Travel (เดาว่าทาง Adang Sea Tour ที่เราจองมา น่าจะส่งต่อให้ที่นี่อีกที) กัปตันของที่นี่ดูแลเลย รูปที่ถ่ายให้ เราไปรับรูปได้ที่ shop ตรงถนนคนเดินเลย รูปที่ให้อยู่ในรูปแบบของไฟล์ สามารถเอา thump drive ไปดูดได้เลย หรือใครใช้โทรศัพท์ Android ก็สามารถไปดึงมาได้เลยเช่นกัน ที่สำคัญไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย Smiley




 

Create Date : 25 เมษายน 2561   
Last Update : 26 เมษายน 2561 17:58:01 น.   
Counter : 1325 Pageviews.  
space
space
2018 หลีเป๊ะ Heaven on Earth - วันที่ 2..เดินทางสู่เกาะหลีเป๊ะ


เราจองรถตู้ไปกลับหาดใหญ่-ท่าเรือปากบารา และเรือไปกลับหลีเป๊ะ จาก Adang Sea Tour จากงานไทยเที่ยวไทย คนละ 1,200 บาท (ราคาเท่ากันทั้งเด็กและผู้ใหญ่)

ตอนแรกเล็งไว้ว่าจะจองกับ easylipe ในเน็ต แต่พอไปเดินในงานททท. เจอบูธ Adang ราคาถูกกว่า + ได้โปรโมชั่นบัตรเครดิตด้วย คุณแม่สายคำนวณเลยไม่รีรอ จัดการสอยมาเลยจ้าา Smiley

หลังจากที่ใช้บริการมาแล้ว ไม่ผิดหวังเลย ที่นี่ระบบการจัดการดี แล้วก็ตรงเวลาด้วย ก่อนวันเดินทางจะมีเจ้าหน้าที่โทรมาคอนเฟิร์มสถานที่และเวลารับ ซึ่งเราให้รถมารับที่รร.ในหาดใหญ่


Day II (อาทิตย์ 25 มี.ค. 18)

เช้านี้ ทุกคนตื่นกันแต่เช้า เพราะรถจะมารับตอน 8.30 น. อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบบริการตัวเอง ซึ่งเราชอบนะ ได้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านเลย เดินไปปิ้งขนมปัง หยิบน้ำ หยิบผลไม้ในตู้เย็น ชงกาแฟ ฯลฯ ห้องอาหารอยู่ชั้นลอย นั่งกินอาหารเช้าไป มองเมืองหาดใหญ่ไป เพลินดี 


พวกเราอำลารร.นี้ไปด้วยมิตรภาพและความช่วยเหลือที่นี่ของพนักงาน ถ้ามีโอกาสได้ไปหาดใหญ่อีกครั้ง ก็อยากไปพักอีก

จากหาดใหญ่สู่ท่าเรือปากบารา จ.สตูล ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ พอถึงท่าเรือ รถตู้จะไปจอดให้เราลงที่หน้าร้านของ Adang Sea Tour เพื่อทำการเช็คชื่อ และติดสติ๊กเกอร์สำหรับขึ้นเรือ

บรรยากาศที่ท่าเรือปากบาราในช่วงสายๆของวันอาทิตย์ คนก็จะประมาณนี้ 


ระหว่างนั่งรอเรือที่ท่า มีร้านสะดวกซื้อในนี้ด้วย ใครหิวก็หาอะไรรองท้องกันก่อนได้


เรือไปเกาะหลีเป๊ะ มีทั้งเรือเฟอร์รี่และเรือ speed boat เราเลือกนั่งเรือ speed boat จะได้แวะเกาะไข่กับเกาะตะรุเตาด้วย


แว่นกันแดดเป็นสิ่งที่จำเป็นบนเรือ เพราะบางจังหวะมีละอองทรายสาดเข้ามาด้วย


จุดแรก..เรือแวะที่เกาะตะรุเตา ก่อนจะเข้าเกาะอย่าลืมเตรียมคูปองเข้าอุทยาน (ได้มาจากท่าเรือปากบารา) ยื่นให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะจ๊ะ

น้ำใสดีจริงๆ ตะรุเตา..สถานที่ๆเคยคุมขังนักโทษอุกฉกรรจ์และนักโทษการเมืองสมัยก่อน เหตุผลที่เค้าเอามาขังไว้ที่นี่ก็คือ..หนียากนั่นเอง ต่อให้หนีผู้คุมไปได้ ก็ยังต้องฝ่าด่านฉลามในท้องทะเลไปด้วย Smiley


เรามีเวลาอยู่บนเกาะแว็บเดียว ยังไม่ทันได้เดินดูรอบๆเลย ก็ได้เวลาวิ่งกลับมาขึ้นเรือแล้ว Smiley


จากเกาะตะรุเตา..มาสู่เกาะไข่ (จุดแวะที่ 2) ที่เกาะนี้มีซุ้มประตูหินธรรมชาติ หรือที่รู้จักกันว่า "ซุ้มรักนิรันดร" คู่รักคู่ไหนที่มาแวะที่นี่ ก็จะมาลอดซุ้มนี้เพื่อให้รักยืนยาว ส่วนของเรา ขอถ่ายในระยะไกลก็ละกัน คนเยอะเหลือเกิน (ซุ้มด้านหลังที่คนเยอะๆนั่นล่ะ) Smiley



และในที่สุด..เราก็มาถึง "เกาะหลีเป๊ะ"

เรือมาส่งเราที่หน้าหาดพัทยา หลังจากนั้นจะมีเรือหางยาวของ resort มารับเราไปยังที่พัก (เสน่ห์ของหลีเป๊ะคือเรือหางยาวนี่แหละ Smiley)



ที่พักบนเกาะหลีเป๊ะ 

เราพักกันที่ เทนมูน รีสอร์ท (Ten Moons) 2 คืนเลย ที่พักตั้งอยู่ชายขอบของหาด Sun Rise  

บรรยากาศ หน้าหาดสงบ ไม่มีเรือมาจอด หน้าหาดมีต้นไม้และโขดหิน ทำให้ดูร่มรื่น กลางวันไม่ร้อนมาก


มีเปลญวณใต้ต้นไม้ด้วย ชอบบบบ


Lobby เปิด open แบบนี้เลย โล่งๆดี ชอบ


ห้องพักแบบ Beach Front ซึ่งเราไม่ได้พัก 5555 


พนักงาน เป็นกันเอง และช่วยเหลือดีมาก ประทับใจตั้งแต่ลงเรืองหางยาว ก็มีพนักงานเข้ามาทักทาย มาช่วยยกกระเป๋า ช่วยถ่ายรูปครอบครัวให้ น่ารักมากๆ


ห้องพัก เราชอบห้องบรรยากาศไทยๆแบบนี้แหละ แต่ของใช้ในห้องบางอย่างดูทรุดโทรม (เทียบกับราคาห้องแล้ว ของใช้ในห้องน่าจะดีกว่านี้) วันที่ไป แอร์ไม่เย็น พอช่างขึ้นมาดู บอกว่าน้ำยาแอร์ใกล้หมด แต่ช่างก็เข้ามาแก้ปัญหาให้ ห้องพักที่นี่อยู่บนเนิน เวลาเดินกลับห้องอาจจะเหนื่อยหน่อย ตอนเช้าเห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากระเบียงห้องเลย แต่ว่ามีต้นไม้บัง เลยเห็นได้ไม่ชัดเท่าไหร่


สิ่งที่ไม่ค่อยชอบคือห้องน้ำ ที่อาบน้ำเล็กไปนิด น้ำไหลลงท่อระบายช้า ไม่มีป้ายติดไว้ว่าอะไรคือสบู่ อะไรคือแชมพู ของที่มีให้ในห้องน้ำน้อยไปนิดนึง


วิวจากระเบียง มองเห็นทะเลลิบๆ


ทำเล ค่อนข้างไกลจากถนนคนเดิน (ที่วงไว้สีแดงคือที่พัก ส่วนเส้นสีแดงคือถนนคนเดิน) เราต้องเดินผ่านหาดซันไรท์ แล้วตัดเข้าตรงรร. Anda เพื่อเดินทะลุไปยังถนนคนเดิน ตอนขาไปยังโอเค แต่ขากลับเนี่ยสิ รู้สึกว่าไกลมาก 555 ที่นี่มีบริการ taxi ด้วย (แถวบ้านเรียกมอเตอร์ไซค์ติดพ่วงข้าง Smiley) ราคาคิดเป็นหัวๆละ 50 บาท รับส่งได้รอบเกาะ วันแรกเราใช้บริการ taxi จากถนนคนเดินกลับมาที่พัก เพราะเด็กๆหลับ ผาดโผนดี มีไต่เนินด้วย 555


กิจกรรมวันนี้ ก็คือเล่นน้ำที่หาดหน้ารร. น้ำไม่ใสมากเท่าไหร่ คงเพราะมีโขดหิน แต่ความเค็มนี่ เค็มได้ใจมาก เค็มกว่าทะเลแถวในเมืองSmiley


ประทับใจในความเป็นธรรมชาติของทะเล นี่แค่หน้าหาดนะ ใส่ snorkeling ดูปลาได้เลย ส่วนใหญ่เป็นปลาเสือ ปลานกแก้ว แล้วตามโขดหินก็มีปูเดินกันพลุกพล่านเชียว 


เย็นนี้เราไปเดินเล่น หาอะไรกินกันที่ถนนคนเดิน

บรรยากาศชิลล์ๆ เดินไป ชมบรรยากาศยามเย็นริมทะเลไป



อาหารบนเกาะ แน่นอนคือ แพง 555 แล้วก็ไม่ได้อร่อยอะไร ปูตัวเล็ก เพราะฉะนั้น มาที่นี่อย่าคาดหวังอาหารทะเลอร่อยๆ เอาแค่กินให้อิ่มท้องพอ Smiley

บนเกาะหลีเป๊ะ มี 7-11 สองสาขา ซึ่งราคาของแพงว่า 7-11 ทั่วไป วันแรกเราไปซื้อน้ำกันที่ 7-11 พอวันที่สอง เราเพิ่งค้นพบ supermarket ขนาดใหญ่ (อยู่ต้นๆทาง หากเดินมาจากหาดพัทยา) ราคาของใกล้เคียงกับบนฝั่งเลย

นี่คือสภาพ ณ สิ้นวันของคณะลูกทัวร์ของเรา หลับคาจานกันเลยทีเดียว Smiley




 

Create Date : 11 เมษายน 2561   
Last Update : 20 เมษายน 2561 16:21:25 น.   
Counter : 739 Pageviews.  
space
space
2018 หลีเป๊ะ Heaven on Earth - วันที่ 1..ณ หาดใหญ่


ทริปแรกของปีนี้ เริ่มต้นด้วยความงดงามของโลกใต้น้ำกันที่ "หลีเป๊ะ" 
เป็นการดำน้ำที่ประทับใจมาก เป็นโลกใต้น้ำที่สมูบรณ์จริงๆ (เคยประทับใจที่มัลดีฟ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว และหลังจากนั้นก็ยังไม่เคยประทับใจที่ไหนอีก จนมาเจอที่นี่แหละ..หลีเป๊ะ)



Itinerary
24 มี.ค.18 - กรุงเทพฯไปหาดใหญ่ พักหาดใหญ่ 1 คืน
25 มี.ค.18 - หาดใหญ่ไปท่าเรือปากบารา ต่อเรือไปหลีเป๊ะ 
26 มี.ค.18 - ดำน้ำเกาะในและเกาะนอก
27 มี.ค.18 - เดินทางกลับกทม.


Day I (เสาร์ที่ 24 มีค.18)

ทริปนี้พร้อมมาก มาถึงสนามบิน ดันไม่ได้เอาพาสปอร์ตเด็กๆมาด้วย Smiley(คนเล็กยังไม่มีบัตรประชาชน ต้องสูติบัตรตัวจริง ดังนั้นเราเลยเลี่ยงเอาเป็นพาสปอร์ตมาแทน เพราะพกมาง่ายกว่า) ปรากฏว่าลืม แหะๆ เลยได้ไปที่สน.ในสนามบินนี่แหละ ให้ออกใบแจ้งความมายื่นแทน

ว่าแล้วก็ออกเดินทางกันเลยค้าบบ (วันนี้คอนเซ็ปของดช.พอร์ช คือตัวการ์ตูนมาริโอ้ค้าบ ลงทุนเอาเอี้ยมน้องมาใส่แทน Smiley)


วันนี้เราขึ้น Air Asia กัน จองไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยสนนราคาที่น่าคบ 4 คน เกือบๆ 5,000 บาท เราใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯไปหาดใหญ่ 1 ชั่วโมงนิดๆ ถึงสนามบินหาดใหญ่ตอนบ่ายโมง ฝนตกต้อนรับเราพอดี แต่ตกแปบเดียว จากสนามบินหาดใหญ่เข้าเมือง ค่า taxi แอบแพง 250 บาท แต่ถ้าเรียก Grab จะถูกกว่าเพราะเค้ามีโปรฯลดราคา


หาดใหญ่ 

เรานั่ง Grab ไปลงที่รร.ในเมือง ที่พักรอบนี้คือ The Three Hat Yai เพิ่งเปิดมาได้ 6 เดือน 

ทำเล ดีมาก อยู่ตรงสาย 3 เดินไปตลาดกิมหยง, central หรือเดินหาอาหารอร่อยๆกินได้ง่าย 


ห้องพัก สะอาดและใหม่ ของใช้ในห้องใช้ของดี


เตียงนอนสบาย

อ่างล้างหน้ากับตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบ open เปิดประตูห้องเข้ามา ก็จะเจอเลย


ที่ประทับใจสุดก็คือชักโครกระบบออโต้ เหมือนที่ญี่ปุ่นเลย (สวนของชักโครกและที่อาบน้ำมีประตูปิดนะจ๊ะ ไม่โป๊ๆ)


พนักงาน อัธยาศัยดี ทั้งแม่บ้าน ทั้งพนักงานต้อนรับ รวมไปถึงยามหน้าตึก (ช่วยถ่ายรูปให้ด้วยSmiley)


หลังจากเก็บของกันเสร็จ เราก็ออกไปเดินสำรวจเมืองกัน ที่แรกที่ไปคือ ร้านบะหมี่มุยอา เป็นร้านโปรดเมื่อครั้งปะป๊ายังเป็นเด็ก (เป็นทริปวันวานรำลึกของคุณสามีจริงๆSmiley


จากอาหารคาวเราก็มาต่อที่อาหารหวาน "ขนมไข่อบเนย" เนื้อนุ่มหอมอร่อย


พอท้องอิ่ม เราก็เดินเข้าตรอกโน้นออกซอยนี้ สำรวจเมืองกันไป ระหว่างทาง เจอร้านขายขนม ได้ไข่มาริโอ้มาให้เด็กๆ ลูกละ 90 บาท ยัยแม่ก็รีบซื้อเลย (แม้ปะป๊าจะทักว่ารอไปดูในตลาดกิมหยงดีกว่า) ซื้อทั้งไข่ ทั้งขนม โดยเฉพาะช็อกโกแลต กวาดมาเพียบ ตามประสา Chocolate Lover

พอเดินไปในตลาดกิมหยง ปรากฏว่าไข่มาริโอ้ที่เราเพิ่งซื้อมา ที่กิมหยงขายแค่ 45 บาท (ขนมทุกอย่างที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ แพงกว่ากิมหยงเกือบเท่าตัวหมดเลย SmileySmiley) เราเลยต้องทำการซื้อเพิ่มเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุน 5555

หลังจากถูกตลาดกิมหยงละลายทรัพย์ เราก็เริ่มได้สติว่า เราจะต้องแบกฝูงช็อกโกแลตเหล่านี้ไปยังหลีเป๊ะด้วยนะ!!! เลยพากันกลับที่พัก นั่งเล่นตากแอร์ และให้เด็กๆได้นั่งแกะไข่กินขนมเล่นกันไป (จะได้ไม่ต้องแบกไปเยอะ Smiley)

ตกเย็นออกมาเดินเล่นดูเมืองกันใหม่ อากาศที่นี่ไม่ร้อนอบเหมือนกรุงเทพฯ ยิ่งตอนเย็นนี่เดินสบายเลย 

มื้อเย็นวันนี้ ปะป๊า proudly present ไก่ทอดแสนอร่อย ที่กินมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเด็ก ตอนเดินไปถึง หาร้านไม่เจอ เพราะตอนที่ปะป๊ากิน ยังเป็นรถเข็นอยู่เลย ตอนนี้มีหน้าร้านแล้ว "ไก่ทอดเดชา"


ด้วยความคิดถึง ปะป๊าสั่งไป 8 ปีก 3 น่อง (ปรากฎว่า กินสองมื้อยังไม่หมดเลย Smiley

จบวันแรกแบบสบายๆ นั่งดูหนังต่อในห้อง เก็บแรงสำหรับวันพรุ่งนี้กัน




 

Create Date : 28 มีนาคม 2561   
Last Update : 13 เมษายน 2561 23:28:01 น.   
Counter : 387 Pageviews.  
space
space
2017 มารีนรีสอร์ท ณ สัตหีบ - ทริปแรกรับปิดเทอม


หลังจากที่พอร์ชขึ้นชั้นประถม เราก็พยายามไม่เที่ยวช่วงเปิดเทอม เด็กๆจะได้ไม่ต้องไปตามเก็บงาน
ทริปต่างๆเลยถูกอั้นมาพลุแตกกันที่เดือนต.ค. Smiley

ประเดิมเสาร์แรกของการปิดเทอมด้วยทริปสัตหีบ

เป้าหมายของทริปนี้คือ พาเด็กๆไปเล่นที่ Harbor Land + อยากหาที่พักที่เป็นธรรมชาติๆ (ปกติพักในรร. เราก็มักจะหมดเวลาไปกับ facilities ต่างๆในรร.ไง รอบนี้อยากได้อะไรที่มันเป็น pure ธรรมชาติ)

ตอนแรกกะไปหาดน้ำใส แล้วข้ามไปดำน้ำที่เกาะแสมสาร แต่พอหาที่พักมาเรื่อยๆ มาเจอที่มารีนรีสอร์ท เฮ้ย..สวยอ่ะ เป็นหาดค่อนข้างจะส่วนตัวด้วย อยู่ในค่ายทหาร
นั่นไง..ตรงคอนเซ็ป pure ธรรมชาติของเรา จัดไป!!

เราโทรไปจองตอนปลายเดือนมิ.ย. (ตอนแรกกะไปพักช่วงหยุดยาว 8-10 ก.ค.) ปรากฎว่าเต็ม ถามพี่ทหารว่าเสาร์ที่ใกล้ที่สุดที่จองได้คือเสาร์ไหน พี่ทหารตอบว่า 23 ก.ย. Smiley อะไรจะฮ็อตขนาดนั้น กลัวของดีจะหลุดมือ เลยรีบจองไปเสาร์ที่ 23 ก.ย.

ก่อนไปพี่ทหารให้โอนมัดจำไปครึ่งนึง (1,000 บาท) พร้อมขอที่นอนเสริม (ไม่มีอาหารเช้า)

วันเดินทาง

วันนี้แพลนหลวมๆ แค่พาเด็กเที่ยวฮาร์เบอร์แลนด์ แล้วเข้าที่พัก เราจึงออกเดินทางกันแบบไม่รีบ

สมาชิกพร้อมละค้าบ


พาเด็กๆไปปล่อยพลังที่ฮาร์เบอร์แลนด์


วันนี้ที่ฮาร์เบอร์แลนด์คนน้อยกว่าครั้งก่อนที่มา


กว่าจะเดินทางมาถึงรีสอร์ทก็เย็นละ ที่พักของเราคืนนี้อยู่ในเขตของทหาร เวลาขับรถเข้ามาต้องแลกบัตรก่อน
อ้อ..ต้องบอกด้วยว่าเรามาพัก เพราะบัตรเข้าจะเป็นคนละสีกันกับคนที่มาแบบเช้าเย็นกลับ (เราพลาดมาแล้ว ต้องวนรถออกมาแลกบัตรใหม่ Smiley)
หลังจากแลกบัตร ก็ขับรถเข้ามาเรื่อยๆ บรรยากาศดีมากกก มีบ้านพักนายทหารเป็นหลังๆ เห็นแล้วถึงกับอยากให้ลูกเป็นทหารเรือเลย Smiley

ในเขตทหาร เราขับรถหลงกันอยู่หลายรอบ 555 ไม่มีป้ายบอกทางไปที่พัก อาศัยเปิดกระจกถามพี่ทหารกันเป็นระยะ

ในที่สุด เราก็เห็นทะเลอยู่ตรงหน้า เย้ๆๆๆ

หาดเตยงาม จะมีโซนที่เป็นหาดสาธารณะ และโซนที่เห็นหาดสำหรับคนที่มาพักที่มารีนรีสอร์ทซึ่งจะอยู่ท้ายหาดเลย เนื่องจากเรามาถึงเย็นแล้ว เลยรีบตรงเข้าที่พักก่อน แต่จากที่ขับผ่านหาดสาธารณะ ทะเลน่าเล่นมากเลย หน้าหาดกว้างดี

ถึงแล้ว..มารีนรีสอร์ท

ที่นี่มีบ้านหลังใหญ่กับหลังเล็ก หลังใหญ่จะอยู่บนเนิน ส่วนหลังเล็กจะอยู่ด้านล่างติดกับทะเลเลย 
มาถึงก็ไปขอกุญแจกับพี่ทหาร ซึ่งนั่งอยู่ตรงร้านอาหาร (ร้านนี้เป็นทั้งจุดรับ-คืนกุญแจ, ร้านอาหาร, ร้านค้าสวัสดิการ) 

หาดทรายหน้าบ้านพักไม่เหมาะกับการเล่นเท่าไหร่ เป็นหินซะเยอะ แต่ถ้ามานั่งพักผ่อนชิลล์นี่โอเคนะ


ริมหาด มีม้านั่งให้นั่งเป็นระยะ มีชิงช้าด้วย



หลังจากรับกุญแจ เราก็เดินไปยังบ้านพักของเรา บ้านหลังเล็กมี 3 หลัง เราได้หลังแรก
ระหว่างทางเดินไปบ้านพัก หญ้านุ่มสบายขนาดมีใครบางคนลงไปนอนแผ่ Smiley


ในส่วนของห้องพัก...ความเห็นส่วนตัวนะ เราว่าห้องพักน่าจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ อย่างบ้านที่เราพักนี่ มีอุปกรณ์หลายอย่างที่ชำรุด (คือมีสถานที่ดีๆอยู่แล้ว ถ้าทำข้างในบ้านให้ดีๆนี่ จะ perfect มาก)




ที่นี่มีร้านอาหารของทหารหนึ่งร้านให้มาฝากท้อง ซึ่งจะปิดสองทุ่ม ซึ่งเราไม่ได้ใช้บริการ ออกไปตะเวนหาอาหารทะเลกินกันข้างนอก

เช้าวันต่อมา เราเคลื่อนทัพไปเล่นน้ำที่หาดเตยงามฝั่งที่เป็นหาดสาธารณะ เพราะขับรถดูเมื่อวานแล้วหาดน่าเล่นกว่า (ถ้าเดินไปไกลอยู่ ต้องขับรถไป) 

เรามาถึงแต่เช้า ร้านค้าสวัสดิการเริ่มเปิดกันบ้างแล้ว เรารีบพาเด็กๆไปเล่นน้ำกัน ที่นี่หน้าหาดกว้าง ทรายนุ่ม ไม่มีเศษหิน จะมีก็แต่สาหร่าย 


และเนื่องจากทะเลที่นี่เป็นอ่าว ทำให้น้ำค่อนข้างนิ่ง คลื่นเบาๆ เป็นสถานที่เหมาะสำหรับเด็กๆมาเล่นน้ำได้


ขณะที่เด็กๆเล่นน้ำ ผู้ใหญ่ก็ปูเสื่อนั่งริมหาดชมวิวกันไป


สีของน้ำทะเลและสีของท้องฟ้าเมื่อมาบรรจบกัน Smiley


ประกาศให้ท้องทะเลรู้ว่า ข้าชื่อ PORSCHE Smiley


จริงๆสถานที่นี้เหมาะสำหรับเด็กๆนะ ด้วยคลื่นที่ไม่แรง และหน้าหาดกว้าง แต่เราว่าทรายที่นี่ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ นอกจากนี้เราได้กลิ่นเหม็นๆเหมือนห้องน้ำด้วย ตอนแรกนึกว่าคิดอยู่คนเดียว จนตอนหลังคุณสามีเดินมาบอกให้ขึ้นเถอะ เค้าไปเห็นท่อจากห้องน้ำปล่อยมาในทะเล

แค่นั้นแหละวิ่งขึ้นกันแทบไม่ทัน Smiley

เป็นอันจบทริปสัตหีบแต่เพียงเท่านี้ อำลากันด้วยอาหารทะเลอีกสักมื้อที่ครัวคุณตุ่ม บ้านอำเภอ


บ้ายบาย.. sea sand sun




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2560   
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2560 17:35:23 น.   
Counter : 7386 Pageviews.  
space
space
2017 Singapore - ทริปสองสวนสนุกเพื่อเด็กน้อย


ทริปนี้จัดมาแบบง่ายๆ ด้วยอยากพาเด็กๆไปเที่ยวช่วงปิดเทอม
โปรแกรมหลักๆของทริปนี้คือ Legoland + Universal และ Sea Aquarium

ตั๋วเครื่องบิน
เคยบอกตัวเองว่าถ้าได้ตั๋วไปสิงคโปร์ 4 คนราคาไม่ถึงหมื่น จะจอง และสุดท้ายแอร์เอเชียเค้าก็ปล่อยมาให้เราจริงๆ ...เราจึงทำตามสัญญา... 5555

เราออกเดินทางวันที่ 6 ตค. เป็นวันที่ดอนเมืองแตก คนทะลักมาก คุยกับเจ้าหน้าที่ตม. เค้าบอกว่าวันนี้คนเยอะเป็นประวัติการณ์ (เท่าที่เห็นน่าจะเป็นคนจีนที่กำลังกลับประเทศ หลังจากมาเที่ยวประเทศไทยช่วงหยุดยาววันชาติบ้านเค้านะ)

ขากลับชิลล์สบายๆ ที่ Changi Airport คนโล่งมาก ที่เคาร์เตอร์เช็คอินที่สนามบิน Changi เราต้องโหลดกระเป๋าด้วยตัวเอง (ในไทย มี counter check-in ด้วยตัวเอง แต่เวลาโหลดกระเป๋ายังต้องผ่านเจ้าหน้าที่) ตอนโหลดกระเป๋าที่ Changi ไป ก็อดคิดไม่ได้ว่า AI เข้ามาในชีวิตเราเร็วมากจริงๆ แถมแม่นยำด้วย ตอนสแกนกระเป๋านี่ เซ็นเซอร์จับได้รอบกระเป๋าเลย ต่อไปคนจะตกงานกันอีกมากขึ้นแค่ไหน หากเรายังไม่รู้จักปรับตัว...

ที่พัก
อันนี้เป็นเหตุผลหลักในการมา คือจะใช้บัตรสมาชิก accor ที่กำลังจะหมดอายุ เลยเอามาพักที่สิงคโปร์ซะเลย 3 คืนแรกเราพักที่ Mercure Roxy คืนสุดท้ายพักที่ Sofitel Sentosa ใช้สิทธิ์พักฟรี Smiley

Mercure Roxy - เราจองผ่านเว็ป Accor ด้วยราคาคืนละ 3,200 บาท รวมอาหารเช้า ข้อดีของรร.นี้คือมีรถรับส่งระหว่างสนามบินกับรร. อีกอันนึงที่ชอบคือไลน์บุฟเฟ่อาหารเช้าที่หลากหลายดี มีทั้งอาหารฝรั่ง, อาหารจีน, อาหารญี่ปุ่น และที่เราชอบมากคือ กาแฟม็อคค่าจากเครื่องชงที่นี่อร่อย Smiley


อ้อ ที่นี่ถ้าเรามีเด็กมา เค้ามีจัดเตียงเสริมไว้ให้ด้วย (ไม่คิดค่าบริการเพิ่ม) สิ่งที่ไม่ชอบอย่างเดียวในห้องคือ ไม่มีสายฝักบัว เวลาอาบน้ำให้เด็กงี้ เราเปียกไปด้วยเลย


ทำเลห่างไกลรถไฟฟ้ามาก คิดว่าจะเดินไปขึ้นนะ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไกล ต้องขึ้นรถเมล์ไปเพื่อจะขึ้นรถไฟฟ้า (อากาศตอนเราไปร้อนชื้นด้วย เลยยอมแพ้) แต่หน้ารร.มีป้ายรถเมล์เลย คือถ้าขึ้นรถเมล์นี่สะดวกมาก เราก็อาศัยขึ้นรถเมล์ตอนเช้า ฝึกให้ขึ้นรถเมล์กัน Smiley ส่วนขากลับมารร.อาศัยแท็กซี่เอา (เด็กๆหมดแรง) 


ตรงข้ามรร.เป็นห้าง Parkway Parade ไปฝากท้องที่นั่นได้ คืนที่เราไปถึงห้างปิดแล้ว เลยไปกินแม็คโดนัลแถวนั้นแทน

Hello Singapore! We are from Thailand! Smiley


Sofitel Sentosaคืนสุดท้ายย้ายที่จาก Mercure ไปพักที่ Sentosa เราไปแต่เช้า (9.30 น.) กะว่าจะไปฝากกระเป๋าก่อน แต่ห้องว่างเลย check in ได้เลย จริงๆแล้วเรามีเวลาอยู่ที่รร.น้อยมาก เพราะวางกระเป๋าเสร็จเรารีบออกไป Universal กลับมาอีกทีก็สามทุ่ม

รร.กว้างขวางดี ให้ความรู้สึกถึงการมาพักที่รีสอร์ท ห้องตกแต่งสไตล์ luxury (แอบรู้สึกว่าฝุ่นเยอะ เดาว่าห้องน่าจะว่างมาสักระยะหนึ่ง) ที่นอนนุ่มสบายสไตล์ Sofitel แต่...ปลอกหมอนเอย ผ้าเช็ดตัวเอย มีรอยขาดรุ่งริ่ง ชุดคลุมอาบน้ำมีคราบเลอะด้วยอ่า (ติได้อีกยัยแม่ Smiley

บรรยากาศโดยรอบรร.ก็โอเค เหมือนมาพักรีสอร์ทที่ภูเก็ต อากาศตอนกลางวันร้อนๆเหนอะๆเหมือนกัน 555 จากรร.เราเดินไปที่ชายหาด คือ..ไม่น่านั่งเลย มันเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าเสียเป็นส่วนใหญ่ เราถามเพื่อนที่สิงคโปร์ เค้าบอกว่าพวกเค้าก็ไม่มาเล่นน้ำที่นี่ มิน่าเลยมาเล่นน้ำทะเลบ้านเรากัน


ที่นี่มีรถ shuttle ไปส่งที่ห้าง vivo ซึ่งถ้าเราจะไป Universal เค้าจะแวะส่งเราที่ Resort World ด้วย (จาก Resort World เดินเข้า Universal ได้เลย) แต่ขากลับ จาก Universal ไปรร. ไม่มี shuttle bus นะ ต้องนั่งรถ bus หรือ taxi กลับ

ที่เที่ยว

Legoland - เราไป Legoland โดยใช้บริการรถบัส WTS ซึ่งไปขึ้นที่ Singapore Flyer ค่ารถไปกลับคนละ SGD 24 (เด็กผู้ใหญ่คิดเท่ากัน) ขาไปเราออกจากสิงคโปร์ 9.00 น. แต่ไปถึงเลโก้แลนด์เกือบเที่ยง!! จริงๆมันน่าจะเร็วกว่านี้แหละ แต่วันนั้นตม.คนเยอะ เสียเวลารอคิวเลย


ไปถึงปุ๊บ เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปสวนน้ำก่อน แล้วค่อยกลับมา theme park เค้าบอกว่าบ่ายๆมักจะฝนตก ซึ่งถ้าฝนหนักเค้าจะปิดสวนน้ำ แต่เราไม่ทำตาม 5555 ไม่อยากเปียกก่อนอ่าา

เราเริ่มต้นกันที่ Theme park ก่อน ของเล่นที่นี่เหมาะกับ young kid จริงๆ ถ้าเป็นเด็กโตหน่อยอาจจะรู้สึกน่าเบื่อ แต่สำหรับลูกๆเรา 5 ขวบ กับ 6 ขวบ สนุกกันมาก เล่นได้เกือบทุกอย่าง


สิ่งที่ชอบมากที่สุดคือ Ninjago มันเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี 555 เป็นเครื่องเล่นเดียวที่เล่นกันสองรอบ บ้านเราได้คะแนนสูงสุดทั้งสองรอบเลย หึๆ แต่ละคนเคลมกันใหญ่ว่าตัวเองเป็นคนทำให้ทีมได้ที่หนึ่ง Smiley


ใครที่เป็นสาวกเลโก้ น่าจะชอบที่นี่ Model หลายๆอย่างทำมาจากเลโก้ (แม้กระทั่งป้าย Entrance/ Exit) โดยเฉพาะสตาร์วอร์ แฟนพันธุ์แท้อย่างคุณสามีนี่ดูไปอินไปกันเลยทีเดียว


ดูสิ มีเลโก้ไซส์พอดีกับตัวเราด้วย ยืนด้วยกัน ช่างกลมกลืนเสมือนหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน 555


ส่วนสวนน้ำ ไม่ได้รู้สึกต่างกับสวนน้ำที่บ้านเราเท่าไหร่ (บ้านเราดีกว่าด้วย) แต่ที่เป็นกิมมิคของที่นี่ก็คือตัวต่อเลโก้ที่ลอยในน้ำนี่แหละ สวนน้ำที่นี่ปิด 18.00 น. แล้วเราก็ต้องไปขึ้นรถบัส(คันเดิม)กลับสิงคโปร์ ซึ่งรถออก 18.45 น.


ส่วนตัวนะ เราว่าความเป็นมืออาชีพยังสู้ Universal ไม่ได้เลย ทั้งพนักงาน, ทั้งการตกแต่ง และของเล่น ยังไม่รู้สึกว่าหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งได้ แต่สำหรับเด็กๆ เราว่าความสนุกของพวกเค้าเกินราคาตั๋วมาก ชอบกันมาก Smiley

Universal Studio Singapore - ถ้าเปรียบเทียบกับ legoland แน่นอนที่นี่มืออาชีพกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ USJ ก็แน่นอน ญี่ปุ่นชนะขาดลอย 555 แค่คนที่ไปเที่ยวนี่ก็ต่างกันละ คนญี่ปุ่นเค้าอินกับอะไรพวกนี้ เวลาที่เราไปอยู่ในบรรยากาศเดียวกับเค้า เราก็รู้สึกอินไปด้วย


ที่ USS เราว่ามีของเล่นที่เด็กเล็กเล่นได้มากกว่า USJ (อ้อแต่ USJ มี small world สำหรับเด็กเล็กเช่นกัน) เราเล่นในโซนมาดากัสก้า, shrek, Jurrasic world (เฉพาะที่ไม่หวาดเสียว อิแม่กลัว Smiley, transformer (ลูกๆเก่งกว่าแม่ นั่งใส่แว่น 3มิติ ดูจนจบ ส่วนอิแม่แอบถอดแว่นออก 555), โซน Mommy ปล่อยพ่อเข้าไปคนเดียว แม่ลูกนั่งกินไอติมรอ Smiley


Universal ที่นี่ปิดเร็วอ่ะ 18.00 น. ก็ปิดแล้ว เลยออกมาเดินเล่นกันด้านหน้า USS แล้วก็ฝากท้องมื้อเย็นไว้กับร้านอาหารหน้า USS กัน หลังจากนั้นไปเดินเล่นใน resort world กันต่อ


Sea Aquarium - เมื่อพ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งไป Aquarium ที่โอซาก้า ก่อนจะมาที่นี่ มันเลยทำให้เราไม่ได้ประทับใจ Aquarium ที่นี่เท่าไหร่ (เพราะโดนเปรียบเทียบกับโอซาก้า Smiley)


ผู้เชี่ยวชาญด้านปลาทะเลคนข้างกาย บอกว่าปลาที่นี่ป่วยเยอะ ถ้าจะแก้ต้องล้างบางทั้งตู้เลย เรื่องใหญ่มาก แต่สิ่งที่ถือเป็น hilight ของที่นี่เลยก็คือ Giant Panel Aquarium ซึ่งเค้าเคลมว่ามันใหญ่ยักษ์ที่สุดในโลกด้วย แฟนเรางี้ถึงกับทึ่งกับความใหญ่และเป็นชิ้นเดียวของ panel (ไม่สามารถถ่ายภาพออกมาได้ทั้ง panel เลยขอยืมรูปจากอากู๋มาให้ดูแทน)

cr รูปจาก: https://www.sgtravelinfo.com

Singapore City - เราเริ่มต้นวันด้วย Bugis คนอินเดียเยอะมาก สุดท้ายคุณสามีได้แว่น VR สำหรับ Mavic Drone จากห้าง Sim Lim (ถูกกว่าไทยเกือบ 4,000) 

จาก Bugis กะจะไป china town แต่ฝนตกหนัก เราเลยเปลี่ยนไป Orchard แทน ก็ไปห้าง ION, Takashimaya แวะกินกลางวันกันที่ Crystal Jade อร่อยดี คุณสามีถูกใจพริกของที่นี่ กินกับติ่มซำเด็ดมาก ส่วนเด็กๆชอบทุกอย่าง ทั้งบะหมี่ที่เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี, หมูสามชั้นอบน้ำผึ้ง (ตั้งชื่อไทยให้เอง 555) คนเสิร์ฟบอกว่า Must Try ซึ่งอร่อยจริงๆ


จาก Takashimaya เราเดินข้ามไปห้าง lucky ถึงกับผงะ เหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกนึง all are Filipino!! เฮ้ย..สิงคโปร์ถูกคนฟิลิปปินส์ครองเมืองไปแล้วหรอ คือคาใจมากว่าคนฟิลิปปินส์มหาศาลเหล่านี้เป็นใครกัน เลยถามเพื่อนที่สิงคโปร์ เพื่อนบอกว่า วันอาทิตย์เป็นวัน Maid day off พวกแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์เค้าก็จะนัดกันออกมาสังสรรค์แถว Orchard แล้วห้าง Lucky นี่ก็เป็นเหมือนบ้านของพวกเค้าในการนัดสังสรรค์กันเลย 


"อ้าว แล้วคนสิงคโปร์ไปไหนกัน" เราถามต่อ เพื่อนบอกว่าคนสิงคโปร์ไปแถว Somerset (ห้าง 313), Douby Ghaut, Marina Bay Sand ที่เหลืออยู่บ้าน 555 ว่าแล้วเราก็เคลื่อนพลไป Marina Bay Sand กันต่อเลย

ที่ Marina Bay Sand เราเดินชิลล์กันไปเรื่อยๆ แวะ Garden by the Bay พอกลางคืนเราก็ดูไฟกัน แล้วก็กลับรร. เป็นอันจบหนึ่งวันในเมืองสิงคโปร์


ปิดท้ายด้วยรูปน่ารักๆของสองหนุ่ม รอบนี้เด็กๆโตขึ้นมาก ช่วยเหลือตัวเองกันได้เยอะมาก น่ารักกันมาก SmileySmiley


สรุปโปรแกรมทริปรอบนี้
Day I: เดินทางถึงสิงคโปร์ตอนค่ำ
Day II: Legoland
Day III: เดินเล่นในเมือง (Bugis > Orchard > Marina Bay Sand)
Day IV: USS
Day V: Sea Aquarium > เดินทางกลับ




 

Create Date : 12 ตุลาคม 2560   
Last Update : 12 ตุลาคม 2560 22:13:12 น.   
Counter : 1002 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  5  6  7  8  9  

ด้วยรักและผูกพัน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]






space
space
[Add ด้วยรักและผูกพัน's blog to your web]
space
space
space
space
space