รายการเที่ยวประจำช่วงนี้ ...ภูกระดึงจ้า...

เป็นที่เที่ยวที่วางแผนมายาวนานมาก จำได้ตั้งแต่สมัยจบใหม่ๆ วางแผนจะไปเที่ยวภูกระดึงทุกปีๆ แต่ไม่รู้เป็นไง.. มีอุปสรรคซะทุกปี..

ในที่สุดได้ฤกษ์งามซะที ..

ขั้นแรก.. ลางานก่อน บอกพี่ที่ทำงาน
"พี่เอ๋ๆ วันจันทร์ฝ้ายจะป่วยนะ.."
โอเช..ภารกิจแรกเรียบร้อย

ตอนแรกก็กะการก่อนว่าจะเอาอะไรไปบ้างน่อ..หลังจากไปค้นข้อมูลต่างๆทางเน็ตว่าต้องเอาอะไรไปบ้าง เตรียมตังค์เท่าไหร่ ไปยังไง..ก็หยิบสมุดโน๊ตมาจดๆ อืมๆ ไฟฉาย เทียน เตนท์ ถุงนอน เสื้อผ้า และอีกสารพัด..

ปกติจะบ้าหอบฟาง คราวนี้เลยรู้สึกภูมิใจมั่กๆ ที่สามารถยัดของใส่ลงกระเป๋าใบเดียวได้..

วันศุกร์มาถึง เราขับรถออกจาตากประมาณบ่ายสอง แวะไปรับเจิน หมอฟันโหด.. คณะทัวร์รายที่หนึ่ง รายที่สองเป็นพี่ลุกซ์ พี่ที่เริ่มทำงานพร้อมกัน แต่แอบหนีเราย้ายกลับมาทำงานแถวบ้าน..

กว่าจะออกจากกำแพงเพชรที่ทีสองสาวร่วมคณะอยู่นี่ก็ปาเข้าไปซะทุ่มหนึ่ง..เอารถไปฝากไว้ที่บ้านป้า อาบน้ำอาบท่าหน้าตาสดใสพร้อมเที่ยวมากๆ..

ขึ้นรถจากพิษณุโลกประมาณ 5 ทุ่ม ถึงขนส่งจังหวัดเลย ตอนตีสองใกล้ๆตีสาม!!
นั่ง(หลับ) รอรถต่อไปอำเภอภูกระดึงตอนตีสามห้าสิบ ถึงอ.ภูกระดึงตอนตีห้า แวะล้างหน้าล้างตา กินกาแฟ จนหกโมงกว่าๆ รถสองแถวที่ไปภูเค้ามา ถึงได้เคลื่อนขบวนสามสาวไปตีนภูกัน

ถึงตีนเขา อช.ภูกระดึง สมทบด้วยฟิล์มน้องสาวที่เดินทางมาจากกรุงเทพ แวะจัดข้าวจัดของกัน รวมของเตรียมให้ลูกหาบขนของ



ฟิล์มที่มาถึงก่อนหน้าไปเสียค่าธรรมเนียมที่พัก นอนเตนท์ที่เอาไปกันเอง สี่คน สองคืนรวม 240 บ. แล้วไปมัดจำของพวกถุงพลาสติก ขวด ร้อยหนึ่ง พร้อมทั้งเซ็นชื่อเข้าร่วมโครงการพิทักษ์ภู ที่ขาลงถ้าขนขยะมา 1 กก. เค้าจะให้ใบประกาศหนึ่งใบ

จากนั้นไปจุดจ้างลูกหาบ ซื้อบัตรติดกระเป๋า สี่ใบ 8 บาทชั่งน้ำหนักของของสี่ชีวิตรวมได้ 32 กก. x 15 เป็น 480 บ.

เรียบร้อยแล้วก็เริ่มเดินหน้า ไปซื้อบัตรเข้า อช. ราคาเต็มผู้ใหญ่ 40 บ. ถ้ามีบัตร นร. นศ. ได้ครึ่งราคา แต่ละคนเลยค้นบัตรกันใหญ่ เรายังเรียนรามอีกใบอยู่ (ปีสี่แล้ว แต่เก็บหน่วยกิตได้ไม่ถึงครึ่งอ่ะ T-T) ตกลงไปสี่คน คิดครึ่งราคาไปซะสาม รวมแล้ว 100 บ. พอดี

ได้เวลาเดินทางแล้ววว... เราถ่ายรูปกันแทบตลอดทาง ถ่ายกะป้าย ถ่ายกะทางเดิน ถ่ายกะต้นไม้..ไม่บ้ากล้องกันเท่าไหร่เล้ยยย..



เหมือนกับเป็นการพักเหนื่อยเป็นช่วงๆ



ที่สำคัญระหว่างทางเติมของหวานกันเรื่อยๆ อันนี้ฟิล์มกำลังป้อนชอคโกแลตให้..เป็นน้องสาวที่ดีเจงๆ


ตอนสี่ กม. แรก มีการโม้..ว่าเดินมานี่ยังไม่เท่าไหร่ เหนื่อย แต่ยังไม่มาก พอถึงหลังแป 1.3 กม. สุดท้าย โฮ้ยยยย..ถอนคำพูดแทบๆไม่ทัน..

พี่ลุกซ์ กะเจิน สองคนนี่สุดยอดมาก ลิ่วๆไปก่อน เหลือฝ้ายกะฟิล์มสองพี่น้อง..ที่ค่อยๆแฮ่กๆตามไป หยุดพักนับได้เกือบยี่สิบครั้งมั้ง..

แต่ในที่สุดก็มาถึงจนได้ เริ่มขึ้นตอนเจ็ดโมงยี่สิบ ถึงตอน สิบโมงห้าสิบ สามชั่วโมงครึ่งพอดี..


เราก็ดีใจ ถึงแล้ววว...
แต่ต้องเดินไปที่ทำการที่จะกางเตนท์กันอีกสามกม.กว่าๆ

ระหว่างทาง เดินไปถามกันไป
"เมื่อไหร่จะถึงซักทีน่อ.."
"หิวแล้ววว"
มีความรู้สึกสามกิโลนี่เป็นสามกิโลแม้วรึไงเนี่ย ทำไมไกลจัง..


ในที่สุดก็มาถึง ดิ่งตรงไปร้านข้าวเติมพลังกัน อาหารมือแรกข้าวราดแกง สี่จาน น้ำสองขวด แล้วก็มานั่งรอ เดินรอ นอนรอ หลับรอ กว่าลูกหาบจะขนของขึ้นมาก็รอเกือบสองชั่วโมง..

เราเป็นฝ่ายอุปกรณ์หนัก กางเตนท์ไป เตรียมสถานที่ ให้สาวๆที่เหลือก็จัดข้าวจัดของ ซื้อเสบียง อาหารที่กินไปย่อยแล้ว เลยทำหน้าที่แม่ครัวเอก..ต้มน้ำ..ลวกมาม่า..เก่งจริงๆเลยเรา เพราะเป็นคนเตรียมแก๊สกระเป๋าไป มีการคุยเล็กน้อย ถ้าไม่มีแม่ครัวคอยต้มน้ำอย่างฉัน เธอๆต้องแย่แน่..ปกติไอ้เราก็ไม่เคยทำกับข้าวซักที..
ได้เกิดก็บนภูกระดึงนี่เอง..หุหุ

พอแดดร่มซักประมาณบ่าย 4 โมงกว่าๆ ก็ชวนกันเดินไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก ระยะทางประมาณ 2 กม. แต่ปรึกษากัน ว่าด้วยเรียวแรงที่จะทำสปีดกันได้ นี่ไปกันแต่เนิ่นๆดีก่า

ไปถึงผาหมากดูกแบบเดินชมนกชมไม้ ประมาณ ห้าโมง พระอาทิตย์ยังสูงอยู่ ฟิล์ม เจิน พี่ลุกซ์ ถ่ายรูปรอกันสนุกสนาน..


เราเลยแจมด้วยการ..หลับ..รอ



ก็งีบเล็กๆผ่านไป ไม่เหนื่อยเล้ยยย ปากแข็งอยู่.. ตื่นมาถ่ายรูปกะชาวบ้านดีกว่า


และในที่สุด พระอาทิตย์ตกแล้ววว อ๊ะๆ มาให้เราคีบไว้ก่อน..


จากนั้นก็เดินกลับ เริ่มมืดเราก็พยายามจ้ำนิดหนึ่ง อืมๆ เดินเร็วที่ไม่ค่อยปวดขาแฮะ..

ถึงเตนท์ก็หิวกันอีกแล้ว..กินกันเก่งจริงๆคณะนี้..
ฟิล์ม กะ พี่ลุกซ์ไปห้องน้ำ เหลือเรากะเจินเราก็ต้มน้ำอีกรอบ..อยู่ๆเจินกรี๊ดดด เราก็ตกอกตกใจ "เป็นไรๆ "
เจินบอกว่าจับข้อเท้าโดนอะไรหยุ่นๆคิดว่าเป็นทาก ใช่ไม่ใช่ก็กรี๊ดก่อน ตอนนี้ก็สะบัดมันไปไหนก็ไม่รู้แล้ววว

สักพักเรานั่งชิดริมเตนท์ รู้สึกคันๆตรงเหนือขอบกางเกงมาหน่อยแฮะ เอามือแตะดู ฮัดช่า..เอาเข้าแล้วไง รีบจับสะบัด ไม่กลัวมันนะ แต่ไม่อยากโดนมันดูดเลือดอ่ะ..ก็ยังไม่ทันโดดดูดจริงๆ..

เตนท์ข้างๆ เค้าไปจับมาให้ดู ไอ้เราวิญญาณครูชีวะเข้าสิง ดูๆ ตรงไหนปากมันหว่า เอาปูนขาวที่โรยรอบเตนท์ มาทดสอบล้อมๆตัวมัน เฮ้ย..มันไม่เป็นไรนี่ มันก็คงไม่ชอบอ่ะนะ แต่ก็ดูไม่ค่อยกลัวฤทธิ์ปูนขาวเลย..คราวนี้สามสาวที่เหลือวิตกจริตกันถ้วนหน้า ไปซื้อถุงกันทากกันใหญ่..

วันที่หนึ่งผ่านไป อากาศไม่หนาวเท่าไหร่ ต่ำสุด 13 องศา

----------------------------------

วันที่ 2

เมื่อคืนหลับสบายแต่ขยับตัวทีนี่ลำบากหน่อย เพราะเริ่มตึงขากันแล้ว

ตอนเช้าตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ..
เราก็ตื่นแบบงัวเงีย เค้าปลุกเราก็ตื่น แวะเข้าห้องน้ำแป๊บ หน้าตาก็ไม่ได้ล้าง เดินไปอีก 1 กม. ในใจคิด กิโลแม้วอีกแล้วเฟ้ยย เพราะขาเริ่มปวดแล้ว สปีดหอยทากเลยตอนนี้

ไปถึงก็นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายรูปตามระเบียบ หน้าตาแต่ละคนนี่สุดยอดมั่กๆ เพิ่งตื่นจะเอาที่ไหนมาสวยน่อ..


ระหว่างรอมาโพสต์ท่ากันทากกันก่อน


แสงสวยๆของพระอาทิตย์มาแล้ววว


พระอาทิตย์วันใหม่



หลังจากนั้นเดินกลับ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า มานั่งปรึกษากัน วันนี้ระยะทางที่เราต้องไปนี่กว่ายี่สิบกม. ถ้าเราเดินกันไปคาดว่าสี่ทุ่มคงจะกลับมาถึงเตนท์ ขานี่ก็ปวดกันถ้วนหน้า ขนาดเมื่อคืนกินยาคลายกล้ามเนื้อ กะนวดทาถูๆแล้วนะ

อย่ากระนั้นเลยขี่จักรยานไปดีกว่า..เช่าคันละ 300 บ./วัน สำหรับคณะเรานี่ถือว่ามันช่วยชีวิตได้เยอะมากๆ

ที่แรกที่คณะเราอยากไปกันมากๆ คือ ไปดูใบเมเปิ้ลสีแดง
ถามเจ้าหน้าที่แล้วได้ความว่าที่น้ำตกถ้ำใหญ่กำลังสวย
คือ ไม่ไกลแล้วก็มีใบเมเปิ้ลแดง ถ้าเป็นน้ำตกอื่นนี่ก็ต้องไปอีกไกลกว่าหน่อย

เราก็ โอ้..ตอนนี้เรี่ยวแรงชักไม่มี ใกล้ไว้เป็นดี ก็ไม่ผิดหวัง ใบเมเปิ้ลสวยเชียว อันนี้ภาพระยะไกล


คนอื่นเค้ามีภาพเมเปิ้ลบนถุงกันทาก เราไม่มี เลยจัดให้..


ฝ้าย กะ เจิน


จากนั้นก็ไปสระอโนดาต สระน้ำบนภู น้ำเย็นเจี๊ยบ


กับป้ายให้รู้ มาถึงแล้วนะ..



การขี่จักรยานเนี่ย เหนื่อยเหมือนกันแฮะ... ตอนปั่นผ่านทุ่ง ทางชันขึ้นประมาณ 15 องศา ตลอดทางนี่ทรมานมากๆ ปวดขาไม่ใช่เล่น...

เราก็ปั่นสปีดเต่า พอทรงตัวไม่ล้ม ค่อยๆไป ตอนนี้บอกกัน ใครจะนำไปก่อนก็ไปเลยนะ..เด๋วจะค่อยๆตามไป.. ชักเมื่อยขาเมื่อยก้นกันถ้วนหน้า..

แวะพักๆ


ก็แวะกันทุกๆผาที่เค้าระบุป้ายไว้ ชมวิวไปพักไป
รูปนี้หน้าตายังสดใส..แต่ในใจคิดถึงหมวกที่ลืมเอามามากๆ


ทางที่ต้องปั่น ตั้งเป้าหมายกันว่าจะไปให้ถึงผาหล่มสัก จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ช่วงไหนทางชัน ช่วงไหนเจอทรายก็ต้องลงจูง


ดอกกุหลาบพันปี เจอหลังร้านค้าระหว่างทาง


เก็บภาพสวยๆกันตามทาง


ในที่สุดก็ถึงแล้ว..ผาหล่มสัก.. ก่อนไปชมวิว แวะร้านน่ารักๆ ร้านชมพู่มะเหมี่ยว


เติมพลังกับกาแฟสดราคาเท่ากะที่ทานข้างล่างภูเลย ที่สำคัญได้หม่ำบราวนี่ด้วย อร่อยดีนะ ชิ้นไม่แพงด้วย 10 บ. เท่านั้นเอง แต่ด้วยความเหนื่อย เลยกินกันได้ไม่มาก

มีโปสการ์ดขาย เราก็เลยซื้อมานั่งเขียนๆ .. ส่งให้ตัวเอง ให้พ่อแม่ ให้ป้า ให้คณะทุกคนที่ไปด้วย เขียนอย่างเมามันมั่กๆ จนคนอื่นๆเค้าแทบจะหลับรอ..


รูปบังคับ หุหุ


ซักบ่ายสองเกือบบ่ายสามตัดสินใจกลับจากผาหล่มสัก ไม่ดูพระอาทิตย์ตกดินกันแล้ว..

ระหว่างทางกลับ


วิวสวยๆ


กลับมาถึงเตนท์ช่วงใกล้ๆห้าโมงเย็น ได้อาบน้ำสบายๆ เดินดูร้านค้า ต้มน้ำกินมาม่ากับอาหารเสริมที่ไปซื้อมา พร้อมทั้งเตรียมตัวเก็บข้าวของ
นวดขากันถ้วนหน้า เพราะเหนื่อยและเพลียกันพอสมควร
คืนที่สองนี่เข้านอนกันตั้งแต่สองทุ่ม..

อุณหภูมิต่ำสุด 13 องศาเหมือนเดิมม

---------------------------------------------


วันที่ 3

ตื่นเช้ามาไม่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันละ อาบน้ำแต่งตัว เก็บของ ดื่มกาแฟ เก็บเตนท์ จัดการกันเรียบร้อยราวๆ ใกล้ๆเจ็ดโมงเช้า

เอาของไปชั่งปรากฎว่าน้ำหนักเพิ่มมา 1 กก. จาก32 เป็น 33 กก. หนักเตนท์ที่เก็บตอนชื้นๆ กะขยะทั้งหลายของเราที่ไม่ได้ทิ้งข้างบนภู แต่เก็บลงมาด้วย

ก่อนจะไปก็ถ่ายรูปกันอีกแล้วว


หน้าที่ทำการ


ทางขากลับนี่ใกล้กว่าขามาจริงๆนะนี่



ก่อนลงภูขออีกซักภาพน่า..


แล้วจะกลับมาอีกจ้า..ภูกระดึง

:: ข้อมูลภูกระดึง ::
-->> อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
-->> ภูกระดึง : จากเว็บ trekkingthai