Water Lilly Pukpui doesn't fit lulu pug on postcard Sky for Fonkoon

มาเดอรีน เปย์รูซ์ สำหรับคนชอบหวานน้อย





^ ^
^ ^
^ ^
เมื่อตอนกระนู่นที่ฟังเพลงนี้ครั้งแรก ทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่ง เกิดคำถามวิ่งพล่านในหัวคือ โอ้วววซ์ นี่มันคือเสียงร้องของผู้ใดกันล่ะเนี่ย...
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มรูปหล่อก็เอาสันกล่องซีดีเขกเหน่งเบาๆ
"Madeleine Payroux อัลบั๊ม Careless Love ตอนบอกไม่ฟัง พอฟังแล้วถาม นี่แน่"
เมื่อโดนเขกเหน่งจึงเกิดบันดาลโทสะเข้าใช้กำลังปลุกปล้ำชายหนุ่มรูปหล่อ รวมทั้งสิ้นสามทีถ้วนโดยมีเพลง Dance me to the end of love เป็นเพลงธีมประกอบการปลุกปล้ำ

หุ หุ หุ เล่าอะไรไปเนี่ย อายจางเย้ย

คือเรื่องของเรื่อง
อยากจะบอกว่าเพลง Dance me to the end of love
ที่ Madeline มาcoverนั้น ฟังแล้วสนุกแต่เซ็กซี่แบบฮึกเหิมจัง
ซึ่งเพลงนี้ก็อยู่ในอัลบั๊ม Careless Love (2004) อัลบั๊มลำดับที่สองของมาเดอรีน

เสียงเท่แบบนี้ มาเดอรีนเป็นนักร้อง/นักกีตาร์/นักแต่งเพลง ชาวอเมริกัน แต่ตอนอายุ13 ย้ายตามคุณแม่ไปใช้ชีวิตที่ปารีส อายุ15ก็เล่นดนตรีกับกลุ่มStreet musician เข้าออกคลับแจ๊ซเป็นว่าเล่น

ตอนนี้มาเดอรีนก็กลับมาดังที่บ้านเกิดแล้ว แต่จากที่อ่านข่าวและสัมภาษณ์ มาเดอรีนจัดเป็นนักดนตรีที่เก็บเนื้อเก็บตัว เคยมีข่าวเธอหายตัวไปจนทางค่ายเพลงจ้างนักสืบออกตามหา (จริงๆก็หนี พวกทีมงานค่ายเพลงนั่นแหละ สงสัยเซ็ง)

ในบทสัมภาษณ์มาเดอรีนบอกว่า
"ใจความสำคัญของปรัชญาชีวิต ก็คือการได้อยู่กับคนกลุ่มเล็กๆแล้วได้ทำอะไรที่น่าสนใจก็พอ"
แปลไทยเป็นไทย เวอร์ชั่นดิฉันเองได้ว่า
"ชีวิตเนี่ยขอแค่ได้เล่นดนตรีริมถนนก็บรรลุแล้วฮ่ะ"

เออนะ มักน้อยดี แต่ดูจากหน้า+งานเพลง แล้วท่าเธอจะพูดจริง

ตอนนี้อัลบั๊มล่าสุดของเมอเดอรีน คือ Helf the perfect world (2006)
ซึ่งโดยส่วนตัวชอบอัลบั๊มล่าสุดมากที่สุด
Deamland --> อัลบั๊มแรก ร้องแบบtraditional มาก
Careless Love --> ครึ่งแรกของอัลบั๊มชอบ แต่ครึ่งหลังหดหู่ไปหน่อย

เลยแถมเพลงในอัลบั๊มล่าสุดมาให้ฟัง
Half the perfect world กับ I'm All Right ซึ่งเธอเพลงหลังเนี่ยเธอร่วมแต่งด้วย











 

Create Date : 31 มีนาคม 2551    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 12:12:09 น.
Counter : 537 Pageviews.  

(^o^) วิเวียน บัคเซก สดใส สดใส ร่าเริง ร่าเริง



ครั้งก่อนหยิบเพลงลิซ่า บาสเซ็ง สาวน้อยดงเบียร์(ก็ประเทศอะไรหนอ ดื่มเบียร์แทนน้ำ...อย่าตอบพี่ไทยนะ)

บล๊อกนี้ก็ยังทัวร์ยุโรปอยู่ ร้อนแบบนี้ก็ควรฟังอะไรสดใสๆ ร่าเริงๆ
ก็เลยหยิบสาวน้อยสวีเดน Vivian Buczek - Straight from my heart มาให้ฟัง

อัลบั๊มนี้เป็นเพลงcoverทั้งหมด โดยน้องวิบอกว่า เลือกมาร้องด้วยหัวใจทั้งสิ้น(เออ..สำนวนน้องวิจริงๆ เขียนไว้บนปก แปลออกมาแล้วเซียวไปสองกระบิ)

ดับร้อนหนึ่ง Feel like making love
ก็นะร้อนเยี่ยงนี้จะไปทำอย่างอื่นทำไม มันก็ต้องเพลงนี้แหละ
ต้นฉบับเดิม เจ้าแม่เพลงSoul Roberta Flack ร้องไว้ครับท่าน



ดับร้อนสอง Too close for comfort
เร็วขึ้นมาอีกนิด ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกสดชื่นเขียวๆดี
น้องวิบอกว่า ฟังครั้งแรกที่ป้าเอลล่ากับปู่นัท คิง โคล ร้อง มันช่างกระตุกต่อม ขับสารหลั่ง ก่อเกิดแรงบันดาลใจสุดยอดอะไรเฉกเช่นนี้ ....
(อ่านะ อันนี้แปลเวอร์ไปนิดส์ แต่ก็ราวๆว่า "what wonderful inspiration")
คิ คิ คิ












 

Create Date : 30 มีนาคม 2551    
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 12:11:29 น.
Counter : 714 Pageviews.  

ลิซ่าบอกว่า "เราทุกคนล้วนจำต้องมีที่ไป"



อากาศฮ้อนๆ(แปลว่า...อากาศร้อนๆ)เช่นนี้ ควรจะฟังเพลงอะไรบรรเทาอาการร้อนใน หุหุหุ...ก็ต้องบอกว่า บอสซ่า
ว่าแล้วก็งัดรวมฮิตของป้าโอโนะมาฟังสามหมื่นรอบ จนแทบฟังโปรตุกีสออก...ซะงั้น
พอคลายร้อนลงได้บ้างแต่ก็เริ่มเกิดอาการเบื่อ จึงเกิดอาการอยากลองของใหม่

ประจวบเหมาะกับพ่อหนุ่มรูปหล่อ(แฟนเราเอง)ยื่นCD Lisa Bassenge มาให้แทนผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่ไหลย้อย "ฟังซะ...ก่อนจะกลายร่างไปเป็นป้าโอโนะ"

อ่ะนะ...ดูจากปกและรายนามเพลงมิน่าใช่ เพลงประจำชาติ(ชาติบอสซ่าโนว่า) แต่ก็นะ สุดเลิฟอุตส่าหามาให้ฟัง ก็กระดกสักกึบก็แล้วกัน

ฟังไปสามเพลงแรก แบบว่า...แอ๊บแบ๊วไปนะตัวเอง พลิกปกดูเสียงน่าจะเถื่อนกว่านี้สัก3เดซิเบล น้ำเสียงชวนให้นึกถึงน้องCorinne Bailey rae ซึ่งรายนั้นเขาแอ๊บสมวัยไง ก็เลยพักการฟังไป

จนกระทั่งวันนี้ บ่ายวันอาทิตย์อันแสนขี้เกียจ จับตัวเองแช่ห้องแอร์พร้อมกาแฟเย็น จึงได้ฤกษ์หยิบเจ๊ลิซ่ามาฟังใหม่

อุ๊เหม่...ข้าน้อยผิดไปแล้ว คนนี้เขามีของเหมือนกันนะ จึงขอถอนคำพูดที่ว่าเจ๊แก แอ๊บแบ๊ว จริงๆแล้วแกแอ็บเสียงอย่างมีสติต่างหาก

อัลบั๊ม a little loving - Lisa Bassenge
จึงเป็นอัลบั๊มเพลงCoverบวกสองเพลงใหม่ที่หยิบมาคลายร้อนได้ไม่แพ้ผ้าเย็น

ณ บัดนาว แอบกิ๊กเพลงในอัลบั๊มอยู่ ดังรายนามต่อไปนี้

1) a little loving เพลงนี้เจ๊ทำเอง มีท่อนฮุกใจเจ๋งๆว่า
everybody needs a little loving
and everybody needs a place to go
คิ คิ...ฟังแล้วเหงาซะ (ช่วง intro ดนตรีเท่มั่กๆ)




2) ohne dich ภาษาเยอรมัน แปลว่า without you จังหวะน่ารัก สดใสๆ ร่าเริงๆ
ไม่รู้หรอกนะว่า เจ๊ร้องอะไร แต่เดาจากจังหวะแล้ว
น่าจะมีความสุขมิใช่น้อยจากการไม่มีอยู่ของใครคนนั้น



3) love hurts ต้นฉบับเดิมของ Minnie Riperton อันนี้เจ็บซึมลึก

แอบแถมหนึ่ง--- overload เพราะร้องได้มีเสน่ห์ไม่แพ้น้อง Sugar babe พลิกดนตรีเป็นภารตะ เปรี้ยวซะ มะนาวสาม มะขามสี่



แอบแถมสอง--- In between days ของThe Cure ฟังเพลงนี้ต้องยกมือไหว้เจ๊ลิซ่า ในฐานะตีโจทย์เพลงนี้ได้ฉลาดหลักแหลม อันนี้แนะนำฟังต้นฉบับที่ร็อกโจ๊ะๆ แล้วมาฟังของเจ๊ลิซ่า แล้วจะรู้ว่า...เพลงCoverมันมีเสน่ห์อย่างนี้นี่เอง
คำเตือน เพลงนี้คนอกหักมาไม่เกิน14วัน ห้ามฟังเด็ดขาด



















 

Create Date : 23 มีนาคม 2551    
Last Update : 29 มิถุนายน 2551 17:40:33 น.
Counter : 400 Pageviews.  

1  2  

Evil is Live
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เริ่มแก่ขึ้นเรื่อยๆทุกปี
งานหลัก ดูหมาอ้วนๆตามร้านค้า บ้านเรือน และบาทวิถี
ความมุ่งมั่นระดับ2ปีจบ---ผลิตหนังสั้นชีวิตหมาอ้วน
ความมุ่งมั่นระดับ10ปีจบ---อ่านออก เขียนได้ 日本語
ความมุ่งมั่นระดับ25ปีจบ---เปิดร้านขายเบียร์กลั้วเพลงแจ๊ส
\(^O^)/
Creative Commons License
ทุกภาพที่ปรากฎในบล็อกนี้ (ยกเว้นระบุที่มาใกล้ภาพ) โดย Ubon V. อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ใช่งานดัดแปลง 3.0 ที่ยังไม่ได้ปรับแก้. Postcards Exchange
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Evil is Live's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.