'What a treacherous thing it is to believe that a person is more than a person'
Group Blog
 
All blogs
 
สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน...คุณชายพุฒิภัทร

หนาวกายกับหนาวใจ ...เอ อันไหนทรมานกว่ากันนะ



แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เพย์ตั้นหนาวมือโคตรค่ะ พิมพ์ๆ ไปชักรู้สึกว่านิ้วทั้งสิบกำลังเริ่มจะแข็งไปพร้อมๆ กับอากาศ แต่ก็ขี้เกียจเปิดฮีทเตอร์ กว่ามันจะอุ่น ก็โน่น หลับพอดี หุหุหุ..
ส่วนวันนี้นั้น อบอุ่นใจค่ะ ไม่ใช่อะไร...กลับบ้านมาจากห้องสมุดตอนค่ำก็พบกับเจ้านี่บนเตียงนอน กับโน๊ต post-it , unsigned.





แหม... ยิ้มเหมือนคนบ้าไปกันเลยทีเดียว



แต่ก็แอบแปลกใจเหมือนกันค่ะ เพราะล่าสุดที่คุยกันคนให้กำลังเครียดกับงานมากมายและการสอบ พอๆ กับเพย์ตั้น จนอาทิตย์นี้แทบจะไม่ได้เจอกันเลยก็ว่าได้ ขนาดวันนี้วันศุกร์แท้ๆ นะ แต่แล้วเขาก็ยังสละเวลาไปซื้อดอกไม้กับช็อกโกแลตมาให้เพราะอยากให้เรายิ้มออก




ซึ้งจนน้ำตาซึม ... ส่วนตัวเพย์ตั้นว่าอะไรแบบนี้ มันพิเศษมากกว่าดอกไม้ที่ได้รับในวันวาเลนไทน์หรือวันครบรอบอีกนะ 


แต่ซึ้งแล้วก็แอบละอายใจเล็กน้อยด้วย คือแบบว่า แอบนอกใจไปซบอกคุณชายรุจ และใครต่อใครอยู่เรื่อยนี่นา แหะๆ

สักพักมีคนมาเคาะประตูค่ะ ไปเปิดก็นะ...เจอใครไม่รู้มาชวนไปทานมื้อค่ำ ...แถมขี้ตู่อีกด้วย มาบอกเราว่า เป็นค่าตอบแทนดอกไม้กับช็อกโกแลต...นี่ถ้าไม่กำลังซึ้งคงจะมีการจิกกัดตอบกันไปตามประเพณีแล้วนะเนี่ย หุหุหุ


แต่ก็แอบกระซิบไปค่ะว่า “คราวหน้า ขอเป็นดอก Peonies นะคะ” คิก...ยังจะเรื่องมากอีก




เข้าเรื่องสำคัญดีกว่า ... ว่าด้วยเรื่อง คุณชายพุฒิภัทร ของดิฉัน 
*แหะ ๆ มั่วได้หน้ามึนมากหล่อน*



คือคราวก่อนพล่ามไว้เยอะเรื่องคุณชายปวรรุจ ครั้นจะไม่เสียบต่อด้วย คุณชายพุฒิภัทร มันก็จะไม่งาม (เอ๊ะ ยังไงยะ) เรื่องนี้เป็นเล่ม 3 จาก ชุดสุภาพบุรุษจุฑาเทพ โดย เก้าแต้ม ค่ะ (คงจะรู้ๆ กันหมดแล้วเนาะ) แล้วก็เช่นกันกับร่มแก้วค่ะ เพย์ตั้นยังไม่เคยอ่านงานของเก้าแต้มมาก่อน


(สรุปหล่อนเคยอ่านงานใครมาบ้างยะ)






 ตอนอ่านคุณชายภัทรนั้น ก็อ่านยาวรวดไปตั้งแต่สองทุ่มจนถึงตีห้าเลยค่ะ ฝืนสังขารตัวเองมากมาย (แต่แหม เสียด๊ายเสียดาย ทุ่มขนาดนี้แต่ก็ไม่ได้ฝันเห็นคุณชายรุจ เอ้ย คุณชายภัทร แฮ่ๆ)



         คุณชายภัทรนี่เพย์ตั้นอ่านหลังคุณชายรุจวันสองวันค่ะ ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะทิ้งช่วงสักสองสามอาทิตย์ เพราะอยากให้หัวใจดวงน้อยหายคลั่งคุณชายปวรรุจเสียก่อน (อ้ะ...ถุงอ้วก) แบบกลัวว่าเกิดมาอ่านคุณชายพุฒิภัทรแล้วจะลำเอียงกับคุณชายรุจ จนจะอ่านเล่มนี้ไม่สนุกเอา ...


เออ แต่ไปๆ มาๆ เกิดอาการรักพี่เสียดายน้องแฮะ
คือเกิดอาการลืมคุณชายรุจเสียอย่างนั้น (กรี๊ด !!!)

โอ้... จำได้ว่าตอนอ่านหน้าแรกๆ เพราะยังหลงเสน่ห์คุณชายรุจไม่หาย ก็เลยหงุดหงิดที่มีบทสนทนาและเนื้อหาจะเน้นที่การแพทย์ อธิบายนู่นนี่เป็นพารากราฟ ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเนื้อหาต่อๆ มาโดยตรง (ยกเว้นไอ้ที่ว่าพระเอกเป็นหมอล่ะนะ) อ่านไปพึมพำไปกับตัวเองว่า


“Ok...alright we get it - he’s a doctor, moving on.”


ประมาณว่า หยุดสาธยายข้อมูลการแพทย์เถิดค่ะ เก็ตแล้วล่ะว่าพระเอกเป็นหมอ คือไงล่ะ...น่าจะเอาคุณชายรุจมาแทนเนื้อหาพวกนี้ ก๊าก ไม่ช่ายๆๆๆ


คนข้างๆ หันมามอง เห็นเราย่นจมูก บ่นอุบ ก็กลอกตาใส่ ถามว่าเป็น(บ้า)อะไรอีก เพย์ตั้นก็อธิบายค่ะ เขาก็บอกว่า ดีแล้วนี่ พอไฟนอลจะได้ปรึกษานิยายได้


.... เอ่อ เอ... ออกแนวแดกดันนะนั่น ไม่ต้องประชด เขาไปอ่านหนังสือสอบต่อก็ได้..... เดี๋ยวๆ ก่อนไป ขอเขียนนี่ก่อนนะ



แต่ก่อนเพย์ตั้นจะเมาท์น้ำลายแตกฟองฟูฟ่องๆ ไปกว่านี้ ก็มาอธิบายเนื้อเรื่องคร่าวๆ หน่อยนะคะ




หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทร หรือคุณชายภัทรเป็นโอรสคนที่ 3 ของหม่อมเจ้าวิชชากร จุฑาเทพและหม่อมหยก หญิงสาวเชื้อสายจีน ลูกเจ้าสัวค่ะ
นายแพทย์หนุ่มผู้หล่อเหลา (ยังไม่เคยเจอพระเอกคนไหนหน้าตาไม่ดีเลยนะ...) ผู้นี้นั้นเป็นคนเงียบขรึม เอาจริงเอาจังในหน้าที่การงาน เขามีความเป็นสุภาพบุรุษสูง เฉลียวฉลาด (ก็นะ เป็นถึงหมอ) แต่พูดไม่ค่อยเก่ง

ไอ้อันสุดท้ายนี่ล่ะค่ะที่ทำให้คุณชายพุฒิภัทรต้องปวดหัว เพราะเมื่อพี่ชายทั้งสองคนรอดพ้นจากบ่วงสัญญาที่ผูกมัดทายาทหนุ่มแห่งจุฑาเทพไว้กับสาวๆ ตระกูลเทวพรหมแล้ว คุณชายภัทรก็เลยกลายเป็นเป้าหมายรายต่อไป

หม่อมหลวงมารตี เทวพรหม พยาบาลสาวคนงามนั้นง่ายๆ เลยก็เป็นพวกจมไม่ลงนั่นเอง แต่ทรัพย์สินที่แทบจะไม่ค่อยมีหลงเหลืออยู่ของครอบครัวหรือเงินเดือนอันน้อยนิดก็ไม่ใช่อุปสรรคกับการจับจ่ายใช้สอยอย่างสุรุ่ยสุร่ายแต่อย่างใด เมื่อเธอเล็งเห็นว่าเธอจะได้เข้าไปเป็นสะใภ้จุฑาเทพอยู่แล้ว ตามแบบฉบับเลยเธอก็จึงทำทุกวิถีทางเพื่อจะจับคุณชายของเรานั่นล่ะค่ะ แต่เมื่อเข้าทางคุณชายภัทรแล้วเหมือนยืนอ่อยรูปปั้น ก็ไม้นี้เลยค่า มัดใจผู้หลักผู้ใหญ่ เอาผักชีโรยหน้าเข้าไว้แล้วเข้าไปออดอ้อนออเซาะ โชว์คุณสมบัติกุลสตรี(จอมปลอม)อันดีเลิศกับหม่อมเอียด และคุณย่าอ่อนแทน

เอากับชีสิ...

โบราณเขาว่าเกลียดอะไรก็ได้เช่นนั้นใช่ไหมล่ะค่ะ คุณชายพุฒิภัทรค่อนข้างจะดูถูกผู้หญิงที่เข้ามาประกวดนางงามศรีสยาม ประมาณว่า มาเดินอวดความงามให้ใครต่อใคร มันช่างไม่น่าชื่นชมอะไรประมาณนี้เชียว หม่อมราชวงศ์รณพีร์ น้องชายต่างมารดาก็คะยั้นคะยอให้ไปดูการประกวดเป็นเพื่อน



แล้วเป็นไงล่ะคะ .. ไปจ๊ะเอ๋กับนางเอก (ใครเดาไม่ออกบ้างเนี่ย เพย์ตั้นคาดไว้ตั้งแต่เล่มก่อนแล้ว ฮา)


'โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้ แลตะลึง...'

กรองแก้ว สาวน้อยวัยสิบเก้าปี (ถ้าจำไม่ผิด ..ฮา) ผู้แสนกตัญญู จำต้องหาเงินมาช่วยรักษาบิดา (...the classic cliché ) ชีวิตนี้เธอมีท่านเพียงคนเดียว เธอเลยตัดสินใจเข้าประกวดนางงามศรีสยาม แต่แล้วสาวบ้านนอกอย่างเธอก็โดนหลอกเข้าจนได้ ‘คนพระนครรู้หน้าไม่รู้ใจ’ ...เพราะเมื่อเข้ามาอยู่กับอิงอร เจ้าของร้านเสริมสวยที่เป็นตัวแทนส่งเธอเข้าประกวด ก็ได้ทราบว่าเธอกำลังถูกส่งไปเป็นของขวัญบำเรอความใคร่ให้แก่นายพลพินิจ นายทหารใหญ่ผู้ชื่นชอบสาวๆ สวยๆ โดยเฉพาะจากเวทีนางงาม



แต่จะหนีก็หนีไม่ได้ เพราะเธอต้องการเงินรางวัลการประกวดมาช่วยพ่อ ก็เลยเอาให้แน่ใจว่าจะได้เงินรางวัลแน่เสียก่อน ...แต่อย่างที่คุณชายรณพีร์บอกค่ะ ทั้งสวยทั้งกตัญญูแบบนี้ (แถมเป็นนางเอกของเรื่องอีก) มีหรือจะไม่ได้ตำแหน่งนางงามศรีสยาม
รอจนวินาทีสุดท้าย ได้รางวัลแล้ว....ชีก็เดินตกเวที





(ยั่งกับดูซิทคอมแน่ะ แต่เห็นเธอบอกว่า ดีใจจนเผลอเดินตกเวทีนะคะ เอิ้กๆ) ต้องเข้าโรงพยาบาลเย็บแผล
แล้วไงล่ะคะ ตามฉบับก็กลายมาเป็นคนไข้ของคุณชายภัทร เนื่องจากเธอแผลงฤทธิ์เสียเต็มที่ เพื่อเลี่ยงที่จะกลับบ้านไปกับอิงอรและสุนันท์ลูกสาวของนาง เพราะไม่งั้นก็ไม่รอดน้ำมือนายพลพินิจนั่นล่ะค่ะ

คุณชายภัทรตอนแรกๆ ก็โมโห และไม่ชอบใจกรองแก้วเลยแม้แต่น้อย ออกจะนึกรังเกียจด้วยซ้ำ เพราะเธอทำให้ใครๆ วุ่นวายไปหมด แต่พอเริ่มสังเกตว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล แล้วทำให้สาวเจ้ายอมเผยเหตุผลที่แท้จริง ก็เข้ามามอบความช่วยเหลือ...และหัวใจ



อิอิ จากนั้นก็คิวของเหตุการณ์สารพัดค่ะ นายพลพินิจตามหาตัวกรองแก้ว อิงอรก็เริ่มเดือดร้อนเพราะรับเงินนายพลมาแล้ว แต่นางงามสาวยังไม่ส่งมาให้สักที พอจนตรอกก็เลยบอกท่านว่าคุณชายภัทรลักพาตัวไป ทั้งๆ ที่กรองแก้วอยากจะมาเป็นเด็กนายพลใจจะขาด ... ยายคุณมารตีมาป่วนอีก หม่อมเอียดและคุณย่าอ่อนไม่ยอมรับกรองแก้ว ฯลฯ

ลุ้นระทึกใช้ได้ กว่าจะจบก็เหนื่อยแทนพระ-นางเหมือนกันค่ะ  




แต่อย่างที่บอกค่ะ ตอนแรกๆ ยังคงอารมณ์ค้างจากคุณชายรุจอยู่ พออ่านไปเจอคุณชายรุจทีไร ก็ดิ้นๆ ยิ้มดีใจเหมือนคนบ้า เสียดายคุณชายโผล่มานิดเดียวเอง แต่แล้วในที่สุด ทั้งอพาร์ตเม้นท์ก็เหลือหญิงภัควลัญชญ์ตัวคนเดียว (เนื่องจากไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ ...ชิส์)

ก็ไม่เป็นไร้ ออกจะเหมาะเจาะเสียอีกค่ะ เพราะได้เข้าสู่โหมดนางเอกนิยายไปได้สบายๆ บีบน้ำตาประหนึ่งว่าชีวิตเรานั้นช่างรันทดเหมือนกรองแก้ว แต่นางเอกของเรื่องล่ะก็นะ กุลสตรีไทยแห่งศัตวรรษเลยทีเดียว เธอสวยสุดๆ นิสัยอ่อนหวาน กตัญญู รู้คุณ เป็นแม่บ้านแม่เรือน ‘นางสาวศรีสยาม’ ของแท้ไม่มีสิ่งแปลกปลอม

โอ้... ต้นตำหรับของคำว่านางเอกก่อนเกิดการปฏิรูปเลยกระมังคะ บุคลิกผู้หญิงที่พ่อแม่คนไหนก็คงอยากได้ไปเป็นสะใภ้ล่ะ ทำเอาสาวสมัยใหม่ไร้ความเป็นนางงามทุกกระเบียดนิ้วอย่างข้าพเจ้าถึงกับต้องขยับตัวแบบร้อนๆ หนาวๆ

แต่แหม...ถึงนิสัยเราจะเอนเอียงไปทางท่านหญิงวรรณรสามากกว่ากรองแก้ว แต่หาใช่ปัญหาไม่ค่ะ เพย์ตั้นก็ยังมีความสามารถที่จะพลิกตัวเองเป็นนางเอกนิยายได้นะเออ คิกๆ


ไม่ต้องอะไรมากหรอกค่ะ แค่เชื่อมั่นว่าตัวเองสวยสู้นางเอกได้ก็เป็นอันพอ (โห ดูมัน...)


แต่เพราะความดีของเธอ กรองแก้วก็เลยชนะใจหม่อมย่าเอียดและคุณย่าอ่อนได้ในที่สุดค่ะ (แอบฮาคุณย่าอ่อนเหมือนกัน ว่าท่านไปประทับใจกรองแก้วมากที่สุดเอาตอนไหน แต่ขออุบไว้ดีกว่า ไม่บอกหรอก คิคิ )


แต่ๆ ...แต่ว่าคุณชายพุฒิภัทรเป็นพวกชอบผู้หญิงสไตล์ช้างเท้าหลังค่า อย่างกรองแก้วนั่นเอาคะแนนใจเฮียแกไปเลย 10 เต็ม 10 !

โอย... ขืนเพย์ตั้นไปเป็นนางเอกแทนกรองแก้ว มีหวังตาคุณชายได้ต้องผ่าตัดสมองตัวเองชัวร์ (พูดอย่างกับว่าเขาจะสนใจหล่อนแน่ะ)



ถึงกระนั้นประโยคจีบสาวหวานๆ ความรักความเอาใจใส่ที่มีต่อนางเอก และบุคลิกดั่งอัศวินขี่ม้าขาวก็เพิ่มคะแนนให้คุณชายภัทรไปโดยปริยายค่ะ
คุณชายขา ถ้าเมียไม่อยู่ก็มาส่งสายตาหวานฉ่ำให้เพย์ตั้นได้ทุกเมื่อนะคะ ก๊าก





แต่เรื่องนี้เพย์ตั้นไม่ร้องไห้หนักเท่าเรื่องก่อน เพราะรอบคุณชายรุจก็อย่างที่รู้ๆ กัน ข้าพเจ้านั้นอ่านไปสะอึกสะอื้นไปเหมือนใครตาย เจ็บแทนท่านหญิงและคุณชายรุจจนแทบนอนไม่หลับ - -*
พอมาเรื่องนี้ก็... น้ำตาคลอตามนางเอกบ้าง แต่เพราะนางเอกร้องไห้บ่อยจัด (เจ้าน้ำตา อ่อนไหวจริงๆ แม่คู้นนน) ในฐานะคนอ่านก็เลยเริ่มชิน ติดจะรำคาญนิดๆ...พอฉากเศร้าจัดๆ ทำนบน้ำตามันก็เลยไม่พังทะลาย (คือบีบน้ำตาตามไม่ทันอ้ะนะคะ ก๊าก)



แต่โดยรวมแล้ว ก็หัวใจปวดระบมให้กับโชคชะตาชองกรองแก้วจริง ๆ ค่ะ แล้วก็ชื่นชมเธอมากด้วย ...ยกตัวอย่างถ้าเจอหม่อมย่าเอียดหรือคุณย่าอ่อนต่อว่าแบบนั้น
ไม่มีดีกรีเป็นนางงามศรีสยาม ทนไม่ได้นะนั่น จะบอกให้ เพราะถ้าเป็นเพย์ตั้นหน่อย คงแค้นฝังหุ่นน่าดู อิอิ




พูดถึงดีกรีความออริจินอลของพล็อต ... ก็มากกว่าเล่มของคุณชายปวรรุจในระดับหนึ่งล่ะค่ะ


“What if 600 years ago you were Juliet and I was..
Well, you’d know how that story goes...”
ถ้าหกร้อยปีก่อน คุณคือจูเลียตและผมคือ....[โรมีโอ]
คุณก็คงจะรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง...
Stand In (Leighton Meester & Check in the Dark)

ผู้เขียนเสริม originality ลงไปในเนื้อหาพอประมาณเลยทีเดียว ซึ่งผสมผสานกับความ cliché ได้อย่างกลมกล่อมค่ะ มันเลยออกมางดงามดูดี ไม่ใช่เน่าเฟะ ประหนึ่งละครหลังข่าว


อย่างเช่นเรื่องมารตีกับยาลดความดันของหม่อมเอียด (ลดใช่ไหมคะ ชักเบลอๆ เอาเถอะๆ ) แล้วชีใส่ความกรองแก้วเข้าไปเต็มๆ ไอ้เราก็ว่า ... ตายแล้ว นางเอกฉันซวยแน่ๆ แต่ก็ anti-cliché ไปค่ะ ไม่ขอบอกว่าเหตุการณ์เป็นยังไง

มีอีกหลายเหตุการณ์ให้ต้องประทับใจและคาดไม่ถึงค่ะ ทางด้านตัวละครนั้น ก็ถูกสร้างมาแบบสะท้อนสังคมจริงๆ ค่ะ อย่างน้อยก็สังคมสมัยนั้นล่ะ อย่างความคิดของตัวละครหลายๆ ตัวเกี่ยวกับการประกวดนางงาม ประมาณจะสื่อว่า(คนเราชอบ)ตัดสินคนที่ภายนอกอะไรประมาณนั้นค่ะ (หรือเพย์ตั้นวิเคราะห์ลึกเกินไป ?) แล้วก็หม่อมหลวงมารตี ที่เพย์ตั้นคิดว่า ถ้าเรามองไปรอบๆ ตัว เปิดตาดูดีๆ ก็จะเห็นคนแบบเธอเยอะแยะเลยนะคะ... ยังไงเสียก็ขอชมผู้เขียนค่ะ ที่สามารถถ่ายทอดตัวละครตัวนี้ออกมาอย่างดี จนถึงเพย์ตั้นจะตำหนิการกระทำของเธอ แต่ก็นึกสงสาร เข้าใจเป็นอย่างดีว่า ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้


แต่เพย์ตั้นสงสัยอย่างนึงนะคะ ว่าตัวเองเป็นอยู่คนเดียวหรือเปล่าที่คิดว่า นายพลพินิจน่าประทับใจสุด แม้ว่าตัวละครตัวนี้จะถือว่าเป็นตัวร้ายก็ตามที

คือตอนห้าสิงห์ยกทัพกันไปพบนายพลพินิจเรื่องกรองแก้ว โดยมีคุณชายรุจของเพย์ตั้น (อ๊ายๆ) เป็นผู้ดำเนินการเจรจาสานสัมพันธ์นั้น แอบกลั้นหายใจเหมือนกันว่า ตายล่ะ เหลืออยู่อีกไม่กี่หน้า มันจะมีการเลือดตกยางออกอีกแล้วเรอะ


ตอนอ่านเนี่ยค่ะ พอรู้ว่ากรองแก้วถูกนายพลพินิจซื้อตัวไว้ ไอ้เราก็คิดว่า ไม่รอดแล้วอีหนูเอ๋ย (ก็เกือบไม่รอดจริงๆ ล่ะ) คิดว่าตานี่ต้องเป็นพวกหื่นตาลาย ใครมีคนรักแล้วข้าไม่แคร์ ข้าอยากได้ แล้วข้าก็ต้องได้ ประมาณซาตานรุ่นพ่อของพระเอกไทยสมัยนี้ในนิยายหลายๆ เรื่องนั่นเอง

แต่ถึงท่านจะกระทำตามขั้นตอนของผู้ชายสไตล์ ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้นั้น ก็จบด้วยที่ว่ามีเหตุผลสมกับเป็นผู้ใหญ่ค่ะ ด้วยความเข้าใจผิดในเรื่องระหว่างคุณชายภัทรกับกรองแก้ว ท่านก็เลยคิดแค้น ต้องการเอาคืน ถ้าหากท่านรู้มาก่อนว่า ฝ่ายหญิงไม่มีใจให้ก็คงไม่บานปลายขนาดนี้

“ต่อไปคงต้องสืบถามให้ดี ว่าผู้หญิงเขาเต็มใจหรือเปล่า”

จำได้ว่าอ่านถึงจุดนี้ก็แบบว่า ถอนหายใจยาวด้วยความประทับใจค่ะ เพราะส่วนใหญ่พวก antagonist หรือตัวร้ายแนวนายพลแกเนี่ย ในนิยายไทย (และละครน้ำเน่า)มักจะมาสไตล์เหมือนคนเมายาบ้า ถ้ามันไม่ตายก็ต้องเกือบๆ น็อกเอาท์ไปแล้วเรื่องถึงจะจบ


อ๊าย เกือบลืมค่า หนูปลื้มอากงของคุณชายภัทรมากๆ



ออกมาแป๊บเดียว แต่สร้างความประทับใจเต็มเปี่ยม น่ารักมาก อ่านไปก็อยากจะไปหยิกแก้มอากงแกจริงๆ ค่ะ

เรื่องนี้เจอคำผิด/พิมพ์ตกอยู่สองสามคำ แต่ก็ไม่อะไรมากค่ะ
ไม่ทำมึนเท่ากับวิธีการทำอาหารคร่าว ๆ ...แค่ชื่ออาหารยังทำมึนเลยค่ะ “แสร้งว่ากุ้ง” นี่อ่านทวนอยู่สิบรอบ




....จะกดเซิร์ชในกูเกิ้ลก็ขี้เกียจลุกลงจากเตียง ก็เลยยอมก้มหน้า ยอมรับว่ามันชื่อ แสร้งว่ากุ้ง จริง ๆ เห็นทีกลับเมืองไทยคงต้องทำให้คนรอบข้างปวดหัวด้วยการสั่งทาน อิอิ







Create Date : 18 มิถุนายน 2554
Last Update : 5 มีนาคม 2556 21:27:18 น. 4 comments
Counter : 3843 Pageviews.

 

มาแวะชมบล็อกค่ะ

อย่าลืมแวะไปชมบล็อก สถานที่ท่องเที่ยว ของน้ำชานะค่ะ

//thailandtravel.bloggang.com/





โดย: nonguide วันที่: 18 มิถุนายน 2554 เวลา:8:46:58 น.  

 
ดีจัง มีข้อมูลในการตัดสินใจค่ะ น่าซื้อมาอ่านบ้าง ขอบคุณนะคะ


โดย: rimpingringpim วันที่: 21 มิถุนายน 2554 เวลา:19:51:12 น.  

 
ด้วยความยินดีค่า อันที่จริงก็เมาท์/บ่นไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง อิอิ


โดย: les-bisou วันที่: 24 มิถุนายน 2554 เวลา:20:32:57 น.  

 
คุณชายภัทรสนุกมากมายค่ะลองหาอ่านกันนะค่ะ


โดย: โจจี้ IP: 124.122.129.119 วันที่: 7 มกราคม 2555 เวลา:14:23:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

les-bisou
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add les-bisou's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.