<<< a_somjai a_somjai's blog === อ่านเขียนบล็อก อ่านเขียนโลก <<<== a_somjai อ่านเขียนบล็อก a_somjai a_somjai's blog
Group Blog
 
All Blogs
 

รีบไขรหัสนี้ใ้ห้ออก เพื่อเลือกทางโดยจำเป็นอันจะเป็นไปในวันข้างหน้า 20042010

ขณะนี้ ก่อนเที่ยง วันที่ 20 เมษายน พุทธศํกราช 2553

สิ่งที่ข้าพเจ้าคิดได้ อย่างวิตกกังวล เก็บกดอยู่มาเป็นเวลานาน
ได้ปรากฏขึ้นแล้ว

จึงอยากจะบอกออกมา(บันทึกไว้)....สู่เพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย

ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยู่ตรงจุดไหน ตำแหน่งแห่งหนใดของสังคมไทยเวลานี้

จงฟังใหัดี ....
" รีบไขรหัสนี้ใ้ห้ออก....
แล้วเลือกตัดสินใจและลงมือทำ...
เพื่อหลีกเลี่ยงจากเส้นทางที่เราไม่อยากเดิน
แม้ว่า...โอกาสนั้นมันมีอยู่น้อยนิด
แม้ว่า....มันจะเป็นเส้นทางที่เราทั้งหลายจำเป็นต้องเดินไปโดยจำเป็นก็ตามที
แต่เราท่านทั้งหลายจงพยายามเลือกตัดสินใจแก้ไขเสียแต่บัดนี้"

คำสำคัญ: รหัสทั้งห้า

1. ผู้ก่อการร้าย // ตัวช่วย คำใบ้ไขรหัส : Link: youtube.com


2. สงครามกลางเมือง

3. ต่างคนต่างอยู่ // ตัวอย่าง ช่วยใบ้คำไขรหัส หากตัวช่วยถูกลบออกไปจากโลกอินเตอร์เน็ทแล้วก็คงช่วยไม่ได้ อ้างอิงลิงค์กระทู้ราชดำเนิน พันทิบ [P9147083 มันจะเป็นยังไงกันน้า ......ถ้าแบ่งประเทศกันอยู่ไปเลย .....ลองหลับตานึกภาพดู [การเมือง] Elmstreet (16 - 20 เม.ย. 53 10:08) ]

4. ชนวน แบ่งแยก // ตัวช่วย คำใบ้ไขรหัส Link: PANTIP.COM : P9095289 ++ อภิสิทธิ์กำลังจุดชนวนสงครามกลางเมือง ...8 เม.ย. 2010 ...

5. แบ่งแยกดินแดน // ตัวช่วย คำใบ้ไขรหัส Link: กบฏแบ่งแยกดินแดน เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 ได้มีการจับกุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคอีสานหลาย คน เช่น นายทองอินทร์ ภูมิพัฒน์ นายถวิล อุดล ..... ขณะที่ทำการจับกุมกบฏแบ่งแยกดินแดนนั้น รัฐบาลโดยจอมพล ป.ได้กล่าวคำปราศรัยทางวิทยุแจ้งให้ประชาชนทราบพอสรุปได้ว่า ขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองคบคิดกันเพื่อทำกบฏ รัฐบาลพยายามชักจูงคนเหล่านี้ให้กลับมาช่วยกันสร้างชาติ แต่ไม่เป็นผล การนองเลือดเป็นหนทางที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว..... รัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อความสงบของประเทศและ รักษาไว้แห่งรัฐธรรมนูญ อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของประเทศ

<<<< วนกลับไปเริ่มต้นที่ ข้อ 1 >>>>


ก็ทำได้แค่นี้แหละ
A_somjai
11 am.
Tuesday, April 20, 2010






 

Create Date : 20 เมษายน 2553    
Last Update : 20 เมษายน 2553 15:21:55 น.
Counter : 991 Pageviews.  

ผู้กุมอำนาจกำลังต่อสู้กับเทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่

เราไม่ได้เขียนบล็อก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมืองไทยในห้วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้เป็นปีหนึ่งแล้วกระมัง

ทั้ง ๆ ที่ในอดีด ช่วงการปฏิวัติเมืองไทยเมื่อ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา เราได้บันทึกสิ่งที่รู้เห็นได้เรียนรู้และร่างบอกทิศทางของบ้านเมืองไว้มาก (ดูที่กลุ่มบล็อก # i BLOG 4 u & me TODAY เป็นต้น)

เหตุที่หลังปี พ.ศ. 2551 แล้ว เราไม่ได้เขียนบล็อกนั้นไม่ใช่ไม่สนใจเรื่องบ้านเมือง... แต่เหตุใหญ่คือ...การเฝ้าดูและคิดจากสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ของเหตุการณ์บ้านเมืองซึ่งผ่านเข้ามาในประสบการณ์ชีวิตเราเหล่านั้น เราเชื่อว่าเป็นพัฒนาการทางสังคมที่เป็นไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าความรู้ความสามารถของเราจะรู้เข้าใจได้อย่างง่ายดายชัดเจนอีกต่อไป และอีกอย่างหนึ่งนั้น เราเชื่อว่ามีสิ่งอื่นที่อยู่เหนือการรู้เห็นของชาวประชาชนอย่างเรา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาทิศทางของการเปลี่ยนแปลงที่จะเป็นไปได้



แต่ในฐานะที่เคยทำมา ... เมื่อเริ่มเขียนบล็อกตั้งแต่ปี 2548 นั้น เราสนใจศึกษาและรายงานเรื่องชีวิตและสังคมของคนในยุคไซเบอร์ค่อนข้างเป็นน้ำเป็นเนื้อพอสมควร (ดูที่กลุ่มบล็อก # ฉันเห็นและเป็น อยู่ คือ, # ชีวิตในโลก Online,, # The Monday Morning Blogs, BLOGOLOGY) ดังนั้นจึงขอบันทึกข้อคิดสั้น ๆ ในช่วงที่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะรัฐบาลของเขาครองอำนาจอยู่ในประเทศไทยถึงสงกรานต์/ปีไหม่ไทย ปีพุทธศักราช 2553 นี้






ขอบอกว่า

1. ในช่วงที่โพสต์บล็อกอยู่นี้ นอกจากสิทธิในการรับ-ส่งข่าวสารและสงครามโฆษณาชวนเชื่อของรัฐต่อประชาชน รวมทั้งอิทธพลของรัฐในกรอบจำักัดผ่านสื่อมวลชนต่าง ๆ จะเป็นไปมากจนล้นเลี่ยนแล้ว ในส่วนสิทธิการสื่อสารเข้าถึงข้อมูลข่าวสารนอกกรอบของความต้องที่รัฐขีดเส้นไว้นั้น ประชาชนจะถูกจำกัดเกือบเทียบเท่ายุคการปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่าน ๆ มาแล้วอย่างเห็นได้ชัด (กรณีรัฐประหารซ้ำซาก เมื่อปี 2549 ดูที่กลุ่มบล็อก # i BLOG 4 u & me TODAY เป็นต้น)
2. คราวนี้ (เอาเป็นว่า 12 มีนาคม - 16 เมษายน 2553) การจำกัดในข้อ 1 ดังกล่าวแล้ว ทำให้ได้ข้อสรุปจากปรากฏการณ์ชีวิตในโลกการสื่อสารสมัยใหม่ หลายประการ อย่างน้อยเรื่องนี้ก็เรื่องหนึ่งแหละ


2.1 ข้อมูลกรณีศึกษา: Link //www.pantip.com/cafe/rajdumnern/ pantip.com กระทู้ห้องราชดำเนิน ที่
Link P9128574 มองในแง่ดีการปิดกั้นของ ICT ช่วยพัฒนาทักษะการใช้คอมของเสื้อแดง advanceขึ้นไปอีกระดับ [การเมือง] zeyzoom (32 - วันเถลิงศก 53 18:07)

ข้อความกระทู้: "ฝ่ายแดงจาก userธรรมดาก้าวขึ้นไปเป็น advanced user มีทักษะความสามารถในการใช้คอมขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
กลุ่มคนอายุตั้งแต่ 40-60กว่า มึความสนใจและพัฒนาทักษะการใช้คอมสามารถที่จะเรียนรู้โปรแกรม ทะลุทะลวงweb เปลี่ยนซ่อน ipและอีกหลากหลายโปรแกรมที่จะทำให้เข้าถึงเว็บที่ตัวเองต้องการ
ซึ่ง ทักษะเหล่านี้เป็นไปอย่างรวดเร็วจากคนต่อคน"

ข้อความสำคัญที่เลือกจากความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 4 :
นับว่าเป็นการพัฒนาประชากรของประเทศชาติอีกนัยหนึ่งค่ะ สำหรับการใช้อินเตอร์เน็ตนะคะ

ความคิดเห็นที่ 5 :
อ่อ..เพิ่งรู้นะเนี่ย
ว่าที่จริงแล้วเป็นกุศโลบาย ของกระทรวง
ICTที่ต้องการพัฒนาคนให้ใช้อินเตอร์เนตให้เก่งขึ้นนั่น เอง

ความคิดเห็นที่ 7:
ทำให้คนไปชุมนุมมากขึ้น เพราะหาข่าวไม่ได้

ความคิดเห็นที่ 8:
จริงครับผมพึ่งดูผ่าน tvuเป็น พึ่งดูผ่าน adobe flash player เป็น
ยิ่งปิดยิ่งหาวิธีทะลวงมัน

ความคิดเห็นที่ 10 :
ทำให้คนอยากรู้ความจริง ออกไปชุมนุม
ทำให้คนที่โดน ตัดสัญญาณ PTV [Link: //www.khonkaenlink.info/tv/dtv.asp ] ต้องมาหา PTV ดูในเน็ต
ICT นายแน่มาก

ความคิดเห็นที่ 12:
ตอนถูกตัดสัญญาณ หงุดหงิดและโกรธมาก
ต้องออกไปชุมนุม บ่อยขึ้น เพราะไม่รู้อะไรเลย
ตอนหลังเริ่มดิ้นรน เข้าเน็ต ทำให้คล่องขึ้น
แต่ก็ยังไปชุมนุมอยู่ เพียงแต่ ลดเวลาลงไป

ความคิดเห็นที่ 18:
ความคิดเห็นที่ 15 เซิร์ฟเวอร์มันไม่ได้ดาวน์นะ
แต่ ICT เป็นคนปิด แถมยังแสดงข้อความแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า

"ขออภัยในความไม่สะดวก
เว็บไซต์ที่ท่านต้องการเข้าชมได้ถูกระงับการเผยแพร่ ตามคำสั่งจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
สอบถามข้อมูลเพิ่ม เติมได้ที่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
อาคาร 9 บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทร 0-2505-7147, 0-2568-2498 "

ความคิดเห็นที่ 19 :
ขอบคุณไอทีซี ที่ทำให้ผมไม่ต้องดู peoplechannel ผ่าน IE จอคอมผมแบบไวด์สกีน แต่ก่อนใช้ วินแอมป์ กับ IE ดูการถ่ายทอดสด ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้ว ทำให้ได้ดูจอใหญ่ขึ้น ผมใช้ FireFox เปิดเวบพันทิพ

ความคิดเห็นที่ 20 :
พ่อเราอายุ 61 ใช้คอมเก่งกว่าเราอีกตอนนี้ โปรแกรมทะลุทะลวงบล๊อค ไม่รู้สรรหามายังไง เจ๋งมากๆๆ เริ่มพิมพ์ดีดคล่อง แถมยังจะสมัคร เฟสบุคกะเคาอีกแน่ะ

ความคิดเห็นที่ 21 :
เป็นแผนการพัฒนาทักษะและเพิ่มความรู้ความสามารถให้กับ ประชาชนที่ดีอีกวิธีนึง คนแถวบ้านเค้าก็มาติดต่อให้ไปติดเน็ตให้บ้างอะไรบ้าง เข้ายังไง ทำยังไง จากแต่ก่อนไม่เคยรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเทคโนโลยีพวกนี้เดี๋ยวนี้ทำกันได้ตรึม เอ..แล้วอย่างนี้จะเป็นการหักหน้ากระทรวงศึกษาธิการรึป่าว 555

ความคิดเห็นที่ 23:
เห็นด้วยเลยค่ะ คุณแม่อายุ 65 ปี เมื่อก่อนโทรศัพท์นี่ ใช้โทรเข้าโทรออกอย่างเดียว พอมีรับ sms จากทักษิณ เธอก็เริ่มใช้ sms เป็นแล้ว มือถือ รุ่นธรรมดาไม่ใช้แล้ว ขอแบบ ถ่ายรูปได้ด้วยนะ แม่จะไปชุมนุม จะถ่ายรูปส่งไปให้เพื่อนทางใต้

เร็ว ๆ นี้ รัฐบาลปิด PTV เธอผู้ไม่ยอมแพ้ บอกทันที ไปซื้อ Notebook ให้แม่หน่อย เค้าว่าดูผ่าน net ได้ ไม่อยากแย่ง PC หลาน เอากะเธอซิ เลยต้องไปจัดการให้ ตอนนี้ กลางวันดูทาง net 4 โมงเย็น ออกจากบ้านไปชุมนุม กลับมา 5 ทุ่ม ^ ^

ความคิดเห็นที่ 26 :
ขอบอกว่าข้าพเจ้างี่เง่าเรื่องคอมพิวเตอร์เป็นอันมาก
ตอน นี้ทะลวงอ่านเวปที่ห้ามเข้าได้
ซึ่งงงตัวเองเหมือนกัน ว่าทำได้ไง
โห ถ้าไม่มีการปิดกั้น เราคงช่วยกันพลิกกะลาไม่ได้แน่
โอว อากาศข้าง นอกมันดีอย่างนี้นี่เอง

ความคิดเห็นที่ 27 :
ปี 35..... ม๊อบมือถือ รายงาน ระดมพลกันทางมือถือ
ปี 49.......ม๊อบอินเตอร์เนต ติดต่อกันทางอินเตอร์เนต
ปี 53........ม๊อบ............อะไรดี


2.2 ข้อมูลบทวิเคราะห์ความเห็นของผู้รู้ร่วมสมัยว่าด้วยการ Blocked Website หรือการเซ็นเซอร์การสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต

คัดเลือกข้อมูลจากรายการ DAILY DOSE ทาง VOICETV
ตอน: วันนี้ขอชื่นชอบเวบไซต์ที่ทำหน้าที่สื่อมวลชนอย่างสมบูรณ์แบบ
ดำเนินรายการโดย ม.ล.ปลื้ม (ณัฏฐกรณ์ เทวกุล)
15 เมษายน 2553 เวลา 19:19 น.
View 1584 : comment 0

Embed code : ดู ชม ฟัง ให้คลิกที่ภาพ V ข้างล่างนี้


Link : //www.voicetv.co.th/content/11315/ชื่นชมสื่ออินเตอร์เน็ตที่ไม่เซ็นเซอร์ตัวเอง



2.3 บทสรุปของเราเจ้าของบล็อกนี้
"ผู้ปกครอง ผู้มีอำนาจ หรือคู่แข่งขันในทุก ๆ สมรภูมิแห่งอำนาจ ตลอดจนการช่วงชิงยึดกุม รักษาไว้ และ/หรือผลักไสไปชึ้งโลกธรรม 8 อันได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข กับ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ --- ในยุคปัจจุบันจากตัวอย่างกรณีศึกษานี้ที่สุดแล้ว ไม่ใช่เป็นเพียงการต่อสู้ของผู้กุมอำนาจกับผู้ด้อยอำนาจเท่านั้น หากแต่เป็นการต่อสู้ระหว่างผู้คนทั้งสองฝ่ายกับสมรรถนะของการสื่อสารและอรรถประโยชน์อันเขาพึงมีพึงได้จากเทคโนโลยี่ที่มีใช้อยู่ในเวลานั้นด้วยอีกต่างหาก"

ครับพูดให้สั้น ๆ ก็คือ
ยุทธศาตร์การปิดหู ปิดตา ปิดปากประชาชนฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล โดยฝ่ายคุณอภิสิทธิ์และคณะของท่านนั้น ตกอยู่ในสภาพนี้คือ....
ฝ่่ายท่านผู้กุมอำนาจรัฐฝ่ายหนึ่ง กำลังต่อสู้กับ เทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่อีกฝ่ายหนึ่ง
(ขอย้ำ.....อีกฝ่ายหนึ่งมิใช่ฝ่ายคนเสื้อแดง และประชาชนที่เฝ้าดูรัฐอยู่นะขอรับจะบอกให้ หากแต่ฝ่า่ยตรงข้ามของท่านในเกมปิดสื่อสมัยใหม่นี้ เป็นฝ่ายความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่--ตัวเทคโนโลยี ความรู้ และสิ่งประดิษฐ์ใช้งานของคน ไม่ใช่คนหรือกลุ่มคน--ในโลกยุคปัจจุบันตะหากละ ขอรับเจ้านาย)

แล้วคุณและผม รู้รึยังว่า ใครจะชนะ
คำตอบอยู่ที่ เทคโนโลยีและผลพวงแห่งช่องทางที่มันทำให้เป็นไปได้ ครับ.




poste by A_somjai
10:24 Am. Friday, April16, 2010



updated: 23-April-2010 / 4.30 AM.
ประเด็น: "อิทธิพลสื่อโฆษณาชวนเชื่อ - Propaganda ในด้้านสร้างและปลูกฝังความเกลียดชังกันอันมีสาเหตุจากความคิดเห็นต่างทางการเมือง - Politics of Hate"

ข้อคิดเห็นจากรายการ DAILY DOSE ทาง VOICETV
Link ตอน: NBT ในยุคปัจจุบันแย่เฉพาะบางรายการ เป็นเพียงเฉพาะพิธีกรบางคนและแขกรับเชิญเท่านั้น
ดำเนินรายการโดย ม.ล.ปลื้ม (ณัฏฐกรณ์ เทวกุล)



22 เมษายน 2553 เวลา 17:47 น.
View 1248 : comment 0







 

Create Date : 16 เมษายน 2553    
Last Update : 25 เมษายน 2553 5:09:36 น.
Counter : 543 Pageviews.  

ว่าด้วย....อิทธพลของสื่อ ที่ลงลึกในระดับล้างสมอง: กรณีศึกษา ASTV

updated: 24 สิงหาคม 2556


กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  แถลงการณ์ฉบับสุดท้าย! ประกาศยุติบทบาทการเคลื่อนไหว  (ลิงก์: ฟัง ดู ภาพเสียงคำแถลง)

นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์  แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันแถลงยุติบทบาทการทำหน้าที่เป็นแกนนำพันธมิตรฯ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี โดยเนื้อหาของแถลงการณ์มีดังนี้ 
แถลงการณ์ฉบับที่ 5/2556
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เรื่อง
แถลงการณ์ฉบับสุดท้าย
ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4/2556 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะยังไม่นำมวลชนเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ สืบเนื่องจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ปราศรัย พิธีกร ศิลปิน และประชาชน ได้ถูกกลั่นแกล้งโดยยัดเยียดข้อหาร้ายแรงอันเป็นเท็จ และเพิ่มผู้ต้องหาจำนวนถึง 96 คน อย่างอยุติธรรมในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งนำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ต้องการสร้างพันธนาการให้กับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แม้ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อรักษาหลักนิติรัฐนิติธรรม แต่ศาลอาญาก็ได้มีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ อ. 973/2556 ให้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไขตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2556 ว่า
"ห้ามมิให้จำเลยกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรืออาจก่อให้เกิดภัยอันตรายต่อความเสียหายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล"
และศาลอาญาได้แถลงย้ำคำสั่งดังกล่าวอีกเป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ย่อมแสดงให้เห็นว่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ปราศรัย พิธีกร ศิลปิน และประชาชนอีกจำนวนมากได้ถูกลิดรอนสิทธิจากคำสั่งดังกล่าวอย่างชัดเจน
หากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมโดยทำตามเงื่อนไขภายใต้คำสั่งศาลอย่างครบถ้วนก็จะเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดยุทธวิธีในการชุมนุมให้ได้รับชัยชนะได้ในทางตรงกันข้ามหากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะฝ่าฝืนคำสั่งศาลในช่วงเวลานี้เพื่อให้ได้รับชัยชนะทางยุทธวิธีในการชุมนุมก็จำเป็นที่การเสียสละนั้นจะต้องได้รับผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างแท้จริงเท่านั้นและการเสียสละของแกนนำก็ไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นมาตรการส่งเสริมการขายภาพลักษณ์หรือสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรที่จะพ่ายแพ้ด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้กับฝ่ายรัฐบาลในทุกกรณี
เมื่อวิเคราะห์แล้วเห็นว่าหากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำการชุมนุมคัดค้านปัญหาของประเทศรายประเด็นให้ได้ผลสำเร็จก็อาจคัดค้านได้อีกเพียงเรื่องเดียว ภายหลังจากนั้นเมื่อศาลมีคำสั่งให้ถอนการประกันตัว ก็จะมีปัญหาชาติในเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญตามมาอีกไม่สิ้นสุด ดังนั้นการเสียสละของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยการชุมนุมในปัญหารายประเด็นจึงย่อมไม่คุ้มค่ากับผลประโยชน์ของประเทศชาติที่จะได้รับในขณะนี้
ในทำนองเดียวกันหากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดยเคลื่อนไหวให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในระหว่างการชุมนุมก็อาจถูกถอนประกันตัวจนไม่สามารถนำชุมนุมให้ได้รับชัยชนะได้ แม้ต่อให้การชุมนุมขับไล่รัฐบาลไปได้สำเร็จ ก็อาจจบลงด้วยการยุบสภาที่พรรคเพื่อไทยก็จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีก หรือแม้หากมีการสลับขั้วทางการเมือง หรือ การรัฐประหาร โดยปราศจากเป้าหมายในการปฏิรูปประเทศไทย หลังจากนั้นปัญหาวิกฤติของชาติก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นการทุจริตคอร์รัปชั่น การแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง และหากมีการเลือกตั้งใหม่พรรคเพื่อไทยและระบอบทักษิณก็จะได้รับชัยชนะกลับมาเป็นรัฐบาลยิ่งกว่าเดิม
ดังนั้นการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลโดยปราศจากความมุ่งมั่นของผู้ที่หวังจะเข้าสู่อำนาจในอนาคตที่จะปฏิรูปประเทศไทยปราศจากการเสียสละอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนแล้ว ย่อมไม่คุ้มค่าต่อประเทศชาติที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะนำการชุมนุม
ดังนั้นท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่มีความสลับซับซ้อนพัฒนาไปมากขึ้น ที่ไม่สามารถยุติปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการคัดค้านปัญหารายประเด็น และการแก้ไขปัญหาระบอบทักษิณก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น ปัญหาของประเทศชาติจึงถูกยกระดับไปเป็นระบอบเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งที่ทำให้การเมืองล้มเหลว ดังนั้น แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงเห็นว่าหากมีความจำเป็นก็พร้อมจะเสียสละนำการชุมนุมแต่การชุมนุมนั้นจะต้องได้รับผลคุ้มค่าต่อประเทศชาติเท่านั้นจึงกำหนดความคุ้มค่าของการชุมนุมที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอยู่ที่ "การชุมนุมเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองที่ล้มเหลวในปัจจุบัน และปฏิรูปประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้น"
อย่างไรก็ตามนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลในระบอบทักษิณก็มุ่งเน้นที่จะแก้ไขกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้กับตัวเองและพวกพ้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาอยู่ภายใต้อิทธิพลของนักการเมืองส่วนใหญ่ฝ่ายรัฐบาล โดยมีเป้าหมายในการที่จะครอบงำในการคัดสรรผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมิให้สามารถตรวจสอบตัวเองได้เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในระหว่างช่วงปีพ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2548 อันเป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติมาจนถึงวันนี้ เราขอประณามนักการเมืองพรรคเพื่อไทยที่กระทำตัวเป็นทาสในระบอบทักษิณไม่มีสำนึกประโยชน์ของชาติ และสร้างวิกฤติให้แก่ประเทศชาติไม่มีวันจบสิ้น
ดังนั้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในนามตัวแทนแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงได้แสวงหาแนวร่วมเพื่อแก้ไขวิกฤติชาติให้ได้อย่างคุ้มค่าต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยได้เสนอทางออกให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์เสียสละลาออกมาเพื่อหยุดความชอบธรรมในจำนวนคณิตศาสตร์ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบอบเผด็จการรัฐสภาและสร้างกระแสเดิมพันหมดหน้าตักนำมวลมหาประชาชนทั่วประเทศเคลื่อนไหวเพื่อหยุดระบบการเมืองที่ล้มเหลว เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง และการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 65 ล้านคน โดยไม่เข้าร่วมกับการเมืองในระบบนี้อีกไม่ว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่ก็ตามจนกว่าจะได้รับผลสำเร็จตามเป้าหมายการปฏิรูปประเทศไทยหากเป็นเช่นนั้นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็พร้อมเสียสละและจะร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองครั้งนี้เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าความเสี่ยงเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของประเทศชาติที่จะได้รับ เพราะหากการชุมนุมของมวลมหาประชาชนเกิดขึ้นเมื่อใดโอกาสที่จะมีการปฏิรูปการเมืองครั้งนี้สำเร็จก็ย่อมมีสูงซึ่งผลที่ได้คือมีโอกาสหยุดปัญหารายประเด็นในปัจจุบันได้ และมีโอกาสหยุดการเมืองระบอบทักษิณในภาวะวิกฤติเช่นนี้ได้ด้วย
ทั้งนี้ในยามที่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ยังไม่ตื่นรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ยังหลงอยู่ในวังวนของสงครามขั้วอำนาจของพรรคการเมืองต่างๆ ลำพังการนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยย่อมไม่มีพลังพอที่จะนำการชุมนุมเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยได้ในเวลานี้คงเหลือแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่มีศักยภาพพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น มวลชนที่มีฐานคะแนนถึง 12 ล้านเสียง นักปราศรัย นักกฎหมาย ฐานะการเงิน สถานีโทรทัศน์ ฯลฯ อีกทั้งผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์มิได้มีพันธนาการด้วยคำสั่งศาลเหมือนกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพรรคประชาธิปัตย์จึงย่อมอยู่ในฐานะที่จะนำการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้หากยอมเสียสละเพื่อเอาชาติเป็นตัวตั้ง
แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธไม่เสียสละลาออกจากระบบการเมืองล้มเหลวเพื่อออกมาร่วมสู้กับประชาชน ก็แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงหวังเพียงแค่ทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายรัฐบาล หรือ หวังสลับขั้วทางการเมืองในวันข้างหน้า หรือ หวังโค่นล้มรัฐบาลโดยสนับสนุนมวลชนกลุ่มอื่นให้เสียสละแทนตัวเอง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือพรรคการเมืองทุกพรรคในสภาผู้แทนราษฎรกำลังสมรู้ร่วมคิดรู้เห็นเป็นใจกันเพื่อรักษาระบอบเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งแบบนี้เอาไว้เพียงเพื่อรออำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองในปัจจุบันหรือในวันข้างหน้าเท่านั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เชื่อได้ว่ามีการปฏิรูปประเทศไทยภายใต้ทิศทางการนำของพรรคประชาธิปัตย์ เราได้วิเคราะห์เห็นแล้วว่าแนวทางดังกล่าวที่พรรคการเมืองทุกพรรคกำลังเดินหน้าอยู่นั้นจะนำไปสู่ความชอบธรรมของระบอบทักษิณที่จะได้รับชัยชนะในระบบรัฐสภามากขึ้นและจะกระชับอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจนยากที่จะเยียวยาได้
การที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเสียสละในการนำชุมนุมย่อมไม่คุ้มค่าต่อประเทศหากมุ่งแต่เพียงคัดค้านปัญหารายประเด็นหรือโค่นล้มระบอบทักษิณโดยปราศจากการปฏิรูปประเทศ ในขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เสียสละที่จะนำการชุมนุมเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศอันเป็นประเด็นซึ่งคุ้มค่าที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะร่วมมือด้วยดังนั้นจึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีฐานะการนำมวลชนได้จริงในสถานการณ์และเงื่อนไขในปัจจุบันนี้
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบัน มีกลุ่มประชาชนจำนวนหนึ่งที่มีความห่วงใยบ้านเมืองซึ่งสนใจแต่เฉพาะการชุมนุมคัดค้านปัญหาบ้านเมืองรายประเด็นหรือบางกลุ่มอาจสนใจที่จะเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณแต่เพียงอย่างเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนอยู่ซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวทางของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตามที่กล่าวมาข้างต้น ในขณะแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มิอาจสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนอื่นใดโดยปราศจากความรับผิดชอบในความคาดหวังต่อทั้งชัยชนะต่อประเทศชาติและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้เข้าร่วมชุมนุมได้ดังนั้นการดำรงอยู่ของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็อาจเป็นอุปสรรคในการเคลื่อนไหวของมวลชนกลุ่มอื่นที่อาจไม่เห็นด้วยกับแนวทางของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้
ดังนั้นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งรุ่น 1 และ รุ่น 2 จึงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ยุติบทบาทจากฐานะแกนนำ เพื่อเปิดโอกาสให้ แกนนำ นักปราศรัย ศิลปิน พิธีกร ประชาชน ฯลฯ ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมกับกลุ่มใดก็ได้อย่างอิสระเสรี และเปิดโอกาสให้เกิดขบวนการใหม่ในสังคมไทย โดยไม่ต้องรอแถลงการณ์หรือมติใดๆจากแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีก
การยุติบทบาทครั้งนี้ถือเป็นยุทธวิธีเดียวเท่านั้น ที่จะเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจในปัจจุบัน หรือผู้ที่มีโอกาสจะมีอำนาจในอนาคต รวมถึง ทหารภายใต้จอมทัพไทยและศาลที่กระทำการภายใต้พระปรมาภิไธย ตลอดจนผู้ที่มีบทบาทในบ้านเมือง รวมถึงประชาชนทั่วไป ได้ตัดสินใจที่จะทำหน้าที่ของตนเองและเลือกเดินทางของตัวเอง มากกว่าที่จะคาดหวังหรือรอมติการนำมวลชนโดยแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้เป็นตัวแปรหรือเป็นเครื่องมือที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายที่แท้จริงของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ในขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเป็นอดีตรัฐบาลที่สร้างเงื่อนไขให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนเป็นเหตุอันสำคัญยิ่งที่ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่สามารถนำมวลชนได้เหมือนเช่นเดิมและในฐานะพรรคการเมืองฝ่ายค้านในปัจจุบันไม่เสียสละลาออกมานำการต่อสู้แบบหมดหน้าตักร่วมกับประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองทั้งๆที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ประกาศไปแล้วว่าพร้อมที่จะเสียสละเข้าร่วมการในการปฏิรูปประเทศไทยครั้งนี้ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงยังคงเป็นปัญหาส่วนหนึ่งของประเทศและเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศไทยด้วย พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องรับผิดชอบในผลที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อบ้านเมืองต่อไปด้วยเช่นกัน
เราขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าแม้แกนนำจะได้ยุติบทบาทไปแล้ว แต่ทุกคนก็ยังคงเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่เหมือนเดิม และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังคงอยู่เช่นเดิม อุดมการณ์ความเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังอยู่ในสายเลือดและจิตใจของทุกคนเหมือนเดิม และเรายังคงมีภาระหน้าที่ในการต่อสู้คดีความ เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ที่สูญเสีย บาดเจ็บ และเสียชีวิต ตลอดจนแสวงหาความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ถูกดำเนินคดีในระหว่างการชุมนุมต่อไป โดยในระหว่างนี้เราได้ขอให้สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี เว็บไซต์แมเนเจอร์ สื่อสิ่งพิมพ์และวิทยุในเครือ เอเอสทีวี-ผู้จัดการ ยังคงเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมเพื่อนำไปสู่การให้ปัญญากับประชาชนและการปฏิรูปประเทศ โดยแกนนำที่ยุติบทบาทไปก็จะยังคงทำหน้าที่ให้ปัญญากับประชาชนตามหน้าที่และบทบาทของแต่ละคนเพื่อเป้าหมายในการนำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริงเท่านั้น
จนกว่าสถานการณ์จะถึงพร้อมที่ประชาชนทุกกลุ่มได้ตื่นรู้และตั้งสติได้ว่าต้องการการเปลี่ยนแปลงเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยครั้งใหญ่หรือเมื่อสถานการณ์ที่ผู้มีอำนาจหรือผู้ที่มีโอกาสจะเข้าสู่อำนาจในกาลข้างหน้า เสียสละอำนาจและผลประโยชน์ในปัจจุบันหรือในอนาคตเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์ของคนไทย 65 ล้านคน เมื่อถึงเวลาดังกล่าวแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่แม้จะยุติบทบาทไปแล้ว ก็พร้อมจะกลับมารวมตัวกันใหม่เพื่อทบทวนบทบาทของตัวเองในการเคลื่อนไหวมวลชนอีกครั้งหากในเวลานั้นพี่น้องประชาชนยังคงต้องการพวกเรา
แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 พร้อมผู้ประสานงาน และมีการแต่งตั้งแกนนำรุ่นที่ 2 ต่อมาวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551 อีกทั้งยังมีมีการแต่งตั้งแกนนำรุ่นที่ 2 เพิ่มเติมในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 และวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เราขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ไว้วางใจพวกเราตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปีที่ผ่านมา และขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ได้เข้าร่วมชุมนุมแบบต่อเนื่องปักหลักพักค้าง 3 ช่วงเวลา เป็นจำนวนเวลาถึง 384 วัน 384 คืน จนได้รับผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของการชุมนุมทุกครั้ง จึงนับเป็นการชุมนุมโดยสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธของภาคประชาชนครั้งประวัติศาสตร์ที่ยาวนานที่สุดในโลก
เราขอยืนยันว่าจะยังคงแน่วแน่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของวีรชนและพี่น้องประชาชนที่เสียสละไม่เคยเปลี่ยน และขอให้มั่นใจว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นยุทธวิธีที่จะได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน
ด้วยจิตคารวะ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 
วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556



updated: 18 October 2011

--บางข้อความจาก เว็บไซต์ Thai Free News
Link “สนธิ ลิ้มทองกุล” เปิดใจหลัง ASTV ถูกตัดสัญญาณดาวเทียม //www.tfn5.info/board/index.php?topic=30050.0


« เมื่อ: วันนี้ เวลา 12:59:35 AM »

--------------------------------------------------------------------------

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 ตุลาคม 2554 21:30 น.



ASTVผู้จัดการ - เจ้าของดาวเทียมไม่ให้ค้างค่าเช่า เหตุ ASTV จอดับ-หยุดแพร่ภาพผ่านดาวเทียม แต่ยังดูผ่านอินเทอร์เน็ตและฟังผ่านวิทยุได้ “สนธิ ลิ้มทองกุล” เผยเสียดายแต่ไม่เสียใจ ยืนยันสู้ต่อตามอุดมการณ์และจิตวิญญาณของสื่อที่นำเสนอความจริงต่อไป
-------------------------------

ตั้งแต่เวลาประมาณ 17.30น. วันนี้ (17 ต.ค.) สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี(ASTV) ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2546ได้หยุดแพร่สัญญานภาพผ่านดาวเทียมที่เคยทำตามปกติ ท่ามกลางความสงสัยของผู้ชมทางบ้านจำนวนมากที่โทรศัพท์เข้ามาสอบถามที่สถานี

-----

คำต่อคำ “สนธิ ลิ้มทองกุล” หลัง ASTV ถูกตัดสัญญาณดาวเทียม

“ทางเราค้างค่าดาวเทียม NSS-6 ประมาณ 6 เดือน คิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ ก็ประมาณ 4 แสนเหรียญฯ หรือราว 12 ล้านบาท ในข้อตกลงเดิมเราบอกว่าเราจะเอาเงิน 6 เดือนที่ค้างจ่ายรวดเดียวเลยตอนสิ้นปี ส่วนรายเดือนที่เกิดขึ้นประจำเดือนใหม่ก็จะจ่ายทุกเดือน ทีนี้ทางดาวเทียมเขามีเจ้าของใหม่ เจ้าของใหม่เขาก็ไม่ยอม ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเราต้องเอาเงินมาจ่ายเงินเดือนพนักงานก่อน สำหรับเราแล้วพนักงานเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด มันก็มีค่าใช้จ่ายต่างๆ

“อย่างที่บอกว่าเอเอสทีวีเป็นทีวีที่ยืนอยู่บนความถูกต้อง แล้วก็ไม่ค่อยมีใครลงโฆษณาเพราะเราขายความจริง การทำเอเอสทีวีเราไม่ได้เอาเงินจากการคอร์รัปชั่นแล้วมาสร้างทีวีเพื่อสนับสนุนการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า ทีวีเสื้อแดงเขาก็มีเงินเข้ามาสนับสนุนตลอดเวลาไม่มีหยุด ส่วนทีวีอีกฝ่ายหนึ่งเขาก็มีเงินมีทองของเขา ส่วนของเรานี่เนื้อๆ เลยคือเราต้องกัดฟันต่อสู้ ส่วนตัวผมเองก็เป็นคนเดียวที่รับผิดชอบ หาเงินหาทอง แล้วก็เอาทรัพย์สินของตัวเองไปขาย เพื่อวัตถุประสงค์คือ ให้เอเอสทีวีเป็นทีวีที่ต่อสู้ให้กับประเทศไทย เราสู้มาตั้งแต่ปลายปี 2547 รวมเวลาแล้วก็เกือบ 7 ปีที่เราสู้มา ซึ่งเราก็ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดเวลา มีคนที่จะเอาเงินเอาทองมาให้ โดยมีเงื่อนไขว่าให้เราเปลี่ยนจุดยืนเราก็ไม่เอา ... ผมก็พูดว่าผมทำได้แค่ไหนก็แค่นั้นก็ละกัน เพราะเมื่อถึงวันนี้มันก็เป็นบทพิสูจน์ว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นของผมคนเดียว

“มีคนที่สนับสนุนเอเอสทีวีอยู่ พันธมิตรฯ ที่ พล.ต.จำลอง (ศรีเมือง) ออกประกาศให้ช่วยเหลือ ซึ่งก็ได้เงินประมาณเดือนละ 3-4 ล้านบาททั้งๆ ที่คนที่เป็นแฟนเอเอสทีวี หรือเป็นพันธมิตรฯ จริงๆ ผมว่าถ้าสักแสนสองแสนคน ช่วยกันคนละ 500 ก็ได้ 40-50 ล้านบาทแล้ว เพราะค่าใช้จ่ายของเราเดือนนึงเอาจริงๆ ก็ตกประมาณ 30-40 ล้านบาท แม้การขายปุ๋ยของ พล.ต.จำลองจะช่วยได้เยอะ แต่มันก็ไม่แน่นอนเพราะว่าเดี๋ยวน้ำท่วมปุ๋ยก็ขายไม่ออก สินค้าเอเอสทีวีก็มีกำไรตกเดือนละล้านกว่าๆ เท่านั้นเอง SMS ASTV ก็มีสมาชิกประมาณ 4 หมื่นคน จากที่เคยตั้งเป้าไว้ 1-2 แสนคน โฆษณาอื่นๆ ก็ไม่มีอะไรเพราะไม่มีใครมาลง สาเหตุที่ไม่มีใครมาลงเพราะมันเป็นโทรทัศน์ที่นายทุนไม่อยากลงโฆษณาให้การสนับสนุน เพราะเราเป็นตัวของตัวเองมากเกินไป ถ้าเราขายตัวขายอุดมการณ์สัก 30 เปอร์เซ็นต์ เราก็คงอยู่ได้ คงร่ำรวย แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น

“เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อประชาชนที่ดูเอเอสทีวีแล้วคิดว่าเอเอสทีวีเป็นทีวีที่ดี ประเทศไทยควรจะมีโทรทัศน์อย่างนี้ แต่ไม่ช่วยกันสนับสนุนให้เอเอสทีวีอยู่ได้ ผมคนเดียวแบกไม่ไหวหรอก ผมแบกมา 7 ปีแล้ว ผมทำได้เพียงแค่นี้ เกินกว่าที่มนุษย์คนนึงจะทำได้ เฉพาะส่วนตัวแล้วขายทรัพย์สินหมดไป 7 ปีนี้ก็พันกว่าล้านแล้ว ผมคิดว่าได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ส่วนอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันไป

“ณ วันนี้มีแต่คนเอาแต่ได้ ได้เอา แต่เสียสละไม่ยอม การทำเอเอสทีวีเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่มากเพราะเป็นอันตรายในเรื่องถูกฟ้องร้องเอย อันตรายในการถูกลอบทำร้ายเอย แล้วก็ยังต้องสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัวอีก ผมคิดว่าผม ... คนๆ หนึ่งโดนยิงอีก 200 นัด โดนคดีฟ้องในศาลอีก 70 กว่าคดี ผมคิดว่าในประเทศไทยหาคนอย่างผมคงไม่มีอีกแล้ว มิหนำซ้ำยังถูกใส่ร้ายป้ายสีอีก จากพวกพรรคประชาธิปัตย์ และแม่ยกพรรคประชาธิปัตย์หาว่าผมไปรับเงินทักษิณมา นี่เดี๋ยวก็คงใส่ร้ายผมอีก หาว่าเพราะผมไปรับเงินมาก็เลยแกล้งปิดเอเอสทีวี แต่ความจริงคือเราค้างชำระค่าดาวเทียมเขามา 6 เดือนแล้ว ก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะยุบสภาเสียอีก

“สมัยหนึ่ง แม้กระทั่งปัจจุบัน ทั้งโทรทัศน์ วิทยุที่ออกได้ทุกวันนี้มันออกก็เพราะว่ามันมีเงินสนับสนุนจากทางการเมือง แต่เงินทางการเมืองมาจากไหนล่ะ ก็คือเงินที่โกงกินคอร์รัปชั่นมา เพราะฉะนั้นเอเอสทีวีทุกข่าวเป็นข่าวที่บริสุทธิ์ จุดยืนทุกจุดยืนอยู่บนอุดมการณ์ บนเป้าหมายคือทำให้ชาติอยู่บนทำนองคลองธรรม เพราะฉะนั้นแล้วผมคิดว่าผมทำได้เพียงแค่นี้ ถามว่าผมเสียดายไหม ... ก็เสียดาย ถามว่าผมเสียใจไหม ผมไม่เสียใจ เหตุผลที่ไม่เสียใจก็เพราะว่า ผมคิดว่าไม่เสียชาติเกิดที่ได้ทำมาขนาดนี้แล้ว นอกจากนี้แล้วยังได้ร่วมขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อต่อสู้ให้กับบ้านเมือง สู้เพื่อปกป้องแผ่นดินไทย สู้เพื่อเอาข่าวสารที่แท้จริงออกมาให้กับสังคมไทย ซึ่งสื่อมวลชน โทรทัศน์ทุกช่อง ไม่ได้มีข่าวสารที่แท้จริง และไม่มีความกล้าหาญพอที่จะเอาความจริงมาเปิดเผย เพราะฉะนั้นแล้วผมจึงมีความรู้สึกว่าผมไม่เสียชาติเกิด

“แต่ว่าเอเอสทีวีก็ยังออกอยู่ คนก็ยังสามารถที่จะดูได้อยู่ผ่านอินเทอร์เน็ต ส่วนคนที่อเมริกาก็ยังดูได้ เพราะว่าเราส่งสัญญาณผ่านอินเทอร์เน็ตไปที่อเมริกาและขึ้นดาวเทียมที่อเมริกา ค่าใช้จ่ายก็ยังพอจะจ่ายได้ เพราะว่ามีสมาชิกที่อเมริกาเขาจ่ายเงินให้ ยกตัวอย่างง่ายๆ ให้ฟังว่า ถ้าเรามีแฟนพันธุ์แท้เอเอสทีวีหรือพันธมิตรฯ สักแสนคนจากจำนวนล้านคน ซึ่งน่าจะหาได้ ไม่ต้องอะไรแค่รับเป็นสมาชิก SMS เราเดือนละ 200 บาท เราก็อยู่ได้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงๆ มีแค่ 4 หมื่นคน เพราะฉะนั้นแล้ว ... (หยุดคิด) ผมก็เห็นใจเขานะ ผมก็เลยคิดเสียว่าวันนี้ไม่มีคนดูเอเอสทีวีผ่านดาวเทียมก็แล้วกัน ถ้าใครอยากดูก็ดูผ่านอินเทอร์เน็ตเอา

..............................................................
... ในสังคมไทยเราเป็นคนปกติ ที่อยู่ในสังคมที่ไม่ปกติ

“ตอนนี้พันธมิตรฯ หรือ คนที่เชียร์เอเอสทีวีที่เชียร์แต่ปาก ไม่ได้ช่วยอะไร ก็รบกวนไปดูช่องฟรีทีวี 3, 5, 7, 9, 11 แล้วกัน แต่พนักงานของเอเอสทีวีก็จะอยู่เหมือนเดิม เราก็จะต่อสู้หาเงินมาจ่าย แต่อย่างน้อยเราก็ลดต้นทุนการจ่ายค่าช่องสัญญาณดาวเทียมได้ ส่วนช่องอื่นๆ อีก 2 ช่อง คือ ช่อง Super บันเทิง กับช่องภาษาอังกฤษที่ออกทรูวิชั่นส์นั้น เขามีรายได้ของเขาเองสามารถดูแลตัวเองได้ เพราะฉะนั้นที่จะต้องดูแลก็คือช่อง นิวส์วัน แล้วก็ยังโชคดีที่มีอินเทอร์เน็ต มีเว็บไซต์ข่าวที่คนเข้าเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย

“เอเอสทีวีเป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ชัดว่า คนไทยชอบเชียร์ แต่พอถึงเวลาต้องลงเงินลงแรงให้ของดีๆ ต้องมีอยู่ต่อไปก็จะเฉยๆ วันนี้ก็ไม่มีอะไรให้แล้ว ก็กลับไปสู่ยุคเดิม ยุคสมัยก่อนที่ผมทำเอเอสทีวี ... ถ้าไม่มีเอเอสทีวีเมืองไทยก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แล้ววันนี้ก็ไม่มีเอเอสทีวีอีกต่อไป เมืองไทยก็คงจะเปลี่ยนแปลงยากเหมือนกัน”

---------
บางบทวิเคราะห์ (ความเห็น จงใช้วิจารณญาณในการชม)





แหล่งสืบค้น
- พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (People's Alliance for Democracy: PAD)

- ASTV





เสียงสะท้อนจาก ผู้ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลสื่อโทรทัศน์ ASTV:
กรณีศึกษา ที่ 1


กระทู้ห้องราชดำเนิน PANTIP.COM : สุดยอดเว็บบอร์ดไทย เพื่อสังคมออนไลน์คุณภาพ
P6836207 อยากจะบ้าตายเพราะพันธมิตร


--ข้อความ---
อยากจะบ้าตายเพราะพันธมิตร

จากเดิมเราเป็นคนที่ไม่ชอบทักษิณ (จะโดนด่ามั้ยเนี่ย) และพวกลูกน้อง แต่เราเป็นคนที่ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหน ใครที่ทำไม่ดีเราก็เกลียด จากเดิมที่ไม่เคยเกลียดพัธมิตร แต่ตอนนี้โคตรเกลียด เพราะแม่เรานั่งดูastv ทุกวันตั้งแต่เช้าตรู่ยันดึกจนหลับแว่นยังอยู่ที่ตา เนื่องจากบ้านไฟไหม้ต้องอาศัยบ้านญาติก็เลยต้องนอนรวมกัน เราอยากจะบ้าตายกับเรื่องราวที่ไม่มีบ้าอะไรเลยนอกจากด่าๆๆๆๆๆและตะโกนเพื่อเรียกเสียงจากคนฟัง เรากำลังตกงานไม่ชอบออกไปไหนทั้งเครียดฟังไอบ้าพวกนี้จนเราเกลียดพวกมัน ตอนนี้แม่เราไม่รับฟังอะไรเลย หลงเชื่อไอบ้าพวกนี้จนเราโมโหจนแทบจะเป็นลูกอกกตัญญู เราไม่รู้จะพูดยังงัยให้แม่เลิกเชื่อพวกบ้าเนี่ย ตอนนี้บ้านก็วุ่นวายประเทศก็วุ่นวาย เพราะมีแต่พวกหัวหน้า ที่คอยยุยงให้ประชาชนมาทะเลาะกันเอง ในส่วนตัวเราเกลียดทักษินเพราะมันโลภ ทั้งที่เป็นคนฉลาดแทนที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศกลับหาประโยชน์ใส่ตัวเอง ส่วนพวกสนธิจำลอง ก็เอาแต่ยุยงให้แตกแยก เราอยากจะกระโดดกระชากหน้ากากพวกมันออกมา ทำเป็นทำเพื่อประเทศ พวกมันก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ถ้าเรามีอำนาจ เราจะเรียกทุกฝ่ายเลย มานั่งด่าเรียงตัวเลย เมื่อจะเลิกเห็นแกผลประโยชน์ของตัวเอง ที่มีกินทุกวันนี้ยังไม่พอหรืองัยประเทศชาติจะล่มจมอยู่แล้ว ยังไม่สำนึกอีก ถ้าไม่มีประเทศไทยพวกมึ... จะอยู่ยังงัย ทุกวันนี้ในหลวงจะปวดหัวแค่ไหน ตลอดที่พระองค์ครองราชย์ มายังทำงานหนักไม่พออีกเหรอ คอยแต่จับผิดว่าใครจาบจ้วง ทำเป็นรักพระองค์ แต่จริงแล้วพวกมันรู้ว่าคนไทยรักในหลวงมากถ้าใครจาบจ้วงและอีกฝ่ายเอาเรื่องมันก็ได้ใจจากประชาชนที่รักในหลวงไป ทุกวันนี้ฟังastvจะอวกอยู่แล้ว ยังต้องมีปัญหากับแม่อีก ปวดหัวมากเลย ทำยังงัยถึงจะให้เลิกหลงเชื่อพวกมันได้
ปล อัดอั้นมาก
จากคุณ : wow_oil [ 27 ก.ค. 51 16:08:37

--จบหัวกระทู้---

ต่อไปนี้ เป็นคำตอบจากสมาชิกผู้ร่วมวงสนทนาในกระทู้นี้
(เลือกเอามาเฉพาะ ที่เห็นว่าผู้แสดงความเห็นรุ้สึกว่าตนได้รับ ผลกระทบจากสื่อนี้)







---หยุดพักกรณีศึกษาที่ 1---



หากท่านต้องการพิสูจน์ทราบ ความจริงเท็จของผลกระทบดังแสดงมาเบื้องต้น
โปรด คลิก ตามลิงค์ข้างล่างนี้ไปดู ฟัง และคิด ด้วยตนเอง

ASTV

แต่เข้าไปแล้ว....จงตั้งสติให้ดีนะครับ
และหากว่า...ท่านใดเกิดบ้าไปอีกคน อย่างที่กระทู้กรณีศึกษาข้างบนนี้ว่าไว้ละก็
ข้าพเจ้า—เจ้าของบล็อกนี้ ไม่ขอรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น




posted by a_somjai's blog a_somjai on July 28, 2008 @ 2:52 AM.





Updated 21 กันยายน 2551 @ 04:21 AM.

"------------------------------
อย่างไรก็ตาม อาจต้องขอบคุณคุณูปการของพันธมิตรฯ ที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง หลังจากก่อนหน้านี้สังคมเรามักมีการวิจารณ์กันเป็นหย่อม ๆ เราจะได้เถียงกันจริงจังเสียทีว่าอะไรเป็นแนวทางที่เราต้องการ

ในส่วนของบทบาทสื่อนั้นถูกทวงถามมาก เพราะเริ่มเกรงว่าจะไปสร้างความรุนแรง นี่ก็เป็นเหตุผลที่สังคมไทยหันมาสู่สันติวิธี

ส่วนของสื่อมวลชนในกระบวนการประชาธิปไตยนั้น ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเมืองทีเป็นสถาบันการเมืองหลักหรือขบวนการการเมืองที่ต่อต้านรัฐอย่างพันธมิตรฯ หรือกระบวนการทางการเมืองอื่น ๆ ก็ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยสื่อมวลชน ถ้าไม่ผ่านสื่อมวลชนก็ไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงให้กลุ่มอื่นได้ยิน

ดังนั้น สื่อมวลชนจึงมีทั้งหน้าที่และอำนาจ โดยที่สังคมสนับสนุนในแบบใดแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการติดตามดู ติดตามซื้อหรือเขาไปมีส่วนร่วมโดยตรงกับสื่อ นี่เป็นระบบตัวแทนเหมือนกันแต่เป็นโลกสัญลักษณ์ และครั้งนี้เห็นอิทธิพลของสื่อที่เป็นตัวแทนสัญลักษณ์ในระดับสูง



สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เราเห็น Media Event ชัดเจนมาก โดยล่าสุดคือการโหวตในสภาที่ถ่ายทอดสด หรือขบวนการพันธมิตรฯ เราก็เห็น Media Event Live

สื่อต้องเลือกคัดสรรมาถ่ายทอด ไม่สามารถถ่ายทอดได้ทั้งหมด และถ้าทำให้เกิดลักษณะที่น่าประทับใจ หลายท่านบอกว่า การติดตามดู ASTV ทุกวันได้เกิดความประทับใจให้อยากติดตาม เป็นละครการเมือง มีหลายตอนจบ มีตัวละครฝ่ายพระเอก ฝ่ายผู้ร้าย หรือมีนักแสดงหลากหลายที่จะขึ้นเวที ขณะเดียวกันนักแสดงก็ต้องทำให้มีลักษณะที่เป็นตัวแทนที่เข้าใจง่าย ซ้ำ ๆ ง่าย ๆ

การรายงานข่าวที่เป็นละครการเมืองแบบนี้ ผู้รายงานตกที่นั่งลำบาก คือต้องคัดเลือก เอามาตีความแล้วก็เอามาจัดวาระ

เราจะเห็นว่าขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ สามารถถูกจัดมาเป็นข่าวลำดับที่ 1 มาเป็นเวลานานเพราะได้รับความสนใจของสื่อกระแสหลักเป็นอย่างยิ่ง

นำมาสู่การตั้งคำถามจากสังคมว่า ตกลงว่าสื่อจะเป็นผู้สังเกตการณ์ เป็นกรรมการหรือจะเป็นผู้เล่นเกมกันแน่




อย่างไรก็ดี อยากเสนอเพิ่มว่า สื่อขณะนี้มีลักษณะเป็นสื่อการเมืองสูง เป็น Political Media คือสนับสนุนวาทกรรมหรืออุดมการณ์ใดอุดมการณ์หนึ่งอย่างชัดเจน ก็ดีไปอย่างสำหรับผู้รับ บางทีก็ใช้คำว่าสื่อ เลือกข้าง ซ้าย ขวา ขาว ดำ หรือการประกาศว่าเป็นสื่อในสถานการณ์สู้รบ เช่น สื่อเครือผู้จัดการ

หรือกรณีที่เป็นสื่อทางเลือกสมัยใหม่ เช่น สื่ออินเตอร์เน็ต ที่เปิดพื้นที่เว็บบอร์ดที่มีการมีส่วนร่วม

ส่วนสื่อที่เลือกข้างทางการเมืองอย่างชัดเจนในประวัติศาสตร์ไทยก็มีมาแล้ว ในช่วงประมาณ 2475 เป็นต้นมา คือเลือกประชาธิปไตย อำนาจเก่า หรืออำนาจใหม่ กลุ่มที่ประชาธิปไตยและอำนาจใหม่ ถือว่าเป็นกลางที่สุด



นี่ก็เป็นคำถามว่าสื่อปัจจุบัน สื่อจะเลือกแบบใด



สุดท้าย โลกของสื่อเป็นโลกสัญลักษณ์ กับ โลกของกระบวนการทางการเมืองที่ขับเคลื่อนกันอยู่ก็ต้องมาผสมผสานกันอยู่แล้ว

ขณะนี้รัฐสภาก็ยังดำเนินอยู่ อยากขอเสนอให้ใช้กระบวนการในสภา เชิญหลายๆ ฝ่ายเข้าไปแสดงบทบาททางการเมืองร่วมกัน ซึ่งกระบวนการของพันธมิตรฯ อาจจะไม่ครอบคลุม การใช้เวทีรัฐสภาน่าจะพอให้การเมืองขับเคลื่อนไปได้และแก้ปัญหาร่วมกันได้ "

ประชาไท วันที่ : 21/9/2551: อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ นักนิเทศศาสตร์ การอภิปราย “การเมืองสยามประเทศ (ไทย)-หลังสมัคร III : การเมืองไร้ระเบียบใหม่ และ ประชาธิปไตย 70 = 30 ได้ด้วยหรือ” วันที่ 19 กันยายน 2551 จัดโดย มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ และเครือข่ายสันติประชาธรรม ที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์





updated: 23-April-2010 / 4.30 AM.
ประเด็น: "อิทธิพลสื่อโฆษณาชวนเชื่อ - Propaganda ในด้้านสร้างและปลูกฝังความเกลียดชังกันอันมีสาเหตุจากความคิดเห็นต่างทางการเมือง - Politics of Hate"

ข้อสังเกตจากรายการ DAILY DOSE ทาง VOICETV
Link ตอน: NBT ในยุคปัจจุบันแย่เฉพาะบางรายการ เป็นเพียงเฉพาะพิธีกรบางคนและแขกรับเชิญเท่านั้น
ดำเนินรายการโดย ม.ล.ปลื้ม (ณัฏฐกรณ์ เทวกุล)



22 เมษายน 2553 เวลา 17:47 น.
View 1248 : comment 0







 

Create Date : 28 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 24 สิงหาคม 2556 11:13:11 น.
Counter : 1180 Pageviews.  

ว่าด้วย… ความคลั่งรักชาตินิยมของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ความจริงหลายเดือนมานี้มีข่าว เรื่อง… กู้ชาติ รักชาติ และคลั่งชาตินิยม มากมาย ก็ตามไปค้นหาอ่านกันเอาเอง ขอแนะนำตัวอย่างที่จะพูดถึงวันนี้คือเรื่อง ปราสาทเขาพระวิหาร กับการปลุกเร้าลัทธิคลั่งชาติในหมู่คนไทย

- ปูพื้นความเป็นมา เป็นอยู่และอาจจะเป็นไป โดยขอแนะนำให้ตามไปอ่านเรื่อง “ปราสาทเขาพระวิหาร-หลุมดำ-ประวัติศาสตร์แผลเก่า-ประวัติศาสตร์ตัดตอน-กับบ้านเมืองของเรา” ในจดหมายฉบับที่ 2 ถึงนักศึกษาธรรมศาสตร์ฯ และกัลยาณมิตร จาก ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี

- แนวคิดเกี่ยวกับลัทธิชาตินิยมไทย แนะนำให้อ่าน อันตรายของลัทธิชาตินิยมไทย โดยธงชัย วินิจจะกูล กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2547

- แล้วลองไปพิจารณา บทวิเคราะห์ ความคลั่งชาตินิยม กรณีปราสาทเขาพระวิหาร ระหว่างไทยกับกัมพูชา ในสถานการณ์ปัจจุบัน เรื่อง … คัดค้านการเคลื่อนไหวก่อความแตกแยกระหว่างไทย-กัมพูชา โดย เว็บไซต์อารยชน

และความเห็นของ ‘สายชล สัตยานุรักษ์’ : ขอให้รัก ‘ชาติ’ ที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง



และ สุดท้าย เป็นส่วนความเห็นของข้าพเจ้าเอง ที่คิด และบอกคนใกล้ตัวอยู่เสมอใน กรณีการปลุกเร้าชาตินิยมแบบบ้าคลั่ง นี้ ขอบันทึกแบบประชดประชันไว้แบบคิดเห็นจริง ๆ ว่า…ถ้าจะทวงคืนเอากันแค่เค้กชิ้นเล็ก ๆ จะทำไปทำไมให้เสียแรงเสียเวลาเสียเลือดเนื้อ ไหน ๆ ก็จะรบราฆ่าฟันกันเป็นสงครามแย่งดินแดนกันใหญ่โตแล้ว ก็เอาอย่างนี้ดีกว่าไหม ท่าน นักกู้ชาติทั้งหลาย นักปฏิบัติ ธรรมยาตรา (ตอนนี้เราขอบอกตรง ๆ ว่า เราก็ไม่รู้ว่า ธรรม ธรรมยาตรา กองทัพธรรม ของพวกท่านนั้นมันหมายถึงอะไรกัน… ธรรมคือสงครามหรือ?)

- การทบทวนความคิดนั้น ขอเริ่มกันที่ไปดูข่าวอ้างอิงนี้ …



ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์


“สนธิ” จี้ใช้ 6 มาตรการเด็ดขาดยึดพระวิหาร-ยันไม่มี พท.ทับซ้อน
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 กรกฎาคม 2551 00:06 น.

----ข้อความในข่าว---
“สนธิ” จี้รัฐบาลใช้ 6 มาตรการเด็ดขาดยึดปราสาทพระวิหาร-รักษาเกาะกูด ย้ำเพื่ออธิปไตยและดินแดนหากต้องทำสงครามและเสียเลือดเนื้อก็ต้องยอมเสียสละ ระบุนาทีนี้ไม่มีพื้นที่ทับซ้อนอีกต่อไป เพราะเป็นของเราทั้งหมด หากยึดสันปันน้ำที่เป็นสากล ขณะเดียวกันต้องเอารัฐบาลขายชาติชุดนี้เข้าคุก ส่วน “สมัคร-นพดล” ต้องประหารชีวิตสถานเดียว


คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย


วันที่ 18 ก.ค. เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีที่สะพานมัฆวานฯ ว่า กรณีเขาพระวิหารนั้น สิ่งที่ประเทศไทยต้องทำต่อไปนี้ คือ 1.ต้องปฏิเสธมติคณะรัฐมนตรีที่ไปยอมรับแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาให้เป็นโมฆะเพราะไม่ได้ผ่านรัฐสภาและได้รับการรับรองจากตุลาการรัฐธรรมนูญ 2.ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยื่นใบลาออกจากองค์การยูเนสโกและชี้ให้เห็นว่าเป็นการพิจารณาตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม และเมื่อลาออกแล้ว ทั้ง 7 ประเทศที่จะเข้ามาบริหารพื้นที่ก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาใช้ทางขึ้นจากฝั่งไทยขึ้นไปฟื้นฟูปราสาทพระวิหาร

3.จ้างทนายความเพื่อรื้อฟื้นคดีปราสาทพระวิหาร โดยอ้างหลักฐานที่ไทยเคยอ้างสิทธิ์เหนือปราสาทพระวิหารตั้งแต่ปี 2505 หากจำเป็นต้องจ้างทนายความจากตะวันตกก็ต้องทำ 4.จากนั้นให้ใช้กำลังยึดปราสาทพระวิหาร ถ้าจำเป็นต้องรบก็ต้องรบ หากจำเป็นต้องเสียเลือดเนื้อเพื่อชาติบ้านเมืองก็ต้องยอม 5.ให้ทูตไทยที่ประจำอยู่ทุกประเทศทั่วโลกชี้แจงกับรัฐบาลที่ประจำอยู่ 6.สั่งปิดพรมแดนไทย-กัมพูชา 42 จุด และสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้นายฮุนเซนจะโกรธโวยวาย เพราะไม่มีอะไรมาเทียบไทยได้ และหากฝ่ายกัมพูชายังเกเรเราก็จะส่งเอฟ 16 โจมตี ขณะที่เรือรบจะลาดตระเวนเต็มพิกัด

นายสนธิ กล่าวว่า ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นทางสหประชาชาติก็จะเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่เราไม่ต้องการ ต้องการให้มีการพิจารณาคดีในศาลโลกขึ้นมาใหม่ ตามข้อมูลใหม่ ขณะที่เรายึดปราสาทพระวิหารได้ทั้งหมด และว่าวันนี้เทคโนโลยีดาวเทียมสามารถพิสูจน์สันปันน้ำซึ่งเป็นสากลว่าเป็นของไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ และเราไม่ยอมรับแผนที่ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างแผนที่ฝรั่งเศสเพียงฝ่ายเดียว

“ต้องเอา ครม.ทั้งชุด และ นายสมัคร สุนทรเวช และนายนพดล ปัทมะ ขึ้นศาล และโทษตามมาตรา 119 นายสมัครและนายนพดล มีโทษถึงประหาร ส่วนที่เหลือต้องมีโทษตลอดชีวิต เพื่อให้ทั่วโลกเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำนั้นเป็นโมฆะ สิ่งดังกล่าวไม่ใช่ความฝัน แต่ต้องทำให้เป็นจริงให้ได้” นายสนธิ ระบุ และว่าเป็นภารกิจศักดิ์สิทธิ์คือการปกป้องแผ่นดิน และต้องดึงกลับมาให้ได้

นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้ไม่ต้องพุดกันถึงพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะมีแต่พื้นที่ของประเทศ เพราะถ้ายึดสันปันน้ำที่เป็นสากลพื้นที่ปราสาทพระวิหารก็ย่อมเป็นของไทยทั้งหมด รวมทั้งเกาะกูดที่เราครอบครองมานานนับร้อยปี ก็ต้องเป็นของเรา

“ถ้าเขมรยุยงให้เผาสถานทูตไทยก็หมายความว่าบุกรุกอธิปไตยของไทย เราก็ต้องมีสิทธิส่งเอฟ 16 บุกไปถล่ม ทำไมเราต้องปล่อยให้รัฐบาลเฮงซวยฮุนเซนมาย่ำยี แต่ที่เป็นแบบนี้เพราะเรามีรัฐบาลชาติชั่วขายชาติ” นายสนธิ ระบุ และว่า 55 วัน 55 คืนที่พันธมิตรฯ ชุมนุมมาอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณที่ทำให้พี่น้องทั่วประเทศร่วมกันเปลี่ยนแปลงสังคม และยอมตายเพื่อชาติบ้านเมือง

“อย่าถามว่าจะสู้ไปถึงไหน แต่ต้องถามประชาชน เพราะระหว่างการชุมนุมมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้นทีละข้อๆ ซึ่งถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ ต่อให้ต้องชุมนุมอีก 10 ก็สู้ไม่ถอย” นายสนธิ ระบุ และกล่าวถึงอาเพศในบ้านเมืองและสิ่งอัปมงคลในบ้านเมือง ทั้งกรณีตัวเงินตัวทองผสมพันธุ์กันในทำเนียบรัฐบาล และการล้มลงของต้นราชพฤกษ์ในทำเนียบ ซึ่งเหมือนกำลังจะบอกว่ารัฐบาลชุดนี้กำลังจะพ้นไปแล้ว

-------จบข่าว-------


จากข่าวข้างบน ในทรรศนะของข้าพเจ้า เห็นว่าถ้าหากเราเป็น พวกคลั่งชาติไทย เราทั้งหลายก็ควรเดินหน้าไปทวงคืนสมบัติ พื้นแผ่นดินตามรายการข้างท้ายเหล่านี้ กลับคืนมาทั้งหมด ไม่ดีหรือ …ขอเชิญดูข้อมูลคัดมาอ้างอิง…แล้วท่านผู้เจริญก็คิดประติดประต่อเรื่องราวกันเอาเองก็แล้วกัน









ที่มา: การเสียดินแดนไทยให้แก่ฝรั่งเศสและอังกฤษ





posted by a_somjai's blog a_somjai on July 19, 2008 @ 2:14 PM.




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 19 กรกฎาคม 2551 14:32:33 น.
Counter : 718 Pageviews.  

2008-07-11 กรณีศึกษาตุลาการภิวัฒน์

สืบต้นตามรายการต่อไปนี้

- ตุลาการภิวัฒน์ ผลพวงต่อเนื่องจาก รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 / หรือ รัฐประหาร 19 กันยายน 2549

- กรณีศึกษายกมา เพื่อเป็นแนวทางการเปรียบเทียบกับ INQUISITION ระบบศาลของศาสนจักรเพื่อตามกวาดล้างลงทัณฑ์บรรดาพวกนอกรีตทั้งหลาย พวกก่อความกระด้างกระเดื่องต่ออาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า รวมทั้งผู้ที่ถูกหาว่าเป็นพ่อมดแม่มด ในยุคกลาง (medieval) ของยุโรป อ่าน--> INQUISITION : ข้อเขียนจุดประกายจากธงชัย วินิจจะกูล , สืบค้น Topic: Inquisition, Inquisition สืบค้นโดย google และ กรณี คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกรณีแถลงการณ์ร่วมไทย - กัมพชูาเรื่องเขาพระวิหาร กับ บทวิเคราะห์คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกรณีแถลงการณ์ร่วมไทย - กัมพชูาเรื่องเขาพระวิหาร ของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และผลที่ตามมาคือ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง //

Updetd:
- (มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน: รวบรวม)ปราสาทพระวิหารเชิงวิพากษ์ แนวพินิจศาลปกครองไทย ; 1. ปราสาทเขาพระวิหาร-กรณีศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองกับลัทธิชาตินิยม (“ปราสาทเขาพระวิหาร-กรณีศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองกับลัทธิชาตินิยม”, ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ) 2. (ไทย, กัมพูชา มีพัฒนาการร่วมกัน แล้วมีบรรพชนร่วมกันในสุวรรณภูมิ, สุจิตต์ วงษ์เทศ) 3. (แถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดำที่ ๙๘๔/๒๕๕๑ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๑ ของอาจารย์นิติาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 5 คน, เรื่อง การขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา) 4. (บทวิเคราะห์ทางวิชานิติศาสตร์ ต่อคำสั่งศาลปกครองกลางกำหนดวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ฯ ในคดีแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา, บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ราชบัณฑิต ศาสตราภิชาน คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า)



- (ประชาไท วันที่ : 13/7/2551 ) วรเจตน์ ภาคีรัตน์ : ศาลเขียน รธน.ใหม่
........

ไหนๆ จะไม่พูดแล้ว อาจารย์มองว่าตุลาการภิวัตน์จะไปลงที่ตรงไหน

“2 ทาง อันแรกคือถ้าสำเร็จมันก็จะจบ แต่ผมเชื่อว่าจบในระยะสั้น ในระยะยาววงการตุลาการจะได้รับผลกระทบสูงมาก จาก action ที่ออกมาในช่วงเวลาที่ผ่านมา มันจะมีคนตั้งคำถามกับองค์กรตุลาการ ซึ่งไม่เคยถูกถามเลยในหลายเรื่อง วันหนึ่งจะมีคนถามว่าองค์กรท่านเป็นยังไง งบประมาณท่านได้แต่ละปีเท่าไหร่ ทำอะไรกันบ้าง มีระบบการควบคุมตรวจสอบเป็นอย่างไร คนในองค์กรของท่านดำรงตำแหน่งอะไรกันบ้าง”

“แต่ถ้าเกิดว่าไปไม่ได้ มันก็จะวุ่นวายใหญ่ ในทางการเมือง ถ้าองค์กรตุลาการเอาไม่อยู่ มันก็เป็นการประเมินทางการเมือง ซึ่งผมไม่มี fact ในทางการเมือง ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างชัดเจน อำนาจทางกฎหมายเอาไว้อยู่มันก็จะอยู่ในระดับหนึ่ง ผมเชื่อว่ามันไม่จบโดยบริบูรณ์ เพียงแต่จะสั้นหรือยาวแค่ไหน เพราะวันนี้มันมาถึงความคิดเห็นทางสังคมซึ่งมันสุดขั้วไปแล้ว ขั้ว 70:30 กับขั้วที่สนับสนุนประชาธิปไตยมัน crack กันแล้ว และไม่มีทางประนีประนอมกันได้อีกแล้ว”


ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปคือรบรากันด้วยกำลังแน่นอน

“แนวโน้มสูงมาก เบื้องต้นมันก็รุกไล่ไปอย่างนี้ แล้วก็ใช้กฎหมายดำเนินการไปอย่างนี้จนมันจะค่อยๆ สึกกร่อนเสื่อมลงไปด้วย แล้วคนก็จะเชื่อต่างกัน ปัญหาที่น่ากลัวในสังคมในเวลานี้กลายเป็นปัญหาเรื่องความเชื่อ ความคิด ที่เชื่อกันคนละอย่าง แล้วฟังเหตุผลกันไม่ได้ ก็พร้อมที่จะเห็นอีกฝ่ายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเป็นศัตรู ทำร้ายกันได้”





- คำสำคัญที่เกี่ยวข้อง จำแนกตามบุคคลและเหตุการณ์

- กรณี ศาล ยุบพรรคการเมือง
- คดีในศาลของ ทักษิณ ชินวัตร
- คดีในศาลของ พจมาน ชินวัตร
- คดีในศาลของ ยงยุทธ ติยะไพรัช และ ตำตัดสินคดีของศาล กรณียงยุทธ ติยะไพรัช
- คำตัดสินของศาล ให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง
-
-
-
-
-





posted by a_somjai's blog a_somjai @ 5;11 AM.




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2551 5:30:56 น.
Counter : 586 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

a_somjai
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add a_somjai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.