แรงบันดาลใจ

ผมห่างหายจากการโพสท์กระทู้และเขียนบล็อกไปนานพอสมควร ต้องบอกกันตามตรง(และแม้จะดูเหมือนข้ออ้างก็ตาม อิอิ) ว่าผมไม่มีแรงบันดาลใจในการเขียนสักเท่าไหร่ อาจมาจากเหตุการณ์ที่ผมพบในช่วงสองสามเดือนก่อน (ที่เขียนในบล็อกคราวก่อนเรื่องการเจาะหูและตัดผม) ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าผมไปนั่งเศร้า หรือไปหดหู่อะไรแต่อย่างใด ตรงกันข้ามผมมีชีวิตสบายๆมีความสุขไปตามอัตภาพซะอีกครับ ช่วงที่หายไปนี่ผมก็มีงานเข้ามาบ้าง ก็สนุกกับงานไป แล้วก็สารภาพว่าติดเกมครับ แหะๆๆ เพราะว่าเพื่อนผมคนนึงมาเสนอขาย macbook pro รุ่นปลายปีก่อนให้ในราคาที่ถูกมาก ก็เลยซื้อไว้ ทำให้คอมที่ผมใช้อยู่นี้สเปคแรงพอที่จะหาเกมใหม่ๆมาลงได้ เกมที่ลงเล่นนี่ก็ล้วนแต่เป็นเกมที่อยากเล่นมานานแล้ว แต่ติดว่าไม่มีเครื่อง และสเปคคอมที่ใช้ก็ไม่สูงพอ พอได้คอมมาแล้วก็เลยหามาเล่นซะหายอยากเลลยครับ แหะๆๆ

(หมายเหตุ - จริงๆแล้วผมซื้อ macbook pro มาเพื่อจุดประสงค์หลักในการทำงานจริงๆนะ เพียงแต่ว่างานมันมีเข้ามาเป้นระยะ ในขณะที่เกมที่อยากเล่นมันมีมากกว่างาน พอว่างจากงานผมก็เล่นเกม ก็เท่านั้นเอง จริงๆนะ เชื่อกันหน่อยซี่ เชื่อเถอะ ฮือๆๆๆ T____T)

ด้วยเหตุนี้ ผมก็เลยมีความสุขกับชีวิตไป จริงๆต้องเรียกว่าชีวิตแบบ So So มากกว่า คือไม่ได้มีความสุขมาก แต่ก็ไม่ได้ทุกข์มาก มันก็เลลยไม่มีอะไรขับเคลื่อนให้มาเขียนบทความอะไรนัก ทั้งรีวิวเกม รีวิวหนัง หรือโพสท์กระทู้อะไร ซึ่งก็แปลกใจระคนดีใจพอสมควรครับที่มีสมาชิกพันทิพบางท่านหลังไมค์มาถามไถ่ว่าไม่เห็นบทความรีวิวหนังของผมเลย ผมไม่ค่อยได้ดูหนังหรืออย่างไร? ผมดูหนังไม่กี่เรื่องครับช่วงนี้ เพราะหนังโรงใหม่ๆไม่ค่อยมีหนังที่อยากดู ไอ้ที่อยากดูดูแล้วก็ไม่ได้เกินความคาดหวังอะไรถึงจนาดต้องมาเขียน ยังไงก็ต้องขอบคุณนะครับที่หลังไมค์มาให้รู้ว่ายังมีคนติดตามงานของผมอยู่ ขอบคุณจริงๆครับผม ^______^

==============================
ตอนนี้คิดว่าจะกลับมาเขียนอีกครั้ง เริ่มจการีวิวเกม 4-5 เกมที่เล่นไป จะเรียกว่ามีแรงบันดาลใจขึ้นมาก็ไม่เชิงครับ แต่ผมมีความรู้สึกอย่างงี้มาตลอดแล้วนั่นคือ บางครั้งเวลาเราห่างหายจากอะไรไปนานๆ พอกลับมาเจอมันอีกครั้ง ทำให้เรารู้สึกสนุกสนาน มีไฟ เหมือนกับไม่ได้เจอเพื่อนเก่าแล้วมาเล่าเรื่องกันและกัน มารำลึกความหลังกันอีกครั้งนั่นแหละครับ

มันก็เหมือนเพลงที่เค้าว่าไว้ ว่าบางครั้งเราก็ต้องแบ่งที่ว่างตรงกลางไว้บ้าง เพื่อรองรับความรู้สึกที่มันจะเกิดขึ้น คู่รักหลายคู่ก็เลิกกันเพราะว่ารักกันมากไป แปลกแต่จริงครับ ถ้าเราคุ้ยเคยกับอะไรมากไป ความรู้สึกมันก็จะกลายเป้นความเคยชิน และอาจเป้นความเฉยชาได้ถ้าไม่รู้จักมีลูกล่อลูกชนกับมันซะบ้าง

เมื่อก่อนผมเคยเชื่อในประโยคที่เค้าบอกว่า ถ้ารักใคร ให้บอกเค้าบ่อยๆ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส แต่เมื่อผมพบว่าบอกรักใครมากไปมันก็กลายเป้นของตาย และกลายเป็นไม่มีคุณค่า ผมก็ต่อต้านประโยคนี้อย่างสุดขั้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปผมถึงตระหนักได้ว่า จริงๆมันต้องอยู่บนความพอดี อะไรมากไปมันก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดี บางครั้งเราอาจต้องเล่นทริคกับมันบ้าง ทั้งหมดไม่ใช่ว่าเรามีลับลมคมใน แต่เรารู้ทันมันต่างหาก เพื่อจะได้คงความสดใหม่ของความรู้สึกให้มันหล่อเลี้ยงเราได้ต่อไป

คิดงั้นมั้ยครับ ^_________________^

ปล. ขอบคุณความห่างไกลที่ทำให้รู้ความรู้สึกในใจพวกเรา


Create Date : 24 พฤษภาคม 2552
Last Update : 24 พฤษภาคม 2552 4:42:58 น. 3 comments
Counter : 416 Pageviews.

 
ถูกต้อง

รักใครบอกได้ แต่อย่าบอกบ่อย

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ


โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:43:28 น.  

 
พี่เห็งล่วยมากเรยจ่ะ ว่าต้องแบ่งช่องว่างไว้เพื่อให้กลับมามีไฟ

พี่เรยมักจะโดดงานได้อย่างสะบายใจเพื่อกลับมามีไฟทำงานอิกครั้ง


แต่เรื่องฟามรัก ผ่านจ่ะ เพราะว่ามันห่างไปจนหาใหม่มิได้ ...เซ็ง ..


โดย: ซซ วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:24:40 น.  

 
แวะมาทักค่ะ


โดย: ค๊อปเตอร์ใบไม้ (arlendil ) วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:21:17 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

CARAGIO
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด
คนฉลาดตกเป็นทาสของคนแกล้งโง่
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add CARAGIO's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.