นการ์ตูนไทยหมด ก็หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านบ้าง อ่านพวกวรรณคดีบ้าง (พ่อผมเป็นครูสอนภาษาไทย ดังนั้นในขณะที่หลายคนอ่านโดราเอมอน ผมกลับอ่านสิงหไกรภพ รามเกียรติ์ และนิยายพื้นบ้านไทยทั้งหลาย
ที่ผมจำได้แม่นยำที่สุดก็คือ การสนับสนุนของพ่อและแม่ของผม ถึงบ้านเราจะไม่มีอะไรให้เด็กอย่างผมอ่านเพื่อความบันเทิงนัก แต่พ่อแม่ก็พยายามกระตุ้นให้ผมอ่านโน่นอ่านนี่อยู่เป็นประจำ ตอนผมยังเด็กตัวเล็กๆ ต้องนั่งซ้อนตรงเบาะหน้าจักรยานยนต์ที่พ่อขี่และแม่ซ้อน พ่อจะคอยชี้ป้ายร้านตามข้างทางให้ผมอ่านให้ฟังเสมอ
จำได้ว่าครั้งหนึ่งผมอ่านป้ายร้านชื่อ สามารถ หรือ ปรารถนา ได้นี่แหละ ซึ่งจัดเป็นคำยากสำหรับเด็กอายุเท่านั้น ทำให้พ่อแม่ถึงกับปลื้มกันยกใหญ่ และผมก็จำความรู้สึกภูมิใจครั้งนั้นได้ชัดเจนมาก และนั่นเองที่ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับผม และเป็นพื้นฐานแข็งแรงที่ช่วยสร้างทุกอย่างให้ผมเป็นผมอย่างในทุกวันนี้
พอมาถึงปัจจุบัน ผมกลับเห็นผู้ใหญ่บางคนที่ไม่อยากเหนื่อยในการสอนลูกสักเท่าไหร่นัก เวลาลูกเล่นซน หรือพยายามพูดคุยโน่นนี่ ก็โยนเจ้า iPad ให้ลูกเล่น ซึ่งก็ได้ผลในการทำให้ลูกเงียบ แต่การที่ลูกเล่นเกมใน iPad หรือในแท็บเล็ตอื่นๆ นั้นไม่ได้ช่วยสร้างพื้นฐานการอ่านให้ลูกของเขาเลย
อ้อ ปัจจุบันเด็กหลายคนเล่นเกมภาษาอังกฤษนะครับ แต่เขาไม่สนใจตัวอักษรที่โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอเลยด้วยซ้ำ แค่คอยเดา แล้วก็กดมั่วๆ เท่านั้นเอง (พวกนิสิตนักศึกษาปัจจุบันบางคนก็เป็นแบบนี้ครับ กลายเป็นว่า เล่นแต่เกม ดูแต่รูป สนใจแต่ภาพเคลื่อนไหว แล้วมีปัญหากับการสื่อสารด้วยตัวอักษร ซึ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ)
ในวันเด็กครั้งนี้ ผมจึงอยากแนะนำให้ผู้ปกครองแต่ละคน หันมาพูดคุยกับลูก อ่านหนังสือให้ลูกฟังบ้าง อย่าให้ลูกมองแต่ทีวีหรือแท็บเล็ตจนวันๆ ไม่ได้คุยกับใคร ในช่วงแรกที่เราทำแบบนั้น เด็กก็คงดื้อบ้าง โวยวายบ้าง แต่ในระยะยาวแล้ว เขาจะขอบคุณพวกคุณอย่างแน่นอน
เหมือนอย่างที่ผมกำลังอยากขอบคุณพ่อและแม่ของผม ที่ทำให้ผมรักการอ่าน และกลายเป็นผมอย่างทุกวันนี้ หนังสือภาษาไทยและนิยายวรรณคดีทั้งหลายของพ่อนั้นเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความฝันของผม เป็นปัจจัยที่ทำให้สิ่งดีๆ ทั้งหลายเกิดขึ้นกับชีวิตของผม
ขอให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูกทั้งหลายมีความสุขในวันเด็ก และขอให้วันนี้เป็นจุดกำเนิดของฝันดีทั้งหลายที่จะตามมาในอนาคตนะครับ
จาก ดช.เอกสิทธิ์ เทียมแก้ว (^_^)