The world around us: My perspective
Group Blog
 
All Blogs
 
ช่วงวัยเด็กของผม ที่ยังไม่มีแท็บเล็ตเป็นเพื่อนเหมือนเด็กๆ สมัยนี้

นี่เป็นโพสต์ในแฟนเพจของผมที่ถูกเขียนขึ้นในช่วงวันเด็กที่ผ่านมาครับ

ตอนเป็นเด็กนั้น ผมไม่ค่อยมีเพื่อนสักเท่าไหร่ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ที่จำได้ชัดเจนก็คือ พอเหงาๆ ก็หยิบเอาหนังสือขึ้นมาอ่าน ตอนเด็กมากๆ นั้นผมก็เริ่มจากการ์ตูนไทยเล่มละบาทนั่นแหละครับ พ่อแม่เล่าว่าพวกเขาซื้อการ์ตูนไทยมาให้ผมอ่านเป็นกองใหญ่เลย

ฐานะทางบ้านของผมในช่วงนั้นไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก ดังนั้นผมจึงไม่รู้จักพวกการ์ตูนญี่ปุ่นเลย พออ่านการ์ตูนไทยหมด ก็หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านบ้าง อ่านพวกวรรณคดีบ้าง (พ่อผมเป็นครูสอนภาษาไทย ดังนั้นในขณะที่หลายคนอ่านโดราเอมอน ผมกลับอ่านสิงหไกรภพ รามเกียรติ์ และนิยายพื้นบ้านไทยทั้งหลาย

ที่ผมจำได้แม่นยำที่สุดก็คือ การสนับสนุนของพ่อและแม่ของผม ถึงบ้านเราจะไม่มีอะไรให้เด็กอย่างผมอ่านเพื่อความบันเทิงนัก แต่พ่อแม่ก็พยายามกระตุ้นให้ผมอ่านโน่นอ่านนี่อยู่เป็นประจำ ตอนผมยังเด็กตัวเล็กๆ ต้องนั่งซ้อนตรงเบาะหน้าจักรยานยนต์ที่พ่อขี่และแม่ซ้อน พ่อจะคอยชี้ป้ายร้านตามข้างทางให้ผมอ่านให้ฟังเสมอ

จำได้ว่าครั้งหนึ่งผมอ่านป้ายร้านชื่อ สามารถ หรือ ปรารถนา ได้นี่แหละ ซึ่งจัดเป็นคำยากสำหรับเด็กอายุเท่านั้น ทำให้พ่อแม่ถึงกับปลื้มกันยกใหญ่ และผมก็จำความรู้สึกภูมิใจครั้งนั้นได้ชัดเจนมาก และนั่นเองที่ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับผม และเป็นพื้นฐานแข็งแรงที่ช่วยสร้างทุกอย่างให้ผมเป็นผมอย่างในทุกวันนี้

พอมาถึงปัจจุบัน ผมกลับเห็นผู้ใหญ่บางคนที่ไม่อยากเหนื่อยในการสอนลูกสักเท่าไหร่นัก เวลาลูกเล่นซน หรือพยายามพูดคุยโน่นนี่ ก็โยนเจ้า iPad ให้ลูกเล่น ซึ่งก็ได้ผลในการทำให้ลูกเงียบ แต่การที่ลูกเล่นเกมใน iPad หรือในแท็บเล็ตอื่นๆ นั้นไม่ได้ช่วยสร้างพื้นฐานการอ่านให้ลูกของเขาเลย

อ้อ ปัจจุบันเด็กหลายคนเล่นเกมภาษาอังกฤษนะครับ แต่เขาไม่สนใจตัวอักษรที่โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอเลยด้วยซ้ำ แค่คอยเดา แล้วก็กดมั่วๆ เท่านั้นเอง (พวกนิสิตนักศึกษาปัจจุบันบางคนก็เป็นแบบนี้ครับ กลายเป็นว่า เล่นแต่เกม ดูแต่รูป สนใจแต่ภาพเคลื่อนไหว แล้วมีปัญหากับการสื่อสารด้วยตัวอักษร ซึ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ)

ในวันเด็กครั้งนี้ ผมจึงอยากแนะนำให้ผู้ปกครองแต่ละคน หันมาพูดคุยกับลูก อ่านหนังสือให้ลูกฟังบ้าง อย่าให้ลูกมองแต่ทีวีหรือแท็บเล็ตจนวันๆ ไม่ได้คุยกับใคร ในช่วงแรกที่เราทำแบบนั้น เด็กก็คงดื้อบ้าง โวยวายบ้าง แต่ในระยะยาวแล้ว เขาจะขอบคุณพวกคุณอย่างแน่นอน

เหมือนอย่างที่ผมกำลังอยากขอบคุณพ่อและแม่ของผม ที่ทำให้ผมรักการอ่าน และกลายเป็นผมอย่างทุกวันนี้ หนังสือภาษาไทยและนิยายวรรณคดีทั้งหลายของพ่อนั้นเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความฝันของผม เป็นปัจจัยที่ทำให้สิ่งดีๆ ทั้งหลายเกิดขึ้นกับชีวิตของผม

ขอให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่และคุณลูกทั้งหลายมีความสุขในวันเด็ก และขอให้วันนี้เป็นจุดกำเนิดของฝันดีทั้งหลายที่จะตามมาในอนาคตนะครับ

จาก ดช.เอกสิทธิ์ เทียมแก้ว (^_^)

------ หมายเหตุหลังบทความ -------

ช่วงนี้ผมจะเขียนบทความให้กับเว็บ Click-Kid เป็นประจำที่หน้า default ของบล็อกผมเอง และสำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน Click-Kid นั้น สามารถเข้ามาชมแฟนเพจของ Click-Kid ได้เลยครับ

ส่วนบทความเรื่อง E-Commerce เรื่องภาษาอังกฤษ และเรื่องอื่นๆ ที่ผมอยากพูดคุย จะถูกใส่ไว้ใน fan page ก่อนแล้วก็อปมาวางไว้ที่บล็อกครับ ดังนั้นถ้าใครสนใจ ก็สามารถตามไปที่ แฟนเพจของผม ได้เลย

หรือแวะไปดูเรื่อง สัมมนาเจาะลึกการตลาดสถานพยาบาล ครั้งที่ 8 "เทคนิคการสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้กับองค์กร" (Innovative Strategies in Healthcare Marketing: Hi-speed Pursuit of the Blue Oceans) ที่ผมทำกับบริษัทไอเดียไลน์ในวันที่ 23-24 กุมภาพันธ์ 2556 ได้ที่ //goo.gl/b0Inm



Create Date : 22 มกราคม 2556
Last Update : 22 มกราคม 2556 22:21:56 น. 0 comments
Counter : 1219 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MrET_TK
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




วิศวกรคอมพิวเตอร์โดยปริญญา แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นอาจารย์ในที่สุด (แถมเป็นคณะวิทยาศาสตร์ด้วย ฮะๆๆ) ปัจจุบันเป็นวิทยากรด้านการตลาดออนไลน์ให้กับสถาบันในเครือกรุงเทพธุรกิจและเว็บ exitcorner รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ให้บริษัทเอกชน

ปัจจุบันผมเขียนบทความใน fan page เป็นประจำ (http://www.facebook.com/dr.ekkasit กับ http://www.facebook.com/InspireRanger)
Friends' blogs
[Add MrET_TK's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.