กล้องฟิล์มสะสม :: My Vintage Camera Collection
เอากล้องฟิล์มเก่าๆ ที่ผมสะสมอยู่มาให้ดูกันครับ ไม่ใช่กล้องที่มีราคาอะไรมากมาย แค่เป็นกล้องที่ผมถูกใจหน้าตาเท่านั้น ก็ซื้อมาสะสมไว้ เลยเอาแบ่งให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้ดูกัน เผื่อได้แลกเปลี่ยนกันบ้างครับ PRAKTICA L-Series เริ่มจากกล้อง SLR สัญชาติเยอรมัน PRAKTICA ผมมีแต่ L-Series อยากได้ตระกูล Nova, Praktina, Pentacon เหมือนกัน แต่ยังไม่มีโอกาส ตอนนี้ผมมี รุ่น PLC3, MTL3, MTL50, MTL 5B, LLC, L และ EE Praktica LLC เป็นกล้องรุ่นแรกของโลกที่มีระบบ electronic เชื่อมต่อระหว่างกล้อง และเลนส์
mamiya/sekor 1000TL (1966)
กล้อง SLR อีกตัวที่มีอยู่ คือ mamiya/sekor 1000TL เป็นกล้อง SLR ที่วัดแสงแบบ TTL รุ่นแรกของ Mamiya Mount M42 ที่จริงอยากได้ตัว 1000DTL แต่แพงกว่าและหายากกว่าหน่อยนึง
Nikon L35 AF (1983) ต่อมาเป็นกล้อง Compact Rangefinder Nikon L35 AF กล้องรุ่นเป็นกล้องที่ที่บ้านผมใช้มาตั้งแต่ผมเกิดก็ว่าได้ แต่ตัวนั้นหายไปแล้วพร้อมกับตอนที่ขโมยขึ้นบ้าน เสียดายมาก เลยไปหามาใหม่จากอีเบย์ เสียดายว่าตัวที่ได้มาเป็นบอดี้พลาสติกแล้ว ไม่ใช่โลหะ เหมือนตัวที่หายไป แล้วมารู้ทีหลังว่า นี่คือกล้อง Compact ที่ Auto Focus ได้รุ่นแรกของ Nikon
ตัวนี้เป็นกล้องที่ผมตั้งใจเอามาไว้เล่นโลโม่ Vivitar PN2011 หายากเหมือนกันนะ แถมราคาก็ไม่ถูกเหมือนความกิ๊กก๊อกของมัน
Ricoh 300 S (1960) ต่อมาเป็นกล้องเก่าตัวแรกๆ ของผมที่ซื้อมาเก็บไว้ คือ Ricoh 300 S เป็นกล้อง Rangefinder ครับ และทำให้ผมเริ่มรู้สึกดีกับกล้องยี่ห้อนี้หลังจากค่อยๆ มาข้อมูล กล้อง Ricoh ในตลาดอีเบย์ ส่วนใหญ่ราคาสูง ยกเว้นตระกูล 500G กับอีกบางรุ่น ที่ราคาไม่แพง ส่วนตัวนี้ผมได้มาถูกๆ ต้องส่งให้เพื่อนที่ UK ก่อน แล้วส่งมาให้ผมอีกที Ricoh 300 S เป็นกล้อง Rangefinder ไม่มีวัดแสง ใช้เลนส์ Riken 1:2.8/45 mm. ความไวชัตเตอร์ 1/4-1/300 + B
Ricoh Auto Shot (1964) Ricoh ตัวต่อมา คือ Ricoh Auto Shot เป็นกล้อง Compact Viewfinder ที่มีระบบออโต้ แบบ Shutter Priority ที่กล้องจะปรับขนาดรูรับแสงให้อัตโนมัติ เลนส์ Rikenon 1:2.8/35 mm. ความไวชัตเตอร์ 1/30 - 1/125 + B ส่วนที่แปลกคือ ขึ้นฟิล์มด้วย Spring Motor ก็คือไขลาดนั่นแหล่ะครับ ถ่ายเสร็จมันจะหมุนฟิล์มให้อัตโนมัติ ที่่จริงตอนเขียนนี้ ได้ Ricoh Auto 35 และ Ricoh 35 FM มาเพิ่มแล้ว แต่ยังมาไม่ถึง มาเมื่อไหร่จะเอารูปมาลง
Kodak ColorSnap 35 Model 2 (1964) ช่วงนั้นอยากได้กล้องประเภทนี้ เห็นตัวนี้ราคาไม่แพง เลยลองซื้อมาดูครับ ใช้งานยากๆ มึนเหมือนกัน เพราะไม่มีวัดแสง แถมปรับค่าโดย Exposure Guide เลยใช้ Sunny 16 ไม่ได้ กล้องตัวนี้เลนส์ Anaston 1:3.9/43.9 mm. ปรับรูรับแสงได้ ตาม EV Scale ตั้งแต่ 9.5 - 15.5 EV ตาม Exposure Guide ความไวชัตเตอร์คงที่ ไม่มีชัตเตอร์ B แต่ถ่าย Double Exposure ได้
Kodak Duaflex IV (1957)
กล้อง Kodak ตัวต่อมา เป็นกล้องโบราณครับ ใจอยากได้ TRL แท้ๆ แต่ราคาก็แพงครับ เลยได้ TRL ราคาถูกมาแทน คือ Kodak Duaflex IV แถมใช้ฟิล์ม 620 ที่เลิกผลิตไปนานแล้ว ก็เลยต้องเอาฟิล์ม 120 มาแปลงใช้แทน ตัวนี้เป็นเลนส์ Kodar 75 mm ปรับรูรับแสงได้ 3 Stop คือ f/8, f/11 และ f/16 ชัตเตอร์คงที่ แต่มีชัตเตอร์ B ถ่าย Double Exposure ได้ด้วย Duaflex ที่ใช้เลนส์ Kodar จะหายากกว่า เพราะปรับ f ได้ และ focus ได้ด้วย ทั่วไปที่ขายจะเป็นเลนส์ Kodet ที่ fixed focus และ รูรับแสง ตอนซื้อไม่รู้หรอกครับ มารู้ตอนหลัง ฟลุ้คสุดๆ แต่กล้องตัวนี้ชอบมากๆ เลยครับ
Kodak Retinette Type 030 (1958) เป็นกล้อง Viewfinder ได้มาสภาพดีมาก ที่จริงกล้อง Retinette เป็นกล้องระดับกลางถึงล่างของ Kodak สมัยนั้น (ตัวแพงคือ Retina) ตระกูล Retinette มีมากมายเป็น 30-40 models นี่เป็น 1 ในนั้นครับ ใช้เลนส์ Schneider Kreuznach Reomar 1:3.5/45 mm. เป็น 1 ในไม่กี่รุ่นของ Retinette ที่ใช้เลนส์ Schneider ส่วนชัตเตอร์เป็นของ Compur-Rapid ก็มีแค่ไม่กี่รุ่นที่ใช้ชัตเตอร์นี้ จุดเด่น คือ ชัตเตอร์ละเอียดถึง 10 speed ตั้งแต่ 1/1-1/500 ซึ่งเมื่อก่อน ไม่ค่อยมี และมีชัตเตอร์ B กับ Self-timer อีกด้วย ที่จริงตามคู่มือว่า ถ่ายเบิ้ลได้ แต่ของผมเสียครับ Kodak Brownie (1980) เป็นกล้องใช้ฟิล์ม 110 เป็นกล้องฟิล์ม 110 ไม่กี่รุ่นของ Kodak ที่มีลักษณะแบบนี้ ใช้เลนส์ขนาก 25 mm f/11 ความไวชัตเตอร์ 1/50
Kodak Instamatic 76x (1977) เป็นกล้องฟิล์ม 126 ที่เลิกผลิตไปแล้ว ตัวนี้ได้มาในไทยครับ ไม่แพง แต่ดูเหมือนจะเจ๊งนะ เลนส์ Kodar 1:11/43 mm. ความไวชัตเตอร์ 1/50 ได้รูปแบบ Square Format 28 x 28 mm.
นอกจาก Kodak ทั้ง 4 รุ่นนี้แล้ว ยังมี Kodak Brownie Six-20 Model C (1953) เป็นกล้องประเภท Box กำลังเดินทางมาขณะนี้อยู่ด้วยครับ ใช้ฟิล์ม 620 เช่นเคย Agfa Silette LK Sensor (1970) ล้อง Viewfinder จาก Agfa ตระกูล Silette กล้องระดับกลางถึงล่างเช่นกัน ตัวนี้ใช้เลนส์ Color Agnar 1:2.8/45 mm. ชัตเตอร์ของ Parator ความไว 1-1/300 และชัตเตอร์ B ปุ่มชัตเตอร์แบบ Sensor ของ Agfa ที่ถือว่าเป็นชัตเตอร์สัมผัสในยุคนั้น ที่ทำเพื่อลดการสั่นการการกดชัตเตอร์ มีมิเตอร์วัดแสงด้านบน ที่เข็มจะสัมพันธ์กับ รูรับแสง และความไวชัตเตอร์ แต่เสียดายกล้องตัวนี้ของผมชัตเตอร์ไม่ค่อยดี ขึ้นไม่ค่อยติด
Agfamatic 2008 Tele Pocket Sensor (1973) กล้องฟิล์ม 110 ที่สามารถปรับเลนส์ถ่าย Normal กับ Tele ได้ ใช้เลนส์ Color Agnar ระยะ 26 และ 43 mm. f/11 ปรับชัตเตอร์ ได้ 2 speed 1/50 และ 1/100 (Cloudy-Sunny)
Agfamatic 3000 Pocket Sensor (1974) กล้องฟิล์ม 110 ใช้เลนส์ Color Agnar 1:6.3/26 mm. ปรับชัตเตอร์ ได้ 4 speed Cloudy-Hazy-Sunny-Sunny&Sea แล้วก็ที่กำลังเดินทางมาขณะเขียนนี้ มี Agfamatic 6008 Makro Pocket เป็นรุ่นแพงสุดของตระกูล Agfamatic Pocket ที่สามารถถ่ายระยะ Macro ได้ และกำลังลุ้นรุ่น 4008 อยู่ด้วย อ้อ แล้วก็มี Agfa Silette F ที่อยู่ระหว่างเดินทางมาด้วยครับ
Minolta Hi-Matic 11 Super 3 Circuit (1969) กล้อง Rangefinder ที่เป็นกล้อง Automatic แบบ Shutter Priority กล้องจะปรับรูรับแสงให้ และมีระบบ Full Auto ด้วย ใช้เลนส์ Rokkor 1:1.7/45 mm. ชัตเตอร์ของ Seiko ALA ความไว 1/8 - 1/500 และชัตเตอร์ B กับ Self-timer ข้อเสียของรุ่นนี้และทำให้ไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับ Hi-Matic 7, 7s และ 9 คือ ไม่มีระบบ Manual พอวัดแสงเสีย ก็ใช้งานแทบไม่ได้ ตัวของผมก็เช่นกันครับ ชัตเตอร์ยังทำงานดีอยู่ แต่วัดแสงเสีย รูรับแสงจะค้างอยู่ที่ f/1.7 ตลอด รอเอาไปซ่อมครับ
Minolta Weathermatic-A (1980) กล้องฟิล์ม 110 กันน้ำในตัวเลย ไม่ต้องใส่ Housing ดำน้ำได้ลึก 5 เมตร มีแฟลชในตัว ใช้ถ่าย AA -1 ก้อน ใช้เลนส์ Rokkor 1:3.5/26 mm. ความไวชัตเตอร์คงที่ 1/200 แต่สามารถปรับรูรับแสงได้ 3 แบบ คือ Sun, Cloud, Flash สามารถโฟกัสได้ 5 ระยะ ตามสัญลักษณ์บนกล้อง นี่ก็เป็นกล้องทั้งหมดที่ผมเริ่มสะสมมาจนถึงตอนนี้น่ะครับ ใครมีกล้องเก่าๆ สะสมอยู่ ก็พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ครับ
Create Date : 03 มิถุนายน 2554 |
Last Update : 4 มิถุนายน 2554 8:36:57 น. |
|
10 comments
|
Counter : 9745 Pageviews. |
|
|