Group Blog
 
All blogs
 

พระพุทธเจ้าได้เคยทำอกุศลกรรมอะไรไว้บ้างในอดีต

โดย คณะสหายธรรม

เรื่องกรรมเก่าของพระพุทธเจ้านั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ด้วย
พระองค์เองในคัมภีร์อปทานตอนที่ว่าด้วย ปุพพกัมปิโลติ พุทธาปทาน ข้อ ๓๙๒
ถึงกรรมเก่าที่พระองค์ทรงกระทำมาแล้วในอดีต ๑๔ ข้อ ๑๔ ข้อนั้นมีดังนี้
๑. เราเห็นภิกษุผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตรรูปหนึ่งแล้ว ได้ถวายผ้าเก่า
เราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าครั้งแรก เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าในกาลนั้น
ผลของกรรมคือการถวายผ้าเก่า ย่อมอำนวยผลให้เป็นพระพุทธเจ้า กรรมเก่า
ข้อแรกนี้เป็นกุศลกรรม
๒. ในกาลก่อน เราเป็นนายโคบาลต้อนโคไปเลี้ยง เห็นแม่โคกำลังดื่ม
น้ำขุ่นมัวจึงห้ามมัน ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ในภพหลังสุดนี้ แม้เราจะกระหาย
น้ำก็ไม่ได้ดื่มน้ำตามปรารถนา
๓. ในชาติอื่นแต่กาลก่อน เราเป็นนักเลงชื่อปุนาลิ(บางแห่งเป็นมุนาลิ)
ได้กล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้าชื่อว่าสุรภี ผู้ไม่ประทุษร้ายตอบ ด้วยวิบากแห่ง
กรรมนั้น เราท่องเที่ยวอยู่ในนรกเป็นเวลานาน ได้เสวยทุขเวทนาแสนสาหัส
หลายพันปีเป็นอันมาก ด้วยกรรมอันเหลือนั้นในภพหลังสุด เราจึงได้รับคำกล่าว
ตู่ เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา
๔. เพราะการกล่าวตู่พระเถระนามว่านันทะ สาวกของพระพุทธเจ้าผู้
ครอบงำอันตรายทั้งปวง เราจึงท่องเที่ยวอยู่ในนรกสิ้นกาลนานถึงหมื่นปี
ได้ความเป็นมนุษย์แล้วได้ถูกกล่าวตู่เป็นอันมาก ด้วยผลกรรมที่เหลือนั้น
นางสุนทริกามากับหมู่ชน ได้กล่าวตู่เราด้วยคำอันไม่จริง
๕. เมื่อก่อนเราเป็นพราหมณ์ชื่อสุตวา อันชนทั้งหลายสักการะบูชา
สอนมนต์ให้กับมาณพ ๕๐๐ คนอยู่ในป่าใหญ่ ได้เห็นฤาษีผู้น่ากลัว ได้อภิญญา
๕ มีฤทธ์ิมาก มาในสำนักของเรา เราจึงกล่าวตู่ฤาษีผู้ไม่ประทุษร้าย โดยได้บอก
กะพวกศิษย์ของเราว่าฤาษีพวกนี้มักบริโภคกาม แม้เมื่อเราบอกเท่านั้น พวก
มาณพก็เชื่อฟัง ครั้งนั้นมาณพทั้งปวงเที่ยวไปภิกขาในสกุล พากันบอกแก่มหาชน
ว่าฤาษีพวกนี้มักบริโภคกาม ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ภิกษุทั้ง ๕๐๐ เหล่านี้ได้รับ
คำกล่าวตู่ทั้งหมด เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา
๖. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า ในกาลก่อน เราได้ฆ่าพี่น้องชายต่าง
มารดา เพราะเหตุแห่งทรัพย์จับใส่ลงในซอกเขา แล้วทับด้วยหิน ด้วยวิบากแห่ง
กรรมนั้น พระเทวทัตจึงผลักก้อนหินกลิ้งลงมากระทบนิ้วเท้าของเราจนห้อเลือด
๗. ในกาลก่อน เราเป็นเด็กเล่นอยู่ในหนทางใหญ่ เห็นพระปัจเจก
พุทธเจ้าแล้ว ใส่ไฟเผาดักไว้ทั่วหนทาง ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ในภพหลังสุดนี้
พระเทวทัตจึงชักชวนนายขมังธนูผู้ฆ่าคนตายมาก เพื่อให้ฆ่าเรา
๘. ในกาลก่อน เราเป็นนายควาญช้างได้ไสช้าง ให้จับมัดพระปัจเจกมุนี
ผู้สูงสุด แม้กำลังเที่ยวบิณฑบาต ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ช้างนาฬาคิรีตัวดุร้าย
วิ่งแล่นเข้าไปในคอกเขา เบื้องหน้าผู้ประเสริฐ
๙. ในกาลก่อน เราเป็นทหารราบ เป็นแม่ทัพฆ่าบุรุษเป็นอันมากด้วย หอก
ด้วยวิบากแห่งกรรมที่เหลือนั้น บัดนี้ไฟนั้นยังมาไหม้ที่เท้าของเราทั้งสิ้นอีก
เพราะกรรมยังไม่พินาศไป
๑๐. ในกาลก่อน เราเป็นเด็กลูกของชาวประมงในบ้านเกวัฏฏคาม
เห็นคนทั้งหลายฆ่าปลาแล้วเกิดความโสมนัส ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความทุกข์
ที่ศีรษะคือปวดศีรษะได้มีแล้วแก่เรา ในเมื่อเจ้าศากยะทั้งหลายถูกเบียดเบียน
ถูกพระเจ้าวิฏฏุภะฆ่าแล้ว พระเจ้าวิฏฏุภะนี้คือพระเจ้าวิฑูฑภะที่ฆ่าเจ้าศากยะ
นั่นเอง
๑๑. เราได้บริภาษพระสาวกทั้งหลายในศาสนาของพระพุทธเจ้า
พระนามว่า ผุสสะ ว่า “ท่านทั้งหลายจงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง อย่ากินข้าว
สาลีเลย” ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราอันพราหมณ์นิมนต์แล้วอยู่ในเมืองเวรัญชา
ได้บริโภคข้าวแดงตลอด ๓ เดือน
๑๒. ในเวลาที่นักมวยปล้ำๆ กันอยู่ เราได้เบียดเบียนบุตรนักมวยปล้ำ
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความปวดหลังได้มีแก่เรา
๑๓. เมื่อก่อน เราเป็นหมอรักษาโรค ได้ถ่ายยาให้บุตรเศรษฐีตาย ด้วย
วิบากแห่งกรรมนั้นโรคปักขันทิกาพาธจึงมีแก่เรา โรคนี้แหละที่เกิดแก่พระพุทธ
เจ้าของเราในเวลาใกล้จะปรินิพพาน
๑๔. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเล่าว่า เมื่อเราเป็นมาณพชื่อโชติปาละ
ได้กล่าวกะพระสุคตเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ในกาลนั้นว่า จักมีโพธิมณฑล
แต่ที่ไหนโพธิญาณนั้นท่านได้ยากยิ่ง ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นเราได้ทำกรรมที่ทำ
ได้ยากคือทุกกรกิริยา ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมตลอด ๖ ปี แต่นั้นจึงได้บรรลุ
โพธิญาณ แต่เรามิได้บรรลุโพธิญาณอันสูงสุดด้วยหนทางนี้ คือมิได้บรรลุโพธิ
ญาณด้วยทุกกรกิริยานี้ เราอันบุพกรรมตักเตือนแล้ว จึงแสวงหาโพธิญาณใน
ทางที่ผิด บัดนี้เราเป็นผู้สิ้นบาปและบุญ เว้นจากความเร่าร้อนทั้งปวงไม่มีความ
โศกเศร้า ไม่คับแค้น เป็นผู้ไม่มีอาสวะ จักนิพพาน
ทั้งหมดนี้คือกรรมเก่าของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงกระทำไว้ในอดีต
ตั้งแต่ยังมิได้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นกุศลเพียงข้อ ๑ ข้อเดียวเท่านั้น ที่เหลืออีก
๑๓ ข้อเป็นอกุศลทั้งสิ้น




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2551    
Last Update : 15 ตุลาคม 2551 20:54:49 น.
Counter : 394 Pageviews.  

การสนทนาธรรมตามกาล

อ.พม. สมปอง มุทิโต

การสนทนาธรรมตามกาล มีลักษณะดังนี้
๑. การสนทนาธรรมในเวลาพลบค่ำหรือใกล้รุ่งระหว่างภิกษุด้วยกัน
ในเรื่องเกี่ยวกับความรู้ที่ได้เรียนมา เช่น เรื่องพระวินัย พระสูตร และ
พระอภิธรรม เป็นต้น
๒.การสนทนาระหว่างภิกษุในเวลาที่เกิดจิตหดหู่ฟุ้งซ่านและเกิด
ความลังเล
๓. การสนทนากันในเวลาที่เหมาะสมเมื่อมีปัญหาและต้องการแก้ไข
ปัญหานั้น

การสนทนากันตามกาล ช่วยเสริมสร้างความรู้ให้ติดแน่นอยู่กับตัว
สร้างความทรงจำช่วยการทบทวนความรู้ มีความเข้าใจในสิ่งที่ได้รับอย่าง
ถูกต้องและดีขึ้น ได้รับการแก้ไขในปัญหาที่คาใจ ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่
ตนและผู้อื่น ทำให้ความรู้นั้นไม่สูญหาย ทั้งความรู้ในไวยากรณ์บาลีและ
ความรู้ในเนื้อหาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นต้น

กาลในธรรม มี ๔ อย่าง คือ
๑. การแสดงธรรมตามกาล การพูดธรรมให้ผู้อื่นฟังในเวลาที่ควร
ซึ่งผู้พูดเป็นได้ทั้งภิกษุและฆราวาสซึ่งมีภูมิความรู้ในธรรม
๒. การฟังธรรมตามกาล เมื่อมีผู้พูดแสดงธรรม ก็เป็นโอกาสดีที่
ได้ฟัง ธรรมเพื่อเป็นการเสริมสร้างปัญญาในการฟัง เช่น การที่ได้ฟังธรรม
ในวันอุโบสถ
๓. การสนทนาธรรมตามกาล การพูดธรรมด้วยกันในเหตุและ
เวลาที่ควร เช่น การสนทนาเรื่องที่เรียนมาด้วยกัน
๔. การปรารภวิปัสสนาตามกาล เมื่อมีอาการกำเริบจากความ
ครอบงำแห่งราคะ โทสะและโมหะเกิดขึ้น ควรเจริญวิปัสสนาเพื่อบรรเทา
ระงับความรู้สึกนั้น

การสนทนาธรรมตามกาลเป็นมงคล เพราะเป็นเหตุแห่งคุณทั้งหลายให้ประโยชน์ทั้งตนและผู้อื่น เช่น การมีปัญญาความรู้ความเฉลียว
ฉลาดมากนำตนไปสู่ความหลุดพ้นจากทุกข์ มีความเป็นอริยะในที่สุดเป็นต้น

โทษของการไม่สนทนาธรรมตามกาล ตัดประโยชน์ในการสร้าง
เสริมปัญญาความรู้ ทำให้เป็นผู้มีปัญญาแคบ เมื่อมีความรู้ไม่กระจ่างอาจนำ
ไปใช้ในทางที่ผิดได้ และขาดการเกื้อหนุนแห่งการเจริญมรรคผลในกาลต่อไป




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2551    
Last Update : 15 ตุลาคม 2551 20:06:55 น.
Counter : 968 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

ebusiness
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







พระพุทธเจ้าทรงมอบสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้แก่มวลมนุษยชาติ สิ่งนั้นคือพระธรรมที่ใช้เป็นกรอบในการดำเนินชีวิตไปสู่สิ่งที่ดีงาม สู่ความเจริญสูงสุดของชีวิต ในฐานะชาวพุทธ ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลรักษาสิ่งที่ดีเหล่านี้เอาไว้ให้ได้นานที่สุด อย่างน้อยก็ในช่วงชีวิตเราแต่ละคน
Friends' blogs
[Add ebusiness's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.