ทาน คือการทำกุศลที่ได้บุญ การให้อภัย คือการทำกุศลที่ได้บุญมากกว่า
Group Blog
 
All blogs
 

เปิดทางวุฒิเลือกผู้ว่าการ ธปท.

เปิดทางวุฒิเลือกผู้ว่าการ ธปท.
กรุงเทพธุรกิจ วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550

ครม.อนุมัติร่าง พ.ร.บ.การเงิน 3 ฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ร.บ.เงินตรา และพ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ "ปรีดิยาธร" ชี้แก้กฎหมายเงินตรา ให้แบงก์ชาติลงทุนสินทรัพย์หลากหลายขึ้น และไม่ให้ล้าสมัย พร้อมแก้การลงบัญชีกำไร ขาดทุนจากการตีราคาอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อช่วยนำส่งเงินเข้าคลังเพิ่มขึ้น ด้าน พ.ร.บ.แบงก์ชาติและ ก.ล.ต.กำหนดที่มาผู้ว่าการ ธปท.และประธาน ก.ล.ต.ใหม่ ต้องได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการ ที่สรรหาโดยวุฒิสภา ชี้แยกอำนาจจากคลังเพื่อการคานอำนาจ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (27 ก.พ.) ว่า คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติทางการเงิน 3 ฉบับได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่าง พ.ร.บ.เงินตรา และร่าง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้ว

โดยในร่าง พ.ร.บ.เงินตราจะกำหนดเกี่ยวกับการคิดผลกำไรและขาดทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ของ ธปท.ใหม่ โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่าเดิมผลประโยชน์ของ ธปท.ที่จะนำส่งให้กับกระทรวงการคลังจะถูกหักหาก ธปท.ขาดทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ (UNREALIZED LOSS) แต่กรณีที่กำไร (UNREALIZED GAIN) จากการตีราคาสินทรัพย์ จะไม่นำไปรวมในบัญชีผลประโยชน์ดังกล่าว ในร่างกฎหมายใหม่จึงกำหนดให้เป็นหลักเกณฑ์เดียวกัน โดยทั้งผลขาดทุน และกำไรจากการตีราคาสินทรัพย์ จะไม่นำไปรวมในบัญชีผลประโยชน์ แต่ให้นับรวมหรือหักในบัญชีสำรองพิเศษแทน ส่วนผลกำไรขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์ ให้รวมไว้ในบัญชีผลประโยชน์ประจำปี

รายงานข่าวแจ้งว่าเงินที่ ธปท.จะนำส่งกระทรวงการคลังเพื่อจ่ายชดเชยความเสียหายในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจนั้น จะเป็นเงินในส่วนที่อยู่ในบัญชีผลประโยชน์ การแก้ไขกฎหมายโดยให้นำผลกำไรหรือขาดทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ เข้าไว้ในบัญชีสำรองพิเศษ จึงทำให้เงินในส่วนที่ขาดทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ ไม่มีผลกระทบกับเงินในบัญชีผลประโยชน์ที่จะนำส่งกระทรวงการคลัง

"แก้กฎหมายให้เป็นไปในทางเดียวกัน เพราะเดิมถ้าขาดทุน ก็เอาไปหักจากบัญชีผลประโยชน์ แต่พอกำไรกลับไม่บวก ในบัญชีผลประโยชน์ ก็เลยเปลี่ยนให้ทั้งกำไรและขาดทุนก็ไม่นับเข้าบัญชีผลประโยชน์ จะได้มีเงินไปชำระหนี้บอนด์ 8 แสนล้านได้เร็วขึ้น นี่ถ้ากฎหมายออกใช้ได้ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้วก็คงใช้หนี้ไปได้แล้ว 3-4 หมื่นล้านบาท" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.เงินตรายังจะปรับให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า กฎหมายใหม่จะอนุญาตให้ ธปท.สามารถนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ไปลงทุนในสินทรัพย์ได้มากประเภทขึ้น จากเดิมเนื่องจากปัจจุบัน มีสินทรัพย์ประเภทใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมากแต่ ธปท.ยังลงทุนได้จำกัดอยู่แค่ไม่กี่ประเภท การลงทุนในสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจะกำหนดไว้ว่า ไม่ให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง

รายงานข่าวแจ้งว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว ยังเพิ่มเติมให้เงินฝากในสถาบันการเงินต่างประเทศที่ไม่ใช่ธนาคาร และหลักทรัพย์ต่างประเทศ ที่กฎกระทรวงกำหนดใช้เป็นทุนสำรองเงินตราหนุนหลังธนบัตรได้ โดย ธปท.จะต้องดำรงสินทรัพย์ในบัญชีทุนสำรองเงินตราหนุน หลังธนบัตรออกใช้ให้ไม่ต่ำกว่ามูลค่าธนบัตรออกใช้ และต้องจัดให้มีมูลค่าเท่ากัน เมื่อตีราคาที่จะต้องคำนวณทุกสิ้นเดือน โดยในกรณีที่ ธปท. มีสินทรัพย์ไม่เพียงพอต่อการนำออกใช้ธนบัตร ให้ ธปท.มีอำนาจโอนยอดสินทรัพย์ในบัญชีสำรองพิเศษ เข้าเป็นสินทรัพย์ในบัญชีทุนสำรองเงินตราเท่าที่จำเป็น ในการนำออกใช้ธนบัตร

ส่วนเนื้อหาของ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยและ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า จะกำหนดให้การแต่งตั้งผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะต้องมาจากคณะกรรมการสรรหา ที่แต่งตั้งโดยวุฒิสภา และจะไม่ให้ ผู้ว่าการ ธปท.เป็นประธานคณะกรรมการ ธปท.ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็จะไม่เป็นประธาน ก.ล.ต.เช่นกัน โดยทั้งสองตำแหน่งจะแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการคานอำนาจกันระหว่างฝ่ายบริหารและคณะกรรมการ

โดย ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกรัฐบาลแถลงเพิ่มเติมว่าร่าง พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย จะกำหนดให้กรรมการ ธปท.จำนวน 12 คนจะมาจาก กรรมการโดยตำแหน่งภายใน ธปท. 4 คนคือผู้ว่าการ ธปท.และรองผู้ว่าการ อีก 3 คน และมาจากกรรมการโดยตำแหน่งภายนอกอีก 2 คน คือ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และเลขาสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) และมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 6 ราย โดยประธานกรรมการ ธปท.ต้องมาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่เลือก โดยคณะกรรมการสรรหา ซึ่งถูกแต่งตั้งขึ้นโดยวุฒิสภาเช่นเดียวกับการแต่งตั้งผู้ว่าการ ธปท. ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ผู้ว่าการ ธปท.ควรจะเป็นเลขาของ คณะกรรมการ ธปท.ด้วย

คณะกรรมการสรรหาซึ่งจะแต่งตั้งทั้งผู้ว่าการ ธปท. ประธานกรรมการ ธปท.และประธาน ก.ล.ต.นั้น วุฒิสภาจะคัดเลือกมาจากอดีตผู้ว่าการ ธปท. อดีตเลขา ก.ล.ต. อดีตเลขา สศช.อดีตปลัดกระทรวงการคลัง อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์อย่างละ 2 คนรวมทั้งสิ้น 10 คนเป็นกรรมการสรรหา

นอกจากนี้ ใน พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังกำหนดให้ ธปท.รายงานต่อรัฐมนตรี ในกรณีที่ฐานะเงินสำรองการเงินระหว่างประเทศ ต่ำกว่าการรักษาเสถียรภาพการเงิน และอัตราแลกเปลี่ยนและให้ รมว.คลังรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ ซึ่งในกรณีนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีความเห็นว่า ผู้นำรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องมีเกณฑ์ในการวัดสถานการณ์ของปัญหาที่เกิดในประเทศเพื่อดำเนินในการแก้ไขให้ถูกต้อง

ส่วน เนื้อหาของ ร่าง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นั้น นางสุพรรณ โปษยานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย ก.ล.ต.เปิดเผยว่ามีการปรับปรุง 3 เรื่องหลัก คือโครงสร้างองค์กรกำกับดูแลตลาดที่จะแบ่งโครงสร้างเป็น 3 ระดับคือคณะกรรมการ ก.ล.ต.ดำเนินนโยบายและการพัฒนาตลาดทุน คณะกรรมการดูแลตลาดทุน มีหน้าที่ออกหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ ก.ล.ต.กำกับดูแล รวมทั้งกฎเกณฑ์กำกับดูแลธุรกิจหลักทรัพย์และการครอบงำกิจการ

และสุดท้ายสำนักงาน ก.ล.ต.มีหน้าที่ดูแลการปฏิบัติตามมติ ของคณะกรรมการทั้งสองข้างต้น และดูเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย และปรับปรุงโครงสร้างโดย รมว.คลังจะไม่เป็นประธาน ก.ล.ต.เพื่อให้ไม่ถูกแทรกแซงทางการเมือง โดยประธาน ก.ล.ต.และเลขา ก.ล.ต.จะแต่งตั้งจากคณะกรรมการคัดสรรที่แต่งตั้งโดยวุฒิสภาเหมือนกรณีของ ธปท.

เรื่องที่สองที่ปรับปรุงในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวคือเรื่องการกำกับดูแลกิจการ โดยเพิ่มเติมเรื่องของสิทธิผู้ถือหุ้น ให้สามารถฟ้องร้องผู้บริหาร หรือกรรมการบริษัทที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด และผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินคืน กรณีที่ฟ้องร้องเรียกผลประโยชน์ คืนจากปัจจุบันที่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องเอง อีกทั้งผู้ถือหุ้นยังสามารถเสนอวาระเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วย

เรื่องสุดท้ายที่มีการปรับปรุงคือการคุ้มครองทรัพย์สินของผู้ลงทุนในตลาดทุน ในกรณีที่บริษัทล้มละลาย หรือสำนักหักบัญชีล้มละลาย ทรัพย์สินที่อยู่ในครองครองของบริษัท หรือสำนักหักบัญชีจะได้รับการคุ้มครอง โดยไม่ถูกนำไปรวมกับการชำระหนี้ของสำนักหักบัญชี เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ในกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการเกิดล้มละลาย
เปิดทางวุฒิเลือกผู้ว่าการ ธปท.




 

Create Date : 04 กันยายน 2550    
Last Update : 4 กันยายน 2550 10:57:45 น.
Counter : 350 Pageviews.  

เศรษฐกิจร้อนผ่าว

ที่ว่า “การเมือง” กำลังรุ่มร้อนอยู่นั้น ปรากฏว่า “เศรษฐกิจ” ของไทยร้อนแรงยิ่งกว่า

ถ้ามีโอกาสได้อ่าน ข่าวต่าง ๆ ต่อไปนี้จะมีความรู้สึกทันทีว่า ร้อนแรงจริง ๆ

ข่าวแรก กรมสรรพากรออกมายอมรับว่า การจัดเก็บรายได้ในปีนี้ จะต่ำกว่าเป้าหมายมากถึง 2 หมื่นล้านบาท

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะ เศรษฐกิจของไทยกำลังชะลอตัวอย่างน่าเป็นห่วง การเก็บภาษีจากบริษัทเอกชนจึงลดลงไปด้วย มีการแจ้งขาดทุนมากผิดปกติ บางบริษัทมีกำไรแต่มีการขอลดหย่อนเข้ามายังกรมสรรพากรค่อนข้างสูง ทำให้กำไรกลายเป็นขาดทุน

ข่าวที่สอง โรงแรมในเมืองพัทยา ทยอยปิดกิจการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมทาวน์อินทาวน์ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ซึ่งเปิดให้บริการมานานกว่า 10 ปี ได้เลิกว่าจ้างพนักงานของโรงแรมกว่า 100 คน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปิดกิจการ

นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ชะลอการเดินทางมาไทยโดยเลือกเดินทางไปยังเวียดนามและมาเลเซียแทน

นอกจากเมืองพัทยาแล้วคาดว่าจะมีโรงแรมในอีกหลายจังหวัดทยอยปิดกิจการอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ข่าวที่สาม ลูกจ้าง โรงงานเย็บเสื้อ ผ้าส่งออก ย่านปทุมธานีกว่า 300 คน กำลังจะถูกลอยแพ เพราะนายจ้างประกาศปิดกิจการ ชั่วคราว บางบริษัท เริ่มขนเครื่องจักรหนี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ข่าวที่สี่ โรงงานที่อยู่ใน หมวดอุตสาห กรรมสิ่งทอ มีทั้งสิ้น 1,780 แห่ง ได้ทยอยปิดกิจการไปแล้วจำนวน 123 แห่ง สาเหตุสำคัญคือ การชะลอตัวของประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น อีกทั้ง ต้นทุนการผลิตของไทยในปัจจุบันค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับจีนและเวียดนาม พร้อมทั้ง ค่าเงินบาท ได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกันจึงทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง

ข่าวที่ห้า บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เผยผลการประกอบการ 6 เดือนแรกของปีนี้พบว่า ยอดขายและกำไรลดลงอย่างน่าใจหาย กำไรจากการดำเนินงานลดลง 13% ผลการดำเนินงานสิ้นปีคาดว่าจะพลาดเป้าที่ตั้งไว้ถึง 250,000 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ยอดขายในประเทศหายไปถึง 20%

ข่าวที่หก ยอดการขาย บ้านและคอนโดฯ ชะลอตัวลงอย่างน่าใจหาย ทุกบริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ล้วนมีกำไรลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ไตรมาส 2 ของปีนี้บริษัทฯ มีกำไรลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วถึง 27 ล้านบาท

ข่าวที่เจ็ด ปีนี้ เครือสหพัฒน์ฯ ซึ่งเป็นเจ้าพ่อของการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคใช้ กลยุทธ์การตลาดที่ติดลบ โดยปรับลดเป้ายอดรายได้รวมของกลุ่มฯ เป็นติดลบ 5% จากเดิมที่ตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 10% ต่อปีทุกปีมาโดยตลอด

ยอดขายสินค้าทุกประเภทของเครือสหพัฒน์ฯ จะลดลงอย่างแน่นอน กลุ่มสินค้าอุปโภค เช่น เสื้อผ้าและเครื่องสำอางยอดขายจะตกถึง 30% คงมีแต่ ยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรามาม่าเท่านั้นที่ โตเพิ่มขึ้น 10-15%

มาม่าขายดี ความหมายคืออะไร คงไม่ต้องพูดให้มันมากความไปกว่านี้

ข่าวที่แปด กลุ่ม ซีพีเอฟ หรือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารฯ ครึ่งปีแรกผลการดำเนินงานของทั้งกลุ่ม ติดลบ มากถึง 111% ส่งผลให้ปีนี้ผู้ถือหุ้นจะ หมดสิทธิรับเงินปันผล เพราะไม่มีกำไรจะมาปันผลให้

ข่าวที่เก้า การใช้จ่ายของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ต่าง ๆ ก็เชื่องช้า ยิ่งกว่าเรือเกลือ จึงอาศัยพึ่งพิงอะไรไม่ได้เลย

และข่าวสุดท้าย เงินในกระเป๋าของประชาชนมีน้อยลงกว่าเดิม และ ขาดความ มั่นใจในการใช้จ่าย จึงทำให้บรรยากาศทางด้านเศรษฐกิจซึมมานาน และ คาดว่าจะซึมต่อไป อีกนาน

ผู้คนเดินในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า เพราะต้องการหลบร้อนและหลบฝน ไอ้ที่จะฝันว่าจับจ่ายซื้อของคงยากยิ่ง

เห็นข่าวเช่นนี้แล้ว นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ จะออกมา ร้องแรกแหก กระเชอ ว่าเศรษฐกิจไทยยังดีอยู่ หรือ มาประกาศว่า เศรษฐกิจไทยยังมีความหวังที่จะเจริญเติบโตต่อไปอีก ต้องบอกว่า โกหกทั้งเพ หรือ ฝันเสียเถอะแม่จำเนียร

เพราะ สิบข่าวข้างต้นคือ ตัวจริง เสียงจริง ซึ่งบ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังร้อน ผ่าว ถ้าไม่กล้าตัดสินใจทำอะไร ถ้ายังทำงานแบบเรือเกลืออย่างนี้ต่อไปอีก รับรองได้ว่าไม่ใช่ร้อนผ่าวแต่เพียงอย่างเดียว บ้านเมืองมีสิทธิลุกเป็นไฟได้อีกด้วย เมื่อคนตกงานมาก ๆ เมื่อคนไม่มีจะกิน อะไรจะเกิดขึ้น คงไม่ต้องพูดมากไปกว่านี้แล้ว.




 

Create Date : 01 กันยายน 2550    
Last Update : 1 กันยายน 2550 23:45:46 น.
Counter : 351 Pageviews.  

คตส.คว้าน้ำเหลวอีกแล้้ว....ครับท่าน


วันที่ 29 สค 50
ธปท.ระบุไม่พบความผิดปกติการโอนเงินไปต่างประเทศ
จำำนวนมากของผู้ที่มีรายชื่อจากคณะกรรมการตรวจสอบ
การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) 200 รายชื่อ โดยเป็นการโอนเงินตามเกณฑ์
์ที่ธนาคารพาณิชย์ทำได้ โดยได้ส่งข้อมูล
การนำเงินออกนอกประกทศทั้ง 200 รายชื่อให้ คตส.แล้ว
//www.thannews.th.com/view_newstoday.php?id=50006849

'จารุวรรณ'พบ'โอ๊ค-เอม'โอนเงิน1.7 พันล้าน ซื้อแมนซิตี้ฯ

โดย กรุงเทพธุรกิจ วัน จันทร์ ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2550 00:00 น.

“จารุวรรณ”สอบพบ”โอ๊ค-เอม”โอนเงินออกนอกประเทศ1.7พันล้านสองต่อเข้าบัญชีประไหมสุหรี ก่อนโยกไปซื้อเรือใบสีฟ้า ส่งไม้ต่อ”กล้าณรงค์-แก้วสรร”สาวปมร่ำรวยผิดปกติ-ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน

มีรายงานจากคณะอนุกรรมการพิจารณาตรวจสอบทรัพย์สินของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่มี คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา กรรมการคตส. เป็นประธานว่า ระหว่างการประชุมใหญ่ คตส. คุณหญิงจารุวรรณ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่ถูกอายัดทรัพย์สิน

โดยได้ระบุในตอนหนึ่งว่า เวลานี้คณะอนุกรรมการได้ตรวจสอบพบการโอนเงินของคนในครอบครัวชินวัตร กว่า 1.7 พันล้านบาท ไปยังประทศอังกฤษ เพื่อซื้อสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ไม่ใช่เงินที่กลุ่ม “ชินวัตร-ดามาพงษ์” ได้มาจากการขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับกับเทมาเส็ก เมื่อเดือนมกราคม 2549 โดยเป็นเงินที่ได้มาก่อนการขายหุ้น และเป็นเงินที่คนในครอบครัวชินวัตร มีอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

ทั้งนี้ เงินดังกล่าวโอนออกไปจากประเทศไทย เมื่อเดือน เม.ย. 2550 แต่คตส.เพิ่งจะอายัดทรัพย์เมื่อ 11 มิถุนายน 2550 ดังนั้นในขณะนี้ คตส.จึงไม่มีอำนาจในการสั่งอายัดเงินจำนวนดังกล่าว

แหล่งข่าวจากอนุกรรมการฯระบุว่า ถ้าหากจะอายัดเงิน 1.7 พันล้านดังกล่าว ที่ไปซื้อหุ้นสโมสร แมนเชสเตอร์ซิตี้ ต้องรอผลการตรวจสอบในส่วนของคณะอนุกรรมการตรวจสอบ กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเอง กรณีการออกพ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต ที่มีนายกล้าณรงค์ จันทริก เป็นประธาน และมีนายแก้วสรร อติโพธิ เป็นอนุกรรมการ ซึ่งอนุกรรมการชุดดังกล่าวจะมีการตรวจสอบเรื่องความร่ำรวยผิดปกติ ของพ.ต.ท.ทักษิณด้วยว่า อนุกรรมการพบสิ่งผิดปกติใดๆ หรือไม่ หากพบก็จะต้องมาขอมติที่ประชุม เพื่อพิจารณาอายัดในส่วนนี้ต่อไป

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่า เงินที่ไปซื้อแมนเชสเตอร์ซิตี้ก้อนดังกล่าวนั้น มาจากเงินในบัญชีของ นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร โดยแยกออกเป็นบัญชีของนายพานทองแท้ ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์ สาขารัชโยธิน เลขที่ 111-2-31008-8 จำนวน 1,100ล้านบาท จากนั้นจึงโอนไปอีกบัญชีในธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเดียวกัน

ส่วนบัญชีของน.ส.พิณทองทานั้น คือ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชโยธิน เลขบัญชี 111-2-41524-4 จำนวน 900 ล้านบาท จากนั้นโอนไปอีกบัญชีในธนาคารสาขาเดียวกัน เช่นเดียวกับนายพานทองแท้ จากนั้นทั้งสองคนก็โอนเงินที่รวมกันได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ไปเข้าบัญชี ของบริษัท ประไหมสุหรี ที่ ธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ต่อมา บริษัทประไหมสุหรี ได้โอนเงินดังกล่าวไปยังบัญชี บริษัทประไหมสุหรี ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา รัชโยธิน ก่อนจะมีการโอนต่อไปยัง ประเทศอังกฤษให้ บริษัท ยูเค สปอร์ต อินเวสเมนท์ลิมิเต็ด ประมาณ 1,700 ล้านบาท ส่วนที่เหลือประมาณ 300 ล้าน เป็นเงินคงเหลือไว้บัญชี

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับเงินที่นำไปซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ จำนวน 1,700 ล้านบาทนั้น เป็นเงินที่คณะอนุกรรมการฯ ตรวจสอบพบ ส่วนที่เหลือประมาณ 5,300ล้านบาทในการซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ นั้น ไม่พบว่าเป็นของใคร ซึ่งน่าจะเป็นเงินที่มีอยู่ก่อนแล้วในต่างประเทศ

//news.sanook.com/politic/politic_174420.php




 

Create Date : 30 สิงหาคม 2550    
Last Update : 30 สิงหาคม 2550 11:52:00 น.
Counter : 443 Pageviews.  

ทุจริตเชิงนโยบาย เพื่อตัวและพวกพ้อง อย่างแท้จริง

ทุจริตเชิงนโยบาย เพื่อตัวและพวกพ้อง


//www.thaigov.go.th
ข่าวที่ 01/2
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550
////7. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่
กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแก้ไข ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติพิจารณาต่อไป
กระทรวงการคลังรายงานว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยได้ประสบปัญหาวิกฤตการณ์ทาง
เศรษฐกิจอย่างรุนแรง โดยเฉพาะปัญหาระบบการเงินของประเทศ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยไม่สามารถดำเนินการ
แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงสมควรปรับปรุงโครงสร้างของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้
การบริหารนโยบายการเงินมีความเหมาะสมและชัดเจน สอดคล้องกับภารกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย และเป็นไป
ตามมาตรฐานสากล จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการกำหนด
วัตถุประสงค์ ภารกิจ อำนาจหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย โครงสร้างการดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่มาและวาระการดำรงตำแหน่งของผู้ว่าการและคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งองค์ประกอบของ
คณะกรรมการนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน ตลอดจน
การกำกับดูแลธนาคารแห่งประเทศไทย


9. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติเงินตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติเงินตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแก้ไข ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
กระทรวงการคลังรายงานว่า พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 และที่แก้ไขเพิ่มเติมได้ใช้บังคับมาเป็น
เวลานานแล้ว ประกอบกับมีบทบัญญัติบางประการที่ไม่เหมาะสมกับกาลสมัย และไม่เอื้อต่อการดำเนินการให้
สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เห็นสมควรให้ปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว
จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติเงินตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขและเพิ่มเติมคำนิยาม
ยกเลิกอำนาจหน้าที่ของทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา เพิ่มประเภทของสินทรัพย์ที่จะประกอบขึ้นเป็นทุนสำรอง
เงินตรา เพิ่มการดำรงสินทรัพย์ในบัญชีทุนสำรองเงินตราหนุนหลังธนบัตรออกใช้ เปลี่ยนวิธีการคำนวณมูลค่าสินทรัพย์
ที่เป็นทุนสำรองเงินตรา และเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย


15. เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขังหรือผู้ถูกควบคุมตัวและค่าอาหาร
ผู้เจ็บป่วย
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ซึ่งมีรองนายก
รัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เป็นประธาน ที่เห็นชอบการปรับปรุงอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขัง
หรือผู้ถูกควบคุมตัว และค่าอาหารผู้เจ็บป่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้มีผลใช้บังคับ
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2550
กระทรวงกลาโหมรายงานว่า
1. กองบัญชาการทหารสูงสุดเสนอขอปรับปรุงแก้ไขอัตราเบี้ยเลี้ยงทหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ของอัตราที่
ได้รับเดิม ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการทหารเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2547 และวันที่
1 ตุลาคม 2548 โดยต้องใช้เงินงบประมาณเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,557,436,685 บาท ดังนี้
1.1 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จำนวน 8,139,033 บาท
1.2 กองบัญชาการทหารสูงสุด จำนวน 39,552,297 บาท
1.3 กองทัพบก จำนวน 1,056,597,490 บาท
1.4 กองทัพเรือ จำนวน 323,682,000 บาท
1.5 กองทัพอากาศ จำนวน 129,465,865 บาท
2. กระทรวงกลาโหมพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากในปัจจุบันมีปัญหาสภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีพของข้าราชการและประชาชนทั่วไป ประกอบกับได้มีการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการ///
___________________________________________________

พระราชบัญญัติเงินตรา 2550
ระวัง! พฤติกรรมปล้นเงินคลังหลวง

รัฐบาลชุดนี้กำลังเตรียมนำเสนอ พ.ร.บ.เงินตรา เข้าพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติในวันที่ 12 กันยายน 2550 เป็นเรื่องที่คนไทยควรติดตามเป็นพิเศษ เพราะพ.ร.บ.ฉบับนี้จะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถเข้าไปแตะต้อง “คลังหลวง” ที่หลวงตามหาบัวและลูกศิษย์เคยต่อต้านคัดค้านมาแล้ว เช่น มาตรา 16 ให้อำนาจ ธปท.โอนสินทรัพย์จากบัญชีสำรองพิเศษไปเป็นสินทรัพย์ในบัญชีทุนสำรองเงินตรา และมาตรา 17 ให้ ธปท.มีอำนาจบริหารจัดการสินทรัพย์ในบัญชีสำรองเงินตรา บัญชีผลประโยชน์ประจำปี รวมทั้งบัญชีสำรองพิเศษเพื่อนำไปหาผลประโยชน์ได้

ธนาคารแห่งประเทศไทยมีหน้าที่และอำนาจตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2486 และ พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ.2501 ทำหน้าที่เกี่ยวกับการดูแลเงินไหลเข้า-ออก(Cash in-out flow) จากประเทศ ดูแลอัตราแลกเปลี่ยน บริหารจัดการเรื่องเงินทุนสำรอง หรือการกำกับดูแลสถานะทางการเงินของประเทศให้เหมาะสม น่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ

สินทรัพย์หรือเงินในบัญชีที่ ธปท.ต้องจัดการควบคุมอยู่ 2 ส่วนคือ ฝ่ายการธนาคาร ทำการบริหารจัดการด้านการเงิน มีรายได้จากกำไรจากการซื้อขายเงินตรา(แทรกแซงค่าเงิน)และค่าธรรมเนียมต่างๆ และฝ่ายออกบัตรธนาคารบริหารจัดการด้านการเงินและสินทรัพย์เพื่อวัตถุประสงค์การพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้จ่ายในระบบการเงิน ปัจจุบันมีด้วยกัน 3 บัญชีคือ บัญชีทุนสำรองเงินตราจะต้องรักษาไว้ให้มีจำนวนเท่ากับเงินที่ต้องจัดพิมพ์ตามข้อกำหนดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ บัญชีที่สองคือบัญชีจากดอกผลของผลประโยชน์ที่เกิดจากกองทรัพย์สินใน “คลังหลวง”ซึ่งนำไปใช้จ่ายเพื่อการพิมพ์ธนบัตร และบัญชีสำรองพิเศษ จากการขอรับบริจาคของหลวงตามหาบัว

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีทุนสำรองเงินตราประมาณ 8.6 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย บัญชีฝ่ายการธนาคารประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญฯหรือ 1.04 ล้านล้านบาท (อัตราฯ 34.80 บาทต่อดอลลาร์) และเงิน“คลังหลวง” ซึ่งเป็นสินทรัพย์ของประเทศที่เก็บสะสมกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีดอกผลสะสมเพิ่มพูนจนปัจจุบันประมาณ 5.6 หมื่นล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 1.95 ล้านล้านบาท
สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง มีความพยายามจะรวมบัญชีฝ่ายการธนาคารและบัญชีคลังหลวงจากฝ่ายออกบัตรธนาคารเข้าด้วยกันเพื่อหวังนำเงินจากคลังหลวงเข้ามาใช้จ่ายแก้ปัญหาผลพวงจาก “วิกฤติต้มยำกุ้ง” แต่ถูกหลวงตามหาบัวและลูกศิษย์ต่อต้านจนล่าถอยในที่สุด

ฉะนั้น การที่กระทรวงการคลังและธปท.ในรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ผลักดัน พ.ร.บ.เงินตราให้ออกมา
ใช้อีกครั้งหนึ่งก็ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินคลังหลวงมาใช้จ่ายหาผลประโยชน์เพื่อแก้วิกฤติเศรษฐกิจที่คณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ได้ก่อกรรมไว้นั่นเอง

เป็นที่ทราบดีว่า ธปท.ได้ใช้เงินทุนสำรองเงินตราเพื่อเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทไปแล้วกว่า 1.73 แสนล้านบาท ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับว่าจะใช่ตัวเลขนี้จริงหรือไม่ แหล่งข่าวบางแหล่งถึงขั้นระบุว่าน่าจะสูงเกือบ 1.2 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว และถ้า พ.ร.บ.นี้ผ่านสนช.จะทำให้ธปท.มีงบบัญชีงวดสิ้นปี 2550 เป็นกำไรขึ้นมาในพริบตา ล้างหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ อีกกว่า 5 แสนล้านบาท ปกปิดผลการแทรกแซงค่าเงินบาทได้เงียบสนิท และนำไปเป็นข้ออ้างปฏิบัติการจิตวิทยากับประชาชนในประเทศได้อีกด้วยว่าเก่งกาจสามารถในการบริหารการเงินการคลังของประเทศอย่างยิ่ง

นี่หรือรัฐบาลที่อ้างนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงทุกลมหายใจเข้าออก อ้างความมีคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นเกราะกำบังตนตลอดเวลา แต่กำลังหาหนทางนำเงิน “คลังหลวง” ไปใช้เพื่อค้ำจุนบัลลังก์ของพวกตน
มันคือความพยายามปล้นเอาทรัพย์สินของชาติไปใช้ประโยชน์เพื่อพวกตน เป็นการปล้นชาติปล้นสมบัติของประชาชนนั่นเอง




รัฐมนตรีคลัง ชี้ การแก้ไข พ.ร.บ.เงินตรา ช่วยลดภาระหนี้กองทุนฟื้นฟูฯได้ระดับหนึ่ง และสามารถนำทุนสำรองฯ ไปลงทุนได้คล่องตัวมากขึ้น

นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่าการแก้ไขพระราชบัญญัติเงินตรา มีส่วนช่วยในการลดภาระหนี้กองทุน เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือ เอฟไอดีเอส ระดับ 1 แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เนื่องจากไม่ใช่มูลค่าหนี้เงินต้นและภาระดอกเบี้ยที่มีอยู่ในปัจจุบันมีจำนวนมาก ซึ่งทำให้รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณถึงปีละ 50,000 - 60,000 ล้านบาท และหากไม่มีการแก้ไขเลยอาจจะต้องให้เวลาถึง 100 ปี ในการใช้หนี้แต่คงไม่มีรัฐบาลไหนที่ปล่อยไว้เป็นแบบนั้น

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การแก้ไขพระราชบัญญัติเงินตรา อาจมีส่วนช่วยในการเปิดช่องให้สามารถนำทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไปลงทุนได้มากขึ้นในแง่ของความคล่องตัว อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย

//www.innnews.co.th/Biz.php?nid=57724


คลังเตรียมแจกคู่มือแจงพรบ.การเงินแก่สนช.

โดยทีมข่าว INN News 28 สิงหาคม 2550 18:10:18 น.



รัฐมนตรีคลัง เผย สนช. พอใจการสัมมนา พ.ร.บ.เงินตรา เตรียมแจกคู่มือชี้แจง ขณะยังไม่เลื่อนกำหนด ชงสภาฯ วันที่ 12 กันยายน

นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการสัมมนาเรื่อง เสริมความเข้าใจในร่างพระราชบัญญัติเงินตรา ว่ายินดีรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งจะได้มีการหารือร่วมกันต่อไปทั้งนี้ผลการตอบรับจากการสัมมนาในวันนี้ สมาชิกสนช.เห็นว่าคู่มือที่แจกมีรายละเอียดชัดเจนเพื่อช่วยให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น จึงเตรียมนำไปแจกให้กับสมาชิกสนช. ที่รัฐสภา ก่อนวันที่ 12 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นกำหนดการเดิมในการนำกฎหมายเงินตราเข้าสู่การพิจารณาของสภาต่อไป

อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าหากสมาชิกสนช. ต้องการให้มีการปรับปรุงหรือยืดระยะเวลาในการนำกฎหมายเข้าพิจารณาก็ไม่มีปัญหา ทั้งนี้จะมีการจัดสัมมนาเพื่อเสริมความเข้าใจในพระราชบัญญัติสถาบันการเงินและพระราชบัญญัติคุ้มครองเงินฝากต่อไป

คลังยันยังไม่นำทุนสำรองเงินตราตปท.ไปลงทุน

โดยทีมข่าว INN News 28 สิงหาคม 2550 19:11:55 น.

//www.innnews.co.th/Biz.php?nid=57716



รัฐมนตรีคลัง ยืนยัน ยังไม่มีแผนนำทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไปลงทุน ชี้ ยังมีจำนวนน้อย และต้องใช้ดูแลหนี้ต่างประเทศ

นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าจำนวนทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของไทยขณะนี้ยังมีน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในขณะที่เมื่อพิจารณาภาระที่ต้องใช้เงินทุนสำรองในการดูแลซึ่งได้แก่การนำเข้าสินค้า การดูแลหนี้ต่างประเทศโดยเฉพาะหนี้ระยะสั้นและการหนุนหลังกรณีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าออกของชาวต่างชาติโดยยังไม่มีแผนการนำเงินทุนสำรองไปลงทุนในโครงการใดในขณะนี้

นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงร่างแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทยและร่างแก้ไขพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เตรียมผลักดันให้แล้วเสร็จแม้รัฐบาลชุดนี้เช่นเดียวกับพระราชบัญญัติเงินตราว่า ได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานจัดทำคู่มือและสัมมนาเพื่อทำความเข้าใจแล้วเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติหนี้สาธารณะของกระทรวงการคลังที่ต้องจัดทำคู่มือและทำความเข้าใจเช่นเดียวกัน


//www.innnews.co.th/biz.php?nid=57723





 

Create Date : 29 สิงหาคม 2550    
Last Update : 29 สิงหาคม 2550 0:19:27 น.
Counter : 577 Pageviews.  

ทักษิณ’ส่งทนายฟ้อง‘สัก’ปูดปล่อยกู้พม่าเรียกเงิน1500ล้านบ.


ทักษิณ’ส่งทนายฟ้อง‘สัก’ปูดปล่อยกู้พม่าเรียกเงิน1500ล้านบ.
อดีตนายกฯส่งทนายความประจำตระกูลยื่นฟ้อง 'สัก'ให้สัมภาษณ์ผ่านนสพ.กล่าวหาบิดเบือนสั่งเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้พม่าจาก 3 พันล้าน เป็น 4 พันล้านบาท เรียกค่าเสียหาย 1,500 ล้านบาท ศาลนัดไต่สวนคดี 17 ธ.ค. นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มอบอำนาจให้นายสรรพวิชช์ คงคาน้อย ทนายความเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ(คตส.) เป็นจำเลย เรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหายจำนวน 1,500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2550 จำเลยให้สัมภาษณ์ใน นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 20 พ.ค.2550 ว่า "ประเด็นสำคัญที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบ ฯมุ่งเน้นเป็นพิเศษ คือ การเพิ่มวงเงินการปล่อยกู้ของโครงการจากเดิม 3,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท โดยประเด็นที่ตรวจสอบ คือ กระบวนการเพิ่มวง เงินกู้ดังกล่าวมีหลักเกณฑ์และวิธีการอย่างไร เนื่องจากการเพิ่มวงเงินมีลักษณะการใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มบริษัทเอกชนที่ใกล้ชิด ชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากล ซึ่งการอนุมัติวงเงินได้ดำเนินการก่อนที่จะมีมติ ครม.ออกมารองรับ

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 2 ส.ค.250 จำเลยก็ให้สัมภาษณ์ ผ่าน นสพ.มติชน อีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปล่อยเงินกู้ให้กับทางการพม่าของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าฯ วงเงิน 4,000 ล้านบาท ดำเนินนโยบายแอบแฝง เพื่อหาผลประโยชน์ให้กับธุรกิจครอบครัว ถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐที่เข้าไปมีส่วนได้เสียกับตนเอง และมีลักษณะละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้รัฐได้รับความเสียหาย

ข้อความที่จำเลยกล่าวล้วนเน้นย้ำ ให้บุคคลทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ เข้าใจว่าโจทก์เป็นผู้ปล่อยเงินกู้ ให้กับทางการพม่าจากเดิม 3,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท โดยมีลักษณะใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ ให้แก่กลุ่มบริษัทเอกชนใกล้ชิด และกล่าวหาว่าโจทก์ดำเนินนโยบายแอบแฝง เพื่อหาผลประโยชน์ให้ กับธุรกิจครอบครัว ซึ่งล้วนเป็นเท็จทั้งสิ้น เป็นการใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์ เพื่อทำลายชื่อเสียงโจทก์ ในการประกอบธุรกิจและการเมือง

ซึ่งความจริงแล้วการให้กู้เงินดังกล่าวเป็นเรื่องระหว่าง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าฯ กับรัฐบาลพม่า โจทก์ไม่มีอำนาจที่สั่งให้ทางธนาคารฯปล่อยเงินกู้การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจละเมิดต่อโจทก์ เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง มีอคติ มุ่งประสงค์ร้ายดูถูกเหยียดหยาม ทำลายชื่อเสียงของโจทก์ โดยขาดคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง และเกียรติคุณของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์เต็มจำนวน 1,500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

อย่างไรก็ตามก่อนฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2550 โจทก์ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ,328 และ 90 ที่ สภ.อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ศาลรับคำฟ้องไว้คดีหมายเลขดำที่ 3891/2550 และนัดไต่สวนมูลฟ้อง ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
พีทีวีนิวส์
28 สิงหาคม 2550




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2550    
Last Update : 28 สิงหาคม 2550 23:00:12 น.
Counter : 532 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

drunkcat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




กตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติจากพระครรภ์พระมารดาแล้ว ในที่สุดองค์สมเด็จพระประทีปแก้วใกล้จะถึงวาระที่จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะองค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงบำเพ็ญบารมีมาครบ ๔ อสงไขยกับแสนกัป ควรจะได้เป็นพระพุทธเจ้า

ในวันหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จประพาสพระราชอุทยาน ก็ทรงพบเด็กเกิดใหม่ วันต่อมาทรงพบคนแก่ คนป่วย แล้วก็คนตาย วันสุดท้ายทรงพบสมณะ

ความจริงเวลานั้นพระที่แต่งตัวแบบนี้ ไม่มีในโลก แต่ว่าเทวทูตทั้ง ๕ ที่เรียกกว่า เทวทูต คือ เด็กก็ดี คนแก่ก็ดี คนป่วยก็ดี คนตายก็ดี พระก็ดี ที่ปรากฏกับสายพระเนตรขององค์สมเด็จพระชินสีห์ เมื่อยังเป็นสิทธัตถะราชกุมาร ท่านบอกว่า เวลานั้นเทวดาแสดงขึ้นให้ปรากฏ ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระบรมสุคตเห็นคนเกิดยังเด็กเล็ก แล้วต่อมาพบคนแก่ แล้วก็พบคนป่วย แล้วก็พบคนตาย น้ำพระทัยขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า

"โลกนี้ทุกข์หนอ ไม่มีอะไรเป็นสุข หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้"

ต่อมาวันสุดท้าย องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงเห็นสมณะวิสัยก็เข้าใจว่าทางนิพพานมีอยู่ ทางนี้เป็นทางสิ้นทุกข์ เหตุฉะนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูจึงได้ตัดสินพระทัยออกบวช นี่ขอเล่าลัดๆ นะ แต่ความจริงเรื่องนี้ยาวมาก
Friends' blogs
[Add drunkcat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.