ทาน คือการทำกุศลที่ได้บุญ การให้อภัย คือการทำกุศลที่ได้บุญมากกว่า
Group Blog
 
All blogs
 

ขอเชิญถ่ายภาพในหลวงที่มีอยู่ประจำบ้าน พร้อมข้อความถวายพระพร






ขอเชิญถ่ายภาพในหลวง
ที่มีอยู่ประจำบ้าน พร้อมข้อความถวายพระพร หรือคำบรรยายถึงแรงบันดาลใจในชีวิต ที่เกิดจากพระบรมฉายาลักษณ์หรือภาพพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน (ความยาวไม่เกิน 4 บรรทัด)

ส่งมา เพื่อรวบรวมประกอบกันขึ้น เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ เพื่อเป็นมิ่งขวัญสัญลักษณ์แห่งแรงบันดาลใจ และความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน สืบไป ส่งภาพและข้อความผ่านช่องทางต่อไปนี้ ด้วยวิธีการดังนี้

- ทางเว็บไซด์ คลิกไปที่ //www.ourking.net แล้วลงทะเบียนเพื่อกำหนดรหัสผ่าน โดยแจ้งชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประจeตัวประชาชน ปีเกิดของผู้ส่ง แล้วโหลดภาพ (ขนาดไม่เกิน 200 kb) ตามวิธีการที่ระบุ

- ทางไปรษณีย์ ส่งภาพขนาดจัมโบ้ (4 นิ้ว X 6 นิ้ว) พร้อมคำบรรยายหลังภาพ พร้อมชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประจำตัวประชาชน ปีเกิดของผู้ส่ง มาที่ตู้ ปณ. 80 ปณฝ. มักกะสัน กรุงเทพฯ 10402 และสามารถเข้าไปที่ //www.ourking.net โดยใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนเป็นรหัสผ่าน

- ส่งภาพได้ถึง 15 พฤศจิกายน 2550 เท่านั้น ผู้ส่งสามารถใช้รหัสผ่าน เพื่อจะได้ทราบว่า ภาพที่ท่านส่งมานั้นอยู่ในส่วนใดของพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่ ที่รวบรวมขึ้น ในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 นอกจากนี้ ผู้สนใจทั่วไปยังสามารถติดตามรายละเอียดและความเคลื่อนไหวทางเว็บไซด์ ดังกล่าว ได้อีกด้วย

ร่วมส่งผ่านความจงรักภักดี โดย
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2550    
Last Update : 6 ตุลาคม 2550 19:52:58 น.
Counter : 704 Pageviews.  

มุมมองการแต่งตั้งพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผบ.ทบ.คนใหม่

มุมมองการแต่งตั้งพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผบ.ทบ.คนใหม่

วิเคราะห์ข่าวโดย Dr. Antmem Scratchfire

หลังจากเฝ้ารอคอย คาดการณ์ วิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่แทนพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ที่กำลังจะเป็นอดีตหลังวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2550 นี้แล้ว พวกเราก็คงจะได้รับทราบโผแต่งตั้งอย่างไม่เป็นทางการในหน้าหนังสือพิมพ์กันแล้ว ตำแหน่งที่ต้องจับตามองกันมากเป็นพิเศษก็คือ 5 เสือกองทัพบกที่ถือเป็นศูนย์รวมอำนาจของกองทัพ ถ้าโผเป็นไปตามที่สื่อต่างๆ เสนอข่าว ได้แก่

ผู้บัญชาการทหารบก พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ตท.10 เกษียณ 2553
รองผู้บัญชาการทหารบก พลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ตท.7 เกษียณ 2551
ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พลเอกธีรวัฒน์ บุญยประดับ ตท.10 เกษียณ 2552
ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พลเอกวิโรจน์ บัวจรูญ ตท.9 เกษียณ 2552
เสนาธิการทหารบก พลเอกมนตรี ชมพูจันทร์ ตท.6 เกษียณ 2551

มองจาก 5 เสือจะเห็นว่าปี 2551 รองผบ.ทบ.และเสธ.ผบ.ทบ.จะเกษียณอายุ เปิดโอกาสให้พลเอกอนุพงษ์ฯ จัดดุลกำลัง 5 เสือในกองทัพบกได้สะดวกโยธิน ในขณะที่พลเอกมนตรี สังขทรัพย์ก็มีโอกาสได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในปี 2552 ก่อนเกษียณอายุ

มองจากดุลกำลังระหว่างพลเอกสนธิฯ กับพลเอกสุรยุทธ์ฯ จะเห็นว่าพลเอกสนธิได้ผบ.สส.ในอนาคตจากพลเอกมนตรี สังขทรัพย์ กับ ผช.ผบ.ทบ.จากพลเอกวิโรจน์ บัวจรูญ และ เสธ.ทบ.ที่คุมกอ.รมน.จากพลเอกมนตรี ชมพูจันทร์ ในขณะที่พลเอกสุรยุทธ์ได้ผบ.ทบ.ตามใบสั่ง ได้รองผบ.ทบ.จากพลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์เด็กในอุปถัมภ์ของตน และ ได้ผช.ผบ.ทบ.พลเอกธีรวัฒน์ บุญยประดับ ตามคำขอของพลเอกอนุพงษ์ ผบ.ทบ.คนใหม่ นี่ยังไม่มองการแต่งตั้งโยกย้ายระดับที่ต่ำลงไปเพราะยังจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งต่อไปของผบ.ทบ.คนใหม่เพื่อความมีประสิทธิภาพในการทำงานของตน

มุมมองด้านการเมืองจากการโยกย้ายครั้งนี้ แสดงว่าได้มีการถอยกลับหนึ่งก้าวของฝ่ายพลเอกเปรม (ในขณะที่อีกฝ่ายถอยร่นแทบไม่เป็นขบวน)เพื่อเปิดหนทางเจรจาประนีประนอมกันกับฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณ จากผลพวงของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่แม้จะใช้อำนาจรัฐข่มขู่คุกคาม จัดตั้งและโกงกันเต็มที่แล้วก็ยังชนะกันไม่ขาดนอกเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง ขณะที่การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นก็ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากต่างประเทศมาก คงไม่ค่อยสะดวกในการบีบบังคับ กำจัด หรือจำกัดกลุ่มคุณทักษิณให้พ้นเส้นทางไปได้ จึงต้องยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อเปิดบรรยากาศในการเจรจาเพื่อลดความรุนแรงของสังคมไม่ให้ไปสู่การแตกหักและลดความกดดันด้านการเมืองและเศรษฐกิจจากต่างประเทศลง โดยมีท้าวมาลีวราชรอดูผลการต่อสู้ว่าใครจะชนะแล้วก็จะเลือกฝ่ายนั้น ซึ่งก็คอยติดตามการคลี่คลายพัฒนาของสถานการณ์กันต่อไป

และที่สำคัญมองในด้านความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ การโยกย้ายครั้งนี้(ข้อมูลเบื้องต้นเท่าที่ทราบ)มีอดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ในสมเด็จพระราชินีนาถ เป็นผู้บัญชาการทหารบก, เป็นแม่ทัพภาคที่ 1, เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เป็นต้น อันเป็นการกระชับอำนาจทั้งด้านตุลาการและกองทัพเตรียมรับความกดดันเปลี่ยนแปลงถ้าจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าพรรคพลังประชาชนจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านย่อมเกิดพลังกดดันมหาศาลในประเทศไทยอย่างแน่นอน

สำหรับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เชียร์และกดดันให้พลเอกสะพรั่ง กัลยาณมิตรเป็นผบ.ทบ.เพื่อปราบปรามระบอบทักษิณให้สิ้นซากนั้น ถ้าเป็นไปตามโผที่ระบุว่าพลเอกสะพรั่งถูกโยกย้ายให้ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมนับว่าเป็นความตกต่ำที่สุดของ "วีรบุรุษ 19 กย.49" เป็นการบอกกล่าวของฝ่ายพลเอกเปรมและพวกว่า "กูไม่กลัวการเปิดโปงเบื้องหลังการรัฐประหารของพวกมึง" นั่นคือไม่ยอมให้สนธิลิ้มทองกุลขี่หลัง(แบล๊คเมล์)เช่นที่เป็นมา ถ้ายอมก็คงจะถูกแบล๊คเมล์ตลอดชั่วชีวิต ไหนๆ ก็เสียหายแล้วถ้าจะเสียหายเพิ่มอีกสักหน่อยก็คงไม่ทำให้ตกต่ำไปมากกว่านี้แล้วมุมมองการแต่งตั้งพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผบ.ทบ.คนใหม่




 

Create Date : 13 กันยายน 2550    
Last Update : 13 กันยายน 2550 16:13:14 น.
Counter : 831 Pageviews.  

หัวข้อ: พ่อค้าเจ๊ง นักวิชาการเทียมลุยเจาะสถาบันการศึกษาเพื่อพร้อมปลุกกระแสหลังเลือกตั้ง

ด่วน แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้แจ้งว่า

ขณะนี้ เนื่องด้วยความได้เปรียบของเผด็จการไม่ได้ตกเข้ามาสู่แผนการเดินสู่อำนาจอย่างมั่นคง ไม่ว่าด้วยปัจจัยใดๆ

ไม่ว่าจะอ้างว่าขอลงจากอำนาจ หรือ อ้างว่าขอกลับไปอยู่บ้าน อยู่ป่าก็ตามที

แต่โดยแผนที่วางไว้ว่าให้พรรคไทยรักไทย "แตก" เป็นเสี่ยงๆ "แตก" เป็นก๊กเป็นเหล่า "แตก" เป็นกลุ่มผลประโยชน์

แต่เนื่องด้วยเผด็จการไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยการได้มาซึ่งกระบวนการแห่งระบอบประชาธิปไตยที่ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าต้องมาจากราษฎร แต่กลับลืมคำนึงถึง โดยหวังว่าจะใช้รูปแบบเดิมๆในการสร้างพรรค

แต่หาดูไม่ว่าตัวบุคคล ซึ่งแปลเปลี่ยนไปอยู่ในรูปของตัวแทนของจิตวิญญาณแห่งอุดมการณ์ตัวแทนประชาชน

ทั้งบรรดาสส.ในพื้นที่ ต่างก็รู้ดีว่า หากตนทำตัวเป็นนกสองหัว โอกาสที่โดนพรรคพลังประชาชนโดยกลุ่มไทยรักไทย ที่มีตัวตายตัวแทน "เพียบ" ขี่คอซ้อนสองชั้น "เขี่ย" เป็นเรื่องง่ายและโอกาส "สอบตก" มากกว่า "สอบได้" มองกันเห็นๆ

ทั้งที่ผ่านมา บรรดา สส. ไทยรักไทย ถูกเย้ยหยัน จากบรรดาพ่อค้าเจ๊ง นักวิชาการเทียม ที่กล่าวหาว่าเป็นพวก"ไร้ความสามารถ" "ซื้อเสียง" "ทาสเงิน" "แบมือขอ" ฯลฯ สุดแล้วแต่จะสรรหามากล่าว

โดยลืมไปว่าพวกเขาก็มีความเป็น "คน" และ "รักศักดิ์ศรี" ซึ่งไม่ได้ดูปัจจัยการได้เป็น "สส." ของพวกเขาเหล่านั้นว่า ไม่ได้มาด้วยโชค หรือ เงิน แต่ได้มาด้วยผู้นำ ตัวเขาเองรวมทั้งนโยบายพรรคของเขาเหล่านั้น

มาบัดนี้ "พวกเขา" จึงขอตอกเสาเข็มปักหลักไม่ไปไหน ที่ออกไปขอวิ่งกลับมา และได้รับคำขาดว่าหาก "ยึกยัก" จะจัดคนลงแข่งใหม่ทันที คราวนี้ เผด็จการและบรรดาสมุน เริ่มมองภาพจุดจบของตนเองในอนาคตอย่างเป็นรูปร่างขึ้น

จากความกลัวดังกล่าว บรรดาสมุนเหล่านี้จึงขอส่ง "ทีม" ปลุกกระแสตามสถาบันการศึกษา หวังปลุกกระแส "นักวิชาการ" ผู้ซึ่งไร้เดียงสาทางการเมือง เพื่อการใช้กำลังจูงจมูก "ขับไล่" หากพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลในเวลาข้างหน้านี้

เรื่องนี้อยากฝากให้บรรดาพลังประชาชน ทั้งหลาย "โปรดอย่า" นิ่งนอนใจ จัด"ทีม" เพื่อการประชาสัมพันธ์เพื่อ "ป้องกัน" แต่มิใช่ "การตอบโต้" การรุกเงียบของเผด็จการในครั้งนี้

ผู้เขียนขอฝากกระซิบว่า วันพฤหัสที่ 13 กย. นี้ จะมีการจัดประชุมเสวนาในหัวข้อ "เศรษฐกิจและการเมืองไทยหลังการใช้รัฐธรรมนูญ" บรรยาโดยนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์แห่งทีพีไอ สปอนเซอร์ใหญ่นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ นายลิขิต ธีระเวคิณ นักวิชาการ pseudo intellectual แห่งยุค เวลาบ่ายโมง ห้อง LNG101 มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี จึงเรียนมาให้ท่านทั้งหลาย "ป้องกัน" โดยทั่วกัน
ขณะนี้ เนื่องด้วยความได้เปรียบของเผด็จการไม่ได้ตกเข้ามาสู่แผนการเดินสู่อำนาจอย่างมั่นคง ไม่ว่าด้วยปัจจัยใดๆ




 

Create Date : 13 กันยายน 2550    
Last Update : 13 กันยายน 2550 16:02:38 น.
Counter : 390 Pageviews.  

ประมวลภาพ คุณฉลาด วรฉัตร ในกรงและโซ่ตรวนของระบอบเผด็จการ

วันอาทิตย์, กันยายน 09, 2007

ถ่ายภาพโดย Crazy BMW
บรรยายภาพโดย Crazy BMW
ที่มา เว็บบอร์ดราชดำเนิน พันทิพ
9 กันยายน 2550










เวทีคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการที่สนามหลวงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (8 ก.ย.) มีการเชิญคุณฉลาด วรฉัตร มาพูดคุยนอกกรงขัง
ระหว่างทางไปรับคุณฉลาด ผ่านถนนราชดำเนิน

คุณฉลาดแสดงความจำนงค์ที่จะออกไปพูดคุยกับพี่น้องคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการที่รออยู่ที่ท้องสนามหลวงได้เมื่อใส่โซ่ตรวนนักโทษเท่านั้น เนื่องจากเสรีภาพในประเทศไทยไม่มี การอยู่ในกรงขังและการใส่โซ่ตรวนจึงไม่แตกต่างกับการอยู่นอกกรงและไม่ถูกล่ามไว้
ถูกจับยัดใส่รถที่มีกรงเหล็ก เพื่อนำไปสู่สนามหลวงคุณฉลาดค่อยๆเดินผ่าน ผู้คนที่มารอ ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง
ประชาชนลุกขึ้นยืนปรบมือให้เกียรติแก่คุณฉลาด เป็นเวลายาวนาน




โซ่ตรวน สัญลักษณ์ของการปกครองภายใต้ระบอบอมาตยาธิปไตย ระบอบเผด็จการทรราชย์ สัญลักษณ์ของการขาดเสรีภาพ ขาดประชาธิปไตย ขาดความยุติธรรม ถูกกดขี่ไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมถึงอยู่ภายใต้การกักขังของห่วงโซ่อุปาทานและอวิชชาที่มีอยู่อย่างเต็มที่ของคนในชาติ
เดินทางกลับไปสู่กรงขังที่บริเวณรัฐสภา ดำเนินการตามวิถีอหิงสา ปราศจากความรุนแรง ทำไปเพื่อประสงค์ให้ประชาชนคนไทยได้ตื่นขึ้น และเพื่อต่อสู่เรียกร้องความชอบธรรม และเสรีภาพ ให้กลับมาสู่ประเทศไทย






 

Create Date : 10 กันยายน 2550    
Last Update : 10 กันยายน 2550 21:54:22 น.
Counter : 1945 Pageviews.  

ร่างพ.ร.บ. เงินตรา : เผือกร้อนกฎหมายการเงิน

ร่างพ.ร.บ. เงินตรา : เผือกร้อนกฎหมายการเงิน
ส่องกล้องเศรษฐกิจ : ดร.อาภรณ์ ชีวะเกรียงไกร กรุงเทพธุรกิจ วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2550

ในวันนี้ ข่าวร้อนที่น่าจะได้รับความสนใจมากที่สุด น่าจะเป็นเตรียมนำเสนอร่าง พ.ร.บ.เงินตรา เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในอีก 2 สัปดาห์หน้า (ประมาณวันที่ 12 ก.ย.2550) ภายหลังที่มีการขอถอนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม โดยอ้างว่าจะนำไปทำความเข้าใจ กับผู้ที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเพราะต้องการลดกระแสการต่อต้านต่อกฎหมายการเงินฉบับนี้

ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการชี้แจงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ว่า การแก้ไข พ.ร.บ.เงินตรา มีหลักการและสาระสำคัญ เพื่อให้การบริหารจัดการสินทรัพย์ของทุนสำรองเงินตรามีประสิทธิภาพมากขึ้น และสอดคล้องกับพัฒนาการของตลาดการเงินโลก และเพื่อให้การบันทึกบัญชีของทุนสำรองเงินตรา มีความเหมาะสมกับภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

โดยการปรับปรุงวิธีการบันทึกบัญชีของทุนสำรองเงินตราตาม พ.ร.บ.เงินตราฉบับใหม่ ให้บันทึกผลกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นจริง ในบัญชีผลประโยชน์ประจำปี และให้บันทึกกำไรหรือขาดทุนจากการตีราคาสินทรัพย์ในบัญชีสำรองพิเศษ

เนื้อหาสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าว คือจะมีการแก้ไขวิธีการบันทึกบัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่คาดว่าจะเตรียมเปิดบัญชีพิเศษ แยกบันทึกกำไร-ขาดทุนค่าเงินบาท เลี่ยงผลกระทบบัญชีประจำปี ทั้งนี้ จากคำชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ ได้ชี้แจงสรุปไว้ว่า

"ในการตีค่าทุนสำรอง เมื่อเงินบาทอ่อนเราจะได้กำไร ส่วนที่กำไรจะนำไปใส่ไว้ในบัญชีพิเศษ แต่หากเงินบาทแข็งเราขาดทุน ก็จะนำไปใส่ไว้ในบัญชีผลประโยชน์ประจำปี แต่กฎหมายใหม่ที่จะออกมาไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไร จะให้นำไปใส่ไว้ในบัญชีพิเศษ เพื่อไม่ให้กระทบบัญชีผลประโยชน์ประจำปี"

ถึงตรงนี้ผู้อ่านก็คงจะสับสนระหว่างทุนสำรองและบัญชีทุนสำรองเงินตรา จึงขอทำความเข้าใจของคำดังกล่าวนะคะ ธนบัตรที่ใช้อยู่ในตลาดในปัจจุบันถือเป็นเงินตราและเป็นหนี้สินของผู้ออกธนบัตร คือธนาคารแห่งประเทศไทย และในการนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้ ฝ่ายออกบัตรถือทุนสำรองเงินตราไว้ เพื่อการหนุนหลังธนบัตรที่นำออกใช้ และทุนสำรองเงินตรานี้กฎหมายได้บัญญัติให้ถือไว้ใน 3 บัญชี คือ

(1) ทุนสำรองเงินตรา เพื่อดำรงสินทรัพย์หนุนหลังธนบัตรออกใช้เข้าใจว่า อย่างน้อยร้อยละ 60 ของปริมาณพันธบัตรที่ตราออกใช้ ณ ขณะหนึ่งขณะใด

(2) บัญชีผลประโยชน์ประจำปี เพื่อสะสมผลประโยชน์ที่เกิดจากสินทรัพย์ในฝ่ายออกบัตรธนาคารในแต่ละปี และรองรับรายจ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการพิมพ์ การออก และการจัดการธนบัตร และ

(3) บัญชีสำรองพิเศษ เพื่อสะสมผลประโยชน์จากสินทรัพย์ในฝ่ายออกบัตรธนาคาร ภายหลังจากที่ได้จ่ายรายจ่ายที่เกี่ยวข้องในแต่ละปีแล้ว นอกจากนี้ พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ.2501 ได้กำหนดวิธีการนำสินทรัพย์เข้าและออกจากบัญชีย่อยทั้งสามบัญชีไว้อย่างชัดเจน จึงไม่สามารถนำสินทรัพย์ในบัญชีของฝ่ายออกบัตรธนาคารไปใช้เพื่อการอื่นนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดได้

สำหรับวิธีการบันทึกบัญชีและตีมูลค่าทางบัญชีเป็นไปตามคำชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังข้างต้น

แต่เสียงส่วนหนึ่งที่คัดค้านร่างพ.ร.บ ดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อปกปิดความเสียหายที่เกิดขึ้น ของการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าของธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ต้นปี 2549 จนถึงสิ้นปี 2549 ที่คาดว่าเกิดการขาดทุนของการดำเนินการมูลค่าประมาณสองแสนล้านบาท และประเด็นความกังวลประการที่สอง คืออาจจะมีผลโยงไปสู่การให้อำนาจของธนาคารแห่งประเทศไทย นำเอาเงินทุนสำรองดังกล่าวไปใช้ได้โดยสะดวกง่ายดายมากขึ้น

ซึ่งก่อนหน้านี้ ในปี พ.ศ.2543 ก็มีแนวคิดในการรวมบัญชี ในการจะรวมเอาบัญชีของฝ่ายออกบัตร เข้ากับบัญชีของฝ่ายการธนาคาร แต่การรวมบัญชีดังกล่าวถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะอย่างที่ไม่ให้แตะต้องเงินในส่วนบัญชีสำรองหรือคลังหลวง จนถึงขั้นขอเสนอถอดถอนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ดังนั้น การทำความเข้าใจให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงเป็นเรื่องถูกต้อง ที่แม้ว่าจะเสียเวลาบ้างแต่ดีกว่าการสร้างปัญหาน้ำผึ้งหยดเดียวให้เกิดขึ้น

การแก้ไขวิธีการบันทึกทางบัญชีว่าจะเป็นบัญชีหนึ่งบัญชีใดเป็นปรับการบันทึกกำไร/ขาดทุน แม้ว่าจะเป็นเพียงการขาดทุนทางบัญชีก็ตาม แต่สิ่งที่ต้องอยู่คือวินัยทางการเงินการคลัง และความโปร่งใสในการดำเนินงาน ที่หมายถึงมีการถูกตรวจสอบได้ตามหลักการบริหารกิจการที่ดี

ร่างพ.ร.บ. เงินตรา : เผือกร้อนกฎหมายการเงิน




 

Create Date : 04 กันยายน 2550    
Last Update : 4 กันยายน 2550 11:07:46 น.
Counter : 416 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

drunkcat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




กตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติจากพระครรภ์พระมารดาแล้ว ในที่สุดองค์สมเด็จพระประทีปแก้วใกล้จะถึงวาระที่จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะองค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงบำเพ็ญบารมีมาครบ ๔ อสงไขยกับแสนกัป ควรจะได้เป็นพระพุทธเจ้า

ในวันหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จประพาสพระราชอุทยาน ก็ทรงพบเด็กเกิดใหม่ วันต่อมาทรงพบคนแก่ คนป่วย แล้วก็คนตาย วันสุดท้ายทรงพบสมณะ

ความจริงเวลานั้นพระที่แต่งตัวแบบนี้ ไม่มีในโลก แต่ว่าเทวทูตทั้ง ๕ ที่เรียกกว่า เทวทูต คือ เด็กก็ดี คนแก่ก็ดี คนป่วยก็ดี คนตายก็ดี พระก็ดี ที่ปรากฏกับสายพระเนตรขององค์สมเด็จพระชินสีห์ เมื่อยังเป็นสิทธัตถะราชกุมาร ท่านบอกว่า เวลานั้นเทวดาแสดงขึ้นให้ปรากฏ ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระบรมสุคตเห็นคนเกิดยังเด็กเล็ก แล้วต่อมาพบคนแก่ แล้วก็พบคนป่วย แล้วก็พบคนตาย น้ำพระทัยขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า

"โลกนี้ทุกข์หนอ ไม่มีอะไรเป็นสุข หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้"

ต่อมาวันสุดท้าย องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงเห็นสมณะวิสัยก็เข้าใจว่าทางนิพพานมีอยู่ ทางนี้เป็นทางสิ้นทุกข์ เหตุฉะนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูจึงได้ตัดสินพระทัยออกบวช นี่ขอเล่าลัดๆ นะ แต่ความจริงเรื่องนี้ยาวมาก
Friends' blogs
[Add drunkcat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.