WALK IN DREAM'S on the way to no I
Group Blog
 
All blogs
 
An Inconvenient Truth ....พวกเราจะได้ชมความงามของโลกไปอีกกี่ปี

ก่อนเข้าเรื่อง.....เฮ้ออออออ อยากไปเที่ยวจัง (ขอบ่นหน่อยเต๊อะ วันนี้ซื้อนิตยสารท่องเที่ยวมาเล่มนึง ...นำเที่ยวมองโกเลีย สวยชะมัดเลย ดูแล้วก็ขออิจฉาคนได้เที่ยวเค้าไปพลางๆก่อน)

หลายปีมานี้มีแต่ทำงาน หาเงิน ทำงาน หาเงิน ทำงาน หาเงิน ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย (....เพราะมันจำเป็น)
ก็ยังดีนะ ที่ปีนี้อย่างน้อยก็ได้วาดรูปมากขึ้น ได้มาเล่นเนตกะเค้าบ้าง
(แต่พอปล่อยตัวให้สบายขึ้นแล้ว มันก็ต้องการความสบายมากขึ้นไปอีก
นึกไม่ออกว่าเมื่อก่อนเคยทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างนั้นได้ยังไง และเมื่อได้สัมผัสความสบาย จะให้กลับไปหามรุ่งหามค่ำก็มันไม่อยากอีกแล้ว)

ความสบายและเฉื่อยแฉะเป็นโรคเรื้อรังนะเนี่ย รักษายาก

จะว่าไปแล้วตอนที่ทำงานหนักๆเนี่ย รู้สึกตัวเองมีพลังที่จะทำอะไรได้มากมายกว่าแฮะ อะดรีนาลีนหลั่งเยอะ



รูปนี้วาดออกมาหลังจากได้ดูหนังเรื่อง STAND BY ME (ชอบฉากที่คริส ล้วงปลิงให้กอร์ดี้ แล้วพอกอร์ดี้ก้มลงไปดูด้านในกุงเกงลิงตัวเอง ...ก็เป็นลมล้มตึงไปเลย น่ารักดีค่ะ)
__________________________________________

บ่นตัวเองแล้ว หันกลับมาดูความจริงอันเลวร้ายของโลกอีกทีเพื่อเตือนสติ.....







ก้มลงมองพุงหลามๆกับต้นขาอวบๆของตัวเองแล้วสะท้อนใจ


__________________________________________
เข้าเรื่อง......

AN INCONVENIENT TRUTH มีขายแล้วล่ะ



สารคดีตีแผ่ภาวะโลกร้อน โดยนาย อัล กอร์ อดีตผู้ชิงตน.ปธน.สหรัฐอเมริกา
DVD ออกแล้วนะ วันนี้เห็นที่ร้านบูเมอแรงที่เซ็นทรัลปิ่น แต่แพงจัง 500กว่าแน่ะ (เราขอรอซื้อVCDดีกว่า)

เรื่องดีๆ เรื่องขายความจริง มักหาดูได้ยาก ตอนนั้นเข้าฉายอยู่ที่เดียวมั้ง ไม่สกาล่า ก็ลิโด้นี่แหละ ก็เลยหาโอกาสไปดูไม่ได้

รายละเอียด(; เครดิตเวบบอร์ด talaythai.com ค่ะ)>>>


โดย วันชัย ตัน :


หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่อยากให้ช่วยกันไปดู ด้วยเหตุผลว่าเป็นหนังดีมีคุณภาพ หรือไปดูเพื่อให้กำลังใจผู้สร้าง

แต่เป็นหนังที่ทุกคนต้องไปดู ไม่ใช่เพราะใครอื่น แต่ดูเพื่อตัวคุณ และลูกหลานของคุณเอง

An Inconvenient Truth เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตการณ์โลกร้อน ที่ให้ความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของปัญหาโลกร้อน ไปจนถึงจุดจบของโลกใบนี้ในอนาคต ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่กี่สิบปี

อัล กอร์ ผู้เกือบจะได้เป็นประธานาธิบดีในปี ค.ศ.2000 แต่ต้องพ่ายแพ้ต่อนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช อย่างเฉียดฉิวด้วยคะแนนเสียงลึกลับในรัฐฟลอริดา เป็นผู้นำแสดงในหนังสารคดีเรื่องนี้ ได้ย่อยข้อมูลภาวะโลกร้อนจากหนังสือ ตำราหลายพันเล่ม ให้เราเข้าใจได้อย่างชัดเจนผ่านคำพูดและภาพถ่ายผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในเวลาเพียง 100 นาที

อัล กอร์ เป็นนักสิ่งแวดล้อมคนเดียวที่ได้มีโอกาสก้าวขึ้นตำแหน่งทางการเมืองสูงสุด คือ รองประธานาธิบดีสมัยรัฐบาลนายบิล คลินตัน และเขาเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันให้เกิดการประชุมพิธีสาร เกียวโตว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในปี ค.ศ.1997 เพื่อให้ประเทศที่พัฒนาแล้วร่วมลงสัตยาบันรับมือกับปัญหาโลกร้อน โดยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ อันเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โลกร้อนขึ้น

แต่เมื่อประธานาธิบดีจอร์จ บุช ตัวแทนกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ขึ้นครองตำแหน่ง เขาได้ทำในสิ่งตรงข้ามกับรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยสหรัฐอเมริกา ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุด ได้ถอนตัวออกจากพิธีสารนี้ อ้างว่าต้องใช้งบประมาณสูงเกินไป

ก่อนจะมาเป็นหนังเรื่องนี้ อัล กอร์ ได้ใช้เวลาหลายปีหลังจากเลิกอาชีพนักการเมืองเดินสาย บรรยายไปตามโรงเรียน โรงหนัง หรือโรงแรมทั่วสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศไม่ต่ำกว่าพันครั้ง เพื่อกระตุ้นเตือนให้ทุกคนเห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของภาวะโลกร้อน

จนกระทั่งในปี ค.ศ.2005 เมื่อเขาไปบรรยายที่ลอสแองเจลิส เขาได้จุดประกายให้กับผู้สร้างหนังบางคนว่า หากเอาการบรรยายของเขาไปทำเป็นหนังแล้ว น่าจะได้ผลในวงกว้างมากกว่าการเดินสายพูดแบบนี้

ตอนแรกอัล กอร์ ไม่เชื่อว่าการบรรยายประกอบสไลด์ของเขาจะสามารถสร้าง เป็นหนังสารคดีที่ไม่น่าเบื่อได้

แต่เมื่อหนังเรื่องนี้ออกฉายเมื่อต้นปีนี้ บรรดาผู้บริหารสตูดิโอในฮอลลีวู้ดต่างแย่งกันขอซื้อลิขสิทธิ์หนังไปจัดจำหน่ายทั่วโลก

หนังเรื่องนี้เปิดฉากด้วยภาพของโลกที่ถ่ายจากยานอพอล โล ว่าโลกสีน้ำเงินของเรางดงามเพียงใด

อัล กอร์ บอกเราว่า ชั้นบรรยากาศเป็นส่วนที่บอบบางที่สุดในระบบนิเวศของโลกใบนี้

แสงจากดวงอาทิตย์ที่สองทะลุชั้นบรรยากาศมายังพื้นผิว โลก นำความอบอุ่นมาให้ ขณะเดียวกันก็สะท้อนความร้อนออกไปนอกโลกในรูปของรังสีอินฟราเรด แต่บางส่วนถูกดักเก็บไว้ในชั้นบรรยากาศ ทำให้โลกใบนี้มีอุณหภูมิพอดีสำหรับสิ่งมีชีวิต ไม่ร้อนเกินไปแบบดาวศุกร์ หรือเย็นยะเยือกเกินไปแบบดาวอังคาร จนสิ่งมีชีวิตไม่สามารถดำรงอยู่ได้

แต่นับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม มนุษย์ได้ปลดปล่อยก๊าซต่างๆ โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ เพื่อใช้ในการคมนาคม โรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนถึงการเผาป่า ฯลฯ จนทำให้ชั้นบรรยากาศหนาขึ้น รังสีอินฟราเรดไม่สามารถสะท้อนออกนอกโลกได้เหมือนเดิ ม เกิดภาวะเรือนกระจก อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ นับแต่นั้นมา

หนังได้ฉายภาพเปรียบเทียบน้ำแข็งทั่วโลก เริ่มจากภาพถ่ายเทือกเขาคีรีมันจาโรเมื่อสามสิบปีก่อ น ที่มีน้ำแข็งปกคลุมบนยอดเขามากมาย เปรียบเทียบกับภาพปัจจุบันที่มีน้ำแข็งเหลือน้อยมาก จนนักวิทยาศาสตร์ฟันธงว่า ไม่ถึงสิบปีเทือกเขาแห่งนี้จะไม่มีน้ำแข็งอีกต่อไป

ภาพต่อไปเป็นภาพธารน้ำแข็งตามเทือกเขาต่างๆ ที่กำลังหายไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เทือกเขาแอนดิสในอาร์เจนตินา ชิลี ไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ในสวิตเซอร์แลนด์ และเทือกเขาหิมาลัย

น้ำแข็งจากเทือกเขาหิมาลัยเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสำคัญ 7 สาย หล่อเลี้ยงผู้คน 40% ของประชากรทั่วโลก แต่อีกไม่ถึงห้าสิบปี คนเหล่านี้จะเผชิญกับการขาดแคลนน้ำจืดอย่างรุนแรง

ภาพกราฟิกทำให้เราเห็นถึงอุณหภูมิความร้อนที่สูงขึ้น แผ่กระจายไปตามเมืองใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

ในปี ค.ศ.2003 คลื่นความร้อนได้ทำให้คนในยุโรปตายไปถึง 35,000 คน

ภาวะโลกร้อนได้ทำให้อุณหภูมิในมหาสมุทรสูงขึ้น และเกิดพายุรุนแรงและถี่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไต้ฝุ่น เฮอร์ริเคน ไซโคลน หลายร้อยลูกที่พัดกระหน่ำชายฝั่งทั่วโลกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนาที่พัดกระหน่ำเมืองนิว ออร์ลีนส์ในเดือนสิงหาคม 2005 สร้างความเสียหายครั้งประวัติศาสตร์มีคนตายกว่า 2 พันคน และทรัพย์สินเสียหายกว่า 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างรวดเร็วของน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกา ขั้วโลกเหนือ และเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งหากน้ำแข็งละลายหมด จะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงถึง 6 เมตร

กอร์ได้ใช้กราฟแสดงให้เห็นว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้โลกร้อนขึ้นคือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเอารถเครนมายกตัวเองขึ้นตามเส้นกราฟที่พุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา

ตอนนั้นกรุงเทพฯของเราคงจมน้ำไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่นิวยอร์ก ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ จมน้ำไปครึ่งหนึ่ง และบังกลาเทศอาจหายไปจากแผนที่โลก ประชากรนับพันล้านคนจะไม่มีที่อาศัย

อีกด้านหนึ่งกอร์ก็ได้เตือนพวกเราว่า แนวคิดที่บอกว่าโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น กำลังได้รับการท้าทายจากบรรดานักวิจารณ์ว่าจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในเชิงวิชาการ ให้ผู้คนได้ถกเถียงกันต่อไป

แต่นั้นไม่สำคัญเท่ากับฝีมือของบรรดากุนซือของบริษัท อุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ ที่พยายามทำให้คนทั่วไปเชื่อว่า โลกร้อนเป็นเพียงทฤษฎี ไม่ใช่ความจริง เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนที่บริษัทผู้ผลิตบุหรี่พยายามทำให้คนเชื่อว่า การสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งในปอดนั้น เป็นแค่ทฤษฎีไม่ใช่ความจริง

เมื่อเป็นแค่ทฤษฎีก็ไม่ต้องเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง เสมอไป

ถึงตอนนี้กอร์ได้ให้ดูการ์ตูนเรื่องหนึ่ง เป็นรูปกบกำลังลอยอยู่ในหม้อหุงต้มที่กำลังเปิดเตาแก้ส ตอนที่หม้อยังไม่ร้อน กบก็ไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อน้ำร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเดือดปุดๆ กว่ากบจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว

กอร์บอกเราว่า เรื่องโลกร้อนก็เช่นกัน เป็นเรื่องของผลกระทบระยะยาว ไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลัน ต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะเห็นผล แต่เมื่อปรากฏผลแล้วก็สายเกินแก้

มนุษย์ทุกวันนี้ก็ไม่ต่างจากกบตัวนั้น
สุดท้ายกอร์ตอบคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดว่า ถึงตอนนี้เราจะสู้กับปัญหานี้ได้หรือ

กอร์บอกว่า ที่ผ่านมามนุษยชาติได้ร่วมแรงร่วมใจแก้วิกฤตการณ์ได้ หลายอย่าง อาทิ การลดสารซีเอฟซี ทำให้ลดรูรั่วของชั้นโอโซนได้สำเร็จ หากวันนี้เราร่วมใจกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ให้เหลือเท่ากับเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน เราจะสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้พร้อมกัน

ในภาษาจีน คำว่า วิกฤต มีความหมายลึกซึ้ง เพราะเขียนด้วยตัวหนังสือคำสองคำติดกัน คำแรกมีความหมายถึง อันตราย คำที่สองมีความหมายถึง โอกาส

โลกร้อนเป็นเรื่องที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง มันไม่ใช่ประเด็นข้อถกเถียงทางวิทยาศาสตร์หรือประเด็นทางการเมืองอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของมโนสำนึกของมนุษย์ทุกคนด้วยว่า เราจะพลิกวิกฤตนี้เป็นโอกาสที่จะลงมือทำและฝ่าข้ามมันไปได้หรือไม่

หนังเรื่องนี้จบลงด้วยสุภาษิตของคนแอฟริกันว่า

"While you pray, move your feet"
....................

พอออกจากโรง เพื่อนที่ไปด้วยบอกว่า โชคดีที่อัล กอร์ ไม่ได้เป็นนักการเมืองอีกต่อไป

ผมถามหาเหตุผล

"ตอนเป็นนักการเมืองก็งั้นๆ เป็นจอมทึ่ม แข็งโป๊ก และไร้เสน่ห์ แต่พอเลิกอาชีพนักการเมืองมาเป็นนักอนุรักษ์เต็มตัว เขากลายเป็นหนุ่มหล่อ เท่ น่ารัก มีอารมณ์ขัน และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นขึ้นมาทันที"

ผมนึกถึงนักการเมืองบ้านเราขึ้นมาทันที

//www.climatecrisis.net/
เวปของสารคดีชุดนี้


WHILE YOU PRAY, MOVE YOUR FEET



Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2550 23:07:20 น. 20 comments
Counter : 754 Pageviews.

 
รูปน่ารักจังค่า ชอบสีหน้าคนที่หันมาทางนี้จังเลย แต่แอบแขยงไปพร้อมๆกัน >_< ไม่ชอบปลิงมากๆค่ะ กลัว แต่ในรูปดูได้นะคะ แต่(เยอะจัง) ถ้าเจอตัวจริงหนูเผ่นก่อนละค่า

รูปที่เอามานั่นเตืนใจได้ดีเชียวค่ะพี่ อย่างน้อยก็เตือนใจหนูได้ให้ระงับไม่ทำบางอย่าง เฮ้อ บางทีการหลงวัตถุนี่มันก็เกิดขึ้นจนกายเป็นเรื่องธรรมดาไป...น่ากลัวมาก ขอบคุณนะคะพี่

หนังเรื่องนี้เหมือนจะเคยเห็นในร้านเช่าค่ะ น่าสนใจไว้ต้องลองเช่ามาดูละค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ


โดย: >^)Pla< IP: 58.9.141.57 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:0:33:09 น.  

 
ถ้าเป็นไปได้นะครับ

ทุกๆ โรงเรียนน่าจะมีไว้ให้นักเรียนดู

ช่วยกันซื้อบริจาคไหมครับ


โดย: กายแก้ว วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:0:55:15 น.  

 
เราก็อยากดูเหมือนกันจ๊ะ


โดย: ammataya วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:5:03:20 น.  

 
รอซื้อ DVD อยู่จ้ะ แถวนี้ไม่เข้า T_T ตอนสมัยเรียนก็ต้องเรียนเรื่องพวกนี้แหละ อ.ด่าอเมริกาเช็ดดด ปธน.อเมริกา ของแท้ต้องไม่เซ็นสนธิสัญญาโตเกียวเน้อ ถ้าอัล กอร์ ยังอยู่ ก็ต้องไม่เซ็นเหมือนกัน ไม่งั้นเป็น ปธน.ไม่ได้หรอก

รูปแรกน่ารักมากๆๆ นึกถึง the tenth breath เลย


โดย: froggie IP: 125.24.176.35 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:52:47 น.  

 
อืม..เรื่องมันน่าเศร้าจริงๆ เห็นภาพแล้วนึกตาม
ดีจริงๆ นานๆ ครั้งจะได้มองมุมแบบนี้สักที


โดย: deawa (deawa ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:58:58 น.  

 
เรื่องโลกร้อนขึ้นกำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ที่เราอาจจะอยู่ไม่ทันเห็นผลกระทบกัน แต่ถ้าลองศีกษาและคิดตามมันน่ากลัวมากจริง ๆ

เป็นเพราะคนเรามักจะชอบสิ่งดี ๆ ชอบบรรยากาศดี ๆ ชอบธรรมชาติ แต่ไม่ค่อยชอบทำกัน

ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยกันรักษาธรรมชาติ ปลูกต้นไม้ ประหยัดพลังงาน ช่วยกันรักธรรมชาติมาก ๆ หน่อยนะครับโลกจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ





โดย: ดีสุดขั้วชั่วสุดขีด วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:15:08 น.  

 
หวัดดีจ้าพี่เก๋
รูปน่ารักมากเลย คะ ส่วนเรื่อง บทเปรียบเทียบ ขอเรียกแบบนี้ โลกเราความเป็นอยู่ไม่เท่ากันจริงๆ ช่วงที่กิลเป็น
บูลิเมีย หมอ(จิตแพทย์) ก็เคยยกรูปแบบที่พี่ลงมาให้ดู
ว่าอาหารที่เราทานเข้าไป แล้วเอาออกมา ยังไม่คนอีกเยอะ
ที่ไม่มีกิน เฮ้อ!

ปล. เมื่อวานซืนให้linkบล็อคพี่เป้(Raya)ไป ให้เข้ามาดู
โดจินที่พี่วาด พี่เค้าก็อ่านการ์ตูนสามก๊กเหมือนกัน
เค้าบอกว่า งามมากกกก สวยกว่าในการ์ตูนอีก บราๆ55

เดี๋ยวสอบเสร็จ จะไปเช่ามาอ่านคะ ว่าแล้วถามเลย
พี่ทำโดจินขายหรือเปล่าคะ ถ้าทำขายจะรอเน้อ


โดย: กิล (li_goro ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:37:18 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ และขอบคุณที่แวะไปทักทายนะคะ มาตอบรับคำขอแอดด้วยความยินดีฮับ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:11:07:13 น.  

 
อืมม์... ได้อ่านสารคดีเตือนภัยมาแยะเหมือนกันค่ะ

อ่านแล้วก็ได้แต่เศร้าสลดจายยยย จะบอกว่าคนส่วนมากไม่ค่อยตระหนักถึงภัยพิบัติใกล้ตัว แบบคน "ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา"

เราเองก็เศร้ากับเรื่องเล็กๆ ที่ดอยอินทนนท์ เห็นความเปลี่ยนแปลงของอากาศไปค่ะ อย่าง "ฝอยลม" ไลเคนที่ขึ้นได้เฉพาะในที่อากาศบริสุทธิ์เท่านั้น (คือ ถ้ามีฝอยลมขึ้น ให้สูดลมหายใจให้เต็มปอดค่ะ เพราะบริสุทธิ์ชัวร์ๆ ) ปกติที่ยอดอินทนนท์นั้นน่ะ แหงนหน้าไปก็เห็นเป็นเคราขาวๆ พริ้วติดตามยอดไม้มากมาย แต่ปัจจุบันที่ไปมาล่าสุดนี้ เรา...เห็นมันลดน้อยลงมาก แหงนจนเมื่อยคอ... กว่าจะเห็นสักเครา

จะมีใครรู้บ้างมั้ยนี่? อากาศที่อินทนนท์กำลังจะเปลี่ยนไป...

แต่ข่าวดีที่ฟังมาจากไกด์ท้องถิ่น คือ ปัจจุบันนี้ เสือโคร่ง เสือดาว ได้กลับมาพำนัก อช. อินทนนท์แล้วค่ะ (แต่ไม่ใช่บริเวณที่เขาเปิดให้เดินป่านะคะ) หลังจากที่หายไปนานหลายสิบปี ตอนที่เราไปเดินกิ่วแม่ปาน ก็ได้เห็นกวางผา สัตว์(โคด)หายากเดินเล่นตามทุ่งหญ้าริมผาด้วย ดีใจแทบแย่


*สองเรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่า... ปริมาณนักท่องเที่ยว รถจำนวนมากที่ขึ้นไปยอดดอย กำลังทำให้อากาศบริสุทธิ์บนยอดดอยนั้น... เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

และเจ้าหน้าที่และ ชาวเขาที่อยู่แถบนั้น มีความตั้งใจจริงที่จะอนุรักษ์สัตว์ป่ามาหลายสิบปี จนปัจจุบันนี้ทำสำเร็จแล้วค่ะ สัตว์ป่า โดยเฉพาะสัตว์นักล่า ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของฝืนป่า ได้กลับมาแล้ว อย่างสัตว์สงวน เช่น กวางผา เลียงผาก็เพิ่มจำนวนขึ้น

เราคนกรุง...แสนละอายใจค่ะ นอกจากจะไม่ช่วยเขาแล้ว ยังไปทำลายธรรมชาติที่ชาวบ้านเขาหวงแหนอีก จะทำได้ก็แต่ ใช้ทรัพยกรให้คุ้มค่าอะนะ


เอ๊ะ พิมพ์มาตั้งนาน เกี่ยวกับหัวข้อหรือเปล่าหว่า
เราก็เป็นพวกสะเทือนใจกับธรรมชาติได้ง่ายค่ะ แฮ่...


ปล. บอกข่าว หนะ..หนู อัพบล็อกแล้วก่ะ (หลังจากรู้สึกผิดมานาน)
เรื่องโดฯ สนใจค่า~~ แต่ไม่รู้จะเขียนอะไยอ่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เราเป็นพวกวาดเร็ว แต่สตอรี่บอร์ดช้าค่ะ


โดย: นีรมาลี วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:11:53 น.  

 
ได้ดีวีดีเรื่องนี้มาหลายอาทิตย์แล้วค่ะ

เด่วต้องหาโอกาสดูให้ได้

แต่ซีรีส์ฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี ยังดูไม่หมดเนี่ยสิ


โดย: tistoo วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:5:10:52 น.  

 
อยากได้ดีวีดีเหมือนกัน แต่มะมีตังค์ เหอเหอ


โดย: Gogman วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:52:14 น.  

 
ดูแล้ว ชอบมากครับ


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:2:04:33 น.  

 
ตามมาสวัสดีค่ะ แล้วก็มาแอดไปด้วย

สามหนุ่มรูปข้างบนน่ารักมากกกกกกกก > <

โลกเรานี่มันไม่มีอะไรสมดุลย์เอาซะเลย เห็นอย่างนี้แล้ว รู้สึกว่าเรานี่มันช่างโชคดีจริง


โดย: กานดา (honeynut ณ honeyhachi ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:2:38:38 น.  

 
เก๋จ๋า รูปที่เก๋เอามาแปะนี่ เป็นรูปจากฟอร์เวิร์ดเมล์ หรือจาก powerpoint คะ ถ้าเป็น power point จะขอไฟล์ได้มั้ยเอ่ย พอดีกำลังเตรียมหัวข้อที่จะสอนเด็กน่ะ อยากได้รูปพวกนี้ใหญ่ๆไว้ประกอบ


โดย: froggie IP: 125.24.145.102 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:8:38:09 น.  

 
เจ๊..เรื่อง Stand by me มันเป็นหนังวายด้วยเหรอ?
เอามาให้ดูเลยน่ะ 5555

สงสัยผมกับเจ๊เก๋คงจะเป็นโรคเดียวกัน
คือขี้เกียจ พอสบายแล้วก็ไม่อยากกกลับไปอยู่เวร
หามรุ่งหามค่ำเหมือนเดิม

ตอนนี้ตัวเป็นขนเต็มตัวไปหมดแล้วครับ
รักษาสุขภาพน่ะ
รักน่ะเด็กโง่ จุ๊บๆ


โดย: Dr.Manta วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:04:49 น.  

 
cute pic ka
thanks for comment naka
ขอแอดเป็น friend's blog ด้วยนะคะ


โดย: iSIs_OsiRis วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:22:33 น.  

 
สวัสดีวันตรุษจีนครับผ๊ม


โดย: deawa (deawa ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:32:51 น.  

 
เก๋ หนังที่ส่งทั้งสองเรื่องดูแล้วนะจ๊ะซึ้งมากๆๆๆจ๊ะนั่งน้ำตาไหลเลยแหละ ขอบคุณที่ส่งหนังดีๆๆมาให้ดูนะ ช่วงนี้เราดองบล็อคไว้นะไม่ได้ทำอะไรเลย ขอติดTAGไว้ก่อนนะจ๊ะ


โดย: ammataya วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:41:55 น.  

 
อ้า.....ขอโทษทุกคนนะจ๊าที่ไม่ได้เข้ามาตอบเลย

ยา - ดีใจจ้าที่ชอบ tagนะอนุญาตให้ดองได้จ้า รอได้ซำเหมอ

deawa -สวัสดีปีใหม่ค่า

isis_osiris - ยินดีค่า

Dr Manta -เด๋วจะไรท์stand by me ไปให้น้า ไม่ต้องไปซื้อ

พี่กบ - เก๋เข้าไปส่งข่าวไว้ในblogพี่กบแล้วน้า ส่งรูปไปทางเมลแล้วด้วยค่ะ ขอโทษที่ช้าไปนะคะ

น้องกานดา - หวัดดีค่า เด๋วไปเยี่ยม

GOGMAN - สวัสดีปีใหม่ค่า

tistoo - ดูหมดรึยังคะนั่น สงสัยจะทำงานด้านนี้แน่เลย

คุณฟ้าดิน - สวัสดีค่ะ

คุณนีรมาลี - เด๋วจะเข้าไปส่งข่าวเรื่องโดหลังไมค์นะคะ ขอบคุณที่ให้ความรู้ใหม่ เราไม่รู้จัก"ฝอยลม"มาก่อนเลยนะเนี่ย แต่อ่านแล้วก็ดีใจกับที่ว่า "ชาวเขา"แถวนั้นช่วยกันดูแลดอยอย่างตั้งใจ เพราะที่เชียงรายนี่เห็นแต่ชาวเขาหักล้างถางพงทำไร่อ่ะ เอาไว้เราไปปลูกต้นไม้ด้วยกันค่ะ

คุณหวานเย็นฯ- สวัสดีค่า

น้องกิล - จริงอ่ะ บูลิเมีย พี่เป็นโรคตรงข้ามกับบูลิเมียล่ะ บูลิเมียล้วงออก แต่พี่ชอบสวาปามเข้าไปมากเกิน
อ๋อ มิน่า ตอนนี้น้องกิลถึงได้เข้าฟิตเนสกระหน่ำ ดีแล้วล่ะ

น้องดีสุดขั้วฯ - ขอเข้าไปเซฟ"อีโมติคอนหงสาฯ"น้า...น่าร้ากกกก หวัดดีปีใหม่ด้วยจ้ะ

คุณกายแก้ว - เห็นด้วยค่ะ แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็นVCD ออกมาเลย

ปลา - ยินดีจ้า เข้าไปแอ่วหาปลาที่ exteen มาตะกี้แล้วนะ


โดย: walk in dream (walkin ) วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:38:31 น.  

 
ขอบคุณคะ


โดย: รักเธอได้ยินไหม IP: 202.143.162.74 วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:19:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

walkin
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




walk in dream,always.
Friends' blogs
[Add walkin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.