|
An Inconvenient Truth ....พวกเราจะได้ชมความงามของโลกไปอีกกี่ปี
ก่อนเข้าเรื่อง.....เฮ้ออออออ อยากไปเที่ยวจัง (ขอบ่นหน่อยเต๊อะ วันนี้ซื้อนิตยสารท่องเที่ยวมาเล่มนึง ...นำเที่ยวมองโกเลีย สวยชะมัดเลย ดูแล้วก็ขออิจฉาคนได้เที่ยวเค้าไปพลางๆก่อน)
หลายปีมานี้มีแต่ทำงาน หาเงิน ทำงาน หาเงิน ทำงาน หาเงิน ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย (....เพราะมันจำเป็น) ก็ยังดีนะ ที่ปีนี้อย่างน้อยก็ได้วาดรูปมากขึ้น ได้มาเล่นเนตกะเค้าบ้าง (แต่พอปล่อยตัวให้สบายขึ้นแล้ว มันก็ต้องการความสบายมากขึ้นไปอีก นึกไม่ออกว่าเมื่อก่อนเคยทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างนั้นได้ยังไง และเมื่อได้สัมผัสความสบาย จะให้กลับไปหามรุ่งหามค่ำก็มันไม่อยากอีกแล้ว)
ความสบายและเฉื่อยแฉะเป็นโรคเรื้อรังนะเนี่ย รักษายาก
จะว่าไปแล้วตอนที่ทำงานหนักๆเนี่ย รู้สึกตัวเองมีพลังที่จะทำอะไรได้มากมายกว่าแฮะ อะดรีนาลีนหลั่งเยอะ
รูปนี้วาดออกมาหลังจากได้ดูหนังเรื่อง STAND BY ME (ชอบฉากที่คริส ล้วงปลิงให้กอร์ดี้ แล้วพอกอร์ดี้ก้มลงไปดูด้านในกุงเกงลิงตัวเอง ...ก็เป็นลมล้มตึงไปเลย น่ารักดีค่ะ) __________________________________________
บ่นตัวเองแล้ว หันกลับมาดูความจริงอันเลวร้ายของโลกอีกทีเพื่อเตือนสติ.....
ก้มลงมองพุงหลามๆกับต้นขาอวบๆของตัวเองแล้วสะท้อนใจ
__________________________________________ เข้าเรื่อง......
AN INCONVENIENT TRUTH มีขายแล้วล่ะ
สารคดีตีแผ่ภาวะโลกร้อน โดยนาย อัล กอร์ อดีตผู้ชิงตน.ปธน.สหรัฐอเมริกา DVD ออกแล้วนะ วันนี้เห็นที่ร้านบูเมอแรงที่เซ็นทรัลปิ่น แต่แพงจัง 500กว่าแน่ะ (เราขอรอซื้อVCDดีกว่า)
เรื่องดีๆ เรื่องขายความจริง มักหาดูได้ยาก ตอนนั้นเข้าฉายอยู่ที่เดียวมั้ง ไม่สกาล่า ก็ลิโด้นี่แหละ ก็เลยหาโอกาสไปดูไม่ได้
รายละเอียด(; เครดิตเวบบอร์ด talaythai.com ค่ะ)>>>
โดย วันชัย ตัน :
หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่อยากให้ช่วยกันไปดู ด้วยเหตุผลว่าเป็นหนังดีมีคุณภาพ หรือไปดูเพื่อให้กำลังใจผู้สร้าง
แต่เป็นหนังที่ทุกคนต้องไปดู ไม่ใช่เพราะใครอื่น แต่ดูเพื่อตัวคุณ และลูกหลานของคุณเอง
An Inconvenient Truth เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตการณ์โลกร้อน ที่ให้ความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของปัญหาโลกร้อน ไปจนถึงจุดจบของโลกใบนี้ในอนาคต ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่กี่สิบปี
อัล กอร์ ผู้เกือบจะได้เป็นประธานาธิบดีในปี ค.ศ.2000 แต่ต้องพ่ายแพ้ต่อนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช อย่างเฉียดฉิวด้วยคะแนนเสียงลึกลับในรัฐฟลอริดา เป็นผู้นำแสดงในหนังสารคดีเรื่องนี้ ได้ย่อยข้อมูลภาวะโลกร้อนจากหนังสือ ตำราหลายพันเล่ม ให้เราเข้าใจได้อย่างชัดเจนผ่านคำพูดและภาพถ่ายผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในเวลาเพียง 100 นาที
อัล กอร์ เป็นนักสิ่งแวดล้อมคนเดียวที่ได้มีโอกาสก้าวขึ้นตำแหน่งทางการเมืองสูงสุด คือ รองประธานาธิบดีสมัยรัฐบาลนายบิล คลินตัน และเขาเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันให้เกิดการประชุมพิธีสาร เกียวโตว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในปี ค.ศ.1997 เพื่อให้ประเทศที่พัฒนาแล้วร่วมลงสัตยาบันรับมือกับปัญหาโลกร้อน โดยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ อันเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โลกร้อนขึ้น
แต่เมื่อประธานาธิบดีจอร์จ บุช ตัวแทนกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ขึ้นครองตำแหน่ง เขาได้ทำในสิ่งตรงข้ามกับรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยสหรัฐอเมริกา ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุด ได้ถอนตัวออกจากพิธีสารนี้ อ้างว่าต้องใช้งบประมาณสูงเกินไป
ก่อนจะมาเป็นหนังเรื่องนี้ อัล กอร์ ได้ใช้เวลาหลายปีหลังจากเลิกอาชีพนักการเมืองเดินสาย บรรยายไปตามโรงเรียน โรงหนัง หรือโรงแรมทั่วสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศไม่ต่ำกว่าพันครั้ง เพื่อกระตุ้นเตือนให้ทุกคนเห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของภาวะโลกร้อน
จนกระทั่งในปี ค.ศ.2005 เมื่อเขาไปบรรยายที่ลอสแองเจลิส เขาได้จุดประกายให้กับผู้สร้างหนังบางคนว่า หากเอาการบรรยายของเขาไปทำเป็นหนังแล้ว น่าจะได้ผลในวงกว้างมากกว่าการเดินสายพูดแบบนี้
ตอนแรกอัล กอร์ ไม่เชื่อว่าการบรรยายประกอบสไลด์ของเขาจะสามารถสร้าง เป็นหนังสารคดีที่ไม่น่าเบื่อได้
แต่เมื่อหนังเรื่องนี้ออกฉายเมื่อต้นปีนี้ บรรดาผู้บริหารสตูดิโอในฮอลลีวู้ดต่างแย่งกันขอซื้อลิขสิทธิ์หนังไปจัดจำหน่ายทั่วโลก
หนังเรื่องนี้เปิดฉากด้วยภาพของโลกที่ถ่ายจากยานอพอล โล ว่าโลกสีน้ำเงินของเรางดงามเพียงใด
อัล กอร์ บอกเราว่า ชั้นบรรยากาศเป็นส่วนที่บอบบางที่สุดในระบบนิเวศของโลกใบนี้
แสงจากดวงอาทิตย์ที่สองทะลุชั้นบรรยากาศมายังพื้นผิว โลก นำความอบอุ่นมาให้ ขณะเดียวกันก็สะท้อนความร้อนออกไปนอกโลกในรูปของรังสีอินฟราเรด แต่บางส่วนถูกดักเก็บไว้ในชั้นบรรยากาศ ทำให้โลกใบนี้มีอุณหภูมิพอดีสำหรับสิ่งมีชีวิต ไม่ร้อนเกินไปแบบดาวศุกร์ หรือเย็นยะเยือกเกินไปแบบดาวอังคาร จนสิ่งมีชีวิตไม่สามารถดำรงอยู่ได้
แต่นับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม มนุษย์ได้ปลดปล่อยก๊าซต่างๆ โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ เพื่อใช้ในการคมนาคม โรงงานอุตสาหกรรม ตลอดจนถึงการเผาป่า ฯลฯ จนทำให้ชั้นบรรยากาศหนาขึ้น รังสีอินฟราเรดไม่สามารถสะท้อนออกนอกโลกได้เหมือนเดิ ม เกิดภาวะเรือนกระจก อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเรื่อยๆ นับแต่นั้นมา
หนังได้ฉายภาพเปรียบเทียบน้ำแข็งทั่วโลก เริ่มจากภาพถ่ายเทือกเขาคีรีมันจาโรเมื่อสามสิบปีก่อ น ที่มีน้ำแข็งปกคลุมบนยอดเขามากมาย เปรียบเทียบกับภาพปัจจุบันที่มีน้ำแข็งเหลือน้อยมาก จนนักวิทยาศาสตร์ฟันธงว่า ไม่ถึงสิบปีเทือกเขาแห่งนี้จะไม่มีน้ำแข็งอีกต่อไป
ภาพต่อไปเป็นภาพธารน้ำแข็งตามเทือกเขาต่างๆ ที่กำลังหายไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เทือกเขาแอนดิสในอาร์เจนตินา ชิลี ไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ในสวิตเซอร์แลนด์ และเทือกเขาหิมาลัย
น้ำแข็งจากเทือกเขาหิมาลัยเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสำคัญ 7 สาย หล่อเลี้ยงผู้คน 40% ของประชากรทั่วโลก แต่อีกไม่ถึงห้าสิบปี คนเหล่านี้จะเผชิญกับการขาดแคลนน้ำจืดอย่างรุนแรง
ภาพกราฟิกทำให้เราเห็นถึงอุณหภูมิความร้อนที่สูงขึ้น แผ่กระจายไปตามเมืองใหญ่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ในปี ค.ศ.2003 คลื่นความร้อนได้ทำให้คนในยุโรปตายไปถึง 35,000 คน
ภาวะโลกร้อนได้ทำให้อุณหภูมิในมหาสมุทรสูงขึ้น และเกิดพายุรุนแรงและถี่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไต้ฝุ่น เฮอร์ริเคน ไซโคลน หลายร้อยลูกที่พัดกระหน่ำชายฝั่งทั่วโลกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนาที่พัดกระหน่ำเมืองนิว ออร์ลีนส์ในเดือนสิงหาคม 2005 สร้างความเสียหายครั้งประวัติศาสตร์มีคนตายกว่า 2 พันคน และทรัพย์สินเสียหายกว่า 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างรวดเร็วของน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกา ขั้วโลกเหนือ และเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งหากน้ำแข็งละลายหมด จะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงถึง 6 เมตร
กอร์ได้ใช้กราฟแสดงให้เห็นว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้โลกร้อนขึ้นคือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเอารถเครนมายกตัวเองขึ้นตามเส้นกราฟที่พุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา
ตอนนั้นกรุงเทพฯของเราคงจมน้ำไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่นิวยอร์ก ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ จมน้ำไปครึ่งหนึ่ง และบังกลาเทศอาจหายไปจากแผนที่โลก ประชากรนับพันล้านคนจะไม่มีที่อาศัย
อีกด้านหนึ่งกอร์ก็ได้เตือนพวกเราว่า แนวคิดที่บอกว่าโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น กำลังได้รับการท้าทายจากบรรดานักวิจารณ์ว่าจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในเชิงวิชาการ ให้ผู้คนได้ถกเถียงกันต่อไป
แต่นั้นไม่สำคัญเท่ากับฝีมือของบรรดากุนซือของบริษัท อุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ ที่พยายามทำให้คนทั่วไปเชื่อว่า โลกร้อนเป็นเพียงทฤษฎี ไม่ใช่ความจริง เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนที่บริษัทผู้ผลิตบุหรี่พยายามทำให้คนเชื่อว่า การสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งในปอดนั้น เป็นแค่ทฤษฎีไม่ใช่ความจริง
เมื่อเป็นแค่ทฤษฎีก็ไม่ต้องเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง เสมอไป
ถึงตอนนี้กอร์ได้ให้ดูการ์ตูนเรื่องหนึ่ง เป็นรูปกบกำลังลอยอยู่ในหม้อหุงต้มที่กำลังเปิดเตาแก้ส ตอนที่หม้อยังไม่ร้อน กบก็ไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อน้ำร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเดือดปุดๆ กว่ากบจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว
กอร์บอกเราว่า เรื่องโลกร้อนก็เช่นกัน เป็นเรื่องของผลกระทบระยะยาว ไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลัน ต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะเห็นผล แต่เมื่อปรากฏผลแล้วก็สายเกินแก้
มนุษย์ทุกวันนี้ก็ไม่ต่างจากกบตัวนั้น สุดท้ายกอร์ตอบคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดว่า ถึงตอนนี้เราจะสู้กับปัญหานี้ได้หรือ
กอร์บอกว่า ที่ผ่านมามนุษยชาติได้ร่วมแรงร่วมใจแก้วิกฤตการณ์ได้ หลายอย่าง อาทิ การลดสารซีเอฟซี ทำให้ลดรูรั่วของชั้นโอโซนได้สำเร็จ หากวันนี้เราร่วมใจกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ให้เหลือเท่ากับเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน เราจะสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้พร้อมกัน
ในภาษาจีน คำว่า วิกฤต มีความหมายลึกซึ้ง เพราะเขียนด้วยตัวหนังสือคำสองคำติดกัน คำแรกมีความหมายถึง อันตราย คำที่สองมีความหมายถึง โอกาส
โลกร้อนเป็นเรื่องที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง มันไม่ใช่ประเด็นข้อถกเถียงทางวิทยาศาสตร์หรือประเด็นทางการเมืองอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของมโนสำนึกของมนุษย์ทุกคนด้วยว่า เราจะพลิกวิกฤตนี้เป็นโอกาสที่จะลงมือทำและฝ่าข้ามมันไปได้หรือไม่
หนังเรื่องนี้จบลงด้วยสุภาษิตของคนแอฟริกันว่า
"While you pray, move your feet" ....................
พอออกจากโรง เพื่อนที่ไปด้วยบอกว่า โชคดีที่อัล กอร์ ไม่ได้เป็นนักการเมืองอีกต่อไป
ผมถามหาเหตุผล
"ตอนเป็นนักการเมืองก็งั้นๆ เป็นจอมทึ่ม แข็งโป๊ก และไร้เสน่ห์ แต่พอเลิกอาชีพนักการเมืองมาเป็นนักอนุรักษ์เต็มตัว เขากลายเป็นหนุ่มหล่อ เท่ น่ารัก มีอารมณ์ขัน และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นขึ้นมาทันที"
ผมนึกถึงนักการเมืองบ้านเราขึ้นมาทันที
//www.climatecrisis.net/ เวปของสารคดีชุดนี้
WHILE YOU PRAY, MOVE YOUR FEET
Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2550 23:07:20 น. |
|
20 comments
|
Counter : 754 Pageviews. |
|
|
|
โดย: >^)Pla< IP: 58.9.141.57 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:0:33:09 น. |
|
|
|
โดย: กายแก้ว วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:0:55:15 น. |
|
|
|
โดย: ammataya วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:5:03:20 น. |
|
|
|
โดย: froggie IP: 125.24.176.35 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:52:47 น. |
|
|
|
โดย: deawa (deawa ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:58:58 น. |
|
|
|
โดย: กิล (li_goro ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:37:18 น. |
|
|
|
โดย: นีรมาลี วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:11:53 น. |
|
|
|
โดย: tistoo วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:5:10:52 น. |
|
|
|
โดย: Gogman วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:52:14 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าดิน วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:2:04:33 น. |
|
|
|
โดย: froggie IP: 125.24.145.102 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:8:38:09 น. |
|
|
|
โดย: Dr.Manta วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:04:49 น. |
|
|
|
โดย: iSIs_OsiRis วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:22:33 น. |
|
|
|
โดย: deawa (deawa ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:32:51 น. |
|
|
|
โดย: ammataya วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:41:55 น. |
|
|
|
โดย: walk in dream (walkin ) วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:38:31 น. |
|
|
|
โดย: รักเธอได้ยินไหม IP: 202.143.162.74 วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:19:11 น. |
|
|
|
| |
|
|
รูปที่เอามานั่นเตืนใจได้ดีเชียวค่ะพี่ อย่างน้อยก็เตือนใจหนูได้ให้ระงับไม่ทำบางอย่าง เฮ้อ บางทีการหลงวัตถุนี่มันก็เกิดขึ้นจนกายเป็นเรื่องธรรมดาไป...น่ากลัวมาก ขอบคุณนะคะพี่
หนังเรื่องนี้เหมือนจะเคยเห็นในร้านเช่าค่ะ น่าสนใจไว้ต้องลองเช่ามาดูละค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ