All Blog
จุดหมายในชีวิตและความผิดพลาดที่ก่อเกิดสิ่งใหม่..
ใกล้ปีใหม่แล้วรู้สึกว่าแก่ขึ้นอีกแล้ว..เหมือน ๆ จะดี..ได้ข่าวว่าหนังสือเรื่องใหม่เนี่ยจะได้ออกกลางกุมภาพันธ์ปีหน้า..เขาว่าออกพร้อมงานหนังสือ..ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน..คตินี้ใช้ได้เสมอ..แต่ก่อนที่จะดีใจเรื่องหนังสือก็มานั่งโศกเศร้ากับนิยายที่กำลังเขียนอยู่..เราพยายามที่จะเขียนให้มันดีแต่กลับกลายว่า..กำหนดเกณฑ์ของการเขียนทำให้มีความกดดันเสียอย่างนั้น..80 หน้า ขั้นต่ำ..?แต่มารวมดู(เรื่องใกล้จบ)ไม่ถึงแหะ..จริง ๆ อาจจะถึงหรือเกิน..แต่กลับกลายเป็นว่ามันกลายเป็นเรื่องที่เราต้องพะวงกับมันเสียอย่างนั้น..มานั่งวิเคราะห์แล้ว..เราจะกังวลกับจำนวนหน้าไปทำไม..เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องจบแต่ไม่ได้รีไรท์..มันก็ยังไม่จบดี..ยังไม่มีความแน่นอนว่ามันจะมีขนาดเท่านั้น..แถมมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญเรื่องที่เขียนต่างหาก..คือสิ่งที่เราต้องการจะบอกคนอ่าน..ไม่ใช่จำนวนหน้า..จะจบอยู่ที่หน้า 79 ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องไม่ดีเสียหน่อย..มาดูตัวเองว่าเขียนดีพอแล้วหรือยังเถอะ..(ด่าตัวเอง)..ฮ่าๆ

ช่วงสายของวันก็ได้โอกาสปิดคอมฯนั่งอ่านหนังสือ นิตยสารฉบับหนึ่งมีบทสัมภาษณ์เจ้าของผลงาน เจ้าหงิญ..ท่านพูดว่า..ฆ่างานก่อนที่งานจะฆ่าเรา..พออ่านจบถึงกับซีด..มานั่งคิดว่าเราหละหลวม..พลาดกับสิ่งที่ที่ดำเนินไปอย่างไรบ้าง..เราละเอียดละออกับงานมากแค่ไหนกัน?..ถึงแม้ปากจะพูดว่าชอบ..ทำได้..แต่ไม่ได้หมายความว่าเราทะนุถนอมมัน..ไม่ได้หมายความว่าเราดูแลมันอย่างดีก่อนที่จะออกมาเป็นรูปเล่มเรื่องราว..รู้สึกเสียดายที่เราไม่ได้ทำมันอย่างละเอียด..ไม่ได้ใส่ใจมันเท่าที่ควร..มัวแต่ชื่นใจ ดีใจที่มีคนชอบ..โดยไม่ทันคิด..ถ้าไม่ได้อ่านคอลัมน์นี้เราคงหลงระเริงไปอีกนาน..แม้จะไม่ได้เขียนแนวเช่นเดียวกับท่านแต่... ทุกคนย่อมรักสิ่งที่ตัวเองทำ..และดูแลมันอย่างดีก่อนที่จะออกมาสู่คนอ่าน..คตินี้จะคอยเตือนใจในผลงานชิ้นต่อๆไป..

ครั้งหนึ่งเคยร่วมทำงานวารสารรายเดือนท้องถิ่นเป็นที่ฮิตของชาวบ้านอยู่ระยะหนึ่งในที่ทำงานเก่า(ที่แรก) พี่ที่เป็นบรรณาธิการบอกว่า..คนที่รักหนังสือไม่ได้หมายความว่าเขาจะเขียนหนังสือได้ดี..ตอนนี้ก็พอจะเข้าใจและเรียนรู้กับมันพอสมควร..เราเองก็ไม่ได้เขียนดีเท่าไหร่..แต่ถ้าพยายามมันก็ย่อมจะเดินไปได้ถึง..คือพี่เขาไม่ได้ว่าเราหรอก..พูดถึงอีกคนหนึ่ง..แต่มันก็กลายเป็นเรื่องเตือนใจเราได้อีกเรื่องหนึ่ง..

ประโยคหนึ่งที่จดจำและรู้สึกแย่กับมันมาก ๆ ..แต่ไม่ได้พูดอะไร.. “ซักพักมันก็จะกลายเป็นธุรกิจแล้วมันก็จะเปลี่ยนไป” หมายความถึงอะไร?..หมายความถึงหนังสือที่เราเขียนงั้นเหรอ..งานเขียนไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ นะที่จะเก่งจนสามารถบรรยายอย่างเลิศหรูจนสามารถสร้างเรื่องเป็นร้อย ๆ เรื่องได้เพื่อให้ขายได้อย่างเดียว..และนั่นก็ไม่ใช่เราอีกแหละ...เราไม่ได้เก่งพอที่จะบรรยายเรื่องโรมานซ์..เราไม่ได้มีความคิดเรื่องความรักหวาบหวิวเหมือนคนอื่น..เราเป็นคนคิดซับซ้อน..คิดมากเกินกว่าปกติ..และขี้เกียจเกินกว่าที่จะทำให้กลายเป็นธุรกิจ..อันนี้เถียงในใจ..ไม่ได้พูดกับเขาหรอก..เราเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่คิดเยอะ..เลยได้แต่ยิ้มให้..คนถามก็มีอายุและเป็นคนที่เรานับถือเหมือนกันนะ..ก็คงจะเตือนสติเราแหละ..แต่เราก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเก่งขนาดนั้นนี่นะ..แค่ได้ออกเล่มแรกนี่ก็พอใจแล้ว..

เขาเคยถามจุดมุ่งหมายในชีวิตเมื่อต้นปีที่ผ่านมา(ก่อนการลาออก)..เราก็เขียนตอบไปตามความจริง..1. นิยายได้ตีพิมพ์เป็นเล่ม..(สำเร็จไปแล้ว) 2. เปิดร้านหนังสือ (ทำไปแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ) 3. เรียนต่อปริญญาโท..(ยังไม่ได้ทำ..แม้จะสอบติดหรือผ่านสองที่แล้วแต่ไม่เอาซักที่เพราะยังไม่มีตังค์) ...หลังจากการประกาศเจตนารมณ์..ก็ลาออก(..หึๆแกคงจะเบื่อฉันน่าดู..)...ก็ถามเองนี่นะ?..เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงถามจุดหมายชีวิต..เพราะอยากรู้ว่าจุดหมายชีวิตของแต่ละคนมุ่งที่จะไปพร้อมกันหรือไม่..ซึ่งแต่ละคนที่ตอบออกมา..ไม่ตรงกันซักคน..มีคนเดียวที่เดินไปกับแกได้..(ฮ่าๆ) แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะอยู่ด้วยตลอด..จริงอยู่ว่าการหาจุดมุ่งหมายเดียวกันเพื่อเดินไปพร้อมกันเป็นเรื่องที่ดี..แต่ในความเป็นจริง..อุปสรรคเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจะคอยกัดกร่อนระยะทางที่จะเดินไป..ถ้าใจไม่เข้มแข็งพอ..ไม่ยอมอ่อนบ้าง แข็งบ้างเหมือนไผ่ลู่ลม..โอกาสที่เป้าหมายหลุดลอยก็ย่อมมีสูง..แม้แต่คนเขียนเองก็ยังทำไม่ได้เลย..มิบังอาจไปสอนหรือกล่าวถึงความสำเร็จใดๆ..แค่เตือนสติตัวเองทุกวันเป็นพอ..ว่าทำให้ดีที่สุดแล้วจะได้ไม่เสียใจภายหลัง..มีเพลง ๆ หนึ่งซึ่งเป็นเพลงญี่ปุ่น..โดยส่วนตัวชอบทำนองเพราะแปลไม่ออกหรอก..แต่พอได้อ่านคำแปลแล้ว..ยิ่งชอบ..เป็นกำลังใจได้ดีมากสำหรับคนที่รู้สึกท้อ..เฮ่อ..บ่นหมดแล้วไปเขียนนิยายต่อดีกว่า..แฮะๆ..ว่าง ๆ แวะอ่านที่เด็กดีได้นะคะ..ขอบคุณมากค่ะ..
//my.dek-d.com/keetareel/







Kobukuro - Toki no ashioto
Wakare no kisetsu ni yureru hakanaki ichirinka
Onaji nukumori no kaze wo dare mo ga sagashite aruiteiru
Deai wa sora ni nagareru oborogumo no shita de
Kasanari au tokei no hari no you ni
Yukkurito yukkurito mawari hajimeru
Mijikai hari ga kimi nara nagai hari ga boku de
Onaji jikan wo kizami nagara nando mo surechigai mata deai
Daijoubu mata onaji basho kara hajimerareru kara
"Ganbatta kedo, dame datta ne."
"Makechatta kedo, kakko yokatta ne."
Ironna tane wo moratta kotoba ga kokoro ni mizu wo yaru.
Mijikai haru ni saku yume nagai fuyu wo koete
Kokoro no oku ni atsumeta tame wa donna hikari de sodatsu no darou?
Hodou no kage ni saku hana dare no tame ni aru no darou?
"Dare no tame demo nai yo." to kagayaku kimi ni terasareteru
Omoi ga kotoba ni kawaru yo kotoba ga hikari wo yonderu
Hikari ga hora kage wo tsukuru kage de hito ha tsuyoku nareru
Tsuyosa ga yasashisa ni kawaru yasashisa ga deai wo yonderu
Deai ga michi wo tsukuru kono michi ni mata omoi wo kizamu
Mijikai hari ga tomareba nagai hari mo tomaru
Onaji itami wo wake aeru koto itsu shika yorokobi ni kawaru kara
Daremo ga hitori hitotsu isshun ichi byou ichi do kiri
Maki modosenai toki wo tamerawazu ikite yukeru
Sonna deai wo sagashite iru
Hitori hitotsu isshun ichi byou ichi do kiri
Deaete yokatta

คำแปล
เสียงฝีเท้าของกาลเวลา
ดอกไม้โดดเดี่ยวหวั่นไหวในฤดูกาลแห่งการลาจาก
ใครก็ตามต่างเดินหาสายลมแห่งความอบอุ่น
ใต้ผืนเมฆสีเทาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
การพบพานนั้นค่อยๆวนเวียนมาบรรจบกัน
ราวกับเข็มของนาฬิกา
หากเธอเป็นเข็มสั้น ฉันจะเป็นเข็มยาว
ระหว่างที่เคลื่อนผ่านเวลาที่เท่ากัน เราจะได้พบกันอีกนับครั้งไม่ถ้วน
แม้ย่างก้าวที่เดินจะต่างกัน แต่หากอนาคตที่วาดฝันไว้นั้นเหมือนกัน
แค่นั้นก็เพียงพอ เพราะเราสามารถเริ่มต้นจากจุดเดียวกันได้
"พยายามเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ"
"แม้จะแพ้ แต่ก็สุดยอดแล้ว"
คำพูดที่เหมือนกับเมล็ดพรรณมากมายเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับจิตใจ
ความฝันที่เบ่งบานออกในฤดูใบไม้ผลิอันแสนสั้น ข้ามผ่านฤดูหนาวอันยาวนาน
เมล็ดพรรณที่รวบรวมอยู่ในจิตใจนั้นเติมโตด้วยแสงใดกันหนอ
ดอกไม้ที่เบ่งบานในเงามืดของถนนหนทางนั้นมีอยู่เพื่อใครกันหนอ
"ไม่ใช่เพื่อใครทั้งนั้นแหละ" เธอเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา
จินตนาการแปรเปลี่ยนเป็นข้อความ ข้อความร้องเรียกแสงสว่าง
แสงสว่างสร้างให้เกิดเงา เงาสามารถทำให้ผู้คนแข็งแกร่งขึ้นมาได้
ความแข็งแกร่งแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยน ความอ่อนโยนเรียกหาการพบพาน
การพบพานสรรค์สร้างหนทาง หนทางนี้จะกลับมาก่อให้เกิดจินตนาการ
หากเข็มสั้นหยุดเดิน เข็มยาวก็หยุดเช่นกัน
การที่แบ่งปันความเจ็บปวดด้วยกัน สักวันหนึ่งจะแปรเปลี่ยนเป็นความสุข
ไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ผ่านเวลาที่ไม่สามารถย้อนคืนได้
เพียงคนเดียว หนึ่งเดียว ชั่วขณะเดียว วินาทีเดียว แม้แต่ครั้งเดียว โดยไม่หวั่นไหว
เมื่อได้พบคนที่ตามหาการพบพานเช่นนั้น
เพียงคนเดียว หนึ่งเดียว ชั่วขณะเดียว วินาทีเดียว เพียงแค่ครั้งเดียว
ก็เพียงพอแล้ว
ขอบคุณคำแปลจาก //mel-sk125.blogspot.com/2008/11/blog-post.html




Create Date : 25 ธันวาคม 2552
Last Update : 25 ธันวาคม 2552 9:59:34 น.
Counter : 360 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดนตรีในสายลม
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ฟังดนตรีไม่มีเสียงร้อง..บ่นเป็นตัวหนังสือมากกว่าพูด..