|
ฮือฮา! จีนเปลี่ยนหลุมขยะยักษ์ เป็นโรงแรมใต้ดิน
สื่อจีนรายงานว่า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีน ได้เปิดตัวโครงการเซี่ยงไฮ้ ซื่อเม่า วันเดอร์แลนด์ โรงแรม 5 ดาว พร้อมสวนสนุกใต้ดิน โดยสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นหลุมขยะขนาดใหญ่ ในภูเขาเทียนหม่า เขตซงเจียง ของมหานครเซี่ยงไฮ้
รายงานระบุว่าพื้นที่ในภูเขาเทียนหม่าดังกล่าว อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลราว 65 เมตร เดิมทีในช่วงทศวรรษที่ 1950 ถูกใช้เป็นแหล่งสกัดหิน จากนั้นภายหลังปี ค.ศ.2000 ก็ถูกปิดร้าง โดยชาวบ้านดัดแปลงใช้เป็นหลุมขยะขนาดใหญ่ กระทั่งเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซื่อเม่า ได้ออกมาประกาศว่าโครงการเซี่ยงไฮ้ ซื่อเม่า วันเดอร์แลนด์ (Shanghai Shimao Wonderland) จะเปิดให้บริการได้ภายในช่วงปลายปี 2014 หรือต้นปี 2558 2015 โดยมีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 428,000 ตารางเมตร
บริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ เปิดเผยว่า โรงแรมจะมีความสูงทั้งสิ้น 19 ชั้นโดย 3 ชั้นจะอยู่เหนือพื้นดิน ขณะที่ 16 ชั้น จะอยู่ลึกลงไปในหลุม โดยในส่วนที่อยู่ใต้ดินจะมีภัตตาคารใต้น้ำประกอบอยู่ด้วย และมีห้องพักรวม 380 ห้อง ทั้งนี้ราคาห้องพักจะเริ่มต้นที่ราว 2,000 หยวน หรือราว 10,000 บาทต่อคืน
โดยรายงานล่าสุดระบุว่า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซื่อเม่า ได้ทุ่มเงินกับโครงการดังกล่าวไปแล้วกว่า 3,500 ล้านหยวน หรือราว 17,500 ล้านบาท
ภาพปัจจุบัน
Create Date : 07 พฤษภาคม 2555 | | |
Last Update : 7 พฤษภาคม 2555 22:30:21 น. |
Counter : 581 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ย้อนวันวานงานพระเมรุ : บอกเล่าความงามของวัฒนธรรมไทย
คติการสร้างพระเมรุ ณ ท้องสนามหลวง เพื่อใช้เป็นที่พระราชทานเพลิงพระศพ เป็นวัฒนธรรมที่สังคมไทยรับอิทธิพลมาจากการปกครองแบบเทวนิยม เชื่อกันว่าวาระสุดท้ายของพระชนมชีพจะเสด็จคืนสู่สวรรค์ ณ ดินแดนเขาพระสุเมรุ จึงต้องจัดสถานที่สำหรับพระราชทานเพลิงให้มีลักษณะอย่างเขาพระสุเมรุ ขึ้นใจกลางพระนคร
พระเมรุงามกลางมณฑลพิธีท้องสนามหลวง จัดสร้างตามลักษณะผังเขาพระสุเมรุ ที่เชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางจักรวาล ทิพยวิมานที่สถิตย์ของเทพยดา รายล้อม ด้วยเขาสัตตบริภัณฑ์ ทั้ง 7 และมหานทีสีทันดร มีป่าหิมพานต์ ที่อยู่ของสัตว์นานาชนิด นี่คือสถานที่จำลองแดนสวรรค์ในโลกมนุษย์ที่ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
ธรรมเนียมการสร้างพระเมรุ และพระเมรุมาศ มีหลักฐานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่เรียกสถานที่ในพระราชพิธีนี้ว่าทุ่งพระเมรุ จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ยังคงสืบทอดโบราณราชประเพณีนี้
ราวปีพุทธศักราช 2339 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 โปรดให้ถวายพระเพลิงพระบรมอัฐิของพระชนกนาถเป็นครั้งแรก ความยิ่งใหญ่ของพระเมรุสมัยต้นกรุง สะท้อนผ่านภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดพระแก้วตอนถวายพระเพลิงพระศพทศกัณฑ์ ที่เน้นความโอ่อ่า และยิ่งใหญ่ด้วยงานมหรสพ อันคงแบบแผนเรื่อยมาจนถึงงานพระเมรุมาศพระบรมศพรัชกาลที่ 4 ความยิ่งใหญ่ของพระเมรุไม่เพียงเป็นการถวายพระเกียรติ แต่ยังแฝงคติทางการปกครอง และสะท้อนความมั่นคงของบ้านเมือง
โดยนางเด่นดาว ศิลปานนท์ ภัณฑารักษ์ชำนาญการพิเศษ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กล่าวว่า การสร้างพระเมรุมาศ เป็นการถวายพระเกียรติยศที่พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ถวายแด่พระมหากษัตริย์ ที่เสด็จสวรรคตล่วงแล้ว ยังเป็นการประกาศความมั่นคงของบ้านเมือง ด้วยเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแผ่นดินใหม่ โดยแสดงพระบรมเดชานุภาพให้เห็นว่าจะทรงปกครองแผ่นดินให้ผาสุกร่มเย็น
นายวัฒนะ บุญจับ นักวิชาการสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ระบุว่า การทำพระเมรุมาศและพระเมรุเจ้านายสมัยก่อนเป็นการเกณฑ์ทั้งกำลังคนและ ทรัพยากรถ้าการที่สร้างได้ยิ่งใหญ่มาก ก็หมายถึงความสามารถในการคุมขุมพลังและความจงรักภักดี
นอกจากความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของพระเมรุแล้ว ตามความเชื่อเรื่องการเสด็จสู่สรวงสวรรค์ พระเมรุจึงเปรียบเหมือนเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นที่อยู่ของเทพยดา คติความเชื่อนี้ก็มีมาตั้งแต่อดีตและยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน และสะท้อนผ่านพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเล็กน้อยตามยุคสมัย
ทั้งนี้ในอดีตงานพระเมรุใช้กำลังคนและทรัพยากรมหาศาล โดยต้องสร้างพระเมรุถึง 2 ชั้น คือพระเมรุทองชั้นใน สร้างครอบด้วยพระเมรุขนาดใหญ่ชั้นนอก ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไทยปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมหลายอย่างให้สอดคล้องกับยุคสมัย โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสเปลี่ยนแปลงพระเมรุให้มีขนาดเล็กลง เหลือเพียงพระเมรุชั้นในอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ขณะที่วัสดุก่อสร้างในยุคหลัง โดยเฉพาะในงานพระเมรุของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ มีการประยุกต์ใช้เหล็กและผ้าใบ แทนวัสดุธรรมชาติหายาก หากยังคงแนวคิดจากคัมภีร์ไตรภูมิตามโบราณราชประเพณีอย่างครบถ้วน ด้วยการประดับรูปเทวดาและสัตว์หิมพานต์สื่อถึงเขาพระสุเมรุศูนย์กลางของ จักรวาล และใช้พื้นสีฟ้าแทนมหานทีสีทันดร สะท้อนพัฒนาการของราชประเพณี ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย
นักวิชาการสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า พระเมรุมาศ และพระเมรุ เป็นภาพสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสังคมได้อย่างดี เพราะเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของยุคสมัย
พื้นที่ใจกลางกรุงของท้องสนามหลวงกว่า 70 ไร่ ในวันนี้จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ อีกครั้ง ไม่เพียงเป็นภาพสะท้อนคติความเชื่อ หากงานออกพระเมรุยังเป็นพระราชพิธี ที่รวบรวมฝีมือเชิงช่างและศิลปะชั้นสูง บอกเล่าถึงความมั่งคั่งทางวัฒนธรรมที่ยังคงได้รับการสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
Create Date : 07 พฤษภาคม 2555 | | |
Last Update : 7 พฤษภาคม 2555 22:29:06 น. |
Counter : 1624 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|