ฉันเห็นวันพรุ่ง...
Group Blog
 
All blogs
 
"ลูกกำ(กรรม)ปัด...ในวัยเด็ก"

"ลูกชายคนสุดท้องค่ะ" ผมได้ยินแม่บอกหมอ

ตอนเด็กๆผมไม่อยากไปโรงเรียน อยากเล่นอยู่ที่บ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

ผมเข้าโรงเรียนอนุบาลตอนอายุ 6 - 7 ขวบ แล้วเรียนป.1เลย
ชีวิตในตอนเด็กจึงมีเวลาเล่นเยอะมากกว่าเรียน ได้เล่นสมมุติหลายๆอย่าง
จินตนาการในวัยเด็กจึงบรรเจิดมากมาย จนก่อเรื่องขึ้นในวันหนึ่ง

"เม็ดกำปัดสีเขียว" ตอนเด็กเรียกแบบนี้นะครับ



แม่ของผมเป็นแม่บ้าน แม่กับอี้(น้องสาวแม่)นั่งร้อยลูกกำปัดกันอยู่บนโซฟาหนังเทียมสีแดงที่ตั้งอยู่กลางบ้าน ผมนั่งเล่นกับ "จุ๋ม"(ลูกสาวอี๋)ข้างโซฟา แม่ซื้อลูกกำปัดมาเพื่อจะร้อยเป็นมู่ลี่ติดตรงประตูทางเข้าห้องครัว


ผมเอาลูกกำปัดมาเล่นสมมุติ เป็นสิ่งต่างๆเท่าที่เด็กอย่างผมจะจินตนการได้ หัวเราะกันคิกคักอย่างสนุกสนานกับจุ๋ม แล้วผมก็ทะลึงเอาลูกกำปัดมายัดใส่
รูจมูก ทั้งสองข้าง (สมมุติเป็นอะไรก็ไม่รู้)

..หัวเราะกันคิกๆในความตลก..สนุกสนาน แต่ก็ตลกไม่ออกเมื่อเอามันออกได้แค่อันเดียว อีกข้างหนึ่ง ยังค้างอยู่ในจมูกข้างขวาของผม แรกๆผมก็ไม่ยอมบอกแม่ พยายามเขี่ยออกด้วยนิ้วมือน้อยๆของผมเอง ยิ่งแงะมันก็ยิ่งเข้าไปลึก


ตอนนั้นผมคงเหงื่อแตกพลั่ก จิตตก ผมจำได้ว่า ไม่ยอมบอกแม่ทั้งๆที่นั่งอยู่ข้างๆกัน คงกลัวโดนดุ..ผมห้าม"จุ๋ม" ไม่ให้ไปบอกแม่ผม



"ห้ามบอกแม่นะ..." ผมทำเสียงปราม ไม่ถึงนาที จุ๋มก็ไปกระซิบบอกแม่ของเธอ จากนั้นความก็แตก



ตัดภาพมาที่....

ผมอยู่ที่คลีนิกเล็กๆแห่งหนึ่งในตัวอำเภอ ผมจำไม่ได้ว่า ตอนนั้นแม่รู้สึกอย่างไรบ้าง แม่ได้บอกเตี่ยหรือไม่ หรือพยายามแก้ปัญหาด้วยการพาไปหาหมอเองหรือเปล่า เพราะถ้าเตี่ยผมรู้ เตี่ยต้องด่าว่าแม่แน่ๆเลย



ยังจำได้ว่า..คุณหมอผู้ชายมีอายุพอสมควร คุณหมอเอาสายยางสีเขียวเส้นเล็กๆมาใส่ในรูจมูกข้าง ที่มีลูกกำปัด ผมคิดว่าตอนนั้น ผมคงกลัวพอควรแต่ยังไม่ร้องไห้แค่ตกใจ


แม่ผมคงเป็นห่วงผมมาก อี๋ก็คงตามมาด้วย ผมไม่รู้ว่า แม่พาผมมาหาหมอได้ยังไง
เพราะตอนนั้นผมยังไม่เข้าโรงเรียน แม่ยังขับรถมอเตอร์ไซด์ไม่เป็นด้วย อาจจะซ้อนท้ายแล้วให้คนงานมาส่ง



โชคดีที่ผมยังเหลือรูจมูกอีกหนึ่งข้างที่ยังว่าง ไม่มีลูกกำปัดมาขัดขวางการหายใจ จึงยังมีชีวิตอยู่ได้... ผมรู้สึกประหลาดและตกใจอีกครั้ง จนต้องคว้าสายยางที่หมอพยายามยัดใส่รูจมูกของผมออกมา


ผมจำได้ว่า สายยางสีเขียวนั่นมันสูบลมเข้าทางจมูก เข้าใจว่า หมอคงอยากให้ไอ้สายยางนั่นดูดลูกกำปัดนั่นออกมาด้วย ...แต่ผมเหมือนโดนแย่งลมหายใจอย่างแรง ผมจึงกระชากสายยางนั้นทิ้ง หมอพยายามอีก แต่ผมขัดขืน...


วิธีนี้ไม่ได้ผล.... เม็ดกำปัดยังคงค้างอยู่ในรูจมูกเหมือนเดิม ตอนนั้นผมร้องไห้แล้ว... จำได้ว่า หมอบอกว่า " ถ้าเอาออกไม่ได้อาจต้องผ่าตัด "
ผมไม่รู้ว่า... ตอนนั้นแม่ผมรู้สึกเช่นไร แม่คงจะตกใจเหมือนกับผมแหละ




ภาพความทรงจำ - ตัดกลับมาที่บ้าน


ตอนเย็นๆ เม็ดกำปัดคงค้างเหมือนเดิมในรูจมูกข้างขวา พี่ๆยังไม่กลับมาจากโรงเรียน แม่คงกระวนกระวายใจน่าดู


บ้านของผมเป็นตึกแถว ข้างๆบ้าน ห่างออกไปสัก4-5 ห้องเป็นคลีนิกรักษาโรคทั่วไป ลูกของหมอข้างบ้านก็เคยวิ่งเล่นด้วยกัน ลูกสาวคนโตของหมอชื่อ
"ศรีรัตน์" ขาวๆหมวยๆน่ารัก เปล่า....ผมไม่ได้ชอบเธอหรอก แต่พี่ชายคนโตของผมต่างหากที่โดนล้อว่าเป็นแฟนกัน ระหว่างทางเดินไปหาหมอเพียงไม่กี่ก้าว มีต้นหูกวางต้นใหญ่ที่พี่ผมเคยตกต้นไม้จนขาหักเพราะปีนขึ้นไปเก็บลูกหูกวางให้กับ "ศรีรัตน์"ด้วยความรัก (ที่เราชอบหยอกล้อ) ความรักในวัยเด็กใสซื่อบริสุทธิ์ดีนะครับ..


ในระหว่างที่ไปหาหมอคนแรกกับหมอข้างบ้านนี้.ผมทำอะไรอยู่ คลับคล้าย
คลับคลาว่าต้องรอให้หมอมาเปิดคลีนิคก่อนมั้ง...


เมื่อถึงเวลา...ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ร้านหมอ แม่นั่งอยู่ข้างๆผม แล้วก็ใครอีกหลายคนมุงดู กึ่งให้กำลังใจกันอยู่ ที่บ้านของหมอเลี้ยงแมวหลายตัว ห่างออกไปจากจุดที่ผมนั่งอยู่ประมาณ 4 เมตร แมวกำลังกินข้าวในจานของมัน อาจจะเป็นข้าวคลุกปลาทู เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีอาหารเม็ด และปลาทูก็น่าจะราคาถูก


แม่คงเล่าที่มาที่ไปว่า ผมเอาลูกกำปัดใส่ในจมูกได้ไง หมอท่าทางใจดี แต่ผมคงหวาดหวั่นใจ จากหมอคนแรก ตอนนั้นกลัวหลายอย่าง กลัวต้องฉีดยา กลัวต้องผ่าตัด ตอนนั้นหัวใจเล็กๆของผมคงเต้นหวาดๆ อธิบายไม่ถูกเพราะมันเนิ่นนานมาแล้ว ไม่รู้ว่าความรู้สึกเจ็บ... กลัว.... ครั้งนั้น มันจะคล้ายกับอาการ เสียใจของคนผิดหวังในความรักหรือไม่


ตอนนั้นผมไม่ได้ร้องไห้โฮ..... แต่ตอนโตเมื่อครั้งเสียใจในความรักที่ไม่สมหวัง มันกู่ก้องร้องดังกว่านัก..... ความเจ็บปวดใจในครั้งนั้นคงต่างกัน.....



ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกเจ็บ...เพราะลูกกลมๆของเม็ดกำปัดสีเขียวไม่ได้ทำร้ายผม ในความโชคร้ายยังคงโชคดีที่มันยังมีรูเล็กๆให้ผมได้หายใจ
แมวเล็กๆและครอบครัวของมันยังคงกินข้าวในจานอาหาร อย่างมีความสุข
แม่และคนรอบตัวผมคงมีอารมณ์แตกต่างจากแมว


"ฮึ...ๆๆ ฮึ ออกมาแบบสั่งขี้มูก" หมอบอกผมให้ปล่อยลมแรงๆผ่านรูจมูกพลางปิดจมูกข้างที่ไร้พันธนาการไว้ ผมตัวเกร็ง สูดลมเข้านิดๆแล้วปล่อยพลังลมปราณเพื่อหวังจะให้เม็ดกำปัดนั้นออกมาจากแรงขับของลมหายใจออก


ผมพยายามทำตามที่หมอบอก แม่คอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง
แมวยังคงเปี่ยมสุขกับอาหารมื้อเย็น


"ฮึๆ ฮึ ออกมาแรงๆให้ลมออกมาไกลๆเลย เอ้า" หมอเริ่มนับจังหวะให้สัญญาณ


"เอ้า.... หนึ่ง...ส่อง...ซ่ำ" ฮึ!!! " แต่ยังคงไม่สำเร็จ ผมเริ่มถอดใจเริ่มอ่อนใจเรื่อยๆ


"ฮื่อๆ" เริ่มร้องเรียกหาแม่ อ้อนวอนขอความอุ่นใจ



"เอ้า...ลองอีกครั้ง คราวนี้ ฮึแรงๆเลยเอาให้กระเด็นไปไกลๆนู้นเลย"
สิ้นสุดเสียงหมอบอก ผมทำตาม สูดลมหายใจเข้าและปล่อยออกสุดกำลัง



ภาพที่เห็นจากมุมที่ผมนั่งกึ่งนอน "ลูกกำปัดเคลื่อนตัวออกจากรูจมูกของผมไปสุดแรง มันกระเด็นกระดอนตกกระทบพื้นซีเม็นต์ และตกกระทบไปสู่กลุ่มแมวที่กำลังกินข้าว "วงแตก" คริๆ ในไม่ช้าเมื่อแมวเห็นเป็นเพียงพลาสติกเม็ดเล็กๆไม่อาจทำอันตรายอะไรมันได้ มันก็กลับมากินข้าวต่อ


ทุกคนหัวเราะด้วยความผ่อนคลาย เหมือนความทุกข์ได้หลุดลอยไป ความสุขเคลื่อนตัวเข้ามาแทนที่...



โพรงจมูกที่ปราศจากลูกกำปัด มันช่างมีความสุขจริงๆ ตั้งแต่ครั้งนั้นมาผมก็สูดลมหายใจได้เต็มปอด ความเจ็บปวด ความกลัวได้ห่างหายไป....

และสูดลมหายใจเรื่อยมา...ด้วยเพียงลำพัง




เวลาผ่านไป......




เมื่อผมโตขึ้น.... การหายใจไปด้วยกันก็ยากยิ่งนัก ไขว่คว้า..จับต้องไม่ได้
สัมผัสได้บางครา ถึงลมไออุ่น



.......


...





ไม่มีใครมาร่วมแบ่งออกซิเจนในห้องนอนของผมนับตั้งแต่เขา(คนที่ผมรัก)ได้จางหายไป......
เขาก็คล้ายๆกับลูกกำปัดที่ติดอยู่ในใจกับเราเรื่อยมา
ที่บางครั้งเราก็อยากกำเขาไว้ให้อยู่กับเรา บางทีเราก็อยากปัดเขาออกไปจากชีวิต
มีเราเท่านั้นที่จะตัดสินใจ "ฮึๆ"เขาออกไปจากชีวิตหรือไม่...


ต่างกันตรงที่ โตมาคราวนี้ ไม่มีหมอมาบอกให้ "ฮึ" ลูกกำปัดออกไป มีเพียงเราเท่านั้นที่ต้องสูดลมหายใจด้วยตัวเอง และมีสายตาที่ห่วงใย แบบแม่ของผมเฝ้ามองอยู่ห่างๆ


ยังมีเรื่องลมหายใจ...อีกเรื่องหนึ่งที่อยากเล่า ไว้เล่าต่อคราวหน้านะครับ


"เมื่อผมกักเก็บลมหายใจของเขา...ใส่หมอนลม ใช้หนุนนอน ฝันหวาน"


ที่บางครั้งเราก็อยากกำเขาไว้ให้อยู่กับเรา บางทีเราก็อยากปัดเขาออกไปจากชีวิต


Create Date : 07 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2550 10:40:44 น. 2 comments
Counter : 869 Pageviews.

 
โห สุดยอด ตอนแรกแอบขำ เห็นภาพเด็กมีลูกปัดค้างอยู่ในรูจมูกข้างหนึ่ง
ร้องไห้ไปพลาง ฮึ ฮึไปพลาง
เขียนเปรียบเปรยเหมือนการไขว่ขว้าลมหายใจ อืม ละเอียดอ่อนมา


โดย: Grenadine1oz วันที่: 24 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:23:59 น.  

 
อ่านแล้วประทับใจครับ ชอบวิธีการเขียนจังครับ


โดย: +ฟ้างามยามค่ำ+ วันที่: 10 ธันวาคม 2550 เวลา:11:41:21 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

จ็อบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาดู profile นะครับ คงคิดว่า เอ๊...ไอ้เจ้าของความคิดนี้...มันคือใครหว่า

... ตอนนี้ขอยังไม่เปิดตัวนะครับ...

ที่ผ่านมาอาจสร้างศัตรูไว้เยอะ 555

พร้อมเมื่อไร แล้วจะเปิดตัวน๊า
Friends' blogs
[Add จ็อบ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.