ตอนที่ 3
(ต่อจากตอนที่แล้ว)

โรงเรียน “เซนต์นิโคลัส” เป็นโรงเรียนคาทอลิก ที่อยู่ไม่ไกลจากแถวบ้านของมิวกับโต้งนัก ดังนั้นทั้งคู่จึงได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ด้วยกัน
ที่สนามหน้าอาคารเรียนโต้งเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน ในขณะที่มิวกำลังเดินถือจานสีเพื่อนำไปล้าง โต้งหยุดชะงักเพื่อจะชวนมาเล่นด้วย แต่มิวไม่ทันได้เห็นจึงเดินเข้าไปที่ห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำ มิวโดนเพื่อนนักเรียนด้วยกัน แต่คนละห้องแกล้งด้วยการจับถอดกางเกงตามประสาเด็กนักเรียนชาย โต้งที่เดินเข้ามาตามจึงเห็นเหตุการณ์ ตรงเข้าไปช่วยแต่ก็โดนนักเรียนกลุ่มนั้นทำร้ายที่ใบหน้า

  

เย็นวันนั้นที่บ้านของโต้ง มิวนั่งเล่นกับโต้งอยู่ที่เก้าอี้รับแขก โดยมีแตงยืนเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ใกล้ๆและขู่น้องชายเป็นระยะๆ
“ไหวไหมเนี้ย หะ!!”
พี่แตงแซว น้องชายที่กำลังสนุกกับแว่นตากันแดดสีดำของพ่อมาสวมใส่เล่น
“ไหว ของมันแน่อยู่แล้ว” โต้งภูมิใจ ยืดอกตัวเอง เสียงเปิดประตูเหล็กดังอยู่ที่หน้าบ้าน ทุกคนหันไปตามเสียง แตงหันมาขู่น้องอีกครั้งว่าไม่รอดแน่ โต้งไม่กล้าวิ่งไปรับพ่อกับแม่ที่หน้าบ้าน ได้แต่มองเห็นสุนีย์และกรถือของกลับมาพะรุงพะรังเต็มไปหมด มิวบอกให้โต้งวิ่งไปช่วยรับของ
“ โต้ง มาเร็ว” กรเรียกลูกชายเข้าหา หลังจากที่วางถุงต่างๆเรียบร้อยเพื่อที่จะให้ดูของบางอย่างที่ซื้อมาให้ ส่วนพี่แตงก็รื้อของถุงนั้นที ถุงนี้ทีตามประสา


“ลืมบอกไป พ่อซื้อของมาเตรียมไว้ จะไปธุระที่เชียงใหม่ จะพาพวกเราไปด้วย”
“เชียงใหม่เหรอ? เย้!! ได้ไปเชียงใหม่ด้วยล่ะแม่”
พี่แตงดีใจกระโดดโลดเต้น ที่จะได้ไปเที่ยวเชียงใหม่กับครอบครัว มิวมองดูความสุขจากครอบครัวของโต้งและพี่แตงอยู่เงียบๆ
“โต้ง… นั่นใส่แว่นตาทำไมน่ะ!!” กรถามลูกชายอย่างสงสัย โดยที่สุนีย์ไม่ทันได้สังเกตเพราะกำลังหยิบเสื้อกันหนาวลองทาบที่ตัวลูกสาว โต้งหน้าเจื่อนๆแต่ก็ยังไหวตัวทันเก็กท่าหล่อให้ผู้เป็นพ่อดู
“เอ่อ… คือ…ผมก็จะได้หล่อเหมือนพ่อไงล่ะครับ”
กรหัวเราะกับลูกชาย โดยไม่ได้เฉลียวใจอะไร สุนีย์หันมาส่งเสื้อกันหนาวให้กับลูกชายบ้าง


“เอานี่ อยากหล่อ เสื้อเรา” สุนีย์ยื่นให้ โต้งรับมาดู ทำหน้าไม่ชอบใจ
“สีม่วง ผมไม่ชอบเลย” ทุกคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“สีเหลือง” กร สุนีย์ และพี่แตง ต่างบอกเสียงเดียวกัน คิดว่าโต้งอำเล่น
“สีม่วง” โต้งยืนยันว่าไม่ชอบสีนี้
“เหลือง” คราวนี้สุนีย์ชักเอะใจ
“ก็ถอดแว่นแล้วก็ดูสิ” กรบอกให้ลูกชายถอดแว่นออกก่อน จะได้รู้ว่าเสื้อกันหนาวสีอะไรกันแน่ โต้งรีบถอดออก โต้งยิ้มว่าเป็นสีเหลือง แต่ทุกคนยิ้มไม่ออกโดยเฉพาะสุนีย์
“ นั่นตาไปโดนอะไรน่ะ!!” สุนีย์ก้มหน้ามาดูใกล้ๆ โต้งหน้าซีดเก็บความลับไม่อยู่ ส่วนพี่แตงเองก็ทำหน้าไม่ถูกเพราะกลัวโดนแม่ดุที่ไม่ดูแลน้อง
“ฟุตบอลอัดหน้าครับ” โต้งตอบอย่างเร็ว พร้อมๆกับมิวที่จะช่วยพูดให้พ่อแม่ของโต้งได้เข้าใจแต่…


“ โดนชกหน้าครับ”
ทั้งสองคนประสานเสียงกัน ตอบเหตุการณ์เดียวกันแต่คนละเรื่อง
“ตกลงไปโดนอะไรกันแน่” สุนีย์ถามอีกครั้ง เด็กทั้งสองอึกอักแต่ก็ต่างคนต่างตอบ
“ฟุตบอลอัดหน้าครับ”
สุนีย์ไม่อยากจะเชื่อนัก ถอนหายใจ และเหนื่อยใจกับลูกชายที่ไปมีเรื่องทุกที
“ ฟุตบอลแน่นะ” สุนีย์ถามย้ำ
“แน่ครับ ฟุตบอลจริงๆครับ”
“ชะ ชะ ใช่ครับ ฟุตบอลครับ” คราวนี้มิวตอบบ้าง ยิ้มแหยๆทำหน้าไม่ถูก
“งั้น เอาอีกข้างมั๊ย?” กรแซวลูกชาย เด็กทั้งสองหัวเราะขบขัน สุนีย์มองลูกชายที่ลื่นไหลไปเรื่อย


  


วันที่ต้องเดินทางไปเชียงใหม่ก็มาถึง สุนีย์และกรเตรียมของที่จำเป็นอยู่ชั้นล่างจนเสร็จเรียบร้อยก็เรียกลูกๆให้ลงมา เพื่อที่จะออกเดินทาง แตงหอบกระเป๋าใบใหญ่ลงมาพร้อมกับเป้ที่สะพายอยู่ด้านหลัง
“ โห!! นั่นขนอะไรไปเยอะแยะ” สุนีย์ตกใจ แต่แตงหน้าเหวอ
“คือ คุณแม่ขา แตงขออยู่เที่ยวต่อกับเพื่อนๆสัก สอง สามวันนะแม่นะ นะคะ”
สุนีย์หน้าตึงขึ้นมาทันที เหมือนว่าแม่จะไม่อนุญาตแตงจึงหันไปมองผู้เป็นพ่อ เหมือนจะขอความเห็นใจ กรหันไปสบตากับภรรยา
“เอาน่า ลูกมันโตแล้ว ก็ปล่อยให้มันไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้างเถอะ”
สุนีย์เหมือนจะพูดแต่ก็เห็นสายตาของสามีที่ขอร้องว่าเห็นแก่เขาบ้างที่เป็นพ่อและก็ห่วงลูกไม่ต่างกันแต่ก็ควรให้อิสระกับลูกบ้าง สุนีย์พยักหน้าอนุญาตให้แตงอยู่เที่ยวต่อกับเพื่อนได้ แม้สายตาจะมีความห่วงบ้างก็ตาม


  

สายลมอ่อนๆพัดพากระดิ่งลมให้ไหวไปตามกระแสดังกรุงกริ๊ง ท่ามกลางเสียงเปียโนที่ดังแว่วมาจากด้านในบ้าน
โต้งเดินเข้ามาพร้อมกับถุงของฝากมีทั้งของอาม่าและของมิว มิวหยุดเล่นหันมาถามดต้งอย่างดีใจ
“ ไง สนุกมั๊ยเนี่ย!!”
“เออก็สนุกดีนะ นี่ของฝากอาม่านะ ส่วน นี่ของมิว ถ้าอยากได้ต้องเอานี่ไปก่อนเลย” มิวยื่นกระดาษแผ่นน้อยให้ มิวรับมาอย่างงงๆ โต้งยิ้มอย่างขำๆ





  

ที่ลานกว้างริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภารกิจการตามหาของฝากจากโต้งก็เริ่มขึ้น
“ตาลน้อยในสวน คืออะไร?” มิวถามทำหน้างง
“ไม่รู้!!ลองหาดูก่อน ”
โต้งทำหน้ากวนๆมิวค่อยๆแก้ปมปริศนาจากกระดาษที่ละข้อ และก็จะเจอสิ่งของต่างๆตามแต่ละสถานที่ จนใกล้จะเสร็จลุล่วงด้วยดี
“ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วย”
“แล้วไม่ชอบเหรอ?”
“เปล่า? ก็สนุกดี”
“เกมนี้ไปเอามาจากไหน?”
“ อ้อ!!ก็จากพ่อเราไง เวลาที่บ้านเขาจะให้ของขวัญกัน ก็จะให้กันแบบนี้แหละ!!”
“อยู่บ้านโต้งน่าสนุกนะ” มิวพูดเศร้าๆ
“เฮ๊ย!!”
โต้งตกใจเมื่อเห็นที่ซ่อนสิ่งของส่วนสำคัญชิ้นสุดท้ายไว้กับต้นไม้ แต่ก็มาไม่ทันต้นไม่ถูกตัดจนเหลือเพียงไม่กี่กิ่ง ทั้งสองคนนั่งซึมอยู่ข้างแม่น้ำ
“ โห!!เสียดายจัง ใกล้จะครบอยู่แล้ว เหลืออีกอันเดียวเองนี่” โต้งทำหน้าผิดหวังสุดๆ
“ ไม่เป็นไรหรอก แค่โต้งซื้อให้มิวก็ดีใจแล้ว” มิวปลอบใจ จับชิ้นส่วนต่างๆที่หามาได้ประกอบกันจนเป็นตุ๊กตาไม้ ขาดเพียงจมูกที่เสียบตรงกลางของใบหน้าตุ๊กตาเท่านั้นก็จะสมบูรณ์

(โปรดติดตามตอนต่อไป)



Create Date : 30 ตุลาคม 2551
Last Update : 30 ตุลาคม 2551 21:21:20 น.
Counter : 304 Pageviews.

2 comments
  
ก็เข้ามาอ่านเหมือนเดิมครับ
เกินคำบรรยาย
โดย: a IP: 202.149.24.129 วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:0:31:40 น.
  
เหมือนกับมาอ่านบทหนังอีกรอบ
กี่ครั้งก็ไม่เบื่อจ๊ะ

ป้าขวัญเอง
โดย: andy_kwan IP: 118.174.118.226 วันที่: 31 ตุลาคม 2551 เวลา:12:53:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คุณหมอกมลชนก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



"Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them."

บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ

คำคมนี้ดูจะบ่งบอกความเป็นตัวตนของ"ออมสิน"ได้เป็นอย่างดี...


สมาชิกอยู่ในบ้านขณะนี้